Q

BMW i8 Roadster ราคาเท่าไหร่

ในตลาดประเทศไทย BMW i8 Roadster เป็นรถสปอร์ตปลั๊กอินไฮบริดที่มีราคาขึ้นอยู่กับอุปกรณ์และนโยบายของผู้จำหน่าย โดยราคามักเริ่มต้นประมาณหนึ่งพันห้าร้อยล้านบาท ควรสอบถามผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการเพื่อรับข้อมูลราคาล่าสุด รถรุ่นนี้ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบสามสูบขนาดหนึ่งจุดห้าลิตรทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสามร้อยเจ็ดสิบสี่แรงม้า วิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนได้ประมาณห้าสิบห้ากิโลเมตร เหมาะกับการขับขี่ในเมืองและการเดินทางระยะสั้นในประเทศไทย จุดเด่นคือประตูแบบปีกนกและโครงสร้างตัวถังที่ใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ช่วยลดน้ำหนักแต่ยังคงความแข็งแรง ระบบปรับอากาศและการควบคุมอุณหภูมิแบตเตอรี่มีประสิทธิภาพสูงตอบโจทย์สภาพอากาศร้อนของไทย ผู้บริโภคชาวไทยที่เลือกซื้อรถพลังงานใหม่ประเภทนี้ยังได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีบางส่วน แต่ควรตรวจสอบความพร้อมของสถานีชาร์จและวางแผนติดตั้งที่ชาร์จในบ้านล่วงหน้า ในกลุ่มรถระดับเดียวกัน i8 Roadster โดดเด่นด้วยการออกแบบล้ำสมัยและแนวคิดรักษ์สิ่งแวดล้อม เหมาะสำหรับผู้บริโภคชาวไทยระดับพรีเมียมที่ต้องการเทคโนโลยีล้ำหน้าและความสนุกในการขับขี่
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
"i" ใน BMW i8 หมายถึงอะไร
ในรถ BMW i8 ตัวอักษร "i" ย่อมาจาก "innovation" (นวัตกรรม) และ "intelligence" (ความชาญฉลาด) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเทคโนโลยีล้ำสมัยของ BMW ในด้านรถยนต์ไฟฟ้าและการเดินทางแห่งอนาคต ซีรีส์ i เป็นซับแบรนด์ที่ BMW ออกแบบมาเฉพาะสำหรับรถยนต์พลังงานใหม่ โดย i8 ในฐานะรถสปอร์ตปลั๊กอินไฮบริด ได้รวมเอาขุมพลังจากเครื่องยนต์ 1.5T 3 สูบกับมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อแสดงถึงประสิทธิภาพสูงและแนวคิดรักษ์สิ่งแวดล้อม ในตลาดไทย รถพลังงานใหม่อย่าง i8 เหมาะอย่างยิ่งกับเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นอย่างกรุงเทพฯ เพราะโหมดไฟฟ้าสามารถลดการปล่อยมลพิษได้ นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังมีมาตรการส่งเสริมรถไฟฟ้า เช่น การลดภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต ทำให้รถอย่าง i8 น่าสนใจยิ่งขึ้น BMW ซีรีส์ i ยังมีรุ่นอื่นๆ เช่น i3 และในอนาคตอาจจะนำเข้ารุ่นไฟฟ้าเต็มรูปแบบเพิ่มเข้ามาในไทย เมื่อโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จในไทยพัฒนามากขึ้น รถพลังงานใหม่ก็จะได้รับความนิยมมากขึ้น การออกแบบและเทคโนโลยีของ i8 ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ BMW ในการสร้างความหรูหราแบบยั่งยืน เป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภคไทยที่ต้องการทั้งสมรรถนะสูงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
Q
วิธีการชาร์จ BMW i8
รถ BMW i8 ในฐานะรถสปอร์ตแบบปลั๊กอินไฮบริด ที่ประเทศไทยมีวิธีชาร์จไฟหลักๆ อยู่ 3 แบบ คือ ชาร์จผ่านเต้ารับมาตรฐานที่บ้าน ชาร์จผ่าน Wallbox ติดผนัง และชาร์จผ่านสถานีชาร์จสาธารณะ สำหรับในไทย แรงดันไฟฟ้า 220V ที่บ้านนั้นใช้งานได้กับสายชาร์จมาตรฐานที่มากับรถแต่ชาร์จช้าพอสมควร ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมงถึงจะเต็ม แต่ถ้าเลือกติดตั้ง Wallbox แบบที่ BMW แนะนำ (แบรนด์ยอดนิยมในไทยเช่น Delta หรือ ABB ก็มีขาย) จะช่วยลดเวลาชาร์จเหลือแค่ประมาณ 2 ชั่วโมงเท่านั้น ตอนนี้เครือข่ายสถานีชาร์จในไทยพัฒนาเร็วมาก โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ หรือเมืองใหญ่ๆ จะเห็นได้ตามห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน รวมถึงปั๊มน้ำมัน PTT ที่มีหัวชาร์จแบบ Type 2 ให้ใช้ แนะนำให้โหลดแอปพลิเคชันเช่น PlugShare ไว้เช็คจุดชาร์จใกล้ๆ ตัวได้แบบเรียลไทม์ แต่ต้องระวังหน่อยเพราะอากาศเมืองไทยทั้งร้อนทั้งฝนบ่อยๆ เลยควรเลือกอุปกรณ์ชาร์จที่กันน้ำได้มาตรฐาน IP54 ขึ้นไป และควรหลีกเลี่ยงการชาร์จกลางแจ้งตอนฝนตกหนัก ส่วนเรื่องการดูแลแบตเตอรี่สำหรับรถไฮบริดแบบนี้ ควรให้เครื่องยนต์ทำงานบ้างเป็นครั้งคราว จะช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ได้ ซึ่งต่างจากการใช้รถไฟฟ้าแบบ 100% ที่คนไทยเริ่มคุ้นเคย ถ้าคิดจะขับทางไกล แนะนำให้วางแผนเส้นทางตามจุดชาร์จริมทางด่วนหลักๆ เช่น เส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน ก็มีสถานีชาร์จเร็ว 150kW ให้ใช้หลายจุดตลอดทางแล้ว
Q
BMW i8 คืออะไร
บีเอ็มดับเบิลยู i8 เป็นรถสปอร์ตปลั๊กอินไฮบริดที่ผลิตโดยผู้ผลิตรถยนต์เยอรมันอย่างบีเอ็มดับเบิลยู (BMW) ออกวางตลาดครั้งแรกในปี 2014 ด้วยดีไซน์ที่ล้ำสมัยและเทคโนโลยีขับเคลื่อนอันทันสมัย ทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในรถยนต์รุ่นเรือธงของแบรนด์ i8 มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร 3 สูบเทอร์โบชาร์จที่ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสูงสุด 369 แรงม้า เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.4 วินาที และสามารถวิ่งได้ประมาณ 37 กิโลเมตรในโหมดไฟฟ้าล้วน ซึ่งเหมาะมากกับการใช้ชีวิตในเมืองไทยสำหรับการเดินทางระยะสั้นๆ นอกจากนี้ การปล่อยมลพิษที่ต่ำยังสอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมยานยนต์รักษ์สิ่งแวดล้อมของรัฐบาลไทยอีกด้วย ในตลาดไทย i8 ดึงดูดผู้บริโภคกลุ่มไฮเอนด์ด้วยดีไซน์ประตูปีกนกที่ดูเท่และโครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์ แม้ว่าตอนนี้จะหยุดผลิตไปแล้ว แต่ในตลาดมือสองก็ยังเป็นที่ต้องการมาก เทคโนโลยีไฮบริดเริ่มเป็นที่นิยมในไทยมากขึ้น รถสปอร์ตปลั๊กอินไฮบริดอย่าง i8 นับเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งความแรงและความรักษ์โลก ในอนาคตเมื่อโครงสร้างพื้นฐานสำหรับรถไฟฟ้าในไทยพัฒนามากขึ้น รถสปอร์ตปลั๊กอินไฮบริดแบบนี้ก็น่าจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอีก
Q
BMW i8 มีที่นั่งกี่ที่
BMW i8 เป็นรถสปอร์ตปลั๊กอินไฮบริดที่มีดีไซน์ล้ำอนาคต ในตลาดไทยได้รับความสนใจทั้งด้านการออกแบบและประสิทธิภาพเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รุ่นนี้ใช้การจัดวางที่นั่งแบบ 2+2 มีทั้งหมด 4 ที่นั่ง แต่พื้นที่เบาะหลังค่อนข้างจำกัด เหมาะกับเด็กหรือการโดยสารระยะสั้น สำหรับผู้บริโภคไทย การออกแบบเบาะของ i8 ผสมผสานความสปอร์ตของรถสปอร์ตกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน แม้ในเมืองกรุงเทพฯ ที่การจราจรติดขัดการใช้เบาะหลังอาจน้อย แต่เมื่อมีผู้โดยสารครอบครัวหรือเพื่อนก็เพียงพอสำหรับการใช้งาน นอกจากนี้ โครงสร้างตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบาและประตูปีกนกของ i8 แสดงความแข็งแรงแม้ในอากาศร้อนของไทย ระบบขับเคลื่อนไฮบริดยังช่วยลดน้ำมันในสภาพการจราจรที่ต้องหยุด-ออกบ่อย เหมาะกับผู้ขับที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสภาพถนนในไทย แนะนำให้ทดลองขับก่อนซื้อเพื่อประเมินความสะดวกสบายของเบาะและการขึ้นลงรถ
Q
BMW i8 ราคาเท่าไหร่
ในตลาดประเทศไทย BMW i8 เป็นรถสปอร์ตปลั๊กอินไฮบริดที่ราคาจะแตกต่างกันไปตามรุ่น ปีที่ผลิต และโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่าย โดยราคาสำหรับรถใหม่จะอยู่ที่ประมาณ 15-18 ล้านบาท ส่วนรถมือสองราคาจะลดลงเหลือประมาณ 8-12 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับสภาพรถและระยะทางที่ใช้งาน รถคันนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร 3 สูบเทอร์โบชาร์จที่ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสูงสุดถึง 369 แรงม้า และสามารถวิ่งได้ประมาณ 50 กิโลเมตรในโหมดไฟฟ้าล้วน ซึ่งเหมาะมากกับการใช้งานในเมืองหรือทริปสั้นๆ ในประเทศไทย รัฐบาลไทยยังมีนโยบายสนับสนุนรถพลังงานสะอาดด้วยการลดภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต ทำให้ราคาของ i8 ถูกลงบ้าง ที่สำคัญตอนนี้สถานีชาร์จไฟในไทยกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกรุงเทพฯและเชียงใหม่ที่ห้างสรรพสินค้าหรืออาคารสำนักงานหลายแห่งมีจุดชาร์จให้บริการสะดวกสบาย ส่วนเรื่องการใช้งานในระยะยาว i8 จะมีประกันแบตเตอรี่ 8 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร และ BMW ประเทศไทยยังมีเครือข่ายบริการหลังการขายที่ครบครัน รวมถึงโปรแกรมตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่และแพ็คเกจดูแลเฉพาะสำหรับเจ้าของรถ เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Porsche 911 ไฮบริดหรือ Audi R8 e-tron ที่ราคาสูงกว่า i8 ยังคงเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้บริโภคระดับสูงด้วยดีไซน์ที่ดู futururistic และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
Q
เท่าไหร่ที่จะเช่า bmw i8
ราคาเช่าบีเอ็มดับเบิลยู i8 ในไทยจะแตกต่างกันไปตามระยะเวลาเช่า รุ่นปีของรถ และบริษัทที่ให้บริการเช่า โดยทั่วไปถ้าเช่าประจำวันจะตกอยู่ที่ประมาณ 15,000-25,000 บาท ส่วนแบบรายสัปดาห์อาจอยู่ที่ 90,000-120,000 บาท แต่ราคาที่แน่นอนจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขเพิ่มเติมเช่นประกันหรือระยะทางที่อนุญาตให้ขับได้ บีเอ็มดับเบิลยู i8 เป็นรถสปอร์ตปลั๊กอินไฮบริดที่โดดเด่นทั้งดีไซน์และสมรรถนะ แถมระบบแบตเตอรี่ยังถูกออกแบบมาให้ใช้งานในสภาพอากาศร้อนแบบไทยๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าคิดจะเช่าในเมืองดังๆ อย่างกรุงเทพหรือภูเก็ตแนะนำให้จองล่วงหน้าโดยเฉพาะช่วงไฮซีซันเพราะรถระดับนี้มักถูกจองเร็ว นอกจากนี้บางบริษัทเช่าระดับพรีเมียมยังมีบริการส่งรถถึงที่ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมหรือสนามบิน แต่บริการเสริมแบบนี้อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มนะ ถ้าสนใจรถพลังงานใหม่ ลองศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายเช่ารถ EV ในไทยด้วย เพราะบางพื้นที่อาจมีจุดชาร์จไฟหรือสิทธิ์ลดหย่อนภาษีที่จะช่วยให้ตัดสินใจง่ายขึ้น
Q
BMW i8 วิ่งเร็วแค่ไหน
รถ BMW i8 ถูกจำกัดความเร็วสูงสุดไว้ที่ 250 กม./ชม. ซึ่งถือเป็น performance ที่โดดเด่นมากในกลุ่มรถสปอร์ต Plug-in Hybrid ด้วยระบบขับเคลื่อนที่ผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร 3 สูบ เทอร์โบชาร์จ และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสูงถึง 369 แรงม้า เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.4 วินาที สำหรับสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย แนะนำให้ระวังเรื่องประสิทธิภาพการระบายความร้อนของแบตเตอรี่เพื่อรักษาสมรรถนะให้คงที่ ส่วนในสภาพการจราจรติดขัดอย่างในกรุงเทพฯ การใช้โหมดขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว (ระยะทางประมาณ 37 กม.) จะช่วยประหยัดน้ำมันได้มากกว่า นอกจากนี้ดีไซน์ประตูผีเสื้อและโครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์ยังเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นในตลาดรถหรูไทย แต่ควรตรวจสอบศูนย์บริการหลังการขายในพื้นที่เกี่ยวกับความพร้อมในการดูแลระบบ Hybrid และหากกำลังมองหา i8 มือสอง ควรตรวจสอบสภาพของชุดแบตเตอรี่แรงดันสูงเป็นพิเศษ ส่วนรุ่นพวงมาลัยขวาที่ขายในไทยอาจให้ความรู้สึกในการขับขี่ที่แตกต่างจากรุ่นพวงมาลัยซ้ายเล็กน้อย

ข้อดี

การออกแบบรถทันสมัยและล้ำสมัย, มีขั้นตอนสามมิติที่สมจริง
การตกแต่งภายในหรูหราและเรียบร้อย, พื้นที่กว้างขวางและสบาย รองเท้ามีรอยสวยงาม, พรมสร้างบรรยากาศที่ดี
การออกแบบพลศาสตร์โดยใช้อากาศยอดเยี่ยม, ทุกส่วนสอดคล้องกับกลศาสตร์ของของไหล
ใช้วัสดุไฟเบอร์คาร์บอนที่มีน้ำหนักเบาและแข็งแกร่ง, รถมีน้ำหนักเบา
มีระบบพลังงานผสม, ม้าแรงขึ้นถึง 374

ข้อเสีย

ไม่เหมาะสำหรับการขับขี่ประจำวัน
พวกเขามีข้อเข้ารถที่ยากยากมากเนื่องจากการออกแบบรถที่ต่ำและที่นั่งที่ลึก
พื้นที่เก็บของน้อย และไม่เหมาะสำหรับการโหลดสินค้าหรือคน
พวกเขามีการบำรุงรักษาที่ยากและต้องการทักษะทางวิชาชีพและอุปกรณ์พิเศษ
พวกเขามีราคาสูง เนื่องจากการออกแบบรถแข่งที่เป็นเอกลักษณ์ ราคาขอบสูงถึงหลายล้าน

Q&A ล่าสุด

Q
ฮอนด้า CR V มีที่นั่งกี่ที่
ฮอนด้า CR-V ในตลาดไทยมักเป็นรุ่น 5 ที่นั่งซึ่งเป็นการจัดมาตรฐานตอบโจทย์การใช้งานของครอบครัวส่วนใหญ่พื้นที่ด้านหลังกว้างและเบาะปรับได้ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการโดยสารเหมาะอย่างยิ่งกับการเดินทางครอบครัวหรือการสัญจรในเมืองที่พบได้บ่อยในไทยควรทราบว่า CR-V ในบางตลาดต่างประเทศมีรุ่น 7 ที่นั่งแต่รุ่นจำหน่ายในไทยเน้น 5 ที่นั่งเป็นหลักผู้บริโภคสามารถพิจารณาตามความต้องการเรื่องจำนวนผู้โดยสารนอกจากนี้เมื่อพับเบาะหลังแล้วพื้นที่เก็บสัมภาระขยายมากขึ้นเหมาะกับการเดินทางแบบขับเองหรือขนของจำนวนมากในไทยรถรุ่นนี้ยังมีความประหยัดน้ำมันและความน่าเชื่อถือสูงเหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นและถนนในเมืองที่ซับซ้อน
Q
สิ่งที่ทำให้ฮอนด้า CR-V เด่นเด่นจาก SUV ขนาดกะทัดรัดอื่น ๆ
ฮอนด้า ซีอาร์-วี เป็น SUV คอมแพคที่โดดเด่นในตลาดไทย ด้วยจุดแข็งด้านความประหยัดน้ำมัน ความทนทาน และพื้นที่ใช้สอยที่คุ้มค่า ซีอาร์-วี ให้พื้นที่เบาะหลังและกระโปรงท้ายที่กว้างขวางกว่าใครในรุ่นเดียวกัน เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ครอบครัวไทยทั้งทริปยาวและใช้งานประจำวัน เครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5L และระบบไฮบริดนั้นให้กำลังสมบูรณ์แบบแต่ยังประหยัดน้ำมัน แม้จะเจอทั้งรถติดในกรุงเทพหรือขับทางไกลก็ไร้กังวล ที่สำคัญ ซีอาร์-วี ยังเป็นรถที่ทรงมูลค่ามากในตลาดมือสอง แถมค่าบำรุงรักษาก็ไม่บานปลาย ทำให้เป็นตัวเลือกน่าสนใจ อากาศร้อนชื้นของไทยก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะระบบแอร์เย็นฉ่ำและโครงสร้างป้องกันสนิมได้รับการออกแบบมาเฉพาะ อีกทั้งระบบ Honda SENSING ที่มาพร้อมฟีเจอร์ความปลอดภัยครบครัน ช่วยให้ขับขี่มั่นใจในสภาพการจราจรที่ค่อนข้างโหดของเมืองไทย พูดได้เต็มปากว่า ซีอาร์-วี คือ SUV อเนกประสงค์ที่ตอบโจทย์ครอบครัวไทยได้ครบวงจร แม้คู่แข่งในระดับเดียวกันอาจโดดเด่นในบางจุด แต่ด้วยความสมดุลในทุกด้านทำให้ ซีอาร์-วี ยังคงเป็นตัวท็อปที่เอาชนะได้ยาก
Q
เมื่อฟอร์ดเอเวอเรสต์ใหม่จะเปิดตัว
ฟอร์ดเอเวอเรสต์เจเนอเรชันใหม่คาดว่าจะเปิดตัวในตลาดไทยไตรมาสแรกของปี 2024 โดยวันเปิดตัวที่แน่นอนต้องรอการยืนยันจากฟอร์ดไทยรุ่นนี้ได้เผยโฉมแล้วในหลายตลาดทั่วโลกการปรับปรุงสำคัญรวมถึงดีไซน์ภายนอกที่แข็งแรงขึ้นติดตั้งระบบสาระบันเทิง SYNC 4 รุ่นล่าสุดและเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตรทวินเทอร์โบที่ประหยัดขึ้นบางรุ่นอาจมีตัวเลือกปลั๊กอินไฮบริดเพื่อตอบสนองความต้องการรถประหยัดพลังงานของผู้บริโภคไทยในฐานะตลาดกระบะและเอสยูวีสำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คู่แข่งหลักของเอเวอเรสต์คือโตโยต้าโฟร์จูนเนอร์และอีซูซุ MU-X แต่ฟอร์ดมีโอกาสดึงดูดผู้ใช้ที่เน้นการใช้งานจริงและเทคโนโลยีด้วยสมรรถนะออฟโรดที่ดีและระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะเช่นกล้องรอบคัน 360 องศาและระบบจัดการทุกสภาพถนนควรสังเกตว่าตลาดไทยกำหนดมาตรฐานการปล่อยไอเสียเข้มงวดขึ้นรุ่นใหม่อาจปรับให้รองรับมาตรฐานยูโร 6 ล่วงหน้าและการผลิตในประเทศจะช่วยให้มีราคาที่แข่งขันได้แนะนำให้ผู้สนใจติดตามเว็บไซต์ฟอร์ดไทยหรือตัวแทนจำหน่ายเพื่อรับข้อมูลทดลองขับและการพรีออเดอร์อย่างทันเวลา
Q
วิธีการเปิดฝากระโปรงฟอร์ดเอเวอเรสท์
ก่อนจะเปิดฝากระโปรงหน้ารถ Ford Everest สิ่งแรกที่ต้องทำคือให้รถดับสนิทและจอดอยู่บนพื้นเรียบ จากนั้นมองหาแถบดึงปลดล็อกฝากระโปรง (มักมีสัญลักษณ์รูปฝากระโปรง) ที่บริเวณเท้าด้านคนขับ ดึงเบาๆจนได้ยินเสียง"คลิก" ฝากระโปรงจะเปิดขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากนั้นให้มือเข้าไปที่ล็อกซิปรองตรงกลางส่วนหน้าของฝากระโปรง แล้วดันไปทางซ้ายหรือขวา (แล้วแต่รุ่นปี) พร้อมกับยกฝากระโปรงขึ้น ข้อควรระวังคืออากาศร้อนของไทยอาจทำให้ยางซีลฝากระโปรงเสื่อมเร็ว แนะนำให้ทายารักษายางเป็นประจำ ส่วนแกนไฮดรอลิกก็ต้องเช็คบ่อยๆ ถ้ายกไม่ค่อยอยู่ควรเปลี่ยนใหม่โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนเพราะความชื้นจะทำให้ชิ้นส่วนโลหะขึ้นสนิมเร็ว สำหรับคนที่ขับรถในชนบทหรือแถบชายทะเลบ่อยๆ ควรตรวจสอบสภาพท่อและสายในกระโปรงรถทุกเดือน เพราะทั้งความร้อนและเกลือจะเร่งให้อุปกรณ์เหล่านี้เสื่อมสภาพเร็วขึ้น อีกอย่างฝากระโปรง Everest ทำจากอะลูมิเนียมเพื่อลดน้ำหนัก เวลาทำความสะอาดอย่าใช้สารเคมีแรงๆเพราะจะทำลายสารเคลือบผิวได้
Q
อันไหนดีกว่า ฟอร์ดเอฟเวอร์เรสต์หรือโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์
ในตลาดไทย ฟอร์ด Everest และ โตโยต้า Fortuner เป็น SUV ระดับกลางที่ได้รับความนิยมสูงทั้งคู่ แต่ละรุ่นมีจุดแข็งต่างกัน ฟอร์ด Everest ได้รับการพูดถึงจากเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตรที่ทรงพลังร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ที่ให้สมรรถนะการขับขี่ชั้นเยี่ยม เหมาะกับคนที่ชอบความรู้สึกด้านการขับเคลื่อน นอกจากนี้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะและระบบจัดการสภาพถนนยังทำงานได้ดีในเส้นทางหลากหลายประเภท ส่วนโตโยต้า Fortuner นั้นโดดเด่นด้วยเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.8 ลิตรที่เชื่อถือได้คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด โดยเน้นจุดขายเรื่องประหยัดน้ำมันและค่าบำรุงรักษาต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่มองหารถใช้งานระยะยาว ในส่วนของห้องโดยสาร Everest ให้ความรู้สึกทันสมัยกว่า พร้อมระบบอินโฟเทนเมนต์ SYNC 4 ขณะที่ Fortuner ออกแบบมาเรียบง่ายแต่ใช้งานได้ดี ผู้บริโภคไทยสามารถเลือกได้ตามความต้องการ ถ้าชอบความแรงและเทคโนโลยีล้ำๆ Everest น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้าอยากได้รถที่ทนทานและมีมูลค่าซื้อขายต่อสูง Fortuner ก็ตอบโจทย์กว่า ทั้งสองรุ่นมีเครือข่ายบริการหลังการขายครอบคลุมในไทย ทำให้สะดวกในการซ่อมบำรุงไม่ต่างกันมากนัก
ดูเพิ่มเติม