Q

วิธีปิดไฟนิรภัยในรถยนต์ Mazda 2

วิธีการปิดไฟเตือนความปลอดภัยของรถ Mazda 2 นั้นต้องดูรุ่นปีและสเปคของรถด้วย เพราะแต่ละรุ่นอาจมีวิธีต่างกัน แนะนำให้เปิดคู่มือเจ้าของรถดูรายละเอียดก่อน เพราะรถ Mazda 2 ที่ขายในไทยอาจมีการตั้งค่าตามกฎหมายท้องถิ่น โดยปกติแล้วไฟเตือนนี้อาจเกี่ยวข้องกับการเตือนเมื่อไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยหรือประตูปิดไม่สนิท ถ้าไฟยังติดอยู่ทั้งที่ทุกอย่างปกติ ลองปิดเครื่องแล้วสตาร์ทรถใหม่ดู แต่ถ้ายังไม่หายอาจต้องใช้เครื่อง OBD ในการรีเซ็ตระบบหรือไปที่ศูนย์บริการ Mazda ที่ได้รับอนุญาตในไทย เพราะบางระบบต้องใช้อุปกรณ์เฉพาะในการตั้งค่าใหม่ สภาพอากาศร้อนชื้นของไทยอาจทำให้เซ็นเซอร์ทำงานผิดปกติได้ จึงควรตรวจสอบการเชื่อมต่อระบบไฟฟ้าเวลาบำรุงรักษารถด้วย ควรสังเกตว่าไฟแสดงสถานะความปลอดภัยเป็นส่วนหนึ่งของระบบความปลอดภัยแบบพาสซีฟของรถยนต์ และไม่แนะนำให้ปิดเป็นเวลานาน ถ้าเกิดปัญหาควรแก้ไขทันที โดยเฉพาะในบางจังหวัดของไทยที่ถนนค่อนข้างอันตราย ระบบเหล่านี้จึงสำคัญมาก ถ้าไฟยังคงติดผิดปกติอยู่บ่อยๆ อาจเป็นเพราะเซ็นเซอร์เข็มขัดนิรภัยหรือสวิตช์ล็อคประตูมีปัญหา ซึ่งมักเกิดในช่วงฤดูฝนของไทย
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
มีรุ่นของ Mazda 2 กี่รุ่น?
รถ Mazda 2 มีหลายรุ่นให้เลือกครับ จากข้อมูลที่เห็นจะมีรุ่นปีต่างๆ เช่น ปี 2020, 2022, 2023 และ 2025 แบ่งตามระดับอุปกรณ์ก็จะมีแบบนี้ครับ - รุ่นปี 2025 มี Mazda 2 1.3 Prime, 1.3 Ultra, 1.3 Signature และ 1.5 XDL Signature ส่วนปี 2023 ก็จะมี 1.3 C AT, 1.3 S AT, 1.5 Turbo XD AT, 1.3 SP AT กับ 1.5 Turbo XDL AT สำหรับปี 2022 มีแค่รุ่น 1.3 E AT เท่านั้น ส่วนปี 2020 จะมีรุ่น Sedan 1.3 E, 1.3 C, 1.3 S, 1.3 S Leather, 1.3 SP, 1.5 XD และ 1.5 XDL เป็นต้น แต่ละรุ่นจะแตกต่างกันทั้งราคาและสเปคครับ โดยเฉพาะในส่วนของระบบความปลอดภัย อุปกรณ์มัลติมีเดียต่างๆ ผู้ซื้อสามารถเลือกรุ่นที่เหมาะกับความต้องการและงบประมาณได้เลยครับ
Q
รถ Mazda 2 ใหญ่พอไหม
มาสด้า 2 เป็นรถเก๋งคอมแพคต์ที่เหมาะกับชีวิตในเมืองไทยโดยเฉพาะ ถนนในกรุงเทพฯรถติดขนาดนี้ แต่มาสด้า 2 ขับง่าย จอดสะดวก เพราะตัวรถไม่ใหญ่เกินไป มีทั้งรุ่นเครื่องยนต์ 1.3 และ 1.5 ลิตร ที่ประหยัดน้ำมันมากๆ เหมาะกับการขับรถไปทำงานประจำวันจริงๆ ถึงแม้ว่าที่นั่งแถวหลังอาจจะคับไปหน่อยสำหรับคนตัวสูง แต่สำหรับคนโสดหรือครอบครัวเล็กๆ ก็เพียงพอแล้ว ส่วนกระโปรงหลังเก็บของได้พอใช้ ไม่ใหญ่ไม่เล็กเกินไป จะไปจ่ายตลาดหรือไปเที่ยวใกล้ๆ ก็เอาอยู่ แถมดีไซน์ยังสวยโดนด้วยสไตล์ KODO ที่เป็นลายเซ็นของมาสด้า ภายในห้องโดยสารก็ทำออกมาได้เนี๊ยบมาก ในเรื่องความปลอดภัยก็มี ABS, EBD ให้ ส่วนรุ่นท็อปๆ อาจจะมีกล้องถอยหลังให้อีกต่างหาก ที่สำคัญค่าซ่อมบำรุงในไทยก็ไม่แรง อะไหล่ก็หาง่าย สรุปแล้วถ้าคุณใช้รถแค่ในเมือง บางทีก็ไปเที่ยวใกล้ๆ มาสด้า 2 นี่แหละใช่เลย แต่ถ้าจะต้องมีผู้โดยสารเยอะหรือขนของบ่อยๆ อาจจะต้องมองรถตัวใหญ่ขึ้นหน่อย เช่น มาสด้า 3 หรือ CX-3 จะเหมาะกว่า
Q
รถ Mazda 2 มีเบรกดรัมหรือไม่?
รุ่น Mazda 2 บางรุ่นมีการติดตั้งเบรกแบบดรัมไว้ที่ล้อหลัง อย่างเช่นในข้อมูลรุ่นปี 2023 อย่าง Mazda 2 1.3 C AT, Mazda 2 1.3 S AT, Mazda 2 1.5 Turbo XD AT, Mazda 2 1.3 SP AT และ Mazda 2 1.5 Turbo XDL AT ล้วนใช้เบรกล้อหลังเป็นแบบดรัม ส่วนรุ่นปี 2025 อย่าง Mazda 2 1.3 Prime, Mazda 2 1.3 Ultra และ Mazda 2 1.3 Signature ก็ยังใช้เบรกแบบดรัมที่ล้อหลังเหมือนกัน แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกรุ่นของ Mazda 2 จะเป็นแบบนี้ เพราะอย่างรุ่นปี 2025 อย่าง Mazda 2 1.5 XDL Signature นั้นใช้เบรกทั้งล้อหน้าและล้อหลังเป็นแบบดิสก์ทั้งหมด เบรกแบบดรัมทำงานโดยใช้ผ้าเบรกเสียดสีกับดรัมเพื่อสร้างแรงหยุด มีโครงสร้างไม่ซับซ้อนและต้นทุนต่ำ แต่ประสิทธิภาพในการระบายความร้อนและด้านอื่นๆ จะสู้เบรกแบบดิสก์ไม่ได้
Q
ฉันจำเป็นต้องเปลี่ยนผ้าเบรกหลังหรือไม่?
การจะเปลี่ยนผ้าเบรกหลังหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญหลายอย่าง เริ่มจากระดับการสึกหรอของผ้าเบรก โดยปกติถ้าความหนาน้อยกว่า 3 มม. ก็ควรเปลี่ยนแล้ว ในไทยที่มีภูมิประเทศเป็นภูเขาและการขับขี่ในเมืองที่ต้องหยุดบ่อยๆ จะเร่งให้ผ้าเบรกสึกเร็วขึ้น แนะนำให้ตรวจเช็คทุก 10,000 กม. คุณสามารถสังเกตได้จากเสียงดังเอี๊ยดของแผ่นเตือนโลหะหรือไฟเตือนบนแผงหน้าปัด บางรุ่นยังสามารถมองเห็นความหนาที่เหลือผ่านช่องล้อได้ ในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย ผ้าเบรกมักจะเกิดการกัดกร่อน แม้ความหนายังพอใช้แต่ถ้ามีการแข็งตัวหรือร้าวก็ควรเปลี่ยน ผ้าเบรกหลังมักจะใช้งานได้นานกว่าผ้าเบรกหน้าประมาณ 30% เพราะแรงเบรกส่วนใหญ่จะไปที่ล้อหน้า แต่การจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ จะเพิ่มการใช้งานผ้าเบรกหลังมากขึ้น เวลาเปลี่ยนแนะนำให้เลือกวัสดุเซรามิกหรือกึ่งโลหะที่เหมาะกับอากาศร้อน เพราะทนความสูงและมีฝุ่นน้อย ข้อควรระวังคือรถบางรุ่นที่ใช้เบรกมือแบบอิเล็กทรอนิกส์可能需要ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษในการรีเซ็ต ควรไปที่อู่มืออาชีพจะดีกว่า การตรวจสอบระดับน้ำมันเบรกและสภาพท่อเบรกเป็นประจำก็สำคัญ เพราะความชื้นในฤดูฝนของไทยอาจทำให้น้ำมันเบรกดูดความชื้นและเสื่อมสภาพเร็ว ถ้ารู้สึกว่าระยะเบรกยาวขึ้นหรือแป้นเบรกนิ่มลง แม้ผ้าเบรกยังไม่หมดอายุก็ควรตรวจสอบระบบเบรกทั้งหมด
Q
มาสด้า 2 มีสายพานหรือโซ่
รถมาสด้า 2 ที่ขายในตลาดไทยส่วนใหญ่ใช้ระบบไทม์มิ่งแบบขับเคลื่อนด้วยโซ่ ซึ่งออกแบบมาให้ทนทานกว่าการใช้สายพานแบบเดิมๆ และแทบไม่ต้องบำรุงรักษา เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนและมีฝุ่นของประเทศไทย เพราะโซ่ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากความร้อนสูงหรือฝุ่นที่ทำให้เสื่อมสภาพง่าย ในสภาพการขับขี่ที่ต้องสตาร์ทและหยุดบ่อยในเมืองไทย ระบบโซ่ช่วยรักษาประสิทธิภาพให้คงที่มากขึ้น และยังลดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนสายพานตามระยะให้เจ้าของรถอีกด้วย ที่สำคัญต้องระวังว่าแม้โซ่จะมีอายุการใช้งานยาวนาน แต่เจ้าของรถก็ยังต้องตรวจสอบความตึงของโซ่และสภาพรอกตามคำแนะนำของผู้ผลิต โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนตลอดปีของไทย คุณภาพน้ำมันหล่อลื่นจะมีผลโดยตรงต่ออายุการใช้งานของโซ่ สำหรับคนไทยที่กำลังมองหาซื้อรถมาสด้า 2 มือสอง แนะนำให้ตรวจสอบระบบไทม์มิ่งของเครื่องยนต์เป็นพิเศษว่ามีเสียงผิดปกติหรือไม่ จะช่วยหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายซ่อมแซมสูงในภายหลังได้ โดยทั่วไปศูนย์บริการมาสด้าในไทยจะมีบริการตรวจเช็คระบบไทม์มิ่งแบบเฉพาะทาง ลองขอให้ช่างตรวจสอบอย่างละเอียดเวลานำรถเข้าบำรุงรักษาตามระยะจะดีกว่า เพราะการบำรุงรักษาเพื่อป้องกันย่อมประหยัดกว่าการซ่อมแซมหลังจากเกิดปัญหาแล้ว
Q
วิธีเปิดเครื่อง Mazda 2 ด้วยกุญแจ
ก่อนจะสตาร์ทรถ Mazda 2 ที่ใช้กุญแจแบบธรรมดา ต้องเช็คให้แน่ใจว่าเกียร์อยู่ที่ตำแหน่ง P (สำหรับเกียร์ออโต้) หรือเกียร์ว่าง (สำหรับเกียร์มือ) เสียก่อน จากนั้นสอดกุญแจเข้าไปในตัวสตาร์ทที่ด้านขวาของพวงมาลัย แล้วหมุนตามเข็มนาฬิกาไปที่ตำแหน่ง "ON" เพื่อให้ระบบไฟฟ้าของรถทำงาน พอไฟหน้าปัดหยุดกระพริบแล้ว ให้หมุนกุญแจต่อไปถึงตำแหน่ง "START" เพื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ พอเครื่องติดแล้วกุญแจจะเด้งกลับไปที่ตำแหน่ง "ON" อัตโนมัติ ในสภาพอากาศร้อนๆ แบบเมืองไทย แนะนำว่าให้รอสัก 30 วินาทีหลังสตาร์ท เพื่อให้น้ำมันเครื่องไหลเวียนเต็มที่ก่อนออกรถ จะช่วยถนอมเครื่องยนต์ได้ดีนะ ถ้าเกิดอาการกุญแจหมุนยาก อาจเป็นเพราะความชื้นหรือฝุ่นเกาะในตัวสตาร์ท ลองขยับพวงมาลัยซ้ายขวาเบาๆ เพื่อปลดล็อกพวงมาลัยดู ถ้าไม่ดีขึ้นก็ไปที่ศูนย์ Mazda ที่ไทยได้เลย เขามีบริการจารบีตัวสตาร์ทให้ฟรีๆ ส่วนเวลาปกติ ควรใช้ผ้านุ่มๆ เช็ดกุญแจให้แห้งอยู่เสมอ ระวังอย่าให้ความชื้นหรือทรายเข้าไปในตัวสตาร์ท จะได้ใช้งานได้นานๆ
Q
ช่วงระยะทางของรถ Mazda 2 เมื่อเติมน้ำมันเต็มถังคือเท่าไหร่
รถมาสด้า 2 ที่ขายในตลาดไทยมีความจุถังน้ำมันประมาณ 44 ลิตร ถ้าขับในสภาพจริงจะวิ่งได้ประมาณ 500-700 กิโลเมตรต่อหนึ่งถังเต็ม ขึ้นอยู่กับสภาพถนน นิสัยการขับขี่ และรุ่นย่อยของรถ เช่น ถ้าติดไฟแดงบ่อยๆในกรุงเทพฯ จะกินน้ำมันมากหน่อย แต่ถ้าขับทางไกลบนทางด่วนจะประหยัดกว่า สำหรับคนไทยที่สนใจ รุ่นที่ขายในประเทศอาจติดตั้งเครื่องยนต์ 1.3 ลิตรหรือ 1.5 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี Skyactiv ของมาสด้าที่ช่วยเรื่องประหยัดน้ำมัน แนะนำให้บริการรักษารถตามกำหนดเพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด และอย่าลืมว่าอากาศเมืองไทยร้อน แอร์ทำงานหนักก็ทำให้น้ำมันหมดไวเหมือนกัน แค่วางแผนเส้นทางดีๆ ขับขี่อย่างมีสติ ก็ช่วยเพิ่มระยะวิ่งได้เยอะนะ
Q
รถ Mazda 2 มีระบบตรวจจับจุดบอดหรือไม่
รถยนต์มาสด้า 2 ในรุ่นท็อปหรือรุ่นกลางสูงบางรุ่นนั้น มีระบบ Blind Spot Monitoring (BSM) ซึ่งเป็นระบบตรวจสอบจุดบอด โดยใช้เซ็นเซอร์เรดาร์ที่ติดตั้งอยู่ตรงกันชนหลัง ทำหน้าที่ตรวจจับรถที่อยู่ในจุดบอดด้านข้างและด้านหลังของรถ เมื่อมีรถเข้าไปอยู่ในจุดบอด ไฟเตือนที่กระจกข้างจะสว่างขึ้นเพื่อแจ้งเตือนผู้ขับขี่ ในตลาดไทย ระบบนี้มักจะพบได้ในรุ่นท็อปหรือรุ่นกลางสูงเท่านั้น แต่แนะนำให้ตรวจสอบกับตัวแทนจำหน่ายอีกครั้งเพื่อความแน่ชัด เพราะอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่น สำหรับคนไทยที่ต้องขับรถในสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ หรือบนทางด่วน ระบบ BSM ถือว่ามีประโยชน์มาก ช่วยเพิ่มความปลอดภัยเวลาจะเปลี่ยนเลน โดยเฉพาะในสภาพถนนที่มีรถมอเตอร์ไซค์เยอะๆ นอกจากระบบ BSM แล้ว มาสด้า 2 ยังอาจมีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อื่นๆ เช่น กล้องถอยหลัง หรือระบบเตือนรถตัดหลังเวลาถอย ซึ่งระบบพวกนี้ช่วยให้ขับรถในสภาพอากาศร้อนและฝนตกของไทยได้ง่ายขึ้น ถ้าสนใจระบบนี้จริงๆ แนะนำให้ตรวจสอบรายละเอียดกับตัวแทนจำหน่ายให้ดีๆ ก่อนซื้อ หรือจะเปรียบเทียบกับระบบความปลอดภัยในรถรุ่นอื่นๆ ในระดับเดียวกันก็ได้ เพื่อเลือกรุ่นที่เหมาะกับตัวเองที่สุด
Q
ถังน้ำมันของ Mazda 2 มีขนาดใหญ่แค่ไหน?
รถมาสด้า 2 ในตลาดไทยมีความจุถังน้ำมันประมาณ 44 ลิตร ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรถขนาดเล็กรุ่นอื่นๆ ในตลาดเดียวกัน เหมาะสมกับการใช้งานในเมืองและการเดินทางใกล้ๆ โดยเฉพาะในสภาพการจราจรติดขัดแบบไทยๆ ที่เราคุ้นเคย ถังน้ำมันขนาดนี้จะช่วยให้วิ่งได้ประมาณ 500-600 กิโลเมตรต่อการเติมหนึ่งครั้ง ลดความยุ่งยากในการต้องแวะเติมน้ำมันบ่อยๆ แต่ด้วยอากาศร้อนของประเทศไทย ควรตรวจสอบความแน่นของฝาถังน้ำมันเป็นประจำเพื่อป้องกันการระเหยของน้ำมันเชื้อเพลิง และควรเติมน้ำมันคุณภาพดีจากปั๊มมาตรฐานเพื่อรักษาสภาพเครื่องยนต์และระบบเชื้อเพลิง ข้อควรรู้คือ รุ่นมาสด้า 2 ที่ขายในไทยอาจมีการปรับเปลี่ยนระบบเชื้อเพลิงเล็กน้อยตามกฎหมายหรือความต้องการของตลาดท้องถิ่น ดังนั้นควรตรวจสอบข้อมูลที่แน่นอนจากคู่มือรถจะดีที่สุด ส่วนเรื่องการขับขี่ ถ้าขับอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น เร่งเครื่องเบาๆ และหลีกเลี่ยงการเบรกกระทันหัน จะช่วยประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น โดยเฉพาะในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ที่รถติดเป็นเรื่องปกติ
Q
รถ Mazda 2 มีล้ออะไหล่หรือไม่?
จากข้อมูลที่ปรากฏ รุ่น Mazda 2 ในตลาดไทยบางรุ่นมีการติดตั้งยางอะไหล่สำรองไว้ด้วย แต่ขึ้นอยู่กับว่ารุ่นและอุปกรณ์ที่เลือก เช่น รุ่นท็อปอาจจะไม่มียางอะไหล่แบบเต็มขนาด แต่จะให้ชุดซ่อมยางแทน แนะนำให้สอบถามรายละเอียดกับตัวแทนจำหน่ายอีกครั้งก่อนตัดสินใจซื้อ ในไทยเนี่ยะ ถนนบางเส้นสภาพไม่ค่อยดี บวกกับต้องขับทางไกลบ่อยๆ การมียางอะไหล่ติดรถไว้จะช่วยแก้ไขสถานการณ์ยางแตกได้ดีเลย โดยเฉพาะถ้าคุณต้องเดินทางไปต่างจังหวัดหรือพื้นที่ห่างไกลบ่อยๆ แต่อย่าลืมว่ายางอะไหล่มักจะมีข้อจำกัดเรื่องความเร็วและระยะทาง ควรใช้แค่ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น แล้วรีบเปลี่ยนเป็นยางปกติให้เร็วที่สุด นอกจากนี้สภาพอากาศไทยที่ทั้งร้อนและชื้น แนะนำให้ตรวจสอบลมยางและสภาพยางอะไหล่เป็นประจำ เพื่อให้มั่นใจว่ายังใช้การได้ดี ถ้าคุณกำลังคิดจะซื้อ Mazda 2 ลองศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยี Skyactiv ที่ช่วยเรื่องประหยัดน้ำมันและการควบคุมรถได้ดี เหมาะมากกับการขับขี่ในเมืองไทยทั้งในเมืองและสภาพการจราจรที่ต้องหยุด-บ่อยๆ

ข้อดี

Skyactive-G 1.3 ลิตรน้ำมันเบนซินสามารถใช้เบนซินน้ำตาลหรือ 95 E10 และ E20 แอลกอฮอล์เบนซิน Skyactive-D 1.5 ลิตรเครื่องยนต์ดีเซลเลือก
ติดตั้งระบบ GVC-Plus เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมยานพาหนะ เพิ่มความเสถียร ทำให้เลี้ยวง่าย มีความยึดเกาะดี ทำให้ขับขี่มั่นใจมากขึ้น
วัสดุตกแต่งภายในคุณภาพดี การยัดนุ่มทุกที่ ประทับหนังดีมีความรู้สึกทางประสบการณ์ รอยเย็บสวยงาม การออกแบบอุปกรณ์ใช้งานง่าย มีความรู้สึกแบบพรีเมี่ยม
ติดตั้งเกียร์อัตโนมัติ CVT 6 ความเร็วแบบมือ สามารถสลับได้ด้วยเหยียบคันเร่งหรือคันควบคุมเพลาสลับเกียร์ ระยะสลับเกียร์ที้ดี ขับขี่น่าสนใจ
รถยนต์เบนซินพื้นฐานมีการใช้น้ำมันต่ำ สามารถได้ถึง 23.3 กิโลเมตร/ลิตร ดีเซลสามารถได้ถึง 26.3 กิโลเมตร/ลิตรการขับขี่ที่ความเร็วคงที่ระหว่าง 80 - 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง สามารถประหยัดน้ำมันได้ถึง 30 กิโลเมตร/ลิตร

ข้อเสีย

ที่นั่งด้านหลังมีพื้นที่เ narrowคสมากความสะดวกในการขนส่งไม่ค่อยดีเลยด้วยเฉพาะเมื่อมน 4 - 5 คน
คุณภาพการเร่งความเร็วของเครื่องยนต์ patrol นั้นเฉยๆ การตอบสนองไม่ผล เเละความรูปแบบไม่ดีเท่ากับรุ่นดีเซล
ทรงรถที่กุณาบกับที่แล้วไม่ค่อยคุณหน่อยเฉพาะเจาะจงกว่าคู่แข่ง
ส่วนของอะไหล่แพงบางครั้งต้องรออะไหล่ครนเวลานาน
รุ่นเครื่องยนต์ดีเซลมีราคาสูงกว่าคู่แข่ง patrol 1.3 ลิตร Skyactiv-G รุ่นเริ่มต้นที่ 546,000 บาท ดีเซล 1.5 ลิตร Skyactiv-D รุ่นเริ่มต้นที่ 782,000 บาท

Q&A ล่าสุด

Q
อันไหนใหญ่กว่า subaru forester หรือ outback
ในตลาดประเทศไทย Subaru Forester และ Outback เป็น SUV ที่ได้รับความนิยมมากทั้งคู่ แต่ถ้าพูดถึงขนาดแล้ว Outback จะใหญ่กว่า Forester นิดหน่อย โดยตัวถังและระยะฐานล้อของ Outback ยาวกว่าเล็กน้อย ทำให้มีพื้นที่ภายในกว้างขวางกว่า โดยเฉพาะช่วงขาหลังและกระโปรงท้ายที่บรรจุของได้มากขึ้น เหมาะสำหรับครอบครัวที่ต้องเดินทางไกลหรือต้องการพื้นที่เก็บสัมภาระ ในขณะที่ Forester จะสูงกว่าด้านส่วนหัว ทำให้มีพื้นที่เหนือศีรษะมากกว่าและมุมมองการขับขี่ดีกว่า เหมาะกับการใช้งานในเมืองหรือเส้นทางขรุขระ ส่วนระบบขับเคลื่อนทั้งคู่มาพร้อม Symmetrical AWD และเครื่องยนต์ Boxer แบบราบที่ให้การควบคุมและความปลอดภัยสูง เหมาะกับสภาพถนนเปียกและภูมิประเทศแบบภูเขาในไทย นอกจากนี้ Outback ยังมีระยะความกว้างจากพื้นสูงกว่า ทำให้ผ่านถนนลูกรังได้ดี ในขณะที่ Forester ขนาดกะทัดรัดกว่า ขับง่ายในซอยแคบๆ แบบกรุงเทพฯ ลูกค้าสามารถเลือกได้ตามความต้องการ เช่น จำนวนผู้โดยสาร สัมภาระที่ต้องขน หรือสภาพถนนที่ใช้งานเป็นหลัก ส่วนบริการหลังการขายทั้งสองรุ่นในไทยก็พร้อมให้บริการทั่วถึง
Q
ระยะเวลาที่เบรกของซูบารุฟอร์สเตอร์ใช้งานได้นานเท่าไหร่
อายุการใช้งานของระบบเบรกในรถซูบารุ ฟอเรสเตอร์นั้นขึ้นอยู่กับนิสัยการขับขี่ สภาพถนน และการดูแลรักษาตามระยะ โดยเฉพาะในประเทศไทยที่อากาศร้อนชื้นและรถติดบ่อย แนะนำให้ตรวจสอบความหนาของผ้าเบรกทุก 30,000-40,000 กิโลเมตร หรือทุก 2 ปี ถ้าผ้าเบรกบางกว่า 3 มิลลิเมตรควรเปลี่ยนทันที ส่วนจานเบรกปกติจะอยู่ได้ประมาณ 60,000-80,000 กิโลเมตร ช่วงฤดูฝนต้องระวังเป็นพิเศษเพราะความชื้นจะทำให้จานเบรกเป็นสนิมและผ้าเบรกสึกเร็วขึ้น การขับบนทางเขาภูเขาที่ต้องเหยียบเบรกบ่อยๆก็ทำให้อายุการใช้งานสั้นลงด้วย สัญญาณเตือนว่าใกล้ถึงเวลาต้องเปลี่ยนผ้าเบรกได้แก่ เสียงโลหะเสียดสี ระยะเบรกยาวขึ้น หรือไฟเตือนบนหน้าปัด ควรใช้ของแท้จากศูนย์เพื่อให้เข้ากับระบบ ABS ของรถ ระบบเบรกทุกคันคืออะไหล่สิ้นเปลืองทั้งนั้น การทำความสะอาดฝุ่นผ้าเบรกและไม่จอดรถทิ้งไว้หลังล้างรถจะช่วยยืดอายุอะไหล่ได้ ถ้าคุณขับบ่อยๆบนทางลาดชันในกรุงเทพหรือทางเขาสูงในเชียงใหม่ อาจต้องลดระยะการตรวจเช็คให้ถี่ขึ้นอีก 20% จากปกติ
Q
สุบารุฟอเรสเตอร์กว้างเท่าใด
รถ SUV Subaru Forester ที่วางจำหน่ายในตลาดไทยมีขนาดความกว้างตัวถังอยู่ที่ 1,815 มิลลิเมตร ซึ่งจัดว่าเป็นขนาดกลางที่ค่อนข้างกว้างขวางในกลุ่มรถ SUV ประเภทนี้ ความกว้างระดับนี้ช่วยให้ผู้โดยสารนั่งได้อย่างสบาย พร้อมทั้งยังให้ความมั่นคงบนถนนได้ดีเยี่ยม สำหรับสภาพการขับขี่ในไทยที่ต้องเผชิญทั้งถนนในเมืองและเส้นทางชนบท ความกว้างตัวถังขนาดนี้ถือว่าคุ้มค่า เพราะนอกจากจะให้พื้นที่ภายในเพียงพอสำหรับผู้โดยสาร 5 คนแบบไม่เบียดกันแล้ว ยังไม่กว้างเกินไปจนทำให้ขับในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ที่การจราจรหนาแน่นได้ลำบาก อย่างไรก็ตาม ความกว้างตัวถังมีผลต่อความสะดวกในการขับในซอยแคบๆ ดังนั้นผู้บริโภคไทยควรพิจารณาจากเส้นทางที่ใช้ประจำด้วย ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อสมมาตรของฟอเรสเตอร์ทำงานได้ดีบนถนนลื่นช่วงฤดูฝนของไทย ส่วนระยะความสูงจากพื้น 220 มิลลิเมตรก็เหมาะกับถนนลูกรังบางสายในประเทศ หากเปรียบเทียบกับรถ SUV ญี่ปุ่นรุ่นเดียวกันอย่าง Honda CR-V ที่มีความกว้าง 1,855 มม. และ Toyota RAV4 ที่ 1,854 มม. ฟอเรสเตอร์ถือว่ามีขนาดตัวถังที่กะทัดรัดกว่า แต่ด้วยการออกแบบห้องโดยสารที่เหมาะสม ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยภายในใกล้เคียงกัน
Q
วิธีเปิดระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ subaru forester
เวลาขับรถ Subaru Forester ในประเทศไทย ถ้าต้องการใช้งานระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Symmetrical AWD โดยปกติแล้วสามารถปรับได้ที่ปุ่มเลือกโหมดขับขี่บนคอนโซลกลาง ตำแหน่งอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นและปีของรถ สำหรับรุ่นใหม่ๆ อาจมีฟังก์ชัน X-MODE ซึ่งปุ่มจะอยู่แถวๆ เกียร์ ระบบนี้จะช่วยปรับการกระจายกำลังไปยังล้อทั้งสี่ให้เหมาะสมอัตโนมัติ พร้อมทั้งมีระบบช่วยลงทางลาดชัน เหมาะมากๆ สำหรับขับในพื้นที่ภูเขาทางภาคเหนือของไทยหรือเวลาถนนลื่นช่วงฤดูฝน ต้องบอกเลยว่า Forester ออกแบบมาให้ระบบสี่ล้อทำงานแบบเต็มเวลาอยู่แล้ว แต่ X-MODE จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในสภาพถนนที่เกาะยางไม่ดีเป็นพิเศษ แนะนำให้ปิดโหมดนี้เวลาขับบนถนนปกติเพื่อประหยัดน้ำมัน ส่วนเจ้าของรถในไทยควรตรวจสอบสภาพน้ำมันดิฟเฟอเรนเชียลเป็นประจำ เพราะอากาศร้อนชื้นของเราอาจทำให้น้ำมันเสื่อมสภาพเร็ว และช่วงน้ำท่วมต้องระวังไม่ขับลุยน้ำลึกเกิน 500mm เด็ดขาด เดี๋ยวจะเสียชิ้นส่วนระบบส่งกำลังเข้าไป ถ้ารุ่นของคุณมีระบบ SI-DRIVE การเลือกโหมด "SPORT" จะช่วยเปลี่ยนการตอบสนองของเครื่องยนต์ แต่ไม่ได้ส่งผลต่อการทำงานพื้นฐานของระบบสี่ล้อนะจ๊ะ
Q
ราคาของซูบารุฟอร์เรสเตอร์เท่าไหร่
ราคารถ Subaru Forester ในตลาดประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามรุ่นและอุปกรณ์ โดยปัจจุบันราคาอยู่ที่ประมาณ 1.4 - 1.8 ล้านบาท แต่แนะนำให้สอบถามตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่เพื่อขอราคาที่อัปเดตที่สุด Forester เป็น SUV ที่เน้นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเต็มเวลากับความประหยัดพื้นที่ เหมาะสมกับสภาพอากาศฝนตกบ่อยและเส้นทาง複雜ของไทย นอกจากนี้ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ EyeSight ที่มาพร้อมมาตรฐานยังช่วยเพิ่มความปลอดภัย ผู้บริโภคไทยควรทราบว่าภาษีนำเข้ารถอาจส่งผลต่อราคาสุดท้าย และแม้เครื่องยนต์แบบ Boxer ของซูบารุจะช่วยลดจุดศูนย์ถ่วงและเพิ่มความคล่องตัว แต่ค่าซ่อมอาจสูงกว่าเครื่องยนต์แบบทั่วไปเล็กน้อย ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาตลาด EV ในไทยเติบโตเร็ว แต่ Forester ยังคงเป็นรุ่นน้ำมันเป็นหลัก หากสนใจรุ่นไฮบริดควรตรวจสอบว่ามีจำหน่ายในไทยหรือไม่ ก่อนตัดสินใจซื้อแนะนำให้เปรียบเทียบกับ SUV ญี่ปุ่นรุ่นเดียวกันอย่าง Toyota RAV4 หรือ Honda CR-V และควรทดลองขับเพื่อสัมผัสพื้นที่ภายในและความรู้สึกในการขับขี่ตามความต้องการส่วนตัว
ดูเพิ่มเติม