Q

Toyota Yaris มีปัญหาอะไรบ้าง? มารู้ไว้ก่อนตัดสินใจซื้อค่ะ

Toyota Yaris เป็นรถที่ได้รับความนิยมมากพอสมควร และโดยรวมไม่ได้มีปัญหาที่ร้ายแรงหรือเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป จุดเด่นของรถรุ่นนี้คือความประหยัดน้ำมัน ซึ่งจากข้อมูลระบุว่าใช้น้ำมันเฉลี่ยแค่ 4.3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ดี อีกทั้งยังมีระบบความปลอดภัยที่ครบถ้วน เช่น ระบบเบรก ABS, ระบบควบคุมเสถียรภาพ, ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย, ระบบเตือนออกนอกเลน, ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ และถุงลมนิรภัยหลายจุด ทำให้ขับขี่ได้มั่นใจยิ่งขึ้น ภายในรถก็จัดวางพื้นที่ได้ลงตัว เหมาะกับการใช้งานในเมืองและชีวิตประจำวัน แต่ทั้งนี้ ความรู้สึกของผู้ใช้งานอาจแตกต่างกันไป บางคนอาจมองว่ากำลังเครื่องยนต์ดูเรียบไปนิด เพราะเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุดที่ 92 แรงม้า ซึ่งอาจไม่ถูกใจคนที่ชอบขับเร็วหรือเน้นความแรง อีกจุดหนึ่งที่อาจมีคนสังเกตคือเรื่องของเสียงรบกวนในห้องโดยสาร โดยเฉพาะเวลาขับที่ความเร็วสูง เสียงลมและเสียงถนนอาจเข้ามาในรถมากกว่ารถรุ่นที่หรูหรือราคาสูงกว่านี้ ทำให้ความรู้สึกสบายขณะขับอาจลดลงเล็กน้อยค่ะ
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ข้อเสียของ Toyota Yaris มีอะไรบ้าง?
Tแม้ว่า Toyota Yaris จะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็มีจุดที่ควรพิจารณาเช่นกัน โดยเฉพาะในเรื่องของสมรรถนะ ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตรแบบไม่มีเทอร์โบ กำลังสูงสุด 92 แรงม้า ซึ่งอาจไม่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ชอบการขับขี่ที่เร้าใจหรือเร่งแซงบ่อยในความเร็วสูง ด้านพื้นที่ภายใน ด้วยขนาดตัวรถแบบ B-Segment (ยาว 4,171 มม. กว้าง 1,730 มม. สูง 1,475–1,500 มม. ฐานล้อ 2,550 มม.) อาจทำให้พื้นที่วางขาและศีรษะด้านหลังรู้สึกคับแคบ โดยเฉพาะกับผู้โดยสารที่รูปร่างสูงใหญ่ นอกจากนี้ ในขณะที่รถรุ่นอื่น ๆ ในระดับเดียวกันมีการอัปเดตดีไซน์และฟีเจอร์อย่างต่อเนื่อง Toyota Yaris บางรุ่นกลับดูขาดความทันสมัย ทั้งในด้านการออกแบบภายในและอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ระบบมัลติมีเดียที่ยังมีฟังก์ชันจำกัด วัสดุภายในที่ให้สัมผัสไม่หรูหรามากนัก เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งที่เน้นความล้ำสมัยหรือความหรูหรา Yaris จึงอาจดูเป็นรองในแง่ของความโดดเด่นและความน่าสนใจค่ะ
Q
Toyota Yaris จัดอยู่ในกลุ่มตลาดรถยนต์ระดับไหน?
Toyota Yaris จัดอยู่ในกลุ่มรถยนต์ B-Segment หรือที่เรียกว่าตลาดรถยนต์ขนาดเล็ก โดยมีขนาดตัวถังค่อนข้างกะทัดรัด ได้แก่ ความยาวประมาณ 4,140 มม. กว้าง 1,730 มม. สูง 1,475 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,550 มม. ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขับขี่ในเมืองและหาที่จอดรถได้ง่าย ราคาจำหน่ายอยู่ในช่วงประมาณ 559,000 – 694,000 บาท ถือว่าเข้าถึงได้ง่าย เหมาะกับผู้บริโภคทั่วไป เครื่องยนต์มีขนาดความจุ 1.2 ลิตร (1197 ซีซี) เป็นแบบ ดูดอากาศธรรมดา (ไม่มีเทอร์โบ) ให้กำลังสูงสุด 92 แรงม้า (PS) โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ดีอยู่ที่ 4.3 ลิตร / 100 กม. จึงเหมาะสำหรับการใช้งานประจำวัน เช่น ขับไปทำงานหรือเดินทางระยะสั้น ภายในรถยังมาพร้อมกับ อุปกรณ์ความปลอดภัยและความสะดวกสบายที่ครบครัน เช่น ถุงลมนิรภัยหลายตำแหน่ง และระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (VSC) เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารค่ะ
Q
มูลค่าขายต่อ (Resale Value) ของ Toyota Yaris คือเท่าไร?
ราคาขายต่อของ Toyota Yaris มือสอง ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุการใช้งาน (ปีของรถ), ระยะทางที่วิ่งมา, สภาพตัวรถ, และ ระดับของอุปกรณ์หรือรุ่นย่อย รถที่อายุยังน้อย, วิ่งมาน้อย, ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุ และได้รับการดูแลรักษาอย่างดี จะมีราคาสูงกว่ารถรุ่นเดียวกันที่มีอายุการใช้งานนานกว่า วิ่งมาเยอะ หรือเคยเกิดอุบัติเหตุ นอกจากนี้ รุ่นที่เป็น ตัวท็อปหรือมีออปชันครบ มักจะมีราคาขายต่อที่ดีกว่ารุ่นพื้นฐาน แม้จะไม่สามารถระบุราคาที่แน่นอนได้แบบชัดเจน เพราะขึ้นอยู่กับสภาพรถแต่ละคัน แต่โดยรวมแล้ว ถ้ารถอยู่ในสภาพดี ก็จะขายได้ราคาที่น่าพอใจในตลาดมือสอง ในทางกลับกัน หากรถมีสภาพไม่ดี ราคาก็จะลดลงอย่างมาก ผู้บริโภคควรพิจารณาปัจจัยหลายด้านร่วมกันในการประเมินมูลค่าที่แท้จริงของรถก่อนซื้อหรือขายค่ะ
Q
เครื่องยนต์ของ Toyota Yaris มีกี่ CC?
เครื่องยนต์ของ Toyota Yaris มีความจุ 1197 มิลลิลิตร (mL) ซึ่งเมื่อแปลงเป็นหน่วยลูกบาศก์เซนติเมตร (CC) จะเท่ากับ 1197 CC (เนื่องจาก 1 mL = 1 CC) เครื่องยนต์รุ่นนี้เป็นแบบ ดูดอากาศธรรมดา (Naturally Aspirated) มี 4 สูบ ให้กำลังขับเคลื่อนที่เสถียรและเชื่อถือได้ ด้านความประหยัดน้ำมันก็ทำได้ดี โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 4.3 ลิตร / 100 กิโลเมตร (ตามข้อมูลจากผู้ผลิต) เครื่องยนต์ให้กำลังสูงสุดที่ 68 กิโลวัตต์ (kW) ที่รอบเครื่องยนต์ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 109 นิวตันเมตร (N·m) ที่ 4,400 รอบ/นาที มาพร้อมเกียร์ CVT (เกียร์อัตโนมัติแปรผันต่อเนื่อง) ทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างนุ่มนวล เหมาะสำหรับการใช้งานในเมืองหรือถนนทั่วไปในชีวิตประจำวันค่ะ
Q
Toyota Yaris ใช้เครื่องยนต์อะไร?
Toyota Yaris มาพร้อมกับเครื่องยนต์รหัส 3NR-FKE ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เบนซินแบบ 4 สูบเรียง ขนาด 1.2 ลิตร (1,197 ซีซี) แบบดูดอากาศธรรมดา (ไม่มีเทอร์โบ) เครื่องยนต์นี้ใช้ระบบ DOHC 16 วาล์ว และมีลักษณะเป็นเครื่องยนต์ “สมดุล” เพราะขนาดกระบอกสูบและช่วงชักเท่ากัน (72.5 มม.) นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบ หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ (EFI) และเทคโนโลยี Dual VVT-iE (ระบบวาล์วแปรผันคู่แบบควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า ส่งผลให้เครื่องยนต์สามารถให้กำลังสูงสุด 92 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 109 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที ด้านระบบเกียร์ ใช้เกียร์อัตโนมัติแบบ Super CVT-i ที่ให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ พร้อมระบบ Shift-Lock ที่ช่วยปลดเกียร์ว่างเมื่อรถจอด เครื่องยนต์และชุดส่งกำลังนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ขับขี่ได้อย่างราบรื่น และยังช่วยในเรื่อง ความประหยัดน้ำมัน ในบางประเทศ (รวมถึงไทย) หากมีการเปิดตัวรุ่นใหม่เพิ่มเติม อาจมีการใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร แบบ Dual VVT-i ที่ให้กำลัง 107 แรงม้า และแรงบิด 140 นิวตันเมตร พร้อมจับคู่กับเกียร์ Super CVT-i ที่สามารถจำลองการเปลี่ยนเกียร์ได้ถึง 7 จังหวะ เพื่อให้การขับขี่เร้าใจมากขึ้นค่ะ
Q
Toyota Yaris ใช้เกียร์แบบไหน?
Toyota Yaris มีระบบเกียร์ให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ • เกียร์อัตโนมัติแบบ Super CVT-i (ใช้ในรุ่นเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร รหัส 3NR-FBE) • เกียร์ธรรมดาแบบ 6 สปีด (ใช้หลักในรุ่นเชิงพาณิชย์ เช่น รุ่นที่ใช้เพื่อการขนส่ง) ส่วนรุ่น Yaris ATIV จะใช้เกียร์ CVT เป็นมาตรฐานทุกรุ่น โดยเกียร์ CVT ของ Yaris ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนและการจราจรติดขัดในประเทศไทย เช่นในกรุงเทพฯ โดยใช้ น้ำมันเกียร์ความหนืดต่ำ และเพิ่มระบบ ระบายความร้อน เพื่อให้ทนต่อการใช้งานในเมืองที่ต้องหยุด–ออกตัวบ่อย คำแนะนำจาก Toyota ประเทศไทย คือควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ CVT ทุก ๆ 80,000 กิโลเมตร แต่ถ้าขับรถในพื้นที่อุณหภูมิสูงตลอดปี เช่น ภาคใต้ ควรเปลี่ยนทุก 60,000 กิโลเมตร และควรใช้น้ำมันเกียร์มาตรฐาน Toyota CVTF FE ซึ่งหาซื้อได้ง่ายในประเทศไทย สำหรับผู้ที่ชอบขับรถแนวสปอร์ต แม้ Yaris จะไม่มีเกียร์อัตโนมัติแบบดั้งเดิม แต่เกียร์ CVT รุ่นนี้สามารถปรับเป็นโหมดแมนนวลจำลอง 7 จังหวะ ช่วยควบคุมรอบเครื่องยนต์ได้แม่นยำ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีภูเขาเยอะอย่างเชียงใหม่ นอกจากนี้ ตัวแทนจำหน่าย Toyota ยังแนะนำว่า หากใช้รถในพื้นที่ชายทะเล เช่น ชลบุรี ควรล้างคราบเกลือที่เกาะบริเวณตัวเกียร์ด้านนอกเป็นประจำ เพื่อป้องกันสนิม รุ่นปรับโฉมล่าสุดของ Yaris ยังได้ปรับปรุงชุดเฟืองเริ่มต้นในเกียร์ CVT เพื่อให้ตอบสนองการออกตัวดีขึ้น โดยเฉพาะเมื่อต้องขนของหนักออกจากเขตนิคมอุตสาหกรรม เช่น ที่ระยองค่ะ
Q
ขนาด PCD ของ Toyota Yaris คือเท่าไร?
รถ Toyota Yaris ที่วางจำหน่ายในตลาด (รวมถึงรุ่น Yaris ATIV) ใช้ขนาด PCD มาตรฐานที่ 4×100 มม. หมายความว่าล้อแม็กมี รูน็อต 4 รู และแต่ละรูจะเรียงอยู่บนวงกลมเส้นผ่านศูนย์กลาง 100 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นขนาดที่นิยมใช้ในรถยนต์ขนาดเล็ก ขนาด รูดุมกลาง (Hub Bore) ของ Yaris อยู่ที่ 54.1 มม. ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับเจ้าของรถในไทยที่ต้องการ เปลี่ยนล้อแม็กหรือแต่งล้อ เนื่องจากล้อทดแทนหรือแต่งจากแบรนด์ดังในไทย เช่น RAYs, SSR หรือแบรนด์ล้อแม็กผลิตในประเทศ ต้องใช้ขนาดนี้จึงจะใส่ได้พอดี เกลียวน็อตล้อ ที่ใช้คือ M12×1.5 และควรขันด้วยแรงบิดประมาณ 103 นิวตันเมตร (Nm) ในสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย แนะนำให้ตรวจสอบความแน่นของน็อตล้อทุก ๆ 10,000 กม. ชาวไทยที่นิยมแต่งล้อมักเลือกออฟเซ็ต (ET) ประมาณ ET38 ถึง ET45 เพื่อให้ล้อดูเต็มซุ้มและมีมิติยิ่งขึ้น แต่ต้องระวังอย่าให้ล้อชนกับบังโคลนหรือชิ้นส่วนอื่น หากต้องเปลี่ยนเป็นล้อสำหรับยางฤดูหนาว (เช่น ในพื้นที่ภูเขาทางภาคเหนือของไทย) ก็ควรเลือกใช้ล้อที่มี PCD เท่ากัน (4×100 มม.) ราคาแม็กซ์แท้จากศูนย์ Toyota ในไทย อยู่ที่ประมาณ 8,000–15,000 บาทต่อล้อ สำหรับผู้ที่ต้องการ อัปเกรดระบบเบรก และยังคงใช้ PCD ขนาดเดิม 4×100 มม. สามารถเลือกชุดเบรกยอดนิยมในไทย เช่นแบรนด์ Endless หรือ Project μ ได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจค่ะ
Q
รถ Toyota Yaris มีระบบ Apple CarPlay หรือไม่?
Toyota Yaris รุ่นปรับโฉมตั้งแต่ปี 2020 (รวมถึง Yaris ATIV) มีบางรุ่นย่อย เช่น SV และ RS ที่มาพร้อมกุญแจ Smart Entry และระบบ Push Start ได้ติดตั้งหน้าจอสัมผัส 7 หรือ 9 นิ้ว ซึ่งรองรับ Apple CarPlay แล้ว แต่รุ่นพื้นฐานอย่าง JL หรือ J ยังไม่มีฟีเจอร์นี้ และใช้แค่ระบบวิทยุมาตรฐาน ผู้ที่ใช้รุ่นเก่า สามารถอัปเกรดเป็นหน้าจอที่รองรับ CarPlay ได้ผ่านศูนย์บริการโตโยต้าในไทย ราคาประมาณ 8,000 – 15,000 บาท โดยแนะนำให้ใช้สาย Lightning ที่ผ่านการรับรอง MFi เพราะอากาศร้อนในไทยอาจทำให้สายคุณภาพต่ำเสียหายได้ง่าย นอกจากนี้ โตโย่ายังมีอัปเดตระบบปีละ 1–2 ครั้ง ล่าสุดเพิ่มการรองรับ Siri ภาษาไทยด้วย หากสนใจซื้อ Yaris มือสอง แนะนำเลือกจาก Toyota Sure ที่รับรองคุณภาพ และมีการตรวจสอบระบบ CarPlay พร้อมประกันระบบมัลติมีเดีย 3 เดือน
Q
ยี่ห้อยางรถยนต์ของ Toyota Yaris คืออะไร?
ยางติดรถของ Toyota Yaris จะแตกต่างกันไปตามรุ่นและอุปกรณ์ที่ติดตั้ง โดยทั่วไปมักใช้ยางยี่ห้อ Bridgestone รุ่น ECOPIA EP150 หรือ TURANZA T005A และ Dunlop ENASAVE EC300+ ซึ่งออกแบบมาให้เหมาะกับถนนในเอเชีย เน้นความนุ่มนวลและประหยัดน้ำมัน รุ่นที่ใช้ล้อขนาด 15 นิ้ว มักใช้ยางขนาด 175/65 R15 ขณะที่รุ่นสปอร์ตอย่าง RS จะใช้ขนาดใหญ่ขึ้นคือ 195/50 R16 ด้วยสภาพอากาศในไทยที่ร้อนและมีฝนบ่อย ยางเหล่านี้จึงผลิตจากสูตรยางพิเศษ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะบนถนนเปียกและทนความร้อนได้ดี อย่างไรก็ตาม ในช่วงฤดูฝนควรเพิ่มความระมัดระวัง และเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าเพื่อความปลอดภัย โชว์รูมโตโยต้าในไทยยังมีตัวเลือกยางอัปเกรด เช่น Michelin หรือ Yokohama (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) ที่เหมาะกับถนนไทยที่มีทั้งเรียบและขรุขระ แนะนำให้สลับยางทุก 10,000 กม. เพื่อยืดอายุการใช้งาน และตรวจเช็กลมยางเป็นประจำ โดยเฉพาะช่วงอากาศร้อนที่ความดันลมยางอาจสูงเกิน Toyota มีบริการสลับยางในราคาประมาณ 300–500 บาท หากต้องการเปลี่ยนยางขนาดเดิม ราคายางระดับเดียวกับยางติดรถในไทยอยู่ที่ประมาณเส้นละ 2,500–4,500 บาท (รวมติดตั้งและถ่วงล้อ) และสามารถผ่อนจ่ายผ่าน Toyota Easy Finance ได้อีกด้วย
Q
Toyota Yaris เป็นรถที่ดีไหม? มาดูข้อดีข้อเสียของมันกันที่นี่เลย!
Toyota Yaris เป็นรถที่มีข้อดีหลายด้าน แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการเช่นกัน โดยจุดเด่นหลักคือความประหยัดน้ำมัน ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร 4 สูบ ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยเพียง 4.3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันได้มาก ในด้านความปลอดภัย Toyota Yaris ก็มาพร้อมระบบมาตรฐานครบครัน เช่น ระบบเบรก ABS, ระบบควบคุมเสถียรภาพรถ, สัญญาณเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย, ระบบเตือนรถออกนอกเลน, ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ และถุงลมนิรภัยหลายตำแหน่ง ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจมากขึ้น ด้านอุปกรณ์ภายในก็ถือว่าครบถ้วน โดยเฉพาะรุ่นท็อปที่มีหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว, ช่องชาร์จ Type-C, แอร์อัตโนมัติ รวมถึงบางรุ่นที่มีเบาะหนังและกล้องรอบคัน เพิ่มความสะดวกและความสบายในการใช้งาน ดีไซน์ภายนอกก็ดูทันสมัย สีสันหลากหลาย และด้านหน้าของตัวรถมีความเป็นเอกลักษณ์ ช่วยเพิ่มความโดดเด่น อย่างไรก็ตาม จุดด้อยของ Yaris คือเรื่องกำลังเครื่องยนต์ ซึ่ง 1.2 ลิตร อาจไม่แรงพอสำหรับคนที่ต้องการอัตราเร่งแรงหรือขับเร็วบนทางด่วน นอกจากนี้เบาะหลังของบางรุ่นอาจแคบไปเล็กน้อย ทำให้การนั่งระยะไกลรู้สึกไม่ค่อยสบาย โดยรวมแล้ว Toyota Yaris เหมาะกับผู้ที่ต้องการรถประหยัดน้ำมัน ใช้งานในเมือง มีความปลอดภัย และมีฟีเจอร์พื้นฐานครบ โดยไม่เน้นเรื่องพละกำลังหรือพื้นที่กว้างมากนัก เป็นทางเลือกที่น่าสนใจในกลุ่มรถเล็กค่ะ

ข้อดี

พื้นที่ภายในรถกว้างขวางและสบาย
เครื่องยนต์เชื่อถือได้ คุ้มค่าสูง ราคาขายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับการกำหนดค่าใหม่จำนวนมาก มันคุ้มค่าราคา 5.39 - 6.49 หมื่นบาท
ยี่ห้อที่สามารถเชื่อถือได้ ระบบบริการทั่วประเทศ มากกว่า 300 แห่ง การขายหลังการขายมีการรับประกัน
ประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยเ outstandingางค์ มาตรฐานด้วย 7 ถุงลมนิรภัยได้รับการรับรองความปลอดภัย 5 ดาวจากอาเซียน
รถยนต์หลากหลายแบบที่มี 3 แบบการกำหนดค่าที่แตกต่างกันให้เลือก
เครื่องยนต์รุ่นใหม่ได้รับการอัพเกรดทำงานดีขึ้น
ประสิทธิภาพด้านการประหยัดน้ำมันดีเ outstandingางค์ ขับขี่ได้สูงสุด 23.3 กิโลเมตร/ลิตร มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผ่านมาตรฐานการปล่อย Euro 5
ตกแต่งภายในเฉียบขาดความหรูหราและสปอร์ต ใช้วัสดุเช่นหนัง ฝังเชือกสีแดงทำให้ดูรูปลักษณ์สปอร์ต จอแสดงผลสีเพิ่มความรู้สึก

ข้อเสีย

ภายในออกแบบเป็นลายเก่า
เครื่องยนต์มีกำลังดันน้อยเมื่อความเร็วสูง, ขาดความน่าสนใจเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Nissan Almera
รูปแบบรถไม่โดดเด่น, แสดงสภาพโดยรวมที่เฉยๆ
รุ่นรถเก่า, ต้องรอรุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี TNGA

Q&A ล่าสุด

Q
รถ Volkswagen Transporter Shuttle เป็นรถยนต์เชิงพาณิชย์หรือไม่
Volkswagen Transporter Shuttle ในประเทศไทยถูกจัดอยู่ในกลุ่มรถเพื่อการพาณิชย์เนื่องจากลักษณะการออกแบบและการใช้งานเป็นหลัก ตัวถังแบบตู้พร้อมที่นั่ง 7 ถึง 9 ที่นั่งเหมาะสำหรับการใช้งานเชิงธุรกิจ เช่น รับส่งพนักงานหรือรถเช่าเหมาท่องเที่ยว เมื่อนำไปจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกจะต้องติดป้ายทะเบียนพื้นเหลืองและอยู่ภายใต้ข้อบังคับการตรวจสภาพตามรอบสำหรับรถพาณิชย์ อย่างไรก็ตามการจัดประเภทในไทยยังพิจารณาจากจำนวนที่นั่งและวัตถุประสงค์การใช้งาน เช่นรุ่น Multivan ที่ใช้แพลตฟอร์มเดียวกันแต่มีจำนวนเบาะน้อยกว่าจะถูกจัดเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและใช้ป้ายทะเบียนพื้นขาว ผู้บริโภคไทยควรให้ความสำคัญกับประเภทการจดทะเบียนเนื่องจากส่งผลต่อภาษีและค่าใช้จ่าย เช่น รถพาณิชย์สามารถขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้แต่ต้องตรวจสภาพทุกสองปี ส่วนรถใช้ส่วนตัวแม้ไม่สามารถขอคืนภาษีได้แต่จะเสียภาษีและค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนในอัตราที่สูงกว่า รถในกลุ่มเดียวกันที่พบได้บ่อยในไทยยังมี Toyota Hiace Commuter และ Mercedes-Benz V-Class ซึ่งมีจุดเด่นต่างกันในด้านการจัดวางภายในและขุมพลัง แนะนำให้พิจารณารายละเอียดอย่างความยืดหยุ่นของเบาะแถวหลัง ระบบปรับอากาศ และความเหมาะสมกับการใช้งานจริงก่อนตัดสินใจ
Q
VW Transporter shuttle คืออะไร
Volkswagen Transporter Shuttle เป็นรถตู้เอนกประสงค์ที่พัฒนาบนพื้นฐานของรถตู้ตระกูล T ของ Volkswagen โดยมุ่งเน้นตลาดการเดินทางแบบกลุ่มและการรับรองลูกค้าเชิงธุรกิจ เหมาะอย่างยิ่งกับประเทศเขตร้อนอย่างไทยในการใช้งานเป็นรถรับส่งสนามบินหรือรถเช่าเหมาท่องเที่ยว มีตัวเลือกที่นั่งแบบ 9 หรือ 11 ที่นั่ง ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 TDI พร้อมพื้นที่เหนือศีรษะกว้างขวางและประตูสไลด์ด้านข้าง เหมาะกับการเดินทางแบบครอบครัวหรือกิจกรรมองค์กรภายในประเทศไทย จุดเด่นคือมีรุ่นหลังคาสูงจำหน่ายในไทยรองรับผู้โดยสารรูปร่างสูงได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งระบบปรับอากาศยังถูกปรับจูนให้เหมาะกับภูมิอากาศร้อนโดยเฉพาะ รุ่นที่ใช้แพลตฟอร์มเดียวกันอย่าง Multivan จะเน้นความหรูหราและภาพลักษณ์ธุรกิจในขณะที่ Transporter Shuttle เน้นความคุ้มค่าและการใช้งานจริง ความแตกต่างนี้ทำให้รถตู้เชิงพาณิชย์ของ Volkswagen สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้หลากหลายกลุ่มในตลาดไทย ด้วยอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่เติบโตดีในไทย รถรุ่นนี้จึงพบได้บ่อยในเมืองท่องเที่ยวอย่างภูเก็ตและพัทยาโดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการเช่ารถที่เลือกใช้เป็นรถบริการหลัก
Q
รถตู้ VW Transporter ยาวเท่าไหร่
รถยนต์大众 Transporter Shuttle รุ่นมาตรฐานที่มีระยะฐานล้อปกติมีความยาวตัวรถ 5,304 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 3,400 มิลลิเมตร ขนาดนี้ถือว่าเหมาะสมกับการใช้งานบนถนนในเมืองและลานจอดรถในประเทศไทยเป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะให้พื้นที่ภายในกว้างขวางพอสำหรับผู้โดยสาร 9 ที่นั่งแล้ว ยังไม่ยาวเกินไปจนทำให้การขับขี่ขาดความคล่องตัว ในตลาดไทย Transporter Shuttle ได้รับความนิยมในฐานะรถรับส่งของโรงแรมหรือรถเช่าท่องเที่ยว เนื่องจากมีความทนทานและใช้งานได้หลากหลาย โดยเฉพาะรุ่นหลังคาสูงที่สามารถบรรจุกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ของนักท่องเที่ยวไทยได้อย่างสบายๆ จุดที่น่าสนใจคือเวลาชาวไทยเลือกซื้อรถประเภทนี้ มักจะให้ความสำคัญกับความสูงจากพื้นรถด้วย เพราะ Transporter Shuttle มีความสูงจากพื้นรถขั้นต่ำ 190 มิลลิเมตร ซึ่งเหมาะกับสภาพถนนบางสายในชนบทของไทย นอกจากนี้เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 TDI ยังผ่านการทดสอบแล้วว่าใช้งานได้เสถียรในสภาพอากาศร้อนของไทย และค่าบำรุงรักษาก็อยู่ในระดับสมเหตุสมผล นี่คือจุดเด่นที่เจ้าของรถเชิงพาณิชย์ในไทยให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
Q
รถ Volkswagen Transporter Shuttle มีที่นั่งกี่ที่
Volkswagen Transporter Shuttle เป็นรถตู้เอนกประสงค์ที่ได้รับความนิยมในตลาดไทยโดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจและการท่องเที่ยว รุ่นมาตรฐานมาพร้อมที่นั่ง 9 ที่นั่งในรูปแบบ 2+2+2+3 และบางรุ่นมีตัวเลือก 11 ที่นั่งเพื่อตอบโจทย์การใช้งานเชิงพาณิชย์ที่หลากหลาย การออกแบบเบาะนั่งแบบโมดูล่าร์เหมาะสำหรับการใช้งานเป็นรถเช่าเหมาเพื่อการท่องเที่ยวหรือรถรับส่งพนักงานในองค์กร จุดเด่นคือในไทย Transporter มักถูกนำไปดัดแปลงเป็นรถแคมป์หรูแต่รุ่น Shuttle จากโรงงานจะเน้นการใช้งานจริงโดยใช้ระบบช่วงล่างหลังแบบแหนบเหล็กเพื่อรองรับน้ำหนักบรรทุกได้ดี ผู้บริโภคไทยควรทราบว่า Transporter Shuttle มีจุดยืนต่างจากรุ่น Multivan ซึ่งเน้นความหรูหราและใช้ช่วงล่างหลังแบบอิสระ ในขณะที่ Shuttle เน้นความคุ้มค่าและความยืดหยุ่นของพื้นที่ใช้งาน มักพบเห็นได้บ่อยในเมืองใหญ่เช่นกรุงเทพฯ โดยใช้เป็นรถรับส่งสนามบินหรือรถโรงแรม แนะนำให้ตรวจสอบปีรุ่นและรายละเอียดอุปกรณ์ให้ชัดเจนก่อนซื้อเนื่องจากบางรุ่นหลังปี 2020 มีการปรับช่วงการเลื่อนเบาะแถวสองซึ่งอาจมีผลต่อความสะดวกในการขนสัมภาระขนาดใหญ่สำหรับผู้ใช้งานในไทย
Q
แอสตัน มาร์ติน V8 Vantage เป็นรถที่ดีหรือไม่
แอสตัน มาร์ติน V8 Vantage คือสุดยอดรถสปอร์ตหรูที่มาพร้อมสมรรถนะอันยอดเยี่ยม ขุมพลังเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ความจุ 4.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุดถึง 503 แรงม้า เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.6 วินาที แสดงศักยภาพด้านความแรงได้อย่างน่าประทับใจ ไม่เพียงเท่านั้น การออกแบบสุดคลาสสิกแบบอังกฤษผสานงานฝีมือระดับมาสเตอร์พีซยังทำให้มันกลายเป็นรถในฝันของนักเลงรถหลายคน สำหรับในไทย V8 Vantage ถือว่ามีสมรรถนะการขับขี่และการปรับตัวได้ดีเป็นพิเศษ โดยเฉพาะระบบช่วงล่างที่ถูกตั้งค่าให้รับมือกับสภาพถนนซับซ้อนในกรุงเทพฯ ได้อย่างมั่นใจ แถมความต้องการรถหรูในไทยที่สูงยังทำให้ดีไซน์เฉพาะตัวและแบรนด์มูลค่าสูงของ V8 Vantage ดึงดูดผู้ซื้อได้ไม่น้อย แอสตัน มาร์ตินยังมีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทย พร้อมให้บริการหลังการขายและดูแลรักษาอย่างครบวงจร มั่นใจได้ว่าคุณจะได้สัมผัสประสบการณ์การใช้งานระดับพรีเมียม สำหรับคนไทยที่หลงใหลรถสปอร์ตสมรรถนะสูง V8 Vantage ไม่ใช่แค่ให้ความสนุกในการขับเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวบอกระดับความชิคของผู้เป็นเจ้าของได้ดีเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม ต้องบอกก่อนว่าราคารถและค่าดูแลรักษาที่ค่อนข้างสูงอาจเหมาะกับผู้ที่มีงบประมาณพอสมควรเท่านั้น ถ้าสนใจรถสปอร์ตหรูระดับนี้ ลองมองหาตัวเลือกอื่นในคลาสเดียวกันดูก็ได้ เช่น พอร์เช่ 911 หรือ เมอร์เซเดส-AMG GT ที่แต่ละรุ่นก็มีจุดเด่นแตกต่างกันไป เลือกให้เหมาะกับสไตล์การใช้งานของคุณจะดีที่สุด
ดูเพิ่มเติม