Q
ฮอนด้าซิตี้ แฮตช์แบ็คมือสองราคาเท่าไหร่?
ราคาของรถยนต์มือสอง Honda City Hatchback จะมีความแตกต่างกันตามอายุรถ ระยะทาง สภาพของรถ และอุปกรณ์ที่ติดตั้งโดยทั่วไป รุ่นปี 2022 1.0 turbo sv ราคาประมาณ 469,000 บาท รุ่นปี 2021 1.0 turbo s+ สีดำ ราคามีทั้ง 429,000 บาท และ 439,000 บาท รุ่นปี 2021 1.0 turbo sv ราคาประมาณ 459,000 บาท รุ่นปี 2021 hatchback s+ 1.0 ราคาประมาณ 456,900 บาท รุ่นปี 2021 hatchback rs 1.0 ราคาประมาณ 508,900 บาท รุ่นปี 2020 1.0 turbo sv ราคาประมาณ 399,000 บาท รุ่นปี 2020 1.0 turbo rs ราคาประมาณ 489,000 บาท
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
ฮอนด้าซิตี้ ฮาตช์แบ็คมีรุ่น Hybrid หรือไม่?
Honda City Hatchback มีรุ่นไฮบริด โดยมีรุ่นย่อย e:HEV SV และ e:HEV RS
Q
Honda City Hatchback มีโปรโมชั่นอะไรบ้าง?
ในประเทศไทย โปรโมชั่นของ Honda City Hatchback อาจแตกต่างกันไปตามช่วงเวลาขายและตัวแทนจำหน่าย โปรโมชั่นที่พบบ่อยอาจรวมถึงส่วนลดเงินสด, สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ, บริการบำรุงรักษาฟรี, หรือการมอบอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ แต่รายละเอียดโปรโมชั่นที่แน่นอนควรสอบถามจากตัวแทนจำหน่าย Honda ในพื้นที่เพื่อรับข้อมูลที่ถูกต้องและล่าสุด
Q
Honda City Hatchback รองรับผู้โดยสารกี่คน?
Honda City Hatchback โดยปกติสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 5 คน
Q
Honda City Hatchback มีระบบความปลอดภัยอะไรบ้าง?
Honda City Hatchback ในตลาดประเทศไทยมีระบบความปลอดภัยที่พบได้บ่อย เช่น ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) ถุงลมนิรภัยหลายจุด ระบบตรวจจับจุดบอด ระบบเตือนออกนอกเลนเป็นต้น ระบบเหล่านี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่และประสบการณ์การขับขี่ที่ดีขึ้น
Q
Honda City Hatchback มีสีอะไรให้เลือกบ้าง?
Honda City Hatchback มีสีที่เลือกได้ทั่วไป ได้แก่ Brilliant Sporty Blue Metallic / Black Roof (Two-Tone), Ignite Red Metallic (R-575M), Platinum White Pearl, Crystal Black Pearl, Meteoroid Gray Metallic, Sonic Gray Pearl, Taffeta White
Q
ภายใน Honda City Hatchback กว้างขวางไหม?
Honda City Hatchback มีพื้นที่ภายในที่ค่อนข้างกว้างขวาง การออกแบบได้คำนึงถึงความสะดวกสบายของผู้โดยสารอย่างเต็มที่ ทั้งที่เบาะหน้าและเบาะหลังสามารถให้พื้นที่ศีรษะและขาได้อย่างเพียงพอ นอกจากนี้ การจัดสรรพื้นที่เก็บของในห้องโดยสารยังออกแบบมาได้อย่างเหมาะสมเพื่อรองรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน แต่ความรู้สึกของความกว้างขวางอาจแตกต่างกันไปตามรูปร่างและความต้องการพื้นที่ของแต่ละบุคคล
Q
Honda City Hatchback ประหยัดน้ำมันเท่าไร?
Honda City Hatchback ในประเทศไทยมีประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันที่แตกต่างกันไปตามหลายปัจจัย โดยปกติแล้วอัตราการใช้น้ำมันเฉลี่ยในสภาวะการขับขี่ทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 5 ถึง 7 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่ สภาพถนน และการบำรุงรักษารถ หากขับในสภาพการจราจรที่หนาแน่นในเมือง อัตราการใช้น้ำมันอาจสูงขึ้น แต่หากขับขี่ในทางหลวงและรักษาความเร็วที่คงที่ ก็จะช่วยประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น
Q
"Honda City Hatchback มีรุ่นย่อยอะไรบ้าง?
Honda City Hatchback มีรุ่นย่อย 5 รุ่น ได้แก่ 1.0 Turbo S+ , 1.0 Turbo SV , 1.5 Turbo e:HEV SV , 1.0 Turbo RS และ 1.5 Turbo e:HEV RS
Q
Honda City Hatchback ราคาเท่าไหร่?
ราคา Honda City Hatchback ในประเทศไทยอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นและพื้นที่ขาย โดยทั่วไปแล้ว รุ่นพื้นฐานจะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 599,000 บาท ส่วนรุ่นไฮเอนด์อาจเกิน 799,000 บาท
Q
ฮอนด้าซิตี้ ฮัตช์แบ็ก เปิดตัวในปีอะไร
ฮอนด้าซิตี้ ฮัตช์แบ็ก เปิดตัวในประมาณปี 2014 โดยรุ่นนี้ได้รับความสนใจในตลาดไทยจากดีไซน์ที่ทันสมัย พื้นที่ใช้งานจริง และประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันที่ดี
Q&A ล่าสุด
Q
“อายุการใช้งานของ Defender 2025 คือเท่าไร?”
รถ Land Rover Defender รุ่นปี 2025 ถ้าใช้งานปกติและดูแลรักษาตามกำหนด คาดว่ามีอายุการใช้งานเกิน 15 ปีขึ้นอยู่กับนิสัยการขับ ถนนหนทางและความถี่ในการบำรุงรักษา แต่สภาพอากาศร้อนชื้นของไทยอาจส่งผลต่อชิ้นส่วนยางและอิเล็กทรอนิกส์บ้าง แนะนำให้ใส่ใจเป็นพิเศษเรื่องระบบแอร์และการป้องกันสนิมใต้ท้องรถ ในขณะเดียวกัน ภูมิประเทศที่เป็นภูเขาของประเทศไทยก็ส่งผลกระทบอย่างมากต่อระบบขับเคลื่อนสี่ล้อและช่วงล่าง ขอแนะนำให้ลดระยะเวลาการบำรุงรักษาและเลือกน้ำมันเครื่องและน้ำหล่อเย็นที่เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นเพื่อยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการตากแดดเป็นเวลานานและตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่เป็นประจำ โดยทั่วไปรถออฟโรดในตลาดไทยจะมีอายุการใช้งานประมาณ 10-15 ปี แต่ Defender ด้วยโครงสร้างตัวถังที่แข็งแรงและสมรรถนะออฟโรดที่ยอดเยี่ยม จึงมีความทนทานเหนือกว่า ถ้าใช้ขับในเมืองเป็นหลักอายุการใช้งานอาจยาวนานยิ่งไปอีก แนะนำให้เจ้าของรถปฏิบัติตามคู่มือการบำรุงรักษาของผู้ผลิตอย่างเคร่งครัด และเลือกใช้บริการศูนย์บริการที่ได้รับการรับรองเท่านั้น เพื่อให้รถอยู่ในสภาพดีที่สุดตลอดเวลา
Q
ความแตกต่างระหว่าง Defender ปี 2025 และ 2024 คืออะไร
การอัพเกรดครั้งใหญ่ของ Defender ปี 2025 เมื่อเทียบกับรุ่นปี 2024 มุ่งเน้นไปที่การกำหนดค่าทางเทคโนโลยีและการปรับปรุงระบบส่งกำลัง รุ่นปี 2025 อาจติดตั้งระบบอินโฟเทนเมนต์ที่ได้รับการปรับปรุง เช่น อินเทอร์เฟซหน้าจอสัมผัสที่ราบรื่นขึ้น หรือฟังก์ชันการควบคุมด้วยเสียงที่ได้รับการปรับปรุง อาจรวมระบบปรับอากาศที่ได้รับการปรับปรุงให้เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนของประเทศไทยไว้ด้วย ในขณะเดียวกัน ระบบส่งกำลังอาจนำเทคโนโลยีไฮบริดอ่อนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นมาใช้เพื่อปรับปรุงการประหยัดน้ำมัน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในมาตรฐานการปล่อยมลพิษที่เข้มงวดยิ่งขึ้นในตลาดประเทศไทย การเปลี่ยนแปลงภายนอกอาจเล็กน้อย แต่จะมีการเพิ่มโทนสีหรือตัวเลือกล้อใหม่เพื่อรักษาความรู้สึกสดใหม่ สำหรับผู้ใช้ชาวไทย ความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดของ Defender ยังคงใช้งานได้จริงบนถนนในชนบทในช่วงฤดูฝนหรือในพื้นที่ภูเขาทางตอนเหนือ หากรุ่นใหม่นี้เสริมการซีลตัวถัง (เช่น เพื่อรับมือกับถนนที่ถูกน้ำท่วม) หรือเพิ่มการเคลือบป้องกันสนิม ก็จะเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมการใช้งานในท้องถิ่นมากขึ้น สิ่งที่น่าสังเกตคือรถพวงมาลัยขวาในประเทศไทยมักได้รับการปรับปรุงคุณสมบัติด้านความปลอดภัย เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน หรือการปรับความไวต่อการตรวจจับจุดบอด รายละเอียดเหล่านี้สามารถยืนยันได้จากตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่เมื่อซื้อ รถ Land Rover ในประเทศไทยมีเครือข่ายบริการหลังการขายที่ค่อนข้างครอบคลุม การอัปเกรดซอฟต์แวร์เป็นประจำและการตรวจสอบฟรีก่อนฤดูฝนก็เป็นหนึ่งในคุณลักษณะเด่นของแบรนด์ ขอแนะนำให้เจ้าของรถใช้บริการเหล่านี้อย่างคุ้มค่าเพื่อรักษารถให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด
Q
รถ Defender ปี 2025 มีระบบกันสะเทือนแบบลมหรือไม่?
2025 Land Rover Defender รุ่นใหม่ ได้ติดตั้งระบบแอร์ซัสเพนชันจริง ระบบนี้สามารถปรับความสูงของตัวรถอัตโนมัติตามสภาพถนน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ทั้งบนทางวิบากและทางเรียบ ทำให้เหมาะกับสภาพพื้นที่หลากหลายของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นถนนภูเขาทางภาคเหนือ หรือพื้นโคลนชื้นแฉะทางภาคใต้ แอร์ซัสเพนชันยังช่วยรักษาสมดุลของตัวรถเมื่อบรรทุกหนัก พร้อมทั้งลดแรงต้านลมขณะขับความเร็วสูง ซึ่งมีประโยชน์ทั้งในการเดินทางไกลและการใช้ชีวิตในเมือง ส่วนในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย ระบบซัสเพนชันของ Defender ยังผ่านการทดสอบความทนทานมาแล้ว เพื่อความมั่นใจในเรื่องความเสถียรและความน่าเชื่อถือ นอกจากแอร์ซัสเพนชันแล้ว Defender 2025 ยังมาพร้อมระบบ Terrain Response ที่ช่วยให้การขับขี่บนพื้นทราย โคลน หรือทางวิบากอื่นๆ เป็นเรื่องง่าย ทำให้รถรุ่นนี้มีความโดดเด่นในตลาดไทยอีกด้วย ถ้าคุณต้องเจอกับถนนลูกรังบ่อยๆ ฟังก์ชั่นปรับความสูงของแอร์ซัสเพนชันจะช่วยได้มาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนหรือเวลาออฟโรด
Q
Defender ปี 2025 มีความน่าเชื่อถือแค่ไหน?
ในปี 2025 Defender มีการอัปเดตหลายอย่าง โดยเริ่มจากระบบขับเคลื่อนที่ได้รับการอัพเกรด ด้วยการนำเสนอเครื่องยนต์ D350 แทนที่รุ่น D300 เดิม เครื่องยนต์ D350 เป็นแบบดีเซล 3.0 ลิตร 6 สูบ แบบไมล์ด์ไฮบริด ที่ให้กำลัง 345 แรงม้าและแรงบิด 700 นิวตันเมตร ซึ่งเพิ่มขึ้นจากรุ่น D300 ถึง 50 แรงม้าและ 50 นิวตันเมตร พร้อมช่วยให้รถผ่านมาตรฐาน Euro 6e ของยุโรป
สำหรับตัวเลือกรุ่น ทางผู้ผลิตได้เตรียมไว้ให้ลูกค้าหลายแบบ ทั้งรุ่น S X-Dynamic SE X-Dynamic HSE X และ V8 พร้อมให้เลือกทั้งแบบ 90 110 และ 130 นอกจากนี้ยังมีเซ็ตออพชั่น Signature Interior Pack ที่เพิ่มความหรูหราและความสะดวกสบายมากขึ้น โดยเฉพาะในรุ่น 130 ที่มีตัวเลือกเก้าอี้แบบเก้าอี้กัปตัน และรุ่น 110 ที่มีแบบ Sedona พิเศษ ซึ่งการอัปเดตทั้งหมดนี้ทำให้ดีเฟนเดอร์มีความใกล้เคียงกับเรนจ์โรเวอร์ในด้านความหรูหรามากขึ้น
Q
Defender จะมีการเปลี่ยนแปลงในปี 2025 หรือไม่?
ในปี 2025 นี้ Defender มีการอัปเดตหลายอย่าง โดยเริ่มจากระบบขับเคลื่อนที่มีการเปลี่ยนแปลง นำเสนอเครื่องยนต์ D350 แทนรุ่น D300 เดิม ซึ่ง D350 นี้เป็นเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร 6 สูบแบบแถวเรียง พร้อมระบบไฮบริดแบบไฮบริดอ่อนให้กำลังสูงถึง 345 แรงม้าและแรงบิด 700Nm เพิ่มขึ้นจากรุ่น D300 ถึง 50 แรงม้าและ 50Nm แถมยังช่วยให้รถผ่านมาตรฐาน Euro 6e ของยุโรปอีกด้วย ส่วนตัวเลือกรุ่นนั้น ทางผู้ผลิตเตรียมไว้ให้เลือกทั้งแบบ S, X-Dynamic SE, X-Dynamic HSE, X และ V8 พร้อมทั้งรูปแบบตัวถังทั้ง 90, 110 และ 130 ให้เลือกตามความชอบ นอกจากนี้ยังมีเซต Signature Interior Pack ให้อัพเกรดด้วย ซึ่งในรุ่น 130 จะมีเก้าอี้แบบ เก้าอี้กัปตัน ส่วนรุ่น 110 ก็จะมีแบบ Sedona พิเศษ ช่วยเพิ่มความหรูหราและความสบายขึ้นอีกระดับ จนทำให้ Defender ใกล้เคียงกับ Range Rover ในบางฟังก์ชันและการใช้งานเลยทีเดียว
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

จาก Jazz สู่ City Hatchback: การพลิกโฉมอย่างงดงามของ Honda Hatchback
LienJun 4, 2024

Honda N-ONE e:เปิดตัวอย่างเป็นทางการในญี่ปุ่น ระยะทางขับขี่สูงสุดถึง 295 กิโลเมตร
LienSep 12, 2025

ในประเทศไทย เลือกรถยนต์ซันรูฟ: ซันรูฟพาโนรามาหรือซันรูฟเดี่ยว? อ่านจบไม่พลาด
Kevin WongSep 12, 2025

แท่งเหล็กกันโคลงในรถยนต์คืออะไร? และมันมีผลอะไรกับรถยนต์?
พงศธรSep 11, 2025

ตลาดรถมือสองในประเทศไทย: ความต้องการการบริโภคเบื้องหลังความนิยมและการวิเคราะห์แนวโน้มปี 2025
Kevin WongSep 10, 2025
ดูเพิ่มเติม
ข้อดี
ข้อเสีย