Q

อะไรคือข้อเสียของโตโยต้า ยาริส

รถยนต์โตโยต้า ยาริส เป็นรถเศรษฐกิจที่ขายดีในตลาดไทย แต่ก็มีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น พื้นที่เบาะหลังค่อนข้างคับ อาจไม่สะดวกสบายสำหรับครอบครัวที่ต้องใช้รถบรรทุกผู้โดยสารหลายคนเป็นประจำ ส่วนปริมาตรกระโปรงหลังก็เล็ก ไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการบรรทุกสัมภาระจำนวนมาก นอกจากนี้ระบบกันเสียงยังไม่ค่อยดีเวลาขับความเร็วสูง เสียงล้อและเสียงลมค่อนข้างดัง ในส่วนของเครื่องยนต์ 1.2L และ 1.5L แม้จะประหยัดน้ำมันแต่การเร่งไม่ค่อยแรง เหมาะกับการใช้งานในเมืองมากกว่าการแซงบนทางหลวง ส่วนวัสดุภายในรถทำจากพลาสติกแข็ง ดูไม่หรูเท่ารถระดับสูงกว่า ในรุ่นพื้นฐานอุปกรณ์ค่อนข้างน้อย ต้องจ่ายเพิ่มเพื่อติดตั้งฟังก์ชันจำเป็นบางอย่าง สภาพอากาศร้อนของไทยทำให้ระบบแอร์มือถือในรุ่นพื้นฐานทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพเท่าระบบออโต้ อย่างไรก็ตาม ยาริส มีจุดเด่นที่ค่าซ่อมถูกและหาอะไหล่ง่าย เหมาะกับสภาพถนนและพฤติกรรมการใช้รถของคนไทย ส่วนคู่แข่งอย่างฮอนด้า ซิตี้กับนิสสัน อัลเมร่าให้พื้นที่กว้างกว่า ในขณะที่มาสด้า 2 ขับเคลื่อนได้คล่องกว่า ผู้ซื้อควรพิจารณาตามความต้องการของตัวเอง
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
วิธีเปิดฝาถังน้ำมัน Toyota Yaris 2023
สำหรับรถยนต์ Toyota Yaris รุ่นปี 2023 การเปิดฝาถังน้ำมันทำได้ง่ายมาก แค่คุณปลดล็อครถแล้วกดเบาๆ ที่ด้านขวาของฝาถังน้ำมัน มันจะเปิดออกอัตโนมัติเลย ไม่ต้องมานั่งหาปุ่มเปิดในรถให้ยุ่งยาก แบบนี้เหมาะกับสภาพอากาศเมืองไทยทั้งร้อนทั้งชื้น เพราะไม่ต้องกังวลว่าปุ่มอิเล็กทรอนิกส์ในรถจะเสียจากความชื้น แต่ต้องระวังหน่อย เพราะบางปั๊มในไทยต้องให้พนักงานช่วยเติมน้ำมัน แค่บอกเขาไปว่า "กรุณาเติมน้ำมัน" แล้วบอกเลขน้ำมันที่ต้องการ เช่น แก๊สโซฮอล์ 91 หรือ 95 อีกเรื่องที่คนใช้รถในไทยควรจำไว้คือ ต้องคอยตรวจสอบยางซีลของฝาถังน้ำมันบ่อยๆ เพราะความร้อนกับความชื้นในไทยทำให้ยางเสื่อมเร็ว ถ้าเห็นว่ายางเริ่มแตกต้องเปลี่ยนด่วนๆ เลย ไม่งั้นระบบ EVAP จะทำงานผิดปกติได้ และอย่าลืมเรื่องความปลอดภัยเวลาจอดรถเติมน้ำมัน โดยเฉพาะช่วงอากาศแห้งๆ ควรแตะตัวรถโลหะสักหน่อยเพื่อระบายไฟฟ้าสถิตก่อนเติมน้ำมัน ถ้าเกิดฝาถังน้ำมันเปิดไม่ออก ลองเช็คดูว่ารถยังล็อคอยู่หรือเปล่า หรือไม่ก็ดูว่ามีสายดึงฉุกเฉินในห้องสัมภาระไหม เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ช่วยให้การใช้รถในไทยสะดวกขึ้นเยอะเลย
Q
รถยนต์ Yaris 2023 มีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) หรือไม่?
รถยนต์ Toyota Yaris รุ่นปี 2023 ที่วางขายในตลาดไทยนั้นมีระบบ Cruise Control ให้ใช้งานจริง โดยระบบนี้จะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่นท็อปของไทย ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถรักษาความเร็วคงที่ได้เมื่อใช้บนทางด่วนหรือเส้นทางที่การจราจรไม่หนาแน่น ลดความเหนื่อยล้าจากการขับทางไกล และยังช่วยประหยัดน้ำมันได้อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ต้องบอกว่าสภาพการจราจรของไทยค่อนข้างซับซ้อน โดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ที่การจราจรติดขัดบ่อยๆ และมีรถมอเตอร์ไซค์สัญจรปนอยู่มาก อาจทำให้โอกาสได้ใช้ระบบนี้มีจำกัด ดังนั้นควรเปิดใช้ระบบตามความเหมาะสมของสภาพถนนจริงด้วย เทคโนโลยี Cruise Control นี้ปรากฏขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ยุค 50s พัฒนามาอย่างยาวนานจนตอนนี้มีความเสถียรมาก แม้แต่รถยนต์ระดับเอ็นทรีก็มีระบบนี้ให้ใช้งานแล้ว มักทำงานร่วมกับระบบความปลอดภัยต่างๆ เช่น ระบบเตือนการชน ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่อีกขั้น ในตลาดไทยนอกจาก Yaris แล้ว ยังมีรถรุ่นเดียวกันอย่าง Honda City และ Mazda 2 ที่มีระบบนี้ให้เลือกเช่นกัน ลูกค้าสามารถพิจารณาตามความต้องการและงบประมาณที่มีได้
Q
ใน Toyota Yaris 2023 มีทั้งหมดกี่สูบ?
รถยนต์ Toyota Yaris รุ่นปี 2023 ที่วางขายในตลาดประเทศไทย มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.2 ลิตร แบบสูบธรรมชาติ (4 สูบ แถวเรียง) ให้กำลังสูงสุดประมาณ 88 แรงม้า คู่กับเกียร์ CVT ที่ออกแบบมาเพื่อประหยัดน้ำมันและให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ เหมาะสมกับการใช้งานในเมืองอย่างเช่นสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ พูดถึงเครื่องยนต์ 4 สูบแล้วต้องบอกว่าเป็นที่นิยมในตลาดรถขนาดเล็กของไทย เพราะให้สมดุลที่ดีและสั่นสะเทือนน้อยเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ 3 สูบ ซึ่งคู่แข่งอย่าง Honda City ในตลาดไทยก็ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบแบบเดียวกัน แสดงให้เห็นว่านี่คือมาตรฐานของรถระดับนี้ นอกจากนี้ Toyota ยังปรับปรุงระบบระบายความร้อนให้เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนในประเทศไทย เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถใช้งานได้อย่างมีเสถียรภาพแม้อากาศร้อนจัด ถ้าคุณเน้นเรื่องค่าบำรุงรักษาต่ำต้องบอกว่าเครื่องยนต์ตัวนี้มีความน่าเชื่อถือในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่แนะนำว่าควรทดลองขับดูก่อนเพื่อเช็คว่ากำลังเครื่องตอบโจทย์ความต้องการของคุณหรือไม่
Q
"Toyota Yaris 2023 ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเท่าไหร่ต่อลิตร?"
รถยนต์ Toyota Yaris รุ่นปี 2023 ในประเทศไทยมีประสิทธิภาพด้านประหยัดน้ำมันที่โดดเด่น โดยอัตราสิ้นเปลืองจริงจะแตกต่างกันไปตามรุ่นและสภาพการขับขี่ ข้อมูลจากทางบริษัทระบุว่ารุ่นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร แบบดูดธรรมดาที่ติดตั้งเกียร์ CVT จะประหยัดน้ำมันประมาณ 15-17 กม./ลิตรเมื่อขับในเมือง และสามารถทำได้ถึง 20-22 กม./ลิตรเมื่อขับทางไกล ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 1.2 ลิตรนั้นประหยัดน้ำมันได้ดีกว่า เหมาะสำหรับการเดินทางระยะยาว แต่ต้องระวังว่าอัตราสิ้นเปลืองจริงในกรุงเทพฯ อาจสูงขึ้นเนื่องจากปัญหารถติด การเปิดแอร์บ่อย หรือพฤติกรรมการขับขี่ของแต่ละคน แนะนำให้บำรุงรักษายางและเครื่องยนต์อย่างสม่ำเสมอเพื่อให้รถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ในกลุ่มรถขนาดเดียวกัน Yaris มีจุดแข็งด้านการประหยัดน้ำมันจากเทคโนโลยี Hybrid ที่พัฒนามาอย่างดีของ Toyota (เช่นบางรุ่นในต่างประเทศที่ติดตั้งระบบ Hybrid) รวมถึงการออกแบบตัวรถที่น้ำหนักเบา ถ้ามีการนำเข้ารุ่น Hybrid มาไทยจะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อีกมาก นอกจากนี้รัฐบาลไทยยังมีมาตรการลดภาษีสำหรับรถประหยัดพลังงาน ก่อนตัดสินใจซื้อสามารถสอบถามโปรโมชั่นและสิทธิประโยชน์ต่างๆ จากตัวแทนจำหน่ายได้โดยตรง
Q
"" ราคา Toyota Yaris Cross 2023 เท่าไหร่? ""
รถยนต์ Toyota Yaris Cross รุ่นปี 2023 ในประเทศไทยมีราคาอยู่ที่ประมาณ 800,000 ถึง 1,200,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและอุปกรณ์เสริมที่เลือก แนะนำให้ลูกค้าติดต่อตัวแทนจำหน่าย Toyota ในพื้นที่เพื่อสอบถามราคาล่าสุดและโปรโมชั่นปัจจุบัน โดย Yaris Cross เป็น SUV ขนาดกะทัดรัดที่พัฒนามาเฉพาะสำหรับตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ใช้เทคโนโลยีแพลตฟอร์ม TNGA ของ Toyota และการออกแบบที่เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้น เช่น ระบบปรับอากาศที่ได้รับการปรับปรุงและกระบวนการป้องกันสนิม ทำให้เหมาะกับการใช้งานในเมืองและครอบครัวชาวไทยเป็นอย่างดี รถรุ่นนี้มาพร้อมกับตัวเลือกเครื่องยนต์ 2 แบบ คือเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร และระบบไฮบริด ซึ่งแบบไฮบริดช่วยประหยัดน้ำมันได้มากในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นอย่างกรุงเทพฯ ที่สำคัญ Toyota มีเครือข่ายบริการหลังการขายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้คนไทยนิยมเลือกใช้แบรนด์นี้ นอกจากราคาแล้ว ลูกค้ายังสามารถสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับบริการผ่อนชำระ แพ็กเกจประกันภัย และบริการเสริมอื่นๆ ได้ที่โชว์รูม Toyota ทั่วประเทศ
Q
"เครื่องยนต์ของ Toyota Yaris 2023 มีปริมาณเท่าไหร่?"
รถยนต์ Toyota Yaris รุ่นปี 2023 ที่วางขายในตลาดไทยมาพร้อมกับตัวเลือกเครื่องยนต์หลัก 2 แบบ คือ เครื่องยนต์เบนซินแบบสูบธรรมชาติขนาด 1.2 ลิตร และ 1.5 ลิตร โดยมีปริมาตรกระบอกสูบ 1,197 ซีซี และ 1,496 ซีซี ตามลำดับ สำหรับเครื่องยนต์ 1.2 ลิตรให้กำลังสูงสุดประมาณ 88 แรงม้า ส่วนเครื่อง 1.5 ลิตรทำกำลังได้ถึง 110 แรงม้า เครื่องยนต์ทั้งสองแบบนี้ขึ้นชื่อในเรื่องความประหยัดน้ำมันและความทนทาน เหมาะสมกับสภาพการขับขี่ในเมืองไทยที่ต้องเร่งและหยุดบ่อยๆ เมื่อจับคู่กับเกียร์ CVT แล้วยังช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้มากขึ้นอีกด้วย ที่น่าสนใจคือตลาดไทยมีความต้องการรถขนาดเล็กค่อนข้างสูง และ Yaris ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมเพราะมีขนาดกะทัดรัดและขับเคลื่อนคล่องตัว แถมยังได้ประโยชน์จากนโยบายลดภาษีจดทะเบียนครั้งแรกสำหรับรถประหยัดพลังงานของรัฐบาลไทย นอกจากนี้ในสภาพอากาศร้อนแบบประเทศไทย แนะนำให้ตรวจสอบระบบระบายความร้อนและเปลี่ยนไส้กรองแอร์เป็นประจำ เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานมีประสิทธิภาพสูงสุด การดูแลรายละเอียดเล็กน้อย แบบนี้จะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถและรักษาสมรรถนะให้คงที่ได้ในระยะยาว
Q
การระงับของ Toyota Yaris ปี 2020 เป็นอย่างไร?
รถยนต์ Toyota Yaris รุ่นปี 2020 ที่วางขายในตลาดประเทศไทย ใช้ระบบช่วงล่างแบบแมคเฟอร์สันสตรัทด้านหน้าและคานบิดทอร์ชันบีมด้านหลัง ซึ่งเป็นการตั้งค่าที่พบได้บ่อยในรถเก๋งขนาดกะทัดรัด ช่วยให้ตอบโจทย์ทั้งความนุ่มนวลและความมั่นคงในการขับขี่ โดยเฉพาะเหมาะกับสภาพถนนในเมืองที่ซับซ้อนและเส้นทางชนบทของไทยเป็นอย่างดี การตั้งค่าสปริงและโช้คถูกปรับให้เน้นความสบายเป็นหลัก สามารถกรองแรงสะเทือนจากพื้นถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็ยังให้ความมั่นคงเมื่อเข้าโค้งด้วย เนื่องจากสภาพอากาศในประเทศไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุก ทำให้ชิ้นส่วนยางและโช้คของระบบช่วงล่างต้องมีความทนทานเป็นพิเศษ ซึ่งระบบช่วงล่างของ Yaris นี้ก็ผ่านการทดสอบมาแล้วว่าใช้งานได้อย่างน่าเชื่อถือ และยังดูแลรักษาได้ง่ายด้วย ที่น่าสนใจคือการออกแบบช่วงล่างของรุ่นนี้ยังถูกพัฒนาร่วมกับระยะความสูงจากพื้นรถที่เพิ่มขึ้นเป็นพิเศษสำหรับตลาดไทย ทำให้สามารถรับมือกับปัญหาน้ำท่วมขังในช่วงฤดูฝนได้ดีขึ้น สำหรับผู้บริโภคไทยที่ต้องการประสบการณ์การขับขี่ที่ดีแต่มีงบประมาณจำ ระบบช่วงล่างชุดนี้ถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ และยังมีความสามารถในการแข่งขันเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกันอีกด้วย
Q
รถ Toyota Yaris ปี 2020 มีซันรูฟหรือไม่?
รุ่น Toyota Yaris ปี 2020 ที่วางขายในตลาดไทย สำหรับบางรุ่นระดับสูงจะมีซันรูฟ (sunroof) ให้เลือก แต่รายละเอียดอุปกรณ์จะขึ้นอยู่กับเวอร์ชันของรุ่นนั้นๆ เช่น รุ่น 1.2G และ 1.2S มักจะมาพร้อมซันรูฟมาตรฐาน ในขณะที่รุ่นระดับเริ่มต้นอาจไม่มีฟังก์ชันนี้ แนะนำให้ผู้ซื้อตรวจสอบรายละเอียดอุปกรณ์ของรุ่นที่สนใจผ่านเว็บไซต์ทางการของ Toyota Thailand หรือสอบถามโดยตรงกับตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่เพื่อความชัดเจน ด้วยสภาพอากาศร้อนของไทย ซันรูฟช่วยเพิ่มแสงสว่างและระบายอากาศภายในรถได้ดี แต่ควรเลือกรุ่นที่มีการเคลือบป้องกันรังสียูวีเพื่อลดความร้อนจากแสงแดด โดยซันรูฟของ Toyota Yaris มักมาพร้อมฟังก์ชันเปิด-ปิดอัตโนมัติและระบบป้องกันการหนีบ ซึ่งใช้งานง่ายและปลอดภัย ข้อสังเกตคือตลาดไทยนิยมรถที่มีซันรูฟค่อนข้างมาก ทำให้หลายแบรนด์อย่าง Honda และ Mazda ในระดับเดียวกันก็มีอุปกรณ์นี้ให้เลือกเช่นกัน ผู้ซื้อสามารถเปรียบเทียบฟังก์ชันเสริมระหว่างแบรนด์ต่างๆ ตามงบประมาณและความต้องการได้ เช่น วัสดุม่านบังแดดหรือดีไซน์ลดเสียงรบกวน นอกจากนี้ การบำรุงรักษารางซันรูฟและยางขอบหน้าต่างอย่างสม่ำเสมอจะช่วยยืดอายุการใช้งาน โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนของไทยที่อาจเกิดปัญหาน้ำรั่วได้
Q
ราคารถมือสอง Toyota Yaris ปี 2020 อยู่ที่เท่าไร?
รถยนต์ Toyota Yaris รุ่นปี 2020 ในตลาดมือสองของประเทศไทยมีอัตราการรักษามูลค่าค่อนข้างคงที่ โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 60%-70% ของราคารถใหม่ ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย ระยะทาง และสภาพการดูแลรักษา โดยเฉพาะรุ่นไฮบริดแบบสูงสุดที่มีจุดเด่นเรื่องประหยัดน้ำมันมักจะมีมูลค่าสูงกว่าในตลาดมือสอง คนไทยให้ความสำคัญกับความประหยัดน้ำมันและความทนทานของรถ ซึ่ง Yaris ได้รับความนิยมในทั้งสองด้านนี้ นอกจากนี้เครือข่ายบริการหลังการขายของ Toyota ในประเทศไทยยังช่วยสนับสนุนมูลค่ามือสองได้ดี สิ่งที่ควรทราบคือ ตลาดรถมือสองไทยให้ราคาสูงกว่าปกติสำหรับรถที่มีประวัติการซ่อมบำรุงตามศูนย์บริการอย่างครบถ้วน ดังนั้นควรเข้าศูนย์บริการอย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษามูลค่าไว้ให้สูงสุด เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Honda City แล้ว Yaris มีอัตราการรักษามูลค่าใกล้เคียงกัน แต่ด้วยขนาดตัวถังที่กะทัดรัดกว่า ทำให้ Yaris คล่องตัวกว่าในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นอีกเหตุผลที่ได้รับความนิยม หากต้องการขายรถ แนะนำให้ใช้ช่องทางยอดนิยมอย่างเว็บขายรถมือสองหรือช่องทางรถมือสองรับประกันโดยโตโยต้า (Toyota Used Car) ซึ่งจะให้ราคาที่สมเหตุสมผลกว่าการขายแบบส่วนตัว หลังจากการประเมินสภาพรถอย่างมืออาชีพแล้ว
Q
Toyota Yaris ปี 2020 ขับเป็นอย่างไรบ้าง?
รถยนต์ Toyota Yaris รุ่นปี 2020 ให้ประสบการณ์การขับขี่ในไทยได้ดีมากๆ ด้วยขนาดตัวรถที่กะทัดรัดและระบบพวงมาลัยที่ตอบสนองแม่นยำ ทำให้เหมาะกับถนนแคบๆ ในเมืองอย่างกรุงเทพฯ เป็นพิเศษ ตัวรถคล่องตัว ช่วยให้การจอดหรือเปลี่ยนเลนทำได้ง่ายขึ้น เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร ให้กำลังส่งที่เนียนสม่ำเสมอ เมื่อจับคู่กับเกียร์ CVT แล้วตอบสนองดีในความเร็วต่ำ เหมาะกับสภาพการจราจรที่ต้องหยุด-เริ่มบ่อยๆ ในไทย แถมยังประหยัดน้ำมันได้ดี ตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวไทยที่ต้องการประหยัดน้ำมัน การตั้งค่าตัวถังเน้นความนุ่มสบาย สามารถลดแรงสั่นสะเทือนจากถนนขรุขระที่พบได้ทั่วไปในไทยได้ดี แต่เวล้าโค้งอาจมีอาการโคลงเล็กน้อย จึงเหมาะกับการขับขี่ทั่วไปมากกว่าการขับแบบสปอร์ต ที่น่าสนใจคือ Yaris ในไทยมีเครือข่ายบริการหลังการขายที่ครอบคลุม อะไหล่พร้อม และค่าบำรุงรักษาไม่แพง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่คนไทยให้ความสำคัญ สำหรับคนไทยที่กำลังมองหารถขนาดเล็ก Yaris ถือเป็นตัวเลือกที่น่าจับตามอง ด้วยสมรรถนะที่รอบด้านและความน่าเชื่อถือของแบรนด์โตโยต้าในไทย ส่วนคู่แข่งอย่าง Honda City และ Mazda 2 ก็เป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน แนะนำให้ลองทดลองขับเปรียบเทียบตามความต้องการส่วนตัวก่อนตัดสินใจซื้อ

ข้อดี

พื้นที่ภายในรถกว้างขวางและสบาย
เครื่องยนต์เชื่อถือได้ คุ้มค่าสูง ราคาขายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับการกำหนดค่าใหม่จำนวนมาก มันคุ้มค่าราคา 5.39 - 6.49 หมื่นบาท
ยี่ห้อที่สามารถเชื่อถือได้ ระบบบริการทั่วประเทศ มากกว่า 300 แห่ง การขายหลังการขายมีการรับประกัน
ประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยเ outstandingางค์ มาตรฐานด้วย 7 ถุงลมนิรภัยได้รับการรับรองความปลอดภัย 5 ดาวจากอาเซียน
รถยนต์หลากหลายแบบที่มี 3 แบบการกำหนดค่าที่แตกต่างกันให้เลือก
เครื่องยนต์รุ่นใหม่ได้รับการอัพเกรดทำงานดีขึ้น
ประสิทธิภาพด้านการประหยัดน้ำมันดีเ outstandingางค์ ขับขี่ได้สูงสุด 23.3 กิโลเมตร/ลิตร มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผ่านมาตรฐานการปล่อย Euro 5
ตกแต่งภายในเฉียบขาดความหรูหราและสปอร์ต ใช้วัสดุเช่นหนัง ฝังเชือกสีแดงทำให้ดูรูปลักษณ์สปอร์ต จอแสดงผลสีเพิ่มความรู้สึก

ข้อเสีย

ภายในออกแบบเป็นลายเก่า
เครื่องยนต์มีกำลังดันน้อยเมื่อความเร็วสูง, ขาดความน่าสนใจเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Nissan Almera
รูปแบบรถไม่โดดเด่น, แสดงสภาพโดยรวมที่เฉยๆ
รุ่นรถเก่า, ต้องรอรุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี TNGA

Q&A ล่าสุด

Q
ราคา BMW M5 เท่าไหร่
ปัจจุบันราคาขายอย่างเป็นทางการของ BMW M5 (F90) ที่วางจำหน่ายในตลาดไทยอยู่ที่ประมาณ 12-14 ล้านบาท โดยราคาอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นย่อย ออปชั่นเสริม และโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่าย รุ่นมาตรฐาน M5 มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 4.4 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุด 600 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตร ทำงานคู่กับเกียร์ 8 สปีด M Steptronic และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.4 วินาที ส่วนรุ่น M5 Competition ที่สมรรถนะสูงขึ้นไปอีก จะให้กำลังเพิ่มอีก 17 แรงม้า พร้อมการปรับแต่งช่วงล่างที่ดุดันขึ้น และราคาก็สูงขึ้นตามไปด้วย เนื่องจาก BMW M5 มีราคาสูงกว่าตลาดต่างประเทศเล็กน้อยเนื่องจากประเทศไทยมีอัตราภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิตที่สูงขึ้นสำหรับรถหรู แต่ด้วยสมรรถนะและความหรูหราที่ยังคงดึงดูดผู้ที่ชื่นชอบรถสมรรถนะสูงมากมาย แนะนำให้ติดต่อตัวแทนจำหน่าย BMW อย่างเป็นทางการในไทยเพื่อสอบถามราคาล่าสุดและทดลองขับ หรืออาจพิจารณาตลาดรถนำเข้าแบบขนาน (grey import) ที่บางครั้งก็มีราคาจับต้องได้กว่า
Q
น้ำหนักของ BMW M5 รุ่นใหม่คือเท่าไหร่
จากข้อมูลทางการล่าสุด รุ่นใหม่ล่าสุดของ BMW M5 มีน้ำหนักประมาณ 2,345 กิโลกรัม ตัวเลขนี้คำนึงถึงระบบไฮบริดและชิ้นส่วนเสริมสมรรถนะที่ติดตั้งมา ซึ่งทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า แต่มีการกระจายน้ำหนักที่สมดุลขึ้นกว่าเดิม สำหรับตลาดไทยแล้ว สภาพอากาศร้อนและถนนที่หลากหลายต้องการระบบระบายความร้อนและช่วงล่างที่เสถียรเป็นพิเศษ ซึ่ง M5 ตอบโจทย์ด้วยโครงสร้างอลูมิเนียมน้ำหนักเบาและระบบช่วงล่างแอคทีฟที่ช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ระบบปลั๊กอินไฮบริดยังช่วยให้สามารถขับเคลื่อนด้วยโหมดไฟฟ้า 100% ในสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ เพื่อประหยัดน้ำมันได้อีกด้วย ที่น่าสนใจคือ M5 ที่นำเข้าเข้ามาในไทยจะติดตั้งระบบแอร์ประสิทธิภาพสูงและสารเคลือบป้องกันการกัดกร่อนเป็นมาตรฐาน แม้ว่าออปชั่นเหล่านี้จะเพิ่มน้ำหนักรถเล็กน้อย แต่ก็ช่วยให้เหมาะกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมท้องถิ่นมากขึ้น สำหรับคนไทยที่ชื่นชอบความแรง M5 ยังคงรักษาสมดุลน้ำหนัก 50:50 ระหว่างเพลาหน้าและหลัง พร้อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive ที่ช่วยให้การควบคุมยังคงแม่นยำแม้ในวันที่ถนนลื่นช่วงฤดูฝน ส่วนน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นก็ไม่ได้ส่งผลต่อความแรง เพราะ M5 สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.4 วินาที ด้วยพลังรวมสูงสุด 725 แรงม้า จากเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบชาร์จ 4.4 ลิตร ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า
Q
BMW M5 Competition วิ่งเร็วแค่ไหร่
BMW M5 Competition คือรถซูเปอร์ซีดานหรูระดับสูงที่มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 4.4 ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่ ให้กำลังสูงสุดถึง 625 แรงม้า แรงบิดพีค 750 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์ 8 สปีด M Steptronic และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive ที่ทำให้เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.3 วินาที ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 305 กม./ชม. แต่ถ้าเปิดลิมิตเตอร์ออกก็ไปได้เร็วกว่านี้ ในไทยอาจไม่มีถนนให้ขับถึงความเร็วสุดๆ เพราะกฎหมายและสภาพถนนไม่เอื้อ แต่พลังอันทรงพลังและการควบคุมที่แม่นยำของ M5 Competition ก็ยังให้ประสบการณ์การขับที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะบนทางด่วนหรือสนามแข่ง นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีล้ำๆ เช่นระบบช่วงล่างปรับได้ Active Differential ที่ช่วยให้สมดุลระหว่างความสบายและสมรรถนะ สำหรับคนไทยแล้ว M5 Competition ไม่ใช่แค่รถเร็วแต่เป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและความหรูหรา เหมาะกับคนที่ต้องการทั้งความแรงและความใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน ข้อควรระวังคือสภาพอากาศร้อนๆ ของไทยอาจส่งผลต่อระบบระบายความร้อนและยางรถ ควรดูแลรักษาเป็นประจำและใช้น้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพสูงเพื่อให้รถแสดงศักยภาพได้เต็มที่
Q
BMW M5 Competition เร็วขนาดไหน
BMW M5 Competition คือรถซูเปอร์ซีดานระดับหรูที่มาพร้อมสมรรถนะสูง ติดตั้งเครื่องยนต์ V8 4.4 ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่ ให้กำลังสูงสุดถึง 625 แรงม้า แรงบิดพีค 750 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์ 8 สปีด M Steptronic และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive ที่ทำให้เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.3 วินาที ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม. แต่ถ้าเลือกแพ็คเกจ M Driver’s Package จะเพิ่มความเร็วสูงสุดไปได้ถึง 305 กม./ชม. ซึ่งสมรรถนะระดับนี้สามารถตอบโจทย์ทั้งการขับขี่บนทางด่วนหรือถนนในเมืองของไทยได้อย่างสมบูรณ์แบบ แม้ในสภาพอากาศร้อนของไทย ระบบระบายความร้อนและยางประสิทธิภาพสูงของ M5 Competition ก็ยังทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพ ส่วนภายในห้องโดยสารที่หรูหราพร้อมเทคโนโลยีอันทันสมัยก็เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน สำหรับคนไทยที่ชื่นชอบรถสปอร์ตแล้ว M5 Competition ไม่ใช่แค่จักรกลความเร็วเท่านั้น แต่ยังเป็นรถซีดานหรูที่ครบครันด้วยประโยชน์ใช้สอยและความสะดวกสบาย ที่แสดงให้เห็นถึงสมรรถนะและการควบคุมที่เหนือกว่า ไม่ว่าจะเป็นถนนที่แออัดในกรุงเทพฯ หรือถนนโล่งในเขตชานเมือง
Q
เครื่องยนต์ใน BMW M5 Competition คืออะไร
BMW M5 Competition มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 4.4 ลิตร เทอร์โบคู่ ที่แม้ในสภาพอากาศร้อนของไทยก็ยังคงแสดงประสิทธิภาพได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยกำลังสูงสุดถึง 617 แรงม้า แรงบิดพีค 750 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์ 8 สปีด M Steptronic และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive ที่ทำให้การเร่งและควบคุมทรงตัวได้อย่างมั่นใจ ทั้งในสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ หรือเส้นทางคดเคี้ยวบนภูเขา เครื่องยนต์รุ่นนี้ใช้เทคโนโลยีเช่นท่อไอเสียแบบครอสและอินเตอร์คูลเลอร์แบบน้ำ ช่วยลดอาการลากรถได้ดี เหมาะสมกับสภาพการขับขี่ที่ต้องหยุดและบ่อยครั้งในไทย ที่พิเศษไปกว่านั้น รุ่น Competition ยังอัพเกรดระบบจัดการเครื่องยนต์และระบบไอเสียจากรุ่นมาตรฐาน ทำให้เสียงเครื่องมีความดุดันยิ่งขึ้น สำหรับแฟนรถไทย เครื่องยนต์นี้ไม่เพียงตอบโจทย์การขับขี่ทั่วไป แต่ยังแสดงศักยภาพบนสนามแข่งได้อย่างเต็มที่ พร้อมกับบริการดูแลจากผู้จำหน่าย BMW ในไทยที่ช่วยให้เครื่องยนต์สมรรถนะสูงนี้ทำงานได้อย่างสมบูรณ์แม้ในสภาพแวดล้อมที่ร้อนชื้น
ดูเพิ่มเติม