Q

ความจุน้ำมันเครื่องของฮอนด้า แจ๊สคืออะไร

ปริมาณน้ำมันเครื่องของฮอนด้า Jazz (ในไทยเรียกว่า Honda Fit) จะแตกต่างกันตามรุ่นและประเภทเครื่องยนต์ โดยทั่วไปรุ่น 1.3 ลิตรจะใช้น้ำมันเครื่องประมาณ 3.3 ลิตร ส่วนรุ่น 1.5 ลิตรจะต้องการประมาณ 3.5 ลิตร แต่แนะนำให้ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องด้วยก้านวัดและอ้างอิงคู่มือเจ้าของรถเพื่อความแม่นยำ ในสภาพอากาศร้อนของไทยควรเลือกใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์เต็มสูตรที่มีความหนืดเหมาะสม เช่น 5W-30 หรือ 0W-20 เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้ดีแม้อุณหภูมิสูง และควรตรวจสอบระดับและสภาพน้ำมันเครื่องเป็นประจำ เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพจากการขับทางไกลหรือรถติด นอกจากนี้หลายอู่ฮอนด้าในไทยมีบริการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและอะไหล่แท้ โดยใช้น้ำมันเครื่องที่ได้มาตรฐานของฮอนด้าซึ่งช่วยยืดอายุเครื่องยนต์ได้ดีขึ้น หากเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเองควรเลือกซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือและกำจัดน้ำมันเครื่องเก่าอย่างถูกต้องเพื่อเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ข้อเสียของ Honda Jazz คืออะไร
Honda Jazz ในฐานะรถยนต์แฮทช์แบ็กขนาดกะทัดรัดที่ได้รับความนิยมในตลาดไทยนั้น จุดด้อยหลัก ๆ อยู่ที่พื้นที่ภายในและสมรรถนะของเครื่องยนต์ แม้ว่า Jazz จะมีการออกแบบที่โดดเด่นด้วยฟังก์ชัน Magic Seat แต่ในสภาพอากาศร้อนของไทย พื้นที่ขาเบาะหลังอาจรู้สึกคับแคบสำหรับผู้โดยสารที่สูงโดยเฉพาะเมื่อเดินทางไกล นอกจากนี้ เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร แบบดูดอากาศธรรมชาติ เมื่อใช้งานในเส้นทางภูเขาหรือเมื่อต้องบรรทุกเต็มที่ การเร่งความเร็วอาจรู้สึกไม่เพียงพอ โดยเฉพาะเวลาที่เปิดแอร์เต็มกำลังจะเห็นการลดทอนของพละกำลังและอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ส่วนเรื่องการเก็บเสียงเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง เสียงลมและเสียงยางจะค่อนข้างเด่น ซึ่งอาจทำให้ผู้บริโภคที่เน้นความเงียบสงบรู้สึกไม่เต็มที่ อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดเหล่านี้เป็นเรื่องที่พิจารณาในบริบทของการจัดวางตำแหน่งรถยนต์รุ่นนี้ โดยเมื่อพิจารณาถึงความคล่องตัวในการขับขี่ในเมืองและความประหยัดน้ำมัน รวมถึงสภาพการจราจรที่หนาแน่นในไทย Jazz ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการใช้งานในเมือง ผู้บริโภคในไทยสามารถชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียตามความต้องการส่วนตัว หากต้องการรถที่เหมาะกับการเดินทางแบบครอบครัวหรือสมรรถนะที่แรงขึ้น อาจพิจารณารถรุ่นอื่นในระดับเดียวกันเป็นทางเลือกเพิ่มเติมได้
Q
Honda Jazz อยู่ในกลุ่มตลาดรถยนต์ขนาดเล็ก
Honda Jazz ในตลาดรถยนต์ของประเทศไทยจัดอยู่ในกลุ่ม B-Segment หรือที่เรียกว่ารถยนต์ขนาดเล็ก (Subcompact Car) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เน้นการใช้งานในเมืองและครอบครัวในชีวิตประจำวัน โดยมีจุดเด่นที่ขนาดตัวถังกะทัดรัด ประหยัดน้ำมัน และออกแบบพื้นที่ใช้สอยได้อย่างลงตัว Honda Jazz มีฟังก์ชัน Magic Seat ที่ช่วยเพิ่มความหลากหลายในการจัดเก็บสัมภาระ เหมาะอย่างยิ่งกับการขับขี่ในเมืองใหญ่ที่การจราจรหนาแน่น เช่น กรุงเทพฯ ขณะที่เครื่องยนต์ i-VTEC ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังขับเคลื่อนที่นุ่มนวลและเหมาะสมกับสภาพถนนของไทย กลุ่ม B-Segment ในไทยยังมีคู่แข่งที่ได้รับความนิยมอย่าง Toyota Yaris และ Mazda2 ซึ่งเน้นความประหยัดและใช้งานได้จริง ผู้บริโภคจึงมักเลือกตามความชอบในแบรนด์ ฟีเจอร์ และบริการหลังการขาย ความต้องการรถยนต์ขนาดเล็กในไทยยังคงสูงเนื่องจากราคาที่เข้าถึงได้ง่าย ต้นทุนการบำรุงรักษาต่ำ และเหมาะกับถนนที่ค่อนข้างแคบ Honda Jazz จึงเป็นตัวเลือกยอดนิยมในกลุ่มนี้ด้วยความน่าเชื่อถือและอัตราการเก็บมูลค่าที่ดี
Q
มูลค่าการขายต่อของ Honda Jazz คืออะไร
ในตลาดประเทศไทย Honda Jazz ถือเป็นรถมือสองที่มีอัตราการคงมูลค่อนข้างดี โดยมีปัจจัยสนับสนุนคือคุณภาพที่เชื่อถือได้ ความประหยัดน้ำมัน และภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์ Honda ในประเทศไทย จากข้อมูลในอุตสาหกรรมพบว่า Jazz ที่มีอายุไม่เกิน 3 ปีมักมีอัตราการคงมูลอยู่ที่ประมาณ 60% - 70% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพรถ ระดับอุปกรณ์ และประวัติการบำรุงรักษา สำหรับประเทศไทยซึ่งมีถนนในเมืองที่แออัดและราคาน้ำมันสูง รถยนต์ขนาดเล็กประหยัดพลังงานอย่าง Jazz จึงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการที่ Honda มีฐานการผลิตในประเทศ ทำให้ชิ้นส่วนอะไหล่หาได้ง่ายและค่าบำรุงรักษาไม่สูง จึงช่วยเพิ่มมูลค่าของรถมือสองได้อีกทาง หนึ่งในแนวโน้มสำคัญคือ Jazz รุ่นไฮบริดเริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในไทย ซึ่งมักมีมูลค่าขายต่อสูงกว่ารุ่นเครื่องยนต์เบนซินแบบธรรมดา แนะนำให้เจ้าของรถเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการอย่างสม่ำเสมอและเก็บเอกสารประวัติการบำรุงรักษาไว้ให้ครบถ้วน เพราะสามารถช่วยเพิ่มราคาขายต่อได้ นอกจากนี้ ผู้บริโภคชาวไทยมักนิยมรถสีโทนกลางอย่างสีขาวหรือสีเงิน ซึ่งขายต่อได้ง่ายกว่า หากต้องการทราบราคาประเมินที่แม่นยำมากขึ้น ควรอ้างอิงจากคู่มือราคารถมือสองของสมาคมรถยนต์ในประเทศไทย หรือปรึกษากับตัวแทนจำหน่ายรถมือสองที่เชื่อถือได้ในพื้นที่
Q
ฮอนด้า แจ๊ส มีกี่ซีซี
Honda Jazz ที่วางจำหน่ายในตลาดประเทศไทยส่วนใหญ่ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินแบบดูดอากาศธรรมดาขนาด 1.5 ลิตร มีปริมาตรกระบอกสูบ 1497 ซีซี โดยเครื่องยนต์รุ่นนี้ขึ้นชื่อเรื่องประสิทธิภาพสูงและความประหยัดน้ำมัน เหมาะกับสภาพการจราจรในเมืองที่มีการหยุด-เคลื่อนบ่อยครั้งในประเทศไทย อีกทั้งยังจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ที่ช่วยให้การขับขี่ลื่นไหลยิ่งขึ้น Jazz ถือเป็นรถยนต์ขนาดเล็กที่คุ้มค่าและได้รับความนิยมอย่างมากในไทย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการรถสำหรับใช้งานในครอบครัวหรือเดินทางในเมือง จุดเด่นของรุ่นนี้อยู่ที่ขนาดตัวรถที่คล่องตัวแต่ภายในกว้างขวาง นอกจากนี้ผู้บริโภคยังควรพิจารณาเทคโนโลยีเครื่องยนต์เพิ่มเติม เช่น ระบบ i-VTEC ของ Honda ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการส่งกำลังและประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น ทั้งนี้มาตรฐานมลพิษในไทย เช่น Euro 5 ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ผู้ซื้อควรตรวจสอบ รวมถึงต้นทุนการใช้งานในระยะยาว ซึ่งมีผลต่อประสบการณ์การขับขี่และค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษารถยนต์
Q
เครื่องยนต์ใน Honda Jazz คืออะไร
Honda Jazz ในตลาดประเทศไทยส่วนใหญ่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร i-VTEC แบบดูดอากาศธรรมดา มาพร้อมเทคโนโลยี VTEC อันเป็นเอกลักษณ์ของ Honda ให้กำลังสูงสุดประมาณ 120 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่ขึ้นชื่อเรื่องความนุ่มนวลและประหยัดน้ำมัน เหมาะอย่างยิ่งกับการขับขี่ในสภาพการจราจรติดขัดของกรุงเทพฯ รุ่น RS ที่วางจำหน่ายในไทยยังได้รับการจูนให้ตอบสนองเร็วขึ้นแต่ยังคงประหยัดน้ำมันที่ประมาณ 5.5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร สำหรับสภาพอากาศร้อนในไทย เครื่องยนต์รุ่นนี้มาพร้อมระบบระบายความร้อนที่ได้รับการปรับปรุงโดยเฉพาะ และระบบปรับอากาศที่ปรับให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมเขตร้อน ช่วยให้การขับขี่ในระยะทางไกลมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น จุดเด่นอีกอย่างคือห้องเครื่องของ Jazz ออกแบบให้กะทัดรัดเพื่อเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสาร ตอบโจทย์ผู้ใช้ชาวไทยที่ให้ความสำคัญกับความกว้างขวางภายในรถ ซึ่งสะท้อนแนวคิด MM หรือ “Man-Maximum, Machine-Minimum” ของ Honda ได้อย่างชัดเจน แม้ว่าในอนาคตอาจมีการแนะนำรุ่น e:HEV ไฮบริดตามนโยบายส่งเสริมรถพลังงานสะอาดของรัฐบาลไทย แต่ในปัจจุบัน รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ยังคงเป็นทางเลือกหลักที่ได้รับความนิยมสูง ด้วยความทนทานและค่าบำรุงรักษาต่ำ เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางในเมือง
Q
ประเภทระบบเกียร์ของ Honda Jazz คืออะไร
ประเภทระบบเกียร์ของ Honda Jazz ในตลาดประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามรุ่นและปีที่ผลิต โดยทั่วไปแล้วรุ่นที่พบได้บ่อยที่สุดคือระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ซึ่งมีจุดเด่นด้านความนุ่มนวลในการเปลี่ยนเกียร์และความประหยัดน้ำมัน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับสภาพการจราจรที่แออัดในเมืองของไทย นอกจากนี้ยังมีบางรุ่นเก่าที่ใช้ระบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ซึ่งตอบโจทย์ผู้ขับขี่ที่ชื่นชอบความรู้สึกในการควบคุมรถ ระบบเกียร์ CVT ทำงานด้วยหลักการส่งกำลังแบบไร้ขั้นตอน ช่วยลดอาการกระตุกของเกียร์แบบเดิม และเมื่อรวมกับเทคโนโลยี Earth Dreams ของ Honda ก็ยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดเชื้อเพลิงมากยิ่งขึ้น เหมาะกับสภาพอากาศร้อนของไทยและการขับขี่แบบหยุด–ไปบ่อย ๆ อีกทั้งยังได้รับการปรับจูนให้ส่งแรงบิดได้ดีที่รอบต่ำ รองรับการใช้งานบนถนนแคบหรือทางลาดชันได้ดี การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ CVT อย่างสม่ำเสมอและหลีกเลี่ยงการขับขี่ที่ใช้โหลดหนักต่อเนื่องจะช่วยยืดอายุการใช้งานของระบบเกียร์ โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่ร้อนและชื้นของประเทศไทย
Q
PCD ขนาดเท่าไรของ Honda Jazz
สำหรับรถฮอนด้า แจ๊ส ในตลาดไทยจะมีขนาด PCD (ระยะวงกลมรูสลักล้อ) แบบ 4x100 หมายความว่าจากรูสลักล้อ 4 รู โดยจุดศูนย์กลางของรูแต่ละรูจะอยู่บนเส้นรอบวงที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 100 มิลลิเมตร ซึ่งสเปคนี้ใช้ร่วมกับรถยนต์ประเภทเอкономี่คาร์และคอมแพคต์คาร์หลายรุ่นในไทย ทำให้เวลาจะเปลี่ยนหรืออัพเกรดล้อ เจ้าของรถมีตัวเลือกที่เข้ากันได้หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะในไทยเราจะพบผู้ผลิตล้อท้องถิ่นและร้านแต่งรถหลายแห่งที่รองรับล้อแบบ 4x100 PCD โดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพหรือเชียงใหม่ หาล้อที่เหมาะกับแจ๊สได้ไม่ยาก นอกจาก PCD แล้ว เวลาเลือกล้อต้องดูเรื่องขนาดรูกลางล้อ (CB) และระยะออฟเซ็ต (ET) ด้วย เพื่อให้ล้อที่ติดตั้งแล้วทำงานได้สมบูรณ์กับระบบช่วงล่างและโครงสร้างตัวรถ ป้องกันปัญหาเวลาขับอย่างการสั่นหรือสึกหรอเร็ว ส่วนสภาพอากาศไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุก แนะนำให้เลือกวัสดุล้อที่ทั้งเบาและระบายความร้อนดี เช่น อลูมิเนียม จะช่วยประหยัดน้ำมันและช่วยระบายความร้อนให้เบรกได้ดีขึ้น
Q
รถฮอนด้า แจ๊ส มี Apple CarPlay หรือไม่
สำหรับรถฮอนด้า Jazz รุ่นล่าสุดที่วางขายในตลาดไทย (บางตลาดอาจเรียกว่า Fit) แบบรุ่นท็อปนั้นมีการติดตั้งระบบ Apple CarPlay มาให้ด้วย ซึ่งฟีเจอร์นี้ได้รับความนิยมมากในหมู่ผู้บริโภคชาวไทย เพราะช่วยให้เชื่อมต่อกับ iPhone ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งระบบนำทาง ฟังเพลง หรือโทรศัพท์ แต่ต้องระวังว่ารุ่นและปีการผลิตที่ต่างกันอาจมีสเปกไม่เหมือนกัน แนะนำให้ตรวจสอบรายละเอียดกับโชว์รูมฮอนด้าในไทยก่อนซื้อจริง สำหรับคนไทยแล้ว Apple CarPlay ถือเป็นตัวช่วยชั้นดี โดยเฉพาะในเมืองติดรถติดอย่างกรุงเทพฯ ที่สามารถใช้เสียงสั่งงานผ่าน Siri ลดการเสียสมาธิขณะขับรถได้ ถ้าหากรุ่นของคุณไม่มี CarPlay ติดตั้งมาแต่แรก ในไทยก็มีอู่ติดตั้งรถยนต์มาตรฐานที่สามารถเพิ่มเติมระบบนี้ได้ แต่ควรเลือกอุปกรณ์ที่ผ่านมาตรฐานกฎหมายการขนส่งไทยเพื่อความปลอดภัย นอกจาก CarPlay แล้ว รถใหม่ๆ ในตลาดไทยตอนนี้หลายรุ่นยังรองรับ Android Auto ด้วย ตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้ iPhone และ Android โดยฟังก์เจอร์เชื่อมต่อสมาร์ทเหล่านี้กำลังกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่คนรุ่นใหม่ในไทยใช้ตัดสินใจเลือกซื้อรถเลยทีเดียว
Q
ยี่ห้อยางรถยนต์ของ Honda Jazz คืออะไร
ยางติดรถจากโรงงานของ Honda Jazz ในตลาดประเทศไทยจะแตกต่างกันตามปีรุ่นและระดับการตกแต่ง โดยทั่วไปจะใช้ยี่ห้อญี่ปุ่นที่พบได้บ่อย เช่น Bridgestone Dunlop หรือ Yokohama ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีความนิยมสูงในไทยและเหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศ เช่น ยางซีรีส์ ECOPIA ของ Bridgestone ที่เน้นความประหยัดน้ำมันและทนทาน เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมือง ผู้ใช้รถในไทยควรพิจารณาสภาพอากาศที่มีฝนตกบ่อย โดยแนะนำให้ตรวจสอบค่าการยึดเกาะบนถนนเปียก เช่น ระดับ Traction จากมาตรฐาน UTQG และเนื่องจากสภาพถนนในไทยมีความหลากหลาย จึงควรเลือกยางที่มีความแข็งแรงของแก้มยางที่เหมาะสม หากต้องการเปลี่ยนยางที่ไม่ใช่ของเดิมจากโรงงาน แนะนำให้ตรวจสอบสัญลักษณ์รับรองมาตรฐาน TISI จากกรมการขนส่งทางบก เพื่อให้มั่นใจว่ายางนั้นปลอดภัยต่อการใช้งานในประเทศไทย ยางแบรนด์ระดับสากล เช่น Michelin ที่มีการผลิตในไทยก็เป็นทางเลือกที่ดี ทั้งในด้านความคุ้มค่าและการบริการหลังการขาย
Q
รถฮอนด้า แจ๊ซ เป็นรถที่ดีหรือไม่ เรียนรู้ข้อดีและข้อเสียที่นี่
รถฮอนด้า แจ๊ส เป็นรถขนาดเล็กที่ขายดีในตลาดไทย ด้วยขนาดตัวรถที่คล่องตัวเหมาะกับสภาพการจราจรติดขัดในเมืองอย่างกรุงเทพฯ เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร i-VTEC ประหยัดน้ำมันเหมาะกับราคาน้ำมันที่ค่อนข้างสูงในไทย แถมยังใช้แนวคิด MM (ย่อมากสุด ใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด) ทำให้มีพื้นที่เก็บของเยอะกว่าเพื่อนร่วมรุ่น โดยเฉพาะระบบเก้าอี้แบบ Magic Seat ที่ปรับได้ตามต้องการสำหรับของชิ้นใหญ่ ข้อเสียคือเวลาขับเร็วเสียงรบกวนค่อนข้างได้ยินชัด และเมื่อเทียบกับคู่แข่งบางรุ่นอาจขาดฟีเจอร์เทคโนโลยีไปบ้าง สำหรับสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย แนะนำให้ตรวจสอบระบบแอร์เป็นประจำเพื่อประสิทธิภาพการทำความเย็น และเนื่องจากถนนไทยค่อนข้างหลากหลายควรระวังเรื่องการป้องกันช่วงล่าง ส่วนเรื่องค่าขายต่อรถฮอนด้าแจ๊สถือว่าคงตัวดี มีศูนย์บริการครอบคลุมทั่วประเทศ สำหรับครอบครัวที่มีงบประมาณประมาณ 6-8 แสนบาทนับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ก่อนซื้อแนะนำให้ลองเปรียบเทียบกับรุ่นอื่นๆ ในระดับเดียวกันและลองทดลองขับดูให้เหมาะกับความต้องการจริงๆ ของคุณ

ข้อดี

มีลักษณะทางการเคลื่อนไหวที่เหมาะสมสำหรับคนรุ่นใหม่
ราคาขายมีความทนทาน, ค่าซ่อมบำรุงไม่สูง
ประหยัดน้ำมัน

ข้อเสีย

กำลังการขับขี่ค่อนข้างอ่อนและไม่เสถียร โดยเฉพาะในการขับขี่ความเร็วสูง
การควบคุมทั่วไปเท่านั้น ความรู้สึกทั้งหมดของชั้นล่างไม่ค่อยแข็งแรง

Q&A ล่าสุด

Q
BMW X1 ใหญ่กว่า 1 Series หรือเปล่า
ใช่แล้ว BMW X1 มีขนาดตัวรถที่ใหญ่กว่า 1 ซีรี่ย์ครับ โดย X1 ในฐานะ SUV คอมแพคต์นั้นมีความยาว ความกว้าง ความสูง และระยะฐานล้อที่เหนือกว่า 1 ซีรี่ย์แบบซีดาน โดยเฉพาะในสภาพถนนเมืองไทยที่ค่อนข้างติดขัด X1 จะให้ท่านั่งที่สูงกว่าและมีพื้นที่รอบศีรษะที่กว้างขวางกว่า เหมาะสำหรับการใช้เป็นรถครอบครัว ในขณะที่ 1 ซีรี่ย์จะโดดเด่นเรื่องความคล่องตัวในการขับขี่ เหมาะกับถนนแคบๆ หรือสถานที่ที่ต้องจอดรถบ่อยๆ ในตลาดไทย ทั้งสองรุ่นมีทั้งแบบเบนซินและดีเซล แต่ X1 ยังมีตัวเลือกแบบปลั๊ก-อินไฮบริดที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการประหยัดน้ำมันมากขึ้น ควรระวังว่า X1 มีปริมาตรกระโปรงท้ายที่ใหญ่กว่า 1 ซีรี่ย์ สามารถบรรทุกสัมภาระได้มากกว่า ซึ่งสะดวกมากสำหรับการท่องเที่ยวช่วงสุดสัปดาห์หรือการกลับบ้านช่วงเทศกาลของคนไทย นอกจากนี้ทั้งสองรุ่นต่างติดตั้งระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ล่าสุดจาก BMW แต่ X1 มีความสูงจากพื้นรถที่มากกว่า ทำให้สามารถรับมือกับถนนลูกรังในบางพื้นที่ของไทยได้ดีกว่า
Q
รถ BMW 1 Series คงมูลค่าได้ดีหรือไม่
ในตลาดประเทศไทย BMW ซีรีย์ 1 ในฐานะรุ่นเอนทรีเลเวลของรถหรู ถือว่ามีอัตราการรักษามูลค่าได้อยู่ในระดับกลางค่อนไปทางดีเมื่อเทียบกับรุ่นเดียวกัน แต่ตัวเลขจริงจะขึ้นอยู่กับสภาพรถ อุปกรณ์เสริม ประวัติการบริการ และความต้องการในตลาด คนไทยมักชอบรถญี่ปุ่นที่มูลค่าตกน้อยกว่า แต่ BMW ก็ยังได้เปรียบจากแบรนด์และฝีมือการผลิตเยอรมัน โดยเฉพาะรุ่น M Sport หรือเวอร์ชันอุปกรณ์สูงจะขายดีกว่า ใน 3 ปีแรก มูลค่ารถจะลดลงประมาณ 30-40% ซึ่งใกล้เคียงกับรถหรูแบรนด์ญี่ปุ่น แต่หลังจาก 5 ปีอาจจะสู้ Lexus ไม่ค่อยได้ สภาพอากาศร้อนของไทยอาจทำให้ยางและระบบอิเล็กทรอนิกส์เสื่อมเร็วขึ้น แนะนำให้บริการอย่างสม่ำเสมอที่ศูนย์บริการอย่างเป็นทางการเพื่อรักษามูลค่าไว้ ถ้าพูดกันจริงๆ รถหรูในไทยมักจะรักษามูลค่าได้ไม่ดีเท่ารถปิกอัพหรือ SUV ที่ใช้งานได้จริง แต่จุดเด่นของ 1 ซีรีย์คือขนาดกะทัดรัดเหมาะกับสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ แถมยังเป็นที่สนใจของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชอบแต่งรถ ซึ่งช่วยพยุงราคาตลาดมือสองได้บ้าง ถ้าคิดจะใช้รถยาวๆ แนะนำให้เลือกรุ่นและสีพื้นฐานเช่นขาวหรือดำจะขายต่อได้ง่ายกว่า
Q
BMW 1 Series มีความน่าเชื่อถือหรือไม่
บีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 1 ในประเทศไทยมีความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับกลางค่อนข้างสูง มาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จและระบบเกียร์ ZF ที่มีความทันสมัย เหมาะกับสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพที่ต้องหยุดและออกตัวบ่อย แต่ควรระวังผลกระทบจากสภาพอากาศร้อนชื้นต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ตามสถิติความขัดข้องของกรมการขนส่งทางบกปี 2565 ปัญหาที่พบบ่อยคือประสิทธิภาพการทำความเย็นของระบบแอร์ประมาณร้อยละ 15 ของกรณีเคลม และการแจ้งเตือนผิดพลาดของเซนเซอร์ในช่วงฤดูฝนซึ่งเกี่ยวข้องกับความชื้น แนะนำให้ตรวจสอบความแน่นหนาของระบบไฟฟ้าทุก 6 เดือน เมื่อเทียบกับรถญี่ปุ่นในกลุ่มเดียวกัน ค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงของซีรีส์ 1 สูงกว่าประมาณร้อยละ 20 ถึง 30 แต่การรับประกันจากโรงงาน 5 ปีหรือ 100000 กิโลเมตรช่วยลดค่าใช้จ่ายระยะยาวได้ ควรใช้ศูนย์บริการที่ได้รับการรับรองจากบีเอ็มดับเบิลยูเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาความเข้ากันได้ของระบบไอไดรฟ์ หากเดินทางไปกลับพื้นที่ภูเขาภาคเหนือบ่อย ควรเลือกติดตั้งชุดช่วงล่างเอ็มสปอร์ตเพื่อเพิ่มความสามารถในการขับขี่บนเส้นทางซับซ้อน ซึ่งสามารถผ่อนชำระปลอดดอกเบี้ยได้ที่ผู้จำหน่ายเชียงใหม่
Q
รถ BMW 1 Series รุ่นที่มีสเปคสูงสุดคืออะไร
รุ่นสูงสุดของ BMW 1 Series ในตอนนี้คือ BMW 128ti ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ 4 สูบ ให้กำลังสูงสุดถึง 265 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Steptronic sport เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 6.1 วินาที เผยประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยม สำหรับตลาดไทยแล้ว รุ่นนี้โดนใจวัยรุ่นด้วยขนาดตัวที่กะทัดรัดและความคล่องตัวในการขับขี่ แถมยังติดตั้ง M Sport suspension, limited-slip differential และล้ออัลลอยด์ M ขนาด 18 นิ้ว ส่วนภายในตกแต่งด้วยเบาะหนังสังเคราะห์ Sensatec sport seats และพวงมาลัย M sport ด้านเทคโนโลยีก็ครบครันด้วยหน้าจอสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว และหน้าปัดดิจิทัล พร้อมรองรับทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto สำหรับเมืองไทยที่สภาพถนนค่อนข้างซับซ้อน 128ti ถือว่าเหมาะมากเพราะขนาดเล็กกระทัดรัดและระบบบังคับเลี้ยวที่แม่นยำ ช่วยให้ขับในเมืองสะดวกสบาย แถมยังแรงพอสำหรับการขับบนทางด่วนด้วย BMW 1 Series ในฐานะรุ่น entry-level luxury ของแบรนด์ ให้ความคุ้มค่าในตลาดไทย โดยเฉพาะคนที่ชอบความสนุกในการขับแต่ก็ยังต้องการความประหยัดในชีวิตประจำวัน ถ้ามีงบหน่อยก็สามารถอัพเกรดเป็นระบบเสียง Harman Kardon หรือหลังคากระจก panoramic sunroof เพื่อเพิ่มความสบายให้กับการขับขี่ได้อีก
Q
เครื่องยนต์แบบใดที่ดีที่สุดสำหรับ BMW 1 Series
สำหรับผู้บริโภคไทย การเลือกเครื่องยนต์ที่ดีที่สุดของ BMW ซีรีส์ 1 ขึ้นอยู่กับความต้องการและสถานการณ์การใช้งานเป็นหลัก ถ้าคุณเน้นเรื่องประหยัดน้ำมันและการใช้งานประจำวัน รุ่น 118i ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ B38 1.5 ลิตร 3 สูบเทอร์โบชาร์จถือเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะเครื่องยนต์นี้ทำงานได้ดีในสภาพการจราจรติดขัดในเมืองของไทย มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่ค่อนข้างต่ำ และค่าบำรุงรักษาก็สมเหตุสมผล แต่ถ้าคุณสนุกกับการขับขี่และต้องการพลังที่มากขึ้น รุ่น 128i หรือ M135i xDrive ที่ใช้เครื่องยนต์ B48 2.0 ลิตร 4 สูบเทอร์โบชาร์จจะเหมาะกว่า โดยเฉพาะรุ่น M135i xDrive ที่มีกำลังถึง 306 แรงม้า ซึ่งจะให้พลังและความคล่องตัวสูงบนทางหลวงและเส้นทางภูเขาในไทย อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าสภาพอากาศร้อนของไทยต้องการระบบระบายความร้อนที่ดี ดังนั้นควรเลือกรุ่นที่มีระบบหล่อเย็นครบถ้วน และบำรุงรักษาเป็นประจำเพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพในอุณหภูมิสูง นอกจากนี้ รุ่นเครื่องยนต์ที่วางขายในไทยอาจแตกต่างจากยุโรป แนะนำให้สอบถามตัวแทนจำหน่ายในท้องถิ่นเพื่อยืนยันสเปกก่อนตัดสินใจซื้อ
ดูเพิ่มเติม