Q
Lamborghini Countach ราคาเท่าไหร่
Lamborghini Countach ในฐานะรุ่นรีมาสเตอร์สุดคลาสสิก มีราคาที่แตกต่างกันไปตามรุ่นย่อยและตลาด โดยในประเทศไทย ราคาจำหน่ายอยู่ในช่วงประมาณ 25 ล้านถึง 35 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับ สเปกและออปชันที่เลือก รุ่น Countach LPI 800-4 ถือเป็นเวอร์ชันสมัยใหม่ของรถรุ่นนี้ มาพร้อมระบบไฮบริดที่ใช้เครื่องยนต์ V12 ขนาด 6.5 ลิตร ผสานมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวม 803 แรงม้า ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 112 คันทั่วโลก ทำให้รถรุ่นนี้มีมูลค่าการสะสมและศักยภาพในการเพิ่มมูลค่าสูงมาก
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
ถุงน้ำหนักของ Lamborghini Countach เท่าไหร่
น้ำหนักของ Lamborghini Countach แตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่น โดยรุ่นคลาสสิกที่ผลิตในช่วงปี 1970–1990 มีน้ำหนักอยู่ในช่วงประมาณ 1,200 – 1,500 กิโลกรัม เช่นรุ่น LP400 มีน้ำหนักประมาณ 1,175 กิโลกรัม ขณะที่รุ่นถัดมาอย่าง LP500 S และ LP5000 QV ซึ่งมีการอัปเกรดเครื่องยนต์และเสริมโครงสร้างตัวถัง มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1,480 กิโลกรัม สำหรับรุ่นที่เปิดตัวในปี 2021 อย่าง Countach LPI 800-4 ใช้โครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์และระบบขับเคลื่อนไฮบริด ทำให้น้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 1,595 กิโลกรัม ซึ่งถือว่ายังอยู่ในระดับเบาเมื่อเทียบกับซูเปอร์คาร์รุ่นปัจจุบัน Countach ใช้เครื่องยนต์วางกลาง ทำให้การกระจายน้ำหนักมีความสมดุล ช่วยให้ควบคุมรถได้ดีในขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง ขณะเดียวกัน พวงมาลัยจะมีน้ำหนักมากเมื่อขับด้วยความเร็วต่ำ หากใช้งานในชีวิตประจำวันในประเทศไทย ควรระวังเรื่องความกว้างของตัวรถและรัศมีวงเลี้ยวที่ใหญ่ เพื่อให้สามารถขับขี่ได้อย่างเหมาะสมกับสภาพการจราจรในท้องถนนของไทย
Q
Lamborghini Countach มีเครื่องยนต์ประเภทใด
Lamborghini Countach ในแต่ละเจเนอเรชันมีการใช้เครื่องยนต์ที่แตกต่างกัน โดยรุ่นคลาสสิกที่ผลิตระหว่างปี 1970–1990 ใช้เครื่องยนต์ V12 แบบไม่มีระบบอัดอากาศ (NA – Naturally Aspirated) ได้แก่:รุ่น LP400 ใช้เครื่องยนต์ V12 ขนาด 3.9 ลิตร กำลังสูงสุด 375 แรงม้า รุ่น LP500 S ปรับขนาดขึ้นเป็น 4.8 ลิตร V12 แต่ยังคงกำลังสูงสุดที่ 375 แรงม้า รุ่น LP5000 QV ยกระดับเป็นเครื่องยนต์ 5.2 ลิตร V12 ให้กำลังสูงสุด 455 แรงม้า เครื่องยนต์เหล่านี้มีจุดเด่นเรื่องรอบสูง เสียงคำรามอันดุดัน และการวางเครื่องยนต์แบบวางตามยาวตรงกลาง ซึ่งกลายเป็นเอกลักษณ์ของ Countach รุ่นพิเศษ Countach LPI 800-4 ที่เปิดตัวในปี 2021 ในรูปแบบการผลิตจำนวนจำกัด ใช้เครื่องยนต์ V12 ขนาด 6.5 ลิตร แบบ NA ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า เป็นระบบไฮบริด ให้กำลังรวม 803 แรงม้า พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดแบบ ISR เป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีสมัยใหม่กับจิตวิญญาณดั้งเดิมของ Countach เนื่องจาก Countach ใช้การวางเครื่องยนต์แบบวางกลางค่อนไปทางด้านหลัง ระบบระบายความร้อนและไอเสียจึงต้องออกแบบเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้รถรุ่นนี้โดดเด่นในประวัติศาสตร์ซูเปอร์คาร์ สำหรับการใช้งานในประเทศไทยที่มีอากาศร้อนจัด รุ่นคลาสสิกควรได้รับการดูแลเรื่อง ประสิทธิภาพในการระบายความร้อนของเครื่องยนต์เป็นพิเศษ
Q
ลามโบร์กินีคันทาความเร็วเท่าไหร่
ความเร็วสูงสุดของรถยนต์ Lamborghini จะแตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่นและการตั้งค่าของรถ โดยทั่วไปแล้ว Lamborghini รุ่นมาตรฐานสามารถทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่า 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง สำหรับรุ่นสมรรถนะสูง เช่น Lamborghini Aventador SVJ ความเร็วสูงสุดสามารถทะลุ 350 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ อย่างไรก็ตาม ความเร็วที่ใช้งานจริงยังขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น สภาพถนน ทักษะการขับขี่และข้อจำกัดด้านความปลอดภัยบนท้องถนน
Q
Lamborghini Countach มีแรงม้าเท่าไหร่
กำลังแรงม้าของ Lamborghini Countach จะแตกต่างกันไปตามรุ่นและอุปกรณ์ที่ติดตั้ง โดยทั่วไป รุ่นที่พบได้บ่อยมีกำลังอยู่ในช่วงประมาณ 400 ถึง 500 แรงม้า อย่างไรก็ตาม ควรทราบว่า รุ่นปีและการตั้งค่าเฉพาะของรถแต่ละคัน อาจทำให้ตัวเลขแรงม้ามีความแตกต่างกันได้
Q
เมื่อ Lamborghini Countach ใหม่จะออกมา
ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลยืนยันอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับกำหนดการเปิดตัวรุ่นใหม่ของ Lamborghini Countach การเปิดตัวรถยนต์ของแบรนด์ Lamborghini มักพิจารณาจากหลายปัจจัยร่วมกัน เช่น ความพร้อมด้านเทคโนโลยี การวิจัยพัฒนา ความต้องการของตลาด และกลยุทธ์ของแบรนด์ ในตลาดประเทศไทย ผู้บริโภคยังคงให้ความสนใจและคาดหวังสูงต่อแบรนด์หรูอย่าง Lamborghini แต่สำหรับความคืบหน้าเกี่ยวกับรุ่นใหม่ของ Countach แนะนำให้ติดตามประกาศจากทางการของ Lamborghini อย่างใกล้ชิด
Q
ในปีไหนลัมโบร์กินีคาวน์ทาชออกมา
Lamborghini Countach เปิดตัวครั้งแรกในปี 1974 อย่างไรก็ตาม สถานะของรุ่นนี้ในตลาดประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากหลายปัจจัย เช่น นโยบายภายในประเทศ สภาพเศรษฐกิจ และความนิยมของผู้บริโภค ในประเทศไทย รถสปอร์ตคลาสสิกรุ่นนี้ถือว่าได้รับความนิยมในวงจำกัด เนื่องจากราคาที่สูงและตำแหน่งทางการตลาดที่เฉพาะเจาะจง
Q&A ล่าสุด
Q
ข้อเสียของ Honda City Hatchback คืออะไร
Honda City Hatchback ซึ่งเป็นรถยนต์ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีข้อสังเกตบางประการในตลาดไทยที่ผู้บริโภคควรพิจารณา อันดับแรกคือพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังค่อนข้างเล็ก มีความจุเพียง 289 ลิตร ซึ่งอาจไม่เหมาะสำหรับครอบครัวไทยที่มักต้องบรรทุกของขนาดใหญ่ ประการต่อมาคือระบบกันสะเทือนหลังแบบคานบิด ที่อาจลดความนุ่มนวลเมื่อต้องวิ่งบนถนนที่มีสภาพไม่ดีในบางพื้นที่ของไทย นอกจากนี้ แม้จะใช้เครื่องยนต์เทอร์โบขนาด 1.0 ลิตร แต่ในสภาพอากาศร้อนและการจราจรติดขัดของเมืองไทย ประสิทธิภาพของระบบปรับอากาศอาจลดลง และการควบคุมเสียงรบกวนเมื่อขับขี่ที่ความเร็วสูงก็ยังไม่ดีนัก อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดเหล่านี้ต้องพิจารณาควบคู่กับตำแหน่งทางการตลาดของรถรุ่นนี้ ในฐานะรถยนต์ระดับเริ่มต้นที่เน้นความประหยัดและใช้งานในเมืองเป็นหลัก จุดเด่นด้านความประหยัดน้ำมันและความคล่องตัวในเมืองยังถือว่าน่าพอใจ ผู้บริโภคชาวไทยจึงควรพิจารณาตามลักษณะการใช้งานของตน เช่น หากเดินทางไกลบ่อยหรือมีความต้องการใช้พื้นที่มาก อาจต้องพิจารณารุ่นอื่น แต่ถ้าใช้ขับขี่ในเมืองเป็นหลัก รถรุ่นนี้ก็ยังคงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่า
Q
มูลค่าการขายต่อของ Honda City Hatchback คืออะไร
รถฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็กในตลาดมือสองของไทยถือว่าคงมูลค่าได้ค่อนข้างดี สาเหตุหลักมาจากภาพลักษณ์ของแบรนด์ฮอนด้าที่แข็งแกร่งในไทย คุณภาพที่เชื่อถือได้ รวมถึงจำนวนรถที่จำหน่ายออกไปในตลาดค่อนข้างสูง โดยทั่วไปรถอายุ 3 ปีจะยังคงมูลค่าได้ประมาณ 60% แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพรถ ระยะทาง เวอร์ชั่นอุปกรณ์ และประวัติการเซอร์วิสด้วย ในตลาดไทยผู้บริโภคมีความต้องการรถแฮทช์แบ็กขนาดเล็กค่อนข้างมาก แถมซิตี้ แฮทช์แบ็กยังประหยัดน้ำมันและค่าซ่อมบำรุงไม่แพง สิ่งเหล่านี้ช่วยพยุงมูลค่ารถมือสองได้ดี ถ้าคิดจะซื้อหรือขายรถรุ่นนี้ แนะนำให้เข้าศูนย์บริการตามกำหนดและเก็บหลักฐานการบำรุงรักษาให้ครบถ้วน จะช่วยเพิ่มมูลค่ารถมือสองได้อย่างเห็นได้ชัด ส่วนในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย ควรตรวจสอบสภาพการป้องกันสนิมและระบบแอร์เป็นพิเศษ เพราะส่งผลต่อมูลค่ารถเช่นกัน โดยรวมแล้วซิตี้ แฮทช์แบ็กเป็นรถที่ขายง่ายในตลาดมือสองของไทย ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายต่างตกลงราคาได้ไม่ยาก
Q
ฮอนด้าซิตี้แฮทช์แบคมีกี่ซีซี
รถฮอนด้า ซีตี้ แฮทช์แบ็ก รุ่นปรับโฉมใหม่ มาพร้อมกับ 2 ตัวเลือกเครื่องยนต์ คือรุ่น 1.0 ลิตร และ 1.5 ลิตร โดยเครื่อง 1.0 ลิตร เทอร์โบ VTEC เป็นรุ่นเบนซิน คู่กับเกียร์ CVT ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า แรงบิด 173 นิวตันเมตร อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 23.3 กม./ลิตร มีให้เลือก 3 รุ่นย่อยคือ S+, SV และ RS ส่วนรุ่น 1.5 ลิตร e:HEV เป็นระบบไฮบริด โดยเครื่องยนต์ผลิตกำลัง 98 แรงม้าและแรงบิด 126 นิวตันเมตร ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าสามารถเพิ่มกำลังได้ถึง 109 แรงม้าและแรงบิด 250 นิวตันเมตร อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ที่ 27.8 กม./ลิตร มีให้เลือก 2 รุ่นย่อยคือ SV และ RS ด้วยความหลากหลายของเครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อนนี้ ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกรุ่นที่ตอบโจทย์ได้ทั้งในแง่ประหยัดน้ำมันและสมรรถนะการขับขี่ตามความต้องการของแต่ละคน
Q
เครื่องยนต์ใน Honda City Hatchback คืออะไร
รถฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็กมีตัวเลือกเครื่องยนต์ให้เลือกหลายแบบ แบบแรกคือเครื่องยนต์ 1.5L DOHC i-VTEC แบบสูบธรรมชาติ คู่กับเกียร์ CVT ให้กำลังสูงสุด 119 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 145 นิวตัน-เมตร อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันตามมาตรฐาน 5.6L/100km เครื่องยนต์แบบนี้ให้กำลังส่งที่เนียนๆ เหมาะกับการขับขี่ในเมืองทั่วไป ตอบโจทย์การใช้งานประจำวันได้ดี อีกแบบคือระบบไฮบริด 1.5L i-MMD ในรุ่น e:HEV RS ให้กำลังสูงสุด 107 แรงม้า แต่แรงบิดสูงถึง 253 นิวตัน-เมตร ประหยัดน้ำมันได้ดีมากแค่ 3.6L/100km ระบบไฮบริดนี้ผสมผสานจุดเด่นของทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า นอกจากให้กำลังขับเคลื่อนที่มั่นคงแล้ว ยังช่วยประหยัดน้ำมันและลดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย ไม่ว่าคุณจะมองหารถที่ประหยัดน้ำมันหรือต้องการสมรรถนะการขับขี่ที่แรงกว่า ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็กก็มีตัวเลือกที่ตอบโจทย์ได้ทั้งนั้น
Q
เกียร์แบบใดคือเกียร์ของ Honda City Hatchback
รถฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็กมีตัวเลือกเครื่องยนต์ 2 แบบที่มาพร้อมระบบเกียร์ต่างกัน สำหรับรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.0 ลิเตอร์ เทอร์โบ VTEC ใช้ระบบเกียร์ CVT ที่ให้การเปลี่ยนเกียร์เนียนๆ ไม่สะดุด พร้อมแรงม้าสูงสุด 122 แรงม้าและแรงบิด 173 นิวตันเมตร ประหยัดน้ำมันได้ถึง 23.3 กม./ลิตร มีให้เลือก 3 รุ่นย่อยคือ S+, SV และ RS ส่วนรุ่นไฮบริด 1.5 ลิเตอร์ e:HEV ไม่ได้ระบุประเภทเกียร์ชัดเจน แต่เครื่องยนต์หลักให้แรงม้าสูงสุด 98 แรงม้าและแรงบิด 126 นิวตันเมตร ขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้าช่วยเพิ่มพลังเป็น 109 แรงม้าและแรงบิด 250 นิวตันเมตร ทำให้ประหยัดน้ำมันขึ้นไปถึง 27.8 กม./ลิตร มีตัวเลือกรุ่น SV และ RS ระบบเกียร์ CVT ช่วยให้การขับขี่ลื่นไหล ไม่สะดุด เปลี่ยนเกียร์นุ่มนวล สร้างความรู้สึกสบายขณะขับขี่ และยังช่วยประหยัดน้ำมันได้ดีอีกด้วย
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

Lamborghiniหุ่นยนต์สูงสุดในงานมอเตอร์โชว์กรุงเทพฯ 2024 : Countach LPI 800-4 ภาพที่ตามาก
AshleyMar 21, 2024

เปิดตัว Leapmotor B01 ซีดานไฟฟ้ารุ่นใหม่ในจีน เคาะราคาเริ่ม 406,000 บาท!
วิรุฬห์Jul 28, 2025

Lamborghini Huracan รุ่นใหม่ “Temerario” เปิดตัวแล้ว ราคา 23.76 ล้านบาท
Kevin WongJun 26, 2025

รถสุดหรูราคาเริ่มต้น 12,577,000 บาท! ยอดขายทั่วโลกของ Lamborghini พุ่งสูงขึ้นในปีนี้
AshleyJul 30, 2024

2024 งานแสดงรถปั้มเป้ง: Lamborghini Urus SE แสดงตัวเปิดตัวครั้งแรก
LienApr 25, 2024
ข้อดี
ข้อเสีย