Q
ราคาของ Isuzu MU-X เท่าไหร่
ราคา Isuzu MU-X ในประเทศไทยอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นและการติดตั้ง โดยทั่วไป รุ่นพื้นฐานมีราคาเริ่มต้นที่ 1,194,000 บาท แต่ราคาจริงควรตรวจสอบจากตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่เพื่อข้อมูลที่อัปเดตล่าสุด
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
ราคาของอีซูซุ MU-X เท่าไหร่
ราคา Isuzu MU-X ในประเทศไทยมีความแตกต่างกันไปตามรุ่นและอุปกรณ์ โดยทั่วไป ราคาจะอยู่ในช่วงประมาณ 1,194,000 - 1,759,000 บาท อย่างไรก็ตาม ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์ตลาด ควรตรวจสอบราคาจากตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่เพื่อความแน่นอน
Q
อีซูซุ MU-X มีที่นั่งกี่ที่
Isuzu MU-X ที่จำหน่ายในประเทศไทยมักมีตัวเลือกที่นั่งทั้งแบบ 5 ที่นั่งและ 7 ที่นั่ง เพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย รุ่น 5 ที่นั่งเหมาะสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ ส่วนรุ่น 7 ที่นั่งเหมาะสำหรับครอบครัวใหญ่ที่ต้องการรองรับผู้โดยสารจำนวนมาก
Q
Isuzu MU X ใช้น้ำมันเฟืองท้ายเบอร์อะไร
น้ำมันเฟืองท้ายที่ใช้ใน Isuzu MU X โดยทั่วไปขึ้นอยู่กับรุ่นรถและสภาพการใช้งาน โดยปกติจะใช้เบอร์ 75W-90 เป็นหลัก อย่างไรก็ตาม เพื่อให้แน่ใจว่ารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและได้รับการปกป้องอย่างเหมาะสม แนะนำให้อ้างอิงจากคู่มือประจำรถหรือสอบถามศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาตจาก Isuzu
Q
isuzu mu-x เริ่มต้นในปีอะไร
Isuzu MU-X ถูกเปิดตัวในตลาดประเทศไทยในปี 2013 โดยรุ่นนี้มีสมรรถนะการขับขี่แบบออฟโรดที่โดดเด่นและความน่าเชื่อถือ เครื่องยนต์ที่ติดตั้งมามีกำลังแรง สามารถรองรับสภาพถนนที่หลากหลายในประเทศไทยได้ ภายในรถมีพื้นที่กว้างขวางและอุปกรณ์ที่ใช้งานได้จริง ตอบโจทย์ความต้องการในด้านความสะดวกสบายและการใช้งานของผู้บริโภค
Q
Isuzu MU X 1.9 ใช้น้ำมันเท่าไหร่ต่อกิโลเมตร
Isuzu MU X 1.9 มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันโดยเฉลี่ยประมาณ 8 ถึง 10 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร แต่ในความเป็นจริงอัตราการใช้น้ำมันจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น พฤติกรรมการขับขี่ สภาพถนน และน้ำหนักบรรทุก หากขับในเมืองที่มีการจราจรติดขัดและต้องหยุดบ่อย อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันอาจสูงขึ้น แต่หากขับบนทางหลวงด้วยความเร็วคงที่ อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันจะลดลง
Q
ถ่านสำหรับรีโมทรถยนต์ Isuzu MU-X หมายเลขอะไร
แบตเตอรี่สำหรับรีโมทรถยนต์ของ Isuzu MU-X โดยทั่วไปจะใช้รุ่น CR2032
Q
Isuzu mu x 2.5 ใช้น้ำมันเท่าไหร่ต่อกิโลเมตร
Isuzu MU-X 2.5 มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันโดยเฉลี่ยประมาณ 8 ถึง 10 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร แต่อัตราสิ้นเปลืองจริงอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามพฤติกรรมการขับขี่ สภาพถนน และน้ำหนักบรรทุก หากขับในเมืองที่มีการจราจรติดขัด อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอาจสูงขึ้น ในขณะที่การขับบนทางหลวงด้วยความเร็วคงที่ อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันจะต่ำลง
Q
อีซูซุ MU X 3.0 ต้องจ่ายภาษีเท่าไหร่
ในการซื้อ Isuzu MU-X 3.0 ในประเทศไทย ค่าธรรมเนียมและภาษีที่เกี่ยวข้องหลัก ๆ ได้แก่ ภาษีศุลกากร ภาษีสรรพสามิต และภาษีรถประจำปี หากเป็น Isuzu MU-X 3.0 ที่ผลิตในประเทศไทย สามารถได้รับการยกเว้นภาษีศุลกากร โดยส่วนลดจะอยู่ระหว่าง 10%-100% ในขณะที่รถนำเข้ามีโครงสร้างภาษีศุลกากรที่แตกต่างกัน ภาษีสรรพสามิตมักถูกรวมอยู่ในราคารถยนต์อยู่แล้ว สำหรับภาษีรถประจำปี หากเป็นรถที่มีความจุเครื่องยนต์ 3,000 มิลลิลิตร จะต้องจ่ายภาษีปีแรกประมาณ 6,900 บาท และจำนวนเงินดังกล่าวต้องชำระต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปี นอกจากนี้ สินค้านำเข้าที่มีมูลค่าไม่น้อยกว่า 1,000 บาท ต้องชำระภาษีศุลกากรและภาษีมูลค่าเพิ่ม อย่างไรก็ตาม ภาษีและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ อาจเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับประเทศต้นทางของรถยนต์ การกำหนดอุปกรณ์ของรถ และนโยบายท้องถิ่นในช่วงเวลานั้น
Q
ราคาของอีซูซุมิว-เอ็กซ์เท่าไหร่
ราคาของ Isuzu MU-X ในประเทศไทยอาจจะแตกต่างออกไปขึ้นอยู่กับการกำหนดค่า, รุ่นและสภาพตลาด. โดยทั่วไปแล้ว, ราคาของการตั้งค่าที่ได้รับความนิยมประมาณ 1,000,000 บาทถึง 1,500,000 บาท. รถยนต์รุ่นนี้ได้รับความสนใจในตลาดท้องถิ่นเนื่องจากมีสมรรถนะในการขับขี่นอกถนนที่ยอดเยี่ยมและมีพื้นที่ภายในที่กว้างขวาง.
Q
อีซูซุ MU-X มีที่นั่งกี่ที่
Isuzu MU-X ในตลาดประเทศไทยมักมีให้เลือกทั้งการจัดเรียงที่นั่ง 5 ที่นั่งและ 7 ที่นั่ง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่แตกต่างกัน
Q&A ล่าสุด
Q
ข้อเสียของ Honda Jazz คืออะไร
Honda Jazz ในฐานะรถยนต์แฮทช์แบ็กขนาดกะทัดรัดที่ได้รับความนิยมในตลาดไทยนั้น จุดด้อยหลัก ๆ อยู่ที่พื้นที่ภายในและสมรรถนะของเครื่องยนต์ แม้ว่า Jazz จะมีการออกแบบที่โดดเด่นด้วยฟังก์ชัน Magic Seat แต่ในสภาพอากาศร้อนของไทย พื้นที่ขาเบาะหลังอาจรู้สึกคับแคบสำหรับผู้โดยสารที่สูงโดยเฉพาะเมื่อเดินทางไกล นอกจากนี้ เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร แบบดูดอากาศธรรมชาติ เมื่อใช้งานในเส้นทางภูเขาหรือเมื่อต้องบรรทุกเต็มที่ การเร่งความเร็วอาจรู้สึกไม่เพียงพอ โดยเฉพาะเวลาที่เปิดแอร์เต็มกำลังจะเห็นการลดทอนของพละกำลังและอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ส่วนเรื่องการเก็บเสียงเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง เสียงลมและเสียงยางจะค่อนข้างเด่น ซึ่งอาจทำให้ผู้บริโภคที่เน้นความเงียบสงบรู้สึกไม่เต็มที่ อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดเหล่านี้เป็นเรื่องที่พิจารณาในบริบทของการจัดวางตำแหน่งรถยนต์รุ่นนี้ โดยเมื่อพิจารณาถึงความคล่องตัวในการขับขี่ในเมืองและความประหยัดน้ำมัน รวมถึงสภาพการจราจรที่หนาแน่นในไทย Jazz ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการใช้งานในเมือง ผู้บริโภคในไทยสามารถชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียตามความต้องการส่วนตัว หากต้องการรถที่เหมาะกับการเดินทางแบบครอบครัวหรือสมรรถนะที่แรงขึ้น อาจพิจารณารถรุ่นอื่นในระดับเดียวกันเป็นทางเลือกเพิ่มเติมได้
Q
Honda Jazz อยู่ในกลุ่มตลาดรถยนต์ขนาดเล็ก
Honda Jazz ในตลาดรถยนต์ของประเทศไทยจัดอยู่ในกลุ่ม B-Segment หรือที่เรียกว่ารถยนต์ขนาดเล็ก (Subcompact Car) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เน้นการใช้งานในเมืองและครอบครัวในชีวิตประจำวัน โดยมีจุดเด่นที่ขนาดตัวถังกะทัดรัด ประหยัดน้ำมัน และออกแบบพื้นที่ใช้สอยได้อย่างลงตัว Honda Jazz มีฟังก์ชัน Magic Seat ที่ช่วยเพิ่มความหลากหลายในการจัดเก็บสัมภาระ เหมาะอย่างยิ่งกับการขับขี่ในเมืองใหญ่ที่การจราจรหนาแน่น เช่น กรุงเทพฯ ขณะที่เครื่องยนต์ i-VTEC ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังขับเคลื่อนที่นุ่มนวลและเหมาะสมกับสภาพถนนของไทย กลุ่ม B-Segment ในไทยยังมีคู่แข่งที่ได้รับความนิยมอย่าง Toyota Yaris และ Mazda2 ซึ่งเน้นความประหยัดและใช้งานได้จริง ผู้บริโภคจึงมักเลือกตามความชอบในแบรนด์ ฟีเจอร์ และบริการหลังการขาย ความต้องการรถยนต์ขนาดเล็กในไทยยังคงสูงเนื่องจากราคาที่เข้าถึงได้ง่าย ต้นทุนการบำรุงรักษาต่ำ และเหมาะกับถนนที่ค่อนข้างแคบ Honda Jazz จึงเป็นตัวเลือกยอดนิยมในกลุ่มนี้ด้วยความน่าเชื่อถือและอัตราการเก็บมูลค่าที่ดี
Q
มูลค่าการขายต่อของ Honda Jazz คืออะไร
ในตลาดประเทศไทย Honda Jazz ถือเป็นรถมือสองที่มีอัตราการคงมูลค่อนข้างดี โดยมีปัจจัยสนับสนุนคือคุณภาพที่เชื่อถือได้ ความประหยัดน้ำมัน และภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์ Honda ในประเทศไทย จากข้อมูลในอุตสาหกรรมพบว่า Jazz ที่มีอายุไม่เกิน 3 ปีมักมีอัตราการคงมูลอยู่ที่ประมาณ 60% - 70% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพรถ ระดับอุปกรณ์ และประวัติการบำรุงรักษา สำหรับประเทศไทยซึ่งมีถนนในเมืองที่แออัดและราคาน้ำมันสูง รถยนต์ขนาดเล็กประหยัดพลังงานอย่าง Jazz จึงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการที่ Honda มีฐานการผลิตในประเทศ ทำให้ชิ้นส่วนอะไหล่หาได้ง่ายและค่าบำรุงรักษาไม่สูง จึงช่วยเพิ่มมูลค่าของรถมือสองได้อีกทาง หนึ่งในแนวโน้มสำคัญคือ Jazz รุ่นไฮบริดเริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในไทย ซึ่งมักมีมูลค่าขายต่อสูงกว่ารุ่นเครื่องยนต์เบนซินแบบธรรมดา แนะนำให้เจ้าของรถเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการอย่างสม่ำเสมอและเก็บเอกสารประวัติการบำรุงรักษาไว้ให้ครบถ้วน เพราะสามารถช่วยเพิ่มราคาขายต่อได้ นอกจากนี้ ผู้บริโภคชาวไทยมักนิยมรถสีโทนกลางอย่างสีขาวหรือสีเงิน ซึ่งขายต่อได้ง่ายกว่า หากต้องการทราบราคาประเมินที่แม่นยำมากขึ้น ควรอ้างอิงจากคู่มือราคารถมือสองของสมาคมรถยนต์ในประเทศไทย หรือปรึกษากับตัวแทนจำหน่ายรถมือสองที่เชื่อถือได้ในพื้นที่
Q
ฮอนด้า แจ๊ส มีกี่ซีซี
Honda Jazz ที่วางจำหน่ายในตลาดประเทศไทยส่วนใหญ่ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินแบบดูดอากาศธรรมดาขนาด 1.5 ลิตร มีปริมาตรกระบอกสูบ 1497 ซีซี โดยเครื่องยนต์รุ่นนี้ขึ้นชื่อเรื่องประสิทธิภาพสูงและความประหยัดน้ำมัน เหมาะกับสภาพการจราจรในเมืองที่มีการหยุด-เคลื่อนบ่อยครั้งในประเทศไทย อีกทั้งยังจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ที่ช่วยให้การขับขี่ลื่นไหลยิ่งขึ้น Jazz ถือเป็นรถยนต์ขนาดเล็กที่คุ้มค่าและได้รับความนิยมอย่างมากในไทย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการรถสำหรับใช้งานในครอบครัวหรือเดินทางในเมือง จุดเด่นของรุ่นนี้อยู่ที่ขนาดตัวรถที่คล่องตัวแต่ภายในกว้างขวาง นอกจากนี้ผู้บริโภคยังควรพิจารณาเทคโนโลยีเครื่องยนต์เพิ่มเติม เช่น ระบบ i-VTEC ของ Honda ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการส่งกำลังและประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น ทั้งนี้มาตรฐานมลพิษในไทย เช่น Euro 5 ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ผู้ซื้อควรตรวจสอบ รวมถึงต้นทุนการใช้งานในระยะยาว ซึ่งมีผลต่อประสบการณ์การขับขี่และค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษารถยนต์
Q
เครื่องยนต์ใน Honda Jazz คืออะไร
Honda Jazz ในตลาดประเทศไทยส่วนใหญ่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร i-VTEC แบบดูดอากาศธรรมดา มาพร้อมเทคโนโลยี VTEC อันเป็นเอกลักษณ์ของ Honda ให้กำลังสูงสุดประมาณ 120 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่ขึ้นชื่อเรื่องความนุ่มนวลและประหยัดน้ำมัน เหมาะอย่างยิ่งกับการขับขี่ในสภาพการจราจรติดขัดของกรุงเทพฯ รุ่น RS ที่วางจำหน่ายในไทยยังได้รับการจูนให้ตอบสนองเร็วขึ้นแต่ยังคงประหยัดน้ำมันที่ประมาณ 5.5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร สำหรับสภาพอากาศร้อนในไทย เครื่องยนต์รุ่นนี้มาพร้อมระบบระบายความร้อนที่ได้รับการปรับปรุงโดยเฉพาะ และระบบปรับอากาศที่ปรับให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมเขตร้อน ช่วยให้การขับขี่ในระยะทางไกลมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น จุดเด่นอีกอย่างคือห้องเครื่องของ Jazz ออกแบบให้กะทัดรัดเพื่อเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสาร ตอบโจทย์ผู้ใช้ชาวไทยที่ให้ความสำคัญกับความกว้างขวางภายในรถ ซึ่งสะท้อนแนวคิด MM หรือ “Man-Maximum, Machine-Minimum” ของ Honda ได้อย่างชัดเจน แม้ว่าในอนาคตอาจมีการแนะนำรุ่น e:HEV ไฮบริดตามนโยบายส่งเสริมรถพลังงานสะอาดของรัฐบาลไทย แต่ในปัจจุบัน รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ยังคงเป็นทางเลือกหลักที่ได้รับความนิยมสูง ด้วยความทนทานและค่าบำรุงรักษาต่ำ เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางในเมือง
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

2025 Isuzu MU-X เปิดตัว: มีตัวเลือกการกําหนดค่าที่หลากหลาย ราคาตั้งแต่ 1,184,000 บาท
LienJun 13, 2024

Isuzu D-Max รีวิว—ดีไซน์ดุดัน พื้นที่กว้างขวาง นั่งสบาย ทนทานและประหยัดน้ำมัน รถกระบะอเนกประสงค์
ธนวัฒน์Mar 31, 2025

นี่คือราคาของรถกระบะ Isuzu คุณลักษณะของ 20 รุ่น และแผนการสินเชื่อ
Kevin WongFeb 28, 2025

Isuzu เปิดตัวเครื่องยนต์ MAXFORCE ใหม่ มีพลังงานที่แข็งแรงกว่า!
ธนวัฒน์Nov 15, 2024

THB 1,145,000! Isuzu D-Max 1.9 MHEV วางขายแล้ว: กำลังแรง 150PS, 350N·m!
ธนวัฒน์Oct 12, 2024
ดูเพิ่มเติม
ข้อดี
ข้อเสีย