Q

เครื่องยนต์ของ CLA เป็นยังไงบ้าง?

เครื่องยนต์ของ CLA มีหลายรุ่น และมีลักษณะการทำงานที่แตกต่างกัน เช่น CLA 200 ติดตั้งเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 230 กม./ชม. และเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.9 วินาที ตามข้อมูลทางการ ส่วน CLA 45 AMG 4 Matic ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ทำความเร็วสูงสุดได้ 250 กม./ชม. และเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.6 วินาที ให้กำลังขับที่แข็งแกร่ง สร้างประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความเร็วและพลัง ในแง่ของการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง แต่ละรุ่นก็มีความแตกต่างกัน เช่น CLA 180 Urban มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงรวมตามมาตรฐานอยู่ที่ 5.3 ลิตร/100 กม. ซึ่งถือว่าประหยัด นอกจากนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังมีเทคโนโลยีเครื่องยนต์ที่ก้าวหน้าและมีความน่าเชื่อถือสูง พร้อมทั้งระบบเทอร์โบชาร์จและระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงที่ทันสมัย ทำให้สามารถรักษาสมดุลระหว่างพลังและประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงได้ โดยรวมแล้ว เครื่องยนต์ของ CLA สามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคทั้งในด้านกำลังขับขี่และการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
คลาส CLA ไหนเร็วที่สุด?
ในกลุ่มรถยนต์รุ่น CLA-Class รุ่นที่เร็วที่สุดคือ CLA 45 AMG 4MATIC ซึ่งสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถคันนี้ติดตั้งเครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาดความจุ 1,991 มิลลิลิตร และใช้ระบบเกียร์ธรรมดา (MT) ความเร็วระดับนี้สะท้อนถึงสมรรถนะด้านกำลังที่ยอดเยี่ยม ทำให้สามารถเร่งความเร็วได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับการใช้งานในสถานการณ์ที่ต้องการแรงเร่ง เช่น การเร่งแซงหรือการขับขี่บนทางด่วน อย่างไรก็ตาม ความเร็วสูงก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ผู้ขับขี่จำเป็นต้องมีทักษะและการตอบสนองที่ดี รวมถึงต้องปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่
Q
CLA ตรงกับ A-Class หรือไม่?
CLA กับ A-Class ไม่ใช่รถที่เทียบเท่ากันโดยตรง ด้านขุมพลัง บางรุ่นของ CLA มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ซึ่งให้กำลังสูงสุดและแรงบิดมากกว่ารุ่น A-Class ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กกว่า ส่งผลให้ CLA มีอัตราเร่งและการตอบสนองด้านสมรรถนะที่เหนือกว่า ในส่วนของยาง CLA มักติดตั้งยางขนาดกว้างกว่า เช่น 225/45R18 ขณะที่ A-Class ใช้ยางที่แคบกว่า เช่น 205/60R16 ซึ่งส่งผลต่อการยึดเกาะถนนและความมั่นคงของตัวรถ ด้านขนาดตัวถัง CLA มีเส้นสายภายนอกที่ยาวและเพรียวกว่าชัดเจน บางรุ่นมีความยาวและความกว้างมากกว่า A-Class เล็กน้อย ทำให้ดูสปอร์ตและโฉบเฉี่ยว ส่วน A-Class มีขนาดที่กระชับกว่า การจัดสรรพื้นที่ภายในจึงอาจเน้นความคุ้มค่าและการใช้งานที่หลากหลายมากกว่า สำหรับภายในห้องโดยสาร CLA มาพร้อมเบาะนั่งหนังแท้ พร้อมหลังคาพาโนรามาแบบเปิดได้ เสริมความหรูหรา ในขณะที่ A-Class ใช้เบาะวัสดุผสมหนังและหนังกลับ พร้อมหลังคาซันรูฟแบบแบ่งส่วน ซึ่งให้ความรู้สึกทันสมัยและเหมาะกับกลุ่มผู้ใช้ที่เน้นความเป็นวัยรุ่นมากกว่า กล่าวโดยสรุป ทั้งสองรุ่นมีจุดเด่นเฉพาะตัว ผู้บริโภคสามารถเลือกได้ตามความต้องการและรสนิยมส่วนบุคคล
Q
CLA หรือ A-class ขนาดใหญ่กว่า?
เมื่อเปรียบเทียบระหว่าง Mercedes-Benz CLA-Class กับ A-Class จะพบว่า CLA-Class มีขนาดบางด้านที่ใหญ่กว่า โดย CLA-Class มีความยาวตัวถังประมาณ 4,630–4,695 มม. ความกว้างประมาณ 1,830 มม. ความสูงประมาณ 1,422–1,435 มม. และระยะฐานล้อ 2,699 มม. ส่วน A-Class มีความยาวตัวถังประมาณ 4,622 มม. ความกว้างประมาณ 1,796 มม. ความสูงประมาณ 1,454 มม. และระยะฐานล้อ 2,729 มม. จากตัวเลขจะเห็นว่า CLA-Class มีความยาวและความกว้างมากกว่า ทำให้ดูโดดเด่นและหรูหรามากขึ้นในแง่ของภาพลักษณ์ภายนอก อย่างไรก็ตาม A-Class กลับมีระยะฐานล้อยาวกว่า ซึ่งในทางทฤษฎีหมายถึงพื้นที่วางขาสำหรับผู้โดยสารตอนหลังอาจดีกว่า แต่ในทางปฏิบัติ ความสบายในการโดยสารยังขึ้นอยู่กับการออกแบบเบาะนั่งและรูปทรงภายในห้องโดยสาร ดังนั้น เมื่อตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ ควรพิจารณาร่วมกับปัจจัยอื่น ๆ เช่น สมรรถนะ อุปกรณ์มาตรฐาน ความประหยัดน้ำมัน และความเหมาะสมกับการใช้งานจริง เพื่อให้ได้รถที่ตอบโจทย์ความต้องการมากที่สุด
Q
CLA เป็นคลาส A หรือคลาส C?
CLA-Class จัดอยู่ในกลุ่มรถยนต์ขนาด A-Segment หรือรถยนต์ขนาดเล็กพรีเมียม โดยการจัดแบ่งประเภทของรถยนต์มักพิจารณาจากพารามิเตอร์หลักอย่างระยะฐานล้อ ขนาดตัวถัง และความจุเครื่องยนต์ ซึ่งสำหรับรถยนต์กลุ่ม A-Segment โดยทั่วไปจะมีความยาวตัวถังประมาณ 4.3–4.79 เมตร ฐานล้ออยู่ที่ 2.35–2.79 เมตร และความจุเครื่องยนต์อยู่ระหว่าง 1.4–2.0 ลิตร Mercedes-Benz CLA มีขนาดตัวถังประมาณ 4,654 × 1,777 × 1,413 มม. และระยะฐานล้อ 2,699 มม. มาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.6 ลิตร และ 2.0 ลิตร ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ของรถกลุ่ม A-Segment อย่างชัดเจน นอกจากนี้ หากพิจารณาจากระบบการตั้งชื่อของ Mercedes-Benz ตัวอักษร "CL" หมายถึงรถคูเป้ 4 ประตู ส่วน "A" ในชื่อ CLA สะท้อนถึงการเป็นสมาชิกในตระกูล A-Class ซึ่งถือเป็นกลุ่มรถยนต์ระดับเริ่มต้นของแบรนด์ เมื่อเทียบกับ C-Class ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มรถยนต์ขนาดกลาง (D-Segment) โดยทั่วไปมีฐานล้อ 2.6–2.8 เมตร และเครื่องยนต์ขนาด 2.3–3.0 ลิตร จะเห็นได้ว่า CLA มีขนาดและขุมพลังที่เล็กกว่าอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม CLA มีจุดเด่นด้านดีไซน์ที่แตกต่าง โดยยึดโครงสร้างพื้นฐานจาก A-Class แต่เพิ่มความสปอร์ตด้วยประตูแบบไร้กรอบ เส้นหลังคาแบบลาด และบุคลิกแบบคูเป้ ทำให้มีเอกลักษณ์เฉพาะในกลุ่มรถระดับเริ่มต้นของ Mercedes-Benz แม้จะเน้นความหรูหราและความสปอร์ตมากขึ้น แต่ตามเกณฑ์การจัดประเภทแล้ว CLA ยังจัดเป็นรถยนต์ในกลุ่ม A-Segment
Q
Mercedes CLA รุ่นไหนดีที่สุด?
รถในซีรีส์ Mercedes CLA แต่ละรุ่นมีจุดเด่นเฉพาะตัว จึงไม่สามารถบอกได้ชัดเจนว่ารุ่นไหน “ดีที่สุด” เพราะขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้แต่ละคน CLA-Class 200 Urban ราคา THB 2,140,000 ความเร็วสูงสุด 230 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 7.9 วินาที อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 8.1 ลิตร/100 กม. เหมาะกับคนที่อยากได้สมรรถนะระดับหนึ่งแต่มีงบจำกัด CLA-Class 180 Urban ราคา THB 2,390,000 ความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม. เร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ใน 10.3 วินาที อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยเพียง 5.3 ลิตร/100 กม. ถ้าเน้นความประหยัดน้ำมัน รุ่นนี้ตอบโจทย์ CLA-Class 250 AMG Dynamic ราคา THB 2,690,000 ความเร็วสูงสุด 230 กม./ชม. เร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ใน 7.1 วินาที น้ำหนักรถ 1,505 กก. มี 5 ที่นั่ง ทั้งแรงและใช้งานได้จริง ส่วน CLA-Class 45 AMG 4MATIC ตัวท็อปราคา THB 5,990,000 ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเพียง 4.6 วินาที ให้สมรรถนะระดับสูง เหมาะกับคนที่ต้องการพลังเต็มขั้นและงบไม่ใช่ปัญหา โดยรวมแล้ว ควรเลือกตามงบ ความต้องการด้านแรงม้า และการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน
Q
รุ่นไหนเร็วกว่ากันระหว่าง CLA กับ C300?
Mercedes-Benz CLA250 และ C300 เป็นรถหรูที่มีสมรรถนะยอดเยี่ยมทั้งคู่ แต่ในแง่ของอัตราเร่งจะมีความแตกต่างกันเล็กน้อย โดยตามข้อมูลจากผู้ผลิต CLA250 4MATIC ใช้เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ประมาณ 6.3 วินาที ส่วน C300 4MATIC ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดเท่ากันแต่ปรับจูนให้แรงกว่า สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 5.9 วินาที จึงทำให้ C300 เหนือกว่าในเรื่องของความเร็วในการออกตัว อย่างไรก็ตาม CLA มาพร้อมดีไซน์แบบแฮทช์แบ็กรูปทรงสปอร์ต และขนาดตัวถังที่กะทัดรัดกว่า ทำให้เวลาขับขี่จริง โดยเฉพาะในเมืองที่การจราจรหนาแน่นอย่างกรุงเทพฯ จะรู้สึกได้ถึงความคล่องตัวและความสนุกในการขับมากกว่า ทั้งสองรุ่นยังติดตั้งระบบไฮบริดแบบ 48V ที่ช่วยเพิ่มการตอบสนองของเครื่องยนต์และประหยัดน้ำมันได้ดีขึ้น เหมาะกับสภาพถนนที่หลากหลายของประเทศไทย ถ้าเน้นเรื่องสมรรถนะการเร่งแนะนำให้เลือก C300 แต่ถ้าชอบสไตล์สปอร์ตและการควบคุมรถที่คล่องตัว CLA250 ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจกว่า
Q
CLA มีเบาะหนังไหม?
รถยนต์ Mercedes-Benz CLA ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยมีตัวเลือกเบาะหนังให้เลือกหลายแบบ ขึ้นอยู่กับรุ่นที่คุณเลือก เช่น รุ่น CLA 200 มาพร้อมเบาะหนังสังเคราะห์ ARTICO (เป็นวัสดุหนังคุณภาพสูงที่ดูแลรักษาง่าย) ส่วนรุ่นที่สูงขึ้นอย่าง CLA 250 มักจะใช้เบาะหนังแท้ หรือวัสดุแบบ MB-Tex และ Dinamica ไมโครไฟเบอร์ ซึ่งให้สัมผัสที่หรูหราและนุ่มนวลมากขึ้น ในรุ่นท็อปหรือรุ่นที่ติดตั้งชุดแต่ง AMG Line ยังสามารถเลือกอัปเกรดเป็นเบาะหนังแท้แบบ Nappa ซึ่งมีความหรูหรา ระบายอากาศได้ดี และนั่งสบาย เหมาะกับสภาพอากาศร้อนของไทย ฟังก์ชันต่างๆ เช่น ปรับไฟฟ้า ระบบจดจำตำแหน่ง และระบบทำความร้อน/ระบายอากาศก็มีให้ครบ นอกจากนี้ Mercedes-Benz ประเทศไทยยังมีตัวเลือกตกแต่งภายในที่หลากหลาย ทั้งสีของเบาะและลายตะเข็บ เพื่อให้ลูกค้าสามารถปรับแต่งรถให้ตรงกับสไตล์ของตัวเอง แนะนำให้ตรวจสอบรายละเอียดกับโชว์รูมหรือดีลเลอร์ก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อให้ได้รุ่นและออปชันที่ตรงใจที่สุด
Q
CLA 250 กับ CLA 45 รุ่นไหนดีกว่ากัน?
CLA 250 กับ CLA 45 ต่างก็มีจุดเด่นของตัวเอง จึงไม่สามารถฟันธงได้ว่ารุ่นไหน “ดีกว่า” อย่างชัดเจน ในด้านราคา CLA 250 อยู่ที่ประมาณ 2,690,000 บาท ส่วน CLA 45 ราคาสูงกว่ามาก อยู่ที่ประมาณ 5,990,000 บาท ถ้ามองเรื่องสมรรถนะ CLA 45 เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด ด้วยเครื่องยนต์ 2.0 เทอร์โบที่แรงกว่า ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 250 กม./ชม. และเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในแค่ 4.6 วินาที ขณะที่ CLA 250 ทำได้ 230 กม./ชม. และเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.1 วินาที ด้านขนาดตัวรถ CLA 45 มีความยาวและความกว้างมากกว่าเล็กน้อย ทำให้รู้สึกโปร่งขึ้นเล็กน้อย แต่ความแตกต่างไม่ชัดเจนมาก ถ้าคุณเป็นสายขับสนุก ชอบรถแรงๆ มีงบประมาณพร้อม CLA 45 คือตัวเลือกที่ตอบโจทย์ แต่ถ้าเน้นใช้งานทั่วไป ขับสบาย ราคาเข้าถึงได้ง่ายกว่า CLA 250 ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและใช้งานได้ดีในชีวิตประจำวัน
Q
เมอร์เซดีส CLA มีระบบอัตโนมัติหรือไม่?
รถ Benz CLA มีระบบอัตโนมัติ ในแง่ของระบบเกียร์ รถ Benz CLA ใช้เกียร์อัตโนมัติแบบคลัตช์คู่เปียก 7 จังหวะ ไม่จำเป็นให้ผู้ขับขี่ต้องใช้งานคลัตช์ด้วยตนเอง กระบวนการเปลี่ยนเกียร์สะดวกและมีประสิทธิภาพสูง พร้อมทั้งสามารถปรับกลยุทธ์การเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติตามสภาพการขับขี่และความต้องการของผู้ขับขี่ เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบายและราบรื่น ในด้านระบบช่วยขับอัจฉริยะ รถ Benz CLA รุ่นใหม่พัฒนาบนแพลตฟอร์ม MMA พร้อมระบบขับขี่อัจฉริยะระดับ L2++ ที่สามารถให้โซลูชันขับขี่อัจฉริยะในเวอร์ชันต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่ นอกจากนี้ CLA รุ่นใหม่ยังติดตั้งระบบปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร MBUX รุ่นที่ 4 ที่มี "อินเทอร์เฟซแบบ Zero-Layer" ระบบโต้ตอบด้วยเสียงตามธรรมชาติ และ Mercedes-Benz Virtual Assistant ซึ่งล้วนเป็นส่วนหนึ่งของระบบอัตโนมัติ ที่มอบประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นให้กับผู้ขับขี่
Q
เครื่องยนต์ CLA ตัวไหนดีที่สุด?
ว่าเครื่องยนต์ CLA ไหน “ดีที่สุด” จะขึ้นอยู่กับความต้องการและความชอบของแต่ละบุคคล ถ้าคุณต้องการประหยัดน้ำมันและการเดินทางในเมืองประจำวันอย่างราบรื่น เครื่องยนต์ 1.3T จะเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะมันสามารถให้กำลังเพียงพอสำหรับการขับขี่ในเมือง เช่น CLA 200 รุ่น 2025 เครื่องยนต์ 1.3T มีกำลังสูงสุด 120 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 270 นิวตัน-เมตร และใช้เกียร์อัตโนมัติแบบคลัตช์คู่ 7 จังหวะแบบเปียก โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงรวม WLTC 5.93 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร แต่ถ้าคุณให้ความสำคัญกับสมรรถนะและความตื่นเต้นในการขับขี่ เครื่องยนต์ 2.0T จะเหมาะสมกว่า เพราะมีกำลังส่งที่แข็งแกร่งและเร่งความเร็วได้ดี เช่น เครื่องยนต์ 2.0T กำลังสูงของ CLA 260 4MATIC ที่มีกำลังสูงสุด 165 กิโลวัตต์ ซึ่งได้เปรียบในการแซงบนทางหลวงและการออกตัวเร็ว ส่วนเครื่องยนต์ 2.0T ของ CLA 45 AMG 4Matic มีกำลังสูงสุดที่น่าประทับใจ โดยสามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.6 วินาทีตามข้อมูลทางการ สรุปแล้ว การเลือกควรพิจารณาจากงบประมาณ นิสัยการขับขี่ และสถานการณ์การใช้รถในชีวิตประจำวันประกอบกัน

ข้อดี

ชื่อเสียงยี่ห้อที่แข็งแกร่ง เป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราญ
เครื่องยนต์แบบเทอร์โบให้พลังงานเพียงพอ
ห้องโดยสารสวยงามพร้อมส่วนตกแต่งเนื้ออ่อนที่มีคุณภาพ

ข้อเสีย

เครื่องยนต์อาจมีปัญหาเรื่องอุณหภูมิของน้ำหล่อเย็น
ระบบช่วงล่างอาจรู้สึกแข็งเกินไปสำหรับบางคน
ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาระยะยาวค่อนข้างสูง

Q&A ล่าสุด

Q
Ram 2500 ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่?
Ram 2500 มีหลายรุ่นย่อยให้เลือก ซึ่งแต่ละรุ่นจะมีราคาที่แตกต่างกัน โดยราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2,359,686 บาท ช่วงราคาของ Ram 2500 ค่อนข้างกว้าง เนื่องจากแต่ละรุ่นมีความแตกต่างกันทั้งในเรื่องของอุปกรณ์ ความแรงของเครื่องยนต์ และระดับความหรูหรา เช่น รุ่น Tradesman 6.4L V8 ถือเป็นรุ่นเริ่มต้น ราคาจะย่อมเยากว่า ขณะที่รุ่น Limited 6.7L I-6 มาพร้อมอุปกรณ์ครบครันและหรูหรายิ่งขึ้น ราคาก็จะสูงตามไปด้วย ผู้ซื้อสามารถเลือกได้ตามความต้องการและงบประมาณค่ะ
Q
Ram 2500 ราคาเท่าไหร่?
รถ Ram 2500 มีหลายรุ่น และราคาแตกต่างกันไปตามรุ่นแต่ละรุ่น ราคา Ram 2500 Tradesman 6.4L V8 2023 คือ 1,610,368 บาท ราคา Ram 2500 Big Horn 6.4L V8 2023 คือ 1,775,776 บาท ราคา Ram 2500 Laramie 6.4L V8 2023 คือ 2,228,638 บาท ราคา Ram 2500 Rebel 6.4L V8 2023 คือ 2,447,900 บาท ราคา Ram 2500 Power Wagon 6.4L V8 2023 คือ 2,451,397 บาท ราคา Ram 2500 Limited Longhorn 6.7L I-6 2023 คือ 2,934,682 บาท ราคา Ram 2500 Limited 6.7L I-6 2023 คือ 3,069,142 บาท ราคาเหล่านี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามปัจจัยต่างๆ เช่น การจัดแต่งรถ และนโยบายของผู้จำหน่าย เป็นต้น ระหว่างการซื้อแนะนำให้สอบถามผู้จำหน่ายในท้องถิ่นเพื่อรับราคาที่ถูกต้องที่สุด
Q
Tank 700 มีความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถเท่าไหร่?
ระยะห่างจากพื้นถึงใต้ท้องรถของ Tank 700 จะแตกต่างกันไปตามรุ่นและระบบช่วงล่างที่เลือก รุ่นมาตรฐานจะมีความสูงจากพื้นอยู่ที่ 245 มิลลิเมตร ส่วนรุ่นที่มาพร้อมระบบช่วงล่างแบบถุงลม (Air Suspension) จะสามารถปรับระดับความสูงได้ตั้งแต่ 255 ถึง 282 มิลลิเมตร โดยความสูงสูงสุดที่ทำได้คือ 282 มิลลิเมตร ระบบช่วงลมสามารถปรับระดับความสูงของรถได้ทั้งแบบอัตโนมัติตามสภาพการขับขี่ และแบบปรับด้วยตัวเอง ช่วยให้ผู้ขับสามารถปรับช่วงล่างให้เหมาะกับเส้นทางหรือสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างยืดหยุ่น ระยะห่างจากพื้นมากขึ้นยังช่วยให้รถผ่านเส้นทางขรุขระ เนินสูง หรือพื้นที่มีน้ำขังได้ง่ายขึ้น ลดความเสี่ยงที่ใต้ท้องรถจะกระแทกกับสิ่งกีดขวาง ช่วยยืดอายุการใช้งานของรถและเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่
Q
Tank 700 มีที่นั่งกี่ที่?
รถถัง 700 มีการจัดวางแบบ 5 ที่นั่ง ซึ่งการออกแบบนี้ช่วยให้ผู้โดยสารภายในรถมีพื้นที่นั่งกว้างขวางและสะดวกสบาย รถมีความยาว 5,110 มิลลิเมตร ความกว้าง 2,122 มิลลิเมตร ความสูง 1,986 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 3,000 มิลลิเมตร ขนาดตัวรถที่ใหญ่โตนี้เป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับความสบายของรูปแบบการจัดวาง 5 ที่นั่ง นอกจากนี้เบาะนั่งยังมีฟังก์ชันนวด และพนักพิงแถวหลังสามารถปรับเอนได้ เพื่อเพิ่มความสบายให้กับผู้โดยสาร พร้อมทั้งยังมีโซนควบคุมเครื่องปรับอากาศอิสระสำหรับแถวหลัง เพื่อยกระดับความสะดวกสบายในการโดยสารอีกด้วย การจัดวาง 5 ที่นั่งนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับครอบครัวขนาดเล็กหรือผู้ที่ให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายของพื้นที่ภายในรถ ซึ่งช่วยให้ทุกคนในรถมีพื้นที่เพียงพอและสนุกกับการเดินทางที่สุขสบาย
Q
ถังน้ำมันขนาด 700 แกลลอน กินน้ำมันประมาณไหน?
น้ำมัน 700 แกลลอน เมื่อแปลงเป็นลิตร จะประมาณ 2,649.79 ลิตร (1 แกลลอน เท่ากับประมาณ 3.78541 ลิตร) อย่างไรก็ตาม การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของรถยนต์ได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย เช่น ประเภทรถ ไม่ว่าจะเป็นรถเก๋ง, SUV หรือรถกระบะ ซึ่งความจุเครื่องยนต์และน้ำหนักรถที่แตกต่างกันในแต่ละรุ่น ทำให้อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันแตกต่างกันอย่างมาก สไตล์การขับขี่ การขับขี่แบบรุนแรงที่เร่งเครื่องและเบรกกระทันหันบ่อยครั้งจะสิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่าการขับขี่อย่างนุ่มนวล สภาพถนน การขับขี่บนถนนในเมืองที่ติดขัดกับบนทางหลวงที่โล่งจะทำให้อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันแตกต่างกัน ในประเทศไทย ปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินต่อวันสูงถึง 30 ล้านลิตร ยานพาหนะแต่ละประเภทจะมีการสิ้นเปลืองน้ำมันและระยะทางในการขับขี่ที่แตกต่างกันเมื่อใช้น้ำมัน 700 แกลลอน ตัวอย่างเช่น หากรถมีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน 10 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร เมื่อเติมน้ำมันเต็มถัง 700 แกลลอน ในทางทฤษฎีรถสามารถขับได้ 26,497.9 กิโลเมตร แต่ในทางปฏิบัติจะมีความแตกต่างอย่างมากเนื่องจากปัจจัยต่างๆ เช่น สไตล์การขับขี่และสภาพถนน
ดูเพิ่มเติม