Q

ราคาแบตเตอรี่ Toyota Yaris เท่าไหร่

ราคาแบตเตอรี่รถโตโยต้า Yaris ในตลาดไทยจะแตกต่างกันไปตามรุ่นแบตเตอรี่ ความจุ และช่องทางในการซื้อ โดยทั่วไปแบตเตอรี่แท้จากโตโยต้าจะมีราคาประมาณ 3,000-6,000 บาท ส่วนแบตเตอรี่แบรนด์อื่นอาจเริ่มต้นที่ 2,500 บาท ควรสอบถามราคาที่แน่นอนจากโชว์รูมโตโยต้าหรือศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาต เนื่องจากสภาพอากาศไทยที่ร้อนชื้นมีผลต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่ แนะนำให้ตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่ทุก 2-3 ปี และเลือกแบบที่ทนความร้อนได้ดีจะช่วยยืดอายุการใช้งาน นอกจาก Yaris แล้ว รุ่นอื่นๆอย่าง Vios หรือ Corolla อาจใช้แบตเตอรี่ที่คล้ายกัน แต่ต้องตรวจสอบขนาดการติดตั้งและค่ากระแสไฟฟ้าให้เหมาะสม ควรหลีกเลี่ยงการเปิดใช้เครื่องไฟฟ้าขณะดับเครื่องเป็นเวลานาน และทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่เป็นประจำ เพื่อลดความถี่ในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ หากต้องเปลี่ยน แนะนำให้เลือกแบตเตอรี่แท้ที่มีบริการรับประกัน ถึงราคาจะสูงกว่าแต่คุณภาพดีกว่าแน่นอน
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
วิธีเปิดฝาถังน้ำมัน Toyota Yaris 2023
สำหรับรถยนต์ Toyota Yaris รุ่นปี 2023 การเปิดฝาถังน้ำมันทำได้ง่ายมาก แค่คุณปลดล็อครถแล้วกดเบาๆ ที่ด้านขวาของฝาถังน้ำมัน มันจะเปิดออกอัตโนมัติเลย ไม่ต้องมานั่งหาปุ่มเปิดในรถให้ยุ่งยาก แบบนี้เหมาะกับสภาพอากาศเมืองไทยทั้งร้อนทั้งชื้น เพราะไม่ต้องกังวลว่าปุ่มอิเล็กทรอนิกส์ในรถจะเสียจากความชื้น แต่ต้องระวังหน่อย เพราะบางปั๊มในไทยต้องให้พนักงานช่วยเติมน้ำมัน แค่บอกเขาไปว่า "กรุณาเติมน้ำมัน" แล้วบอกเลขน้ำมันที่ต้องการ เช่น แก๊สโซฮอล์ 91 หรือ 95 อีกเรื่องที่คนใช้รถในไทยควรจำไว้คือ ต้องคอยตรวจสอบยางซีลของฝาถังน้ำมันบ่อยๆ เพราะความร้อนกับความชื้นในไทยทำให้ยางเสื่อมเร็ว ถ้าเห็นว่ายางเริ่มแตกต้องเปลี่ยนด่วนๆ เลย ไม่งั้นระบบ EVAP จะทำงานผิดปกติได้ และอย่าลืมเรื่องความปลอดภัยเวลาจอดรถเติมน้ำมัน โดยเฉพาะช่วงอากาศแห้งๆ ควรแตะตัวรถโลหะสักหน่อยเพื่อระบายไฟฟ้าสถิตก่อนเติมน้ำมัน ถ้าเกิดฝาถังน้ำมันเปิดไม่ออก ลองเช็คดูว่ารถยังล็อคอยู่หรือเปล่า หรือไม่ก็ดูว่ามีสายดึงฉุกเฉินในห้องสัมภาระไหม เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ช่วยให้การใช้รถในไทยสะดวกขึ้นเยอะเลย
Q
รถยนต์ Yaris 2023 มีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) หรือไม่?
รถยนต์ Toyota Yaris รุ่นปี 2023 ที่วางขายในตลาดไทยนั้นมีระบบ Cruise Control ให้ใช้งานจริง โดยระบบนี้จะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่นท็อปของไทย ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถรักษาความเร็วคงที่ได้เมื่อใช้บนทางด่วนหรือเส้นทางที่การจราจรไม่หนาแน่น ลดความเหนื่อยล้าจากการขับทางไกล และยังช่วยประหยัดน้ำมันได้อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ต้องบอกว่าสภาพการจราจรของไทยค่อนข้างซับซ้อน โดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ที่การจราจรติดขัดบ่อยๆ และมีรถมอเตอร์ไซค์สัญจรปนอยู่มาก อาจทำให้โอกาสได้ใช้ระบบนี้มีจำกัด ดังนั้นควรเปิดใช้ระบบตามความเหมาะสมของสภาพถนนจริงด้วย เทคโนโลยี Cruise Control นี้ปรากฏขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ยุค 50s พัฒนามาอย่างยาวนานจนตอนนี้มีความเสถียรมาก แม้แต่รถยนต์ระดับเอ็นทรีก็มีระบบนี้ให้ใช้งานแล้ว มักทำงานร่วมกับระบบความปลอดภัยต่างๆ เช่น ระบบเตือนการชน ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่อีกขั้น ในตลาดไทยนอกจาก Yaris แล้ว ยังมีรถรุ่นเดียวกันอย่าง Honda City และ Mazda 2 ที่มีระบบนี้ให้เลือกเช่นกัน ลูกค้าสามารถพิจารณาตามความต้องการและงบประมาณที่มีได้
Q
ใน Toyota Yaris 2023 มีทั้งหมดกี่สูบ?
รถยนต์ Toyota Yaris รุ่นปี 2023 ที่วางขายในตลาดประเทศไทย มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.2 ลิตร แบบสูบธรรมชาติ (4 สูบ แถวเรียง) ให้กำลังสูงสุดประมาณ 88 แรงม้า คู่กับเกียร์ CVT ที่ออกแบบมาเพื่อประหยัดน้ำมันและให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ เหมาะสมกับการใช้งานในเมืองอย่างเช่นสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ พูดถึงเครื่องยนต์ 4 สูบแล้วต้องบอกว่าเป็นที่นิยมในตลาดรถขนาดเล็กของไทย เพราะให้สมดุลที่ดีและสั่นสะเทือนน้อยเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ 3 สูบ ซึ่งคู่แข่งอย่าง Honda City ในตลาดไทยก็ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบแบบเดียวกัน แสดงให้เห็นว่านี่คือมาตรฐานของรถระดับนี้ นอกจากนี้ Toyota ยังปรับปรุงระบบระบายความร้อนให้เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนในประเทศไทย เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถใช้งานได้อย่างมีเสถียรภาพแม้อากาศร้อนจัด ถ้าคุณเน้นเรื่องค่าบำรุงรักษาต่ำต้องบอกว่าเครื่องยนต์ตัวนี้มีความน่าเชื่อถือในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่แนะนำว่าควรทดลองขับดูก่อนเพื่อเช็คว่ากำลังเครื่องตอบโจทย์ความต้องการของคุณหรือไม่
Q
"Toyota Yaris 2023 ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเท่าไหร่ต่อลิตร?"
รถยนต์ Toyota Yaris รุ่นปี 2023 ในประเทศไทยมีประสิทธิภาพด้านประหยัดน้ำมันที่โดดเด่น โดยอัตราสิ้นเปลืองจริงจะแตกต่างกันไปตามรุ่นและสภาพการขับขี่ ข้อมูลจากทางบริษัทระบุว่ารุ่นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร แบบดูดธรรมดาที่ติดตั้งเกียร์ CVT จะประหยัดน้ำมันประมาณ 15-17 กม./ลิตรเมื่อขับในเมือง และสามารถทำได้ถึง 20-22 กม./ลิตรเมื่อขับทางไกล ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 1.2 ลิตรนั้นประหยัดน้ำมันได้ดีกว่า เหมาะสำหรับการเดินทางระยะยาว แต่ต้องระวังว่าอัตราสิ้นเปลืองจริงในกรุงเทพฯ อาจสูงขึ้นเนื่องจากปัญหารถติด การเปิดแอร์บ่อย หรือพฤติกรรมการขับขี่ของแต่ละคน แนะนำให้บำรุงรักษายางและเครื่องยนต์อย่างสม่ำเสมอเพื่อให้รถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ในกลุ่มรถขนาดเดียวกัน Yaris มีจุดแข็งด้านการประหยัดน้ำมันจากเทคโนโลยี Hybrid ที่พัฒนามาอย่างดีของ Toyota (เช่นบางรุ่นในต่างประเทศที่ติดตั้งระบบ Hybrid) รวมถึงการออกแบบตัวรถที่น้ำหนักเบา ถ้ามีการนำเข้ารุ่น Hybrid มาไทยจะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อีกมาก นอกจากนี้รัฐบาลไทยยังมีมาตรการลดภาษีสำหรับรถประหยัดพลังงาน ก่อนตัดสินใจซื้อสามารถสอบถามโปรโมชั่นและสิทธิประโยชน์ต่างๆ จากตัวแทนจำหน่ายได้โดยตรง
Q
"" ราคา Toyota Yaris Cross 2023 เท่าไหร่? ""
รถยนต์ Toyota Yaris Cross รุ่นปี 2023 ในประเทศไทยมีราคาอยู่ที่ประมาณ 800,000 ถึง 1,200,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและอุปกรณ์เสริมที่เลือก แนะนำให้ลูกค้าติดต่อตัวแทนจำหน่าย Toyota ในพื้นที่เพื่อสอบถามราคาล่าสุดและโปรโมชั่นปัจจุบัน โดย Yaris Cross เป็น SUV ขนาดกะทัดรัดที่พัฒนามาเฉพาะสำหรับตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ใช้เทคโนโลยีแพลตฟอร์ม TNGA ของ Toyota และการออกแบบที่เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้น เช่น ระบบปรับอากาศที่ได้รับการปรับปรุงและกระบวนการป้องกันสนิม ทำให้เหมาะกับการใช้งานในเมืองและครอบครัวชาวไทยเป็นอย่างดี รถรุ่นนี้มาพร้อมกับตัวเลือกเครื่องยนต์ 2 แบบ คือเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร และระบบไฮบริด ซึ่งแบบไฮบริดช่วยประหยัดน้ำมันได้มากในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นอย่างกรุงเทพฯ ที่สำคัญ Toyota มีเครือข่ายบริการหลังการขายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้คนไทยนิยมเลือกใช้แบรนด์นี้ นอกจากราคาแล้ว ลูกค้ายังสามารถสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับบริการผ่อนชำระ แพ็กเกจประกันภัย และบริการเสริมอื่นๆ ได้ที่โชว์รูม Toyota ทั่วประเทศ
Q
"เครื่องยนต์ของ Toyota Yaris 2023 มีปริมาณเท่าไหร่?"
รถยนต์ Toyota Yaris รุ่นปี 2023 ที่วางขายในตลาดไทยมาพร้อมกับตัวเลือกเครื่องยนต์หลัก 2 แบบ คือ เครื่องยนต์เบนซินแบบสูบธรรมชาติขนาด 1.2 ลิตร และ 1.5 ลิตร โดยมีปริมาตรกระบอกสูบ 1,197 ซีซี และ 1,496 ซีซี ตามลำดับ สำหรับเครื่องยนต์ 1.2 ลิตรให้กำลังสูงสุดประมาณ 88 แรงม้า ส่วนเครื่อง 1.5 ลิตรทำกำลังได้ถึง 110 แรงม้า เครื่องยนต์ทั้งสองแบบนี้ขึ้นชื่อในเรื่องความประหยัดน้ำมันและความทนทาน เหมาะสมกับสภาพการขับขี่ในเมืองไทยที่ต้องเร่งและหยุดบ่อยๆ เมื่อจับคู่กับเกียร์ CVT แล้วยังช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้มากขึ้นอีกด้วย ที่น่าสนใจคือตลาดไทยมีความต้องการรถขนาดเล็กค่อนข้างสูง และ Yaris ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมเพราะมีขนาดกะทัดรัดและขับเคลื่อนคล่องตัว แถมยังได้ประโยชน์จากนโยบายลดภาษีจดทะเบียนครั้งแรกสำหรับรถประหยัดพลังงานของรัฐบาลไทย นอกจากนี้ในสภาพอากาศร้อนแบบประเทศไทย แนะนำให้ตรวจสอบระบบระบายความร้อนและเปลี่ยนไส้กรองแอร์เป็นประจำ เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานมีประสิทธิภาพสูงสุด การดูแลรายละเอียดเล็กน้อย แบบนี้จะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถและรักษาสมรรถนะให้คงที่ได้ในระยะยาว
Q
การระงับของ Toyota Yaris ปี 2020 เป็นอย่างไร?
รถยนต์ Toyota Yaris รุ่นปี 2020 ที่วางขายในตลาดประเทศไทย ใช้ระบบช่วงล่างแบบแมคเฟอร์สันสตรัทด้านหน้าและคานบิดทอร์ชันบีมด้านหลัง ซึ่งเป็นการตั้งค่าที่พบได้บ่อยในรถเก๋งขนาดกะทัดรัด ช่วยให้ตอบโจทย์ทั้งความนุ่มนวลและความมั่นคงในการขับขี่ โดยเฉพาะเหมาะกับสภาพถนนในเมืองที่ซับซ้อนและเส้นทางชนบทของไทยเป็นอย่างดี การตั้งค่าสปริงและโช้คถูกปรับให้เน้นความสบายเป็นหลัก สามารถกรองแรงสะเทือนจากพื้นถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็ยังให้ความมั่นคงเมื่อเข้าโค้งด้วย เนื่องจากสภาพอากาศในประเทศไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุก ทำให้ชิ้นส่วนยางและโช้คของระบบช่วงล่างต้องมีความทนทานเป็นพิเศษ ซึ่งระบบช่วงล่างของ Yaris นี้ก็ผ่านการทดสอบมาแล้วว่าใช้งานได้อย่างน่าเชื่อถือ และยังดูแลรักษาได้ง่ายด้วย ที่น่าสนใจคือการออกแบบช่วงล่างของรุ่นนี้ยังถูกพัฒนาร่วมกับระยะความสูงจากพื้นรถที่เพิ่มขึ้นเป็นพิเศษสำหรับตลาดไทย ทำให้สามารถรับมือกับปัญหาน้ำท่วมขังในช่วงฤดูฝนได้ดีขึ้น สำหรับผู้บริโภคไทยที่ต้องการประสบการณ์การขับขี่ที่ดีแต่มีงบประมาณจำ ระบบช่วงล่างชุดนี้ถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ และยังมีความสามารถในการแข่งขันเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกันอีกด้วย
Q
รถ Toyota Yaris ปี 2020 มีซันรูฟหรือไม่?
รุ่น Toyota Yaris ปี 2020 ที่วางขายในตลาดไทย สำหรับบางรุ่นระดับสูงจะมีซันรูฟ (sunroof) ให้เลือก แต่รายละเอียดอุปกรณ์จะขึ้นอยู่กับเวอร์ชันของรุ่นนั้นๆ เช่น รุ่น 1.2G และ 1.2S มักจะมาพร้อมซันรูฟมาตรฐาน ในขณะที่รุ่นระดับเริ่มต้นอาจไม่มีฟังก์ชันนี้ แนะนำให้ผู้ซื้อตรวจสอบรายละเอียดอุปกรณ์ของรุ่นที่สนใจผ่านเว็บไซต์ทางการของ Toyota Thailand หรือสอบถามโดยตรงกับตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่เพื่อความชัดเจน ด้วยสภาพอากาศร้อนของไทย ซันรูฟช่วยเพิ่มแสงสว่างและระบายอากาศภายในรถได้ดี แต่ควรเลือกรุ่นที่มีการเคลือบป้องกันรังสียูวีเพื่อลดความร้อนจากแสงแดด โดยซันรูฟของ Toyota Yaris มักมาพร้อมฟังก์ชันเปิด-ปิดอัตโนมัติและระบบป้องกันการหนีบ ซึ่งใช้งานง่ายและปลอดภัย ข้อสังเกตคือตลาดไทยนิยมรถที่มีซันรูฟค่อนข้างมาก ทำให้หลายแบรนด์อย่าง Honda และ Mazda ในระดับเดียวกันก็มีอุปกรณ์นี้ให้เลือกเช่นกัน ผู้ซื้อสามารถเปรียบเทียบฟังก์ชันเสริมระหว่างแบรนด์ต่างๆ ตามงบประมาณและความต้องการได้ เช่น วัสดุม่านบังแดดหรือดีไซน์ลดเสียงรบกวน นอกจากนี้ การบำรุงรักษารางซันรูฟและยางขอบหน้าต่างอย่างสม่ำเสมอจะช่วยยืดอายุการใช้งาน โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนของไทยที่อาจเกิดปัญหาน้ำรั่วได้
Q
ราคารถมือสอง Toyota Yaris ปี 2020 อยู่ที่เท่าไร?
รถยนต์ Toyota Yaris รุ่นปี 2020 ในตลาดมือสองของประเทศไทยมีอัตราการรักษามูลค่าค่อนข้างคงที่ โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 60%-70% ของราคารถใหม่ ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย ระยะทาง และสภาพการดูแลรักษา โดยเฉพาะรุ่นไฮบริดแบบสูงสุดที่มีจุดเด่นเรื่องประหยัดน้ำมันมักจะมีมูลค่าสูงกว่าในตลาดมือสอง คนไทยให้ความสำคัญกับความประหยัดน้ำมันและความทนทานของรถ ซึ่ง Yaris ได้รับความนิยมในทั้งสองด้านนี้ นอกจากนี้เครือข่ายบริการหลังการขายของ Toyota ในประเทศไทยยังช่วยสนับสนุนมูลค่ามือสองได้ดี สิ่งที่ควรทราบคือ ตลาดรถมือสองไทยให้ราคาสูงกว่าปกติสำหรับรถที่มีประวัติการซ่อมบำรุงตามศูนย์บริการอย่างครบถ้วน ดังนั้นควรเข้าศูนย์บริการอย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษามูลค่าไว้ให้สูงสุด เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Honda City แล้ว Yaris มีอัตราการรักษามูลค่าใกล้เคียงกัน แต่ด้วยขนาดตัวถังที่กะทัดรัดกว่า ทำให้ Yaris คล่องตัวกว่าในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นอีกเหตุผลที่ได้รับความนิยม หากต้องการขายรถ แนะนำให้ใช้ช่องทางยอดนิยมอย่างเว็บขายรถมือสองหรือช่องทางรถมือสองรับประกันโดยโตโยต้า (Toyota Used Car) ซึ่งจะให้ราคาที่สมเหตุสมผลกว่าการขายแบบส่วนตัว หลังจากการประเมินสภาพรถอย่างมืออาชีพแล้ว
Q
Toyota Yaris ปี 2020 ขับเป็นอย่างไรบ้าง?
รถยนต์ Toyota Yaris รุ่นปี 2020 ให้ประสบการณ์การขับขี่ในไทยได้ดีมากๆ ด้วยขนาดตัวรถที่กะทัดรัดและระบบพวงมาลัยที่ตอบสนองแม่นยำ ทำให้เหมาะกับถนนแคบๆ ในเมืองอย่างกรุงเทพฯ เป็นพิเศษ ตัวรถคล่องตัว ช่วยให้การจอดหรือเปลี่ยนเลนทำได้ง่ายขึ้น เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร ให้กำลังส่งที่เนียนสม่ำเสมอ เมื่อจับคู่กับเกียร์ CVT แล้วตอบสนองดีในความเร็วต่ำ เหมาะกับสภาพการจราจรที่ต้องหยุด-เริ่มบ่อยๆ ในไทย แถมยังประหยัดน้ำมันได้ดี ตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวไทยที่ต้องการประหยัดน้ำมัน การตั้งค่าตัวถังเน้นความนุ่มสบาย สามารถลดแรงสั่นสะเทือนจากถนนขรุขระที่พบได้ทั่วไปในไทยได้ดี แต่เวล้าโค้งอาจมีอาการโคลงเล็กน้อย จึงเหมาะกับการขับขี่ทั่วไปมากกว่าการขับแบบสปอร์ต ที่น่าสนใจคือ Yaris ในไทยมีเครือข่ายบริการหลังการขายที่ครอบคลุม อะไหล่พร้อม และค่าบำรุงรักษาไม่แพง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่คนไทยให้ความสำคัญ สำหรับคนไทยที่กำลังมองหารถขนาดเล็ก Yaris ถือเป็นตัวเลือกที่น่าจับตามอง ด้วยสมรรถนะที่รอบด้านและความน่าเชื่อถือของแบรนด์โตโยต้าในไทย ส่วนคู่แข่งอย่าง Honda City และ Mazda 2 ก็เป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน แนะนำให้ลองทดลองขับเปรียบเทียบตามความต้องการส่วนตัวก่อนตัดสินใจซื้อ
  • รถยอดนิยม

  • รุ่นปีรถยนต์

  • เปรียบเทียบรถยนต์

  • รูปภาพรถ

ข้อดี

พื้นที่ภายในรถกว้างขวางและสบาย
เครื่องยนต์เชื่อถือได้ คุ้มค่าสูง ราคาขายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับการกำหนดค่าใหม่จำนวนมาก มันคุ้มค่าราคา 5.39 - 6.49 หมื่นบาท
ยี่ห้อที่สามารถเชื่อถือได้ ระบบบริการทั่วประเทศ มากกว่า 300 แห่ง การขายหลังการขายมีการรับประกัน
ประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยเ outstandingางค์ มาตรฐานด้วย 7 ถุงลมนิรภัยได้รับการรับรองความปลอดภัย 5 ดาวจากอาเซียน
รถยนต์หลากหลายแบบที่มี 3 แบบการกำหนดค่าที่แตกต่างกันให้เลือก
เครื่องยนต์รุ่นใหม่ได้รับการอัพเกรดทำงานดีขึ้น
ประสิทธิภาพด้านการประหยัดน้ำมันดีเ outstandingางค์ ขับขี่ได้สูงสุด 23.3 กิโลเมตร/ลิตร มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผ่านมาตรฐานการปล่อย Euro 5
ตกแต่งภายในเฉียบขาดความหรูหราและสปอร์ต ใช้วัสดุเช่นหนัง ฝังเชือกสีแดงทำให้ดูรูปลักษณ์สปอร์ต จอแสดงผลสีเพิ่มความรู้สึก

ข้อเสีย

ภายในออกแบบเป็นลายเก่า
เครื่องยนต์มีกำลังดันน้อยเมื่อความเร็วสูง, ขาดความน่าสนใจเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Nissan Almera
รูปแบบรถไม่โดดเด่น, แสดงสภาพโดยรวมที่เฉยๆ
รุ่นรถเก่า, ต้องรอรุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี TNGA

Q&A ล่าสุด

Q
ปัญหาที่พบบ่อยที่สุดใน Mazda CX-5 ปี 2021 คืออะไร?
ปัญหาที่พบบ่อยที่สุดใน Mazda CX-5 ปี 2021 ที่เจ้าของบางรายรายงาน คือ แบตเตอรี่ 12V หมด ปัญหานี้ร้ายแรงโดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนชื้น ที่การขับขี่ระยะสั้นบ่อยครั้งอาจทำให้แบตเตอรี่ชาร์จไม่เพียงพอ แนะนำให้ตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่เป็นประจำและหลีกเลี่ยงการจอดทิ้งไว้นาน นอกจากนี้ ระบบสตาร์ท-หยุดอัตโนมัติอัจฉริยะอาจทำงานบ่อยครั้งในพื้นที่จราจรติดขัดในเมือง ซึ่งอาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้นหากไม่ได้รับการบำรุงรักษาอย่างเหมาะสม เครื่องยนต์ Skyactiv-G ขึ้นชื่อเรื่องอัตราส่วนการอัดสูง จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนหัวเทียนตามกำหนด (แนะนำทุก 40,000 กม.) และใช้น้ำมันเครื่องความหนืดต่ำมาตรฐาน (เช่น OW-20) เพื่อให้การหล่อลื่นเพียงพอในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูง แนะนำให้ขัดเงาสีรถเป็นประจำเมื่อเจอแสงแดดจัด แม้ว่าระบบเกียร์ Skyactiv-G จะทำงานได้อย่างราบรื่น แต่ควรเปลี่ยนไปใช้โหมดแมนนวลเพื่อรักษาระดับความเร็วของเครื่องยนต์เมื่อขึ้นทางลาดชันในพื้นที่ภูเขา ข้อมูลหลังการขายบ่งชี้ว่าชิ้นส่วนยางของใบปัดน้ำฝนมีแนวโน้มที่จะเสื่อมสภาพก่อนกำหนดในช่วงฤดูฝน การเปลี่ยนไปใช้รุ่นที่มีคุณสมบัติป้องกันรังสียูวีที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่อาจเป็นทางเลือกที่ดี โดยรวมแล้ว ปัญหาเหล่านี้สามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วยการบำรุงรักษาที่เหมาะสม และการควบคุมและการขับขี่ที่ปลอดภัยของ CX-5 ยังคงยอดเยี่ยมเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน
Q
“2021 CX-5 จะใช้งานได้นานแค่ไหน?”
รถยนต์รุ่น CX-5 ปี 2021 ในสภาพการใช้งานและการดูแลรักษาปกติ สามารถวิ่งได้เกิน 200,000 กิโลเมตร และมีอายุการใช้งานประมาณ 10-15 ปี ขึ้นอยู่กับนิสัยการขับขี่ สภาพถนน และความถี่ในการเข้าศูนย์บริการ เครื่องยนต์ Skyactiv เทคโนโลยีที่มีชื่อเรื่องความทนทาน ระบบเกียร์และช่วงล่างได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษให้เหมาะกับสภาพถนนในเมืองและชานเมืองของไทยที่หลากหลาย แนะนำให้เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองอากาศตามกำหนด พร้อมทำตามโปรแกรมดูแลรักษาของศูนย์บริการอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนควรตรวจสอบระบบเบรกและระบบไฟฟ้าเป็นพิเศษ รุ่น SUV ญี่ปุ่นในระดับเดียวกันนี้มักมีอายุการใช้งานยาวนาน CX-5 มีอะไหล่พร้อมจำหน่ายและซ่อมบำรุงง่าย ถ้าอยากให้รถอยู่กับคุณนานๆ ควรหลีกเลี่ยงการเดินเบานานๆ การเร่งหรือเบรกกระทันหันบ่อยๆ รวมถึงควรทำความสะอาดเขม่าคาร์บอนตามระยะ สำหรับคนที่ใช้รถในเมืองเป็นหลักและดูแลรักษาดี CX-5 สามารถตอบโจทย์การใช้งานระยะกลางถึงยาวได้แน่นอน ส่วนเรื่องมูลค่ารถมือสองก็อยู่ในระดับดีเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกัน
Q
"รถ CX-5 ปี 2021 ดีสำหรับการขับขี่ในหิมะหรือไม่?
มาสด้า CX-5 รุ่นปี 2021 แสดงผลงานกลางๆบนถนนหิมะ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ i-ACTIV AWD สามารถกระจายแรงบิดไปยังล้อที่เกาะถนนได้ดีกว่า พร้อมกับระยะความสูงจากพื้น 215 มม. และยางที่ออกแบบสำหรับถนนทั่วไป ทำให้พอรับมือกับถนนที่เปียกหรือหิมะบางๆได้สบายๆ แต่ถ้าต้องการขับขึ้นเหนือไปตามเขตภูเขาที่หิมะหนาๆ แนะนำให้เปลี่ยนไปใช้ยางฤดูหนาวหรือใส่โซ่ล้อจะปลอดภัยกว่า ต้องบอกไว้ก่อนว่าแม้ระบบ GVC จะช่วยควบคุมเสถียรภาพเวลาเข้าโค้งได้ดี แต่ยางสี่ฤดูที่ติดมากับรถในเขตร้อนอย่างไทยจะแข็งตัวเมื่ออุณหภูมิต่ำ ทำให้เกาะถนนลดลง แม้แต่ขับบนถนนคดเคี้ยวช่วงหน้าฝนที่เชียงใหม่ก็ควรควบคุมความเร็วไว้ ส่วนถ้าเปรียบเทียบกับรุ่นอื่นในระดับเดียวกัน ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ที่มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเต็มเวลาและระยะความสูงจากพื้นมากกว่าอาจเหมาะกับการใช้งานบนถนนหลากหลายสภาพบ่อยๆ ขณะที่จุดเด่นของ CX-5 คือประหยัดน้ำมันกว่าและความรู้สึกในการควบคุมที่แม่นยำ แนะนำให้เลือกตามความต้องการจริงๆของแต่ละคนครับ
Q
"CX-5 ปี 2021 จำเป็นต้องเติมน้ำมันพรีเมียมหรือไม่?"
สำหรับ Mazda CX-5 รุ่นปี 2021 ทางผู้ผลิตแนะนำให้ใช้เชื้อเพลิงระดับ 91 ขึ้นไปเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด แต่ไม่ได้บังคับว่าต้องใช้เบนซินเลขสูงเสมอไป แม้จะเติมเบนซินธรรมดาระดับ 87 ก็สามารถใช้งานได้ตามปกติในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตาม หากขับขี่แบบกระชับกระเฉงหรือใช้งานหนักอาจส่งผลเล็กน้อยต่อกำลังเครื่องและประหยัดน้ำมันน้อยลง สำหรับคนไทยที่ขับขี่ในเมืองด้วยความเร็วปกติ การใช้เบนซินเกรดทั่วไปก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าชอบความลื่นไหลเวลาเร่งหรือมักขับทางไกลบนทางด่วน แนะนำให้เลือกเบนซิน 95 เพื่อการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ขึ้น ข้อควรระวังคือการใช้น้ำมันเลขต่ำกว่าเกณฑ์แนะนำเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดคาร์บอนสะสมในเครื่องยนต์ โดยเฉพาะสภาพอากาศร้อนของไทยที่ควรเติมสารทำความสะอาดระบบเชื้อเพลิงของทางโรงงานเป็นประจำ ความแตกต่างหลักของเบนซินแต่ละเลขอยู่ที่ความสามารถในการต้านการน็อค โดยเบนซินเลขสูงเหมาะกับเครื่องยนต์อัตราส่วนอัดสูงมากกว่า แม้เทคโนโลยี SKYACTIV ของมาสด้าจะออกแบบมาให้ใช้งานกับเชื้อเพลิงหลายเกณฑ์ได้ แต่การปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิตจะช่วยให้ระบบทำงานได้เต็มประสิทธิภาพที่สุด
Q
2021 CX-5 ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องบ่อยแค่ไหน?
ระยะเวลาการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องที่แนะนำสำหรับ CX-5 ปี 2021 คือทุกๆ 10,000 กิโลเมตร หรือ 12 เดือน (แล้วแต่ว่าอย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) นี่คือคำแนะนำการบำรุงรักษาอย่างเป็นทางการจากมาสด้าสำหรับรถยนต์ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ Skyactiv-G อย่างไรก็ตาม ควรปรับเปลี่ยนตามสภาพการขับขี่จริง ตัวอย่างเช่น หากคุณพบเจอกับการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ บ่อยๆ หรือขับรถระยะทางสั้นๆ บ่อยๆ คุณอาจต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุกๆ 8,000 กิโลเมตร เพื่อปกป้องเครื่องยนต์ สภาพอากาศร้อนของประเทศไทยทำให้ประสิทธิภาพของน้ำมันเครื่องสูงขึ้น ขอแนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้เกรด API SN หรือสูงกว่า เช่น น้ำมันเครื่องที่มีความหนืด 0W-20 หรือ 5W-30 ตามที่ผู้ผลิตแนะนำ น้ำมันเครื่องประเภทนี้มีเสถียรภาพในอุณหภูมิสูงได้ดีกว่าและช่วยลดการสึกหรอของเครื่องยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณสามารถตรวจสอบสภาพน้ำมันเครื่องได้ทุกวันโดยใช้ระบบตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องในรถ หรือตรวจสอบด้วยก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องเป็นระยะ หากน้ำมันเครื่องมีสีเข้มขึ้นหรือมีสิ่งเจือปนเพิ่มขึ้น ควรแก้ไขปัญหาโดยทันที ควรทราบว่าในพื้นที่ชายฝั่งทะเล เช่น จังหวัดสมุทรปราการ ความชื้นสูงสามารถเร่งการเกิดกรดในน้ำมันเครื่องได้ ในกรณีเช่นนี้ แนะนำให้ลดระยะเวลาการบำรุงรักษาลง 25% นอกจากการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามปกติแล้ว ควรเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่องด้วยเพื่อให้แน่ใจว่าการกรองมีประสิทธิภาพ ควรตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นและน้ำมันเบรกด้วย เนื่องจากสิ่งเหล่านี้มีความสำคัญต่อสุขภาพของเครื่องยนต์ หากใช้รถยนต์เดินทางไกลในพื้นที่ภูเขาสูงทางภาคเหนือเป็นประจำ ควรพิจารณาทำการบำรุงรักษาเร็วกว่ากำหนด 1,000-2,000 กิโลเมตร เนื่องจาก1การขับขี่ด้วยความเร็วสูงอย่างต่อเนื่องจะเร่งการเสื่อมสภาพของน้ำมันเครื่อง
ดูเพิ่มเติม