Q
Toyota Yaris ราคาเท่าไหร่?
Toyota Yaris มีหลายรุ่นให้เลือก โดยแต่ละรุ่นก็มีราคาที่แตกต่างกันออกไป ตามปีที่ผลิตและอุปกรณ์ที่ติดตั้งมาในตัวรถ
สำหรับรุ่นปี 2023 มีดังนี้
– Yaris Sport ราคา 559,000 บาท
– Yaris Smart ราคา 619,000 บาท
– Yaris Premium ราคา 679,000 บาท
– Yaris Premium S ราคา 694,000 บาท
รุ่นปี 2022 ได้แก่
– Yaris Entry ราคา 549,000 บาท
– Yaris Sport ราคา 609,000 บาท
– Yaris Sport Premium ราคา 679,000 บาท
ส่วนรุ่นปี 2020 ก็มีให้เลือก เช่น
– Yaris 1.2 Entry ราคา 539,000 บาท
– Yaris 1.2 Mid ราคา 589,000 บาท
– Yaris 1.2 High ราคา 649,000 บาท
แต่ละรุ่นจะมีความแตกต่างกันทั้งในเรื่องอุปกรณ์ ความสะดวกสบาย และเทคโนโลยีที่ให้มา ถ้าใครเน้นใช้งานพื้นฐานทั่วไป แนะนำรุ่น Entry ที่ราคาประหยัด แต่ถ้าอยากได้ฟังก์ชันเยอะขึ้น เช่น ระบบความปลอดภัย หรืออุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ รุ่น Premium ก็จะตอบโจทย์ได้มากกว่าค่ะ
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
ข้อเสียของ Toyota Yaris มีอะไรบ้าง?
Tแม้ว่า Toyota Yaris จะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็มีจุดที่ควรพิจารณาเช่นกัน โดยเฉพาะในเรื่องของสมรรถนะ ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตรแบบไม่มีเทอร์โบ กำลังสูงสุด 92 แรงม้า ซึ่งอาจไม่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ชอบการขับขี่ที่เร้าใจหรือเร่งแซงบ่อยในความเร็วสูง ด้านพื้นที่ภายใน ด้วยขนาดตัวรถแบบ B-Segment (ยาว 4,171 มม. กว้าง 1,730 มม. สูง 1,475–1,500 มม. ฐานล้อ 2,550 มม.) อาจทำให้พื้นที่วางขาและศีรษะด้านหลังรู้สึกคับแคบ โดยเฉพาะกับผู้โดยสารที่รูปร่างสูงใหญ่
นอกจากนี้ ในขณะที่รถรุ่นอื่น ๆ ในระดับเดียวกันมีการอัปเดตดีไซน์และฟีเจอร์อย่างต่อเนื่อง Toyota Yaris บางรุ่นกลับดูขาดความทันสมัย ทั้งในด้านการออกแบบภายในและอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ระบบมัลติมีเดียที่ยังมีฟังก์ชันจำกัด วัสดุภายในที่ให้สัมผัสไม่หรูหรามากนัก เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งที่เน้นความล้ำสมัยหรือความหรูหรา Yaris จึงอาจดูเป็นรองในแง่ของความโดดเด่นและความน่าสนใจค่ะ
Q
Toyota Yaris จัดอยู่ในกลุ่มตลาดรถยนต์ระดับไหน?
Toyota Yaris จัดอยู่ในกลุ่มรถยนต์ B-Segment หรือที่เรียกว่าตลาดรถยนต์ขนาดเล็ก โดยมีขนาดตัวถังค่อนข้างกะทัดรัด ได้แก่ ความยาวประมาณ 4,140 มม. กว้าง 1,730 มม. สูง 1,475 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,550 มม. ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขับขี่ในเมืองและหาที่จอดรถได้ง่าย ราคาจำหน่ายอยู่ในช่วงประมาณ 559,000 – 694,000 บาท ถือว่าเข้าถึงได้ง่าย เหมาะกับผู้บริโภคทั่วไป เครื่องยนต์มีขนาดความจุ 1.2 ลิตร (1197 ซีซี) เป็นแบบ ดูดอากาศธรรมดา (ไม่มีเทอร์โบ) ให้กำลังสูงสุด 92 แรงม้า (PS) โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ดีอยู่ที่ 4.3 ลิตร / 100 กม. จึงเหมาะสำหรับการใช้งานประจำวัน เช่น ขับไปทำงานหรือเดินทางระยะสั้น ภายในรถยังมาพร้อมกับ อุปกรณ์ความปลอดภัยและความสะดวกสบายที่ครบครัน เช่น ถุงลมนิรภัยหลายตำแหน่ง และระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (VSC) เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารค่ะ
Q
มูลค่าขายต่อ (Resale Value) ของ Toyota Yaris คือเท่าไร?
ราคาขายต่อของ Toyota Yaris มือสอง ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุการใช้งาน (ปีของรถ), ระยะทางที่วิ่งมา, สภาพตัวรถ, และ ระดับของอุปกรณ์หรือรุ่นย่อย รถที่อายุยังน้อย, วิ่งมาน้อย, ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุ และได้รับการดูแลรักษาอย่างดี จะมีราคาสูงกว่ารถรุ่นเดียวกันที่มีอายุการใช้งานนานกว่า วิ่งมาเยอะ หรือเคยเกิดอุบัติเหตุ นอกจากนี้ รุ่นที่เป็น ตัวท็อปหรือมีออปชันครบ มักจะมีราคาขายต่อที่ดีกว่ารุ่นพื้นฐาน แม้จะไม่สามารถระบุราคาที่แน่นอนได้แบบชัดเจน เพราะขึ้นอยู่กับสภาพรถแต่ละคัน แต่โดยรวมแล้ว ถ้ารถอยู่ในสภาพดี ก็จะขายได้ราคาที่น่าพอใจในตลาดมือสอง ในทางกลับกัน หากรถมีสภาพไม่ดี ราคาก็จะลดลงอย่างมาก ผู้บริโภคควรพิจารณาปัจจัยหลายด้านร่วมกันในการประเมินมูลค่าที่แท้จริงของรถก่อนซื้อหรือขายค่ะ
Q
เครื่องยนต์ของ Toyota Yaris มีกี่ CC?
เครื่องยนต์ของ Toyota Yaris มีความจุ 1197 มิลลิลิตร (mL) ซึ่งเมื่อแปลงเป็นหน่วยลูกบาศก์เซนติเมตร (CC) จะเท่ากับ 1197 CC (เนื่องจาก 1 mL = 1 CC) เครื่องยนต์รุ่นนี้เป็นแบบ ดูดอากาศธรรมดา (Naturally Aspirated) มี 4 สูบ ให้กำลังขับเคลื่อนที่เสถียรและเชื่อถือได้ ด้านความประหยัดน้ำมันก็ทำได้ดี โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 4.3 ลิตร / 100 กิโลเมตร (ตามข้อมูลจากผู้ผลิต) เครื่องยนต์ให้กำลังสูงสุดที่ 68 กิโลวัตต์ (kW) ที่รอบเครื่องยนต์ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 109 นิวตันเมตร (N·m) ที่ 4,400 รอบ/นาที มาพร้อมเกียร์ CVT (เกียร์อัตโนมัติแปรผันต่อเนื่อง) ทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างนุ่มนวล เหมาะสำหรับการใช้งานในเมืองหรือถนนทั่วไปในชีวิตประจำวันค่ะ
Q
Toyota Yaris ใช้เครื่องยนต์อะไร?
Toyota Yaris มาพร้อมกับเครื่องยนต์รหัส 3NR-FKE ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เบนซินแบบ 4 สูบเรียง ขนาด 1.2 ลิตร (1,197 ซีซี) แบบดูดอากาศธรรมดา (ไม่มีเทอร์โบ)
เครื่องยนต์นี้ใช้ระบบ DOHC 16 วาล์ว และมีลักษณะเป็นเครื่องยนต์ “สมดุล” เพราะขนาดกระบอกสูบและช่วงชักเท่ากัน (72.5 มม.) นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบ หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ (EFI) และเทคโนโลยี Dual VVT-iE (ระบบวาล์วแปรผันคู่แบบควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า ส่งผลให้เครื่องยนต์สามารถให้กำลังสูงสุด 92 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 109 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที ด้านระบบเกียร์ ใช้เกียร์อัตโนมัติแบบ Super CVT-i ที่ให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ พร้อมระบบ Shift-Lock ที่ช่วยปลดเกียร์ว่างเมื่อรถจอด เครื่องยนต์และชุดส่งกำลังนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ขับขี่ได้อย่างราบรื่น และยังช่วยในเรื่อง ความประหยัดน้ำมัน ในบางประเทศ (รวมถึงไทย) หากมีการเปิดตัวรุ่นใหม่เพิ่มเติม อาจมีการใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร แบบ Dual VVT-i ที่ให้กำลัง 107 แรงม้า และแรงบิด 140 นิวตันเมตร พร้อมจับคู่กับเกียร์ Super CVT-i ที่สามารถจำลองการเปลี่ยนเกียร์ได้ถึง 7 จังหวะ เพื่อให้การขับขี่เร้าใจมากขึ้นค่ะ
Q
Toyota Yaris ใช้เกียร์แบบไหน?
Toyota Yaris มีระบบเกียร์ให้เลือก 2 แบบ ได้แก่
• เกียร์อัตโนมัติแบบ Super CVT-i (ใช้ในรุ่นเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร รหัส 3NR-FBE)
• เกียร์ธรรมดาแบบ 6 สปีด (ใช้หลักในรุ่นเชิงพาณิชย์ เช่น รุ่นที่ใช้เพื่อการขนส่ง)
ส่วนรุ่น Yaris ATIV จะใช้เกียร์ CVT เป็นมาตรฐานทุกรุ่น โดยเกียร์ CVT ของ Yaris ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนและการจราจรติดขัดในประเทศไทย เช่นในกรุงเทพฯ โดยใช้ น้ำมันเกียร์ความหนืดต่ำ และเพิ่มระบบ ระบายความร้อน เพื่อให้ทนต่อการใช้งานในเมืองที่ต้องหยุด–ออกตัวบ่อย
คำแนะนำจาก Toyota ประเทศไทย คือควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ CVT ทุก ๆ 80,000 กิโลเมตร
แต่ถ้าขับรถในพื้นที่อุณหภูมิสูงตลอดปี เช่น ภาคใต้ ควรเปลี่ยนทุก 60,000 กิโลเมตร และควรใช้น้ำมันเกียร์มาตรฐาน Toyota CVTF FE ซึ่งหาซื้อได้ง่ายในประเทศไทย
สำหรับผู้ที่ชอบขับรถแนวสปอร์ต แม้ Yaris จะไม่มีเกียร์อัตโนมัติแบบดั้งเดิม แต่เกียร์ CVT รุ่นนี้สามารถปรับเป็นโหมดแมนนวลจำลอง 7 จังหวะ ช่วยควบคุมรอบเครื่องยนต์ได้แม่นยำ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีภูเขาเยอะอย่างเชียงใหม่
นอกจากนี้ ตัวแทนจำหน่าย Toyota ยังแนะนำว่า หากใช้รถในพื้นที่ชายทะเล เช่น ชลบุรี ควรล้างคราบเกลือที่เกาะบริเวณตัวเกียร์ด้านนอกเป็นประจำ เพื่อป้องกันสนิม
รุ่นปรับโฉมล่าสุดของ Yaris ยังได้ปรับปรุงชุดเฟืองเริ่มต้นในเกียร์ CVT เพื่อให้ตอบสนองการออกตัวดีขึ้น โดยเฉพาะเมื่อต้องขนของหนักออกจากเขตนิคมอุตสาหกรรม เช่น ที่ระยองค่ะ
Q
ขนาด PCD ของ Toyota Yaris คือเท่าไร?
รถ Toyota Yaris ที่วางจำหน่ายในตลาด (รวมถึงรุ่น Yaris ATIV) ใช้ขนาด PCD มาตรฐานที่ 4×100 มม.
หมายความว่าล้อแม็กมี รูน็อต 4 รู และแต่ละรูจะเรียงอยู่บนวงกลมเส้นผ่านศูนย์กลาง 100 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นขนาดที่นิยมใช้ในรถยนต์ขนาดเล็ก
ขนาด รูดุมกลาง (Hub Bore) ของ Yaris อยู่ที่ 54.1 มม. ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับเจ้าของรถในไทยที่ต้องการ เปลี่ยนล้อแม็กหรือแต่งล้อ เนื่องจากล้อทดแทนหรือแต่งจากแบรนด์ดังในไทย เช่น RAYs, SSR หรือแบรนด์ล้อแม็กผลิตในประเทศ ต้องใช้ขนาดนี้จึงจะใส่ได้พอดี
เกลียวน็อตล้อ ที่ใช้คือ M12×1.5 และควรขันด้วยแรงบิดประมาณ 103 นิวตันเมตร (Nm)
ในสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย แนะนำให้ตรวจสอบความแน่นของน็อตล้อทุก ๆ 10,000 กม.
ชาวไทยที่นิยมแต่งล้อมักเลือกออฟเซ็ต (ET) ประมาณ ET38 ถึง ET45 เพื่อให้ล้อดูเต็มซุ้มและมีมิติยิ่งขึ้น
แต่ต้องระวังอย่าให้ล้อชนกับบังโคลนหรือชิ้นส่วนอื่น
หากต้องเปลี่ยนเป็นล้อสำหรับยางฤดูหนาว (เช่น ในพื้นที่ภูเขาทางภาคเหนือของไทย) ก็ควรเลือกใช้ล้อที่มี PCD เท่ากัน (4×100 มม.)
ราคาแม็กซ์แท้จากศูนย์ Toyota ในไทย อยู่ที่ประมาณ 8,000–15,000 บาทต่อล้อ
สำหรับผู้ที่ต้องการ อัปเกรดระบบเบรก และยังคงใช้ PCD ขนาดเดิม 4×100 มม. สามารถเลือกชุดเบรกยอดนิยมในไทย เช่นแบรนด์ Endless หรือ Project μ ได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจค่ะ
Q
รถ Toyota Yaris มีระบบ Apple CarPlay หรือไม่?
Toyota Yaris รุ่นปรับโฉมตั้งแต่ปี 2020 (รวมถึง Yaris ATIV) มีบางรุ่นย่อย เช่น SV และ RS ที่มาพร้อมกุญแจ Smart Entry และระบบ Push Start ได้ติดตั้งหน้าจอสัมผัส 7 หรือ 9 นิ้ว ซึ่งรองรับ Apple CarPlay แล้ว แต่รุ่นพื้นฐานอย่าง JL หรือ J ยังไม่มีฟีเจอร์นี้ และใช้แค่ระบบวิทยุมาตรฐาน
ผู้ที่ใช้รุ่นเก่า สามารถอัปเกรดเป็นหน้าจอที่รองรับ CarPlay ได้ผ่านศูนย์บริการโตโยต้าในไทย ราคาประมาณ 8,000 – 15,000 บาท โดยแนะนำให้ใช้สาย Lightning ที่ผ่านการรับรอง MFi เพราะอากาศร้อนในไทยอาจทำให้สายคุณภาพต่ำเสียหายได้ง่าย นอกจากนี้ โตโย่ายังมีอัปเดตระบบปีละ 1–2 ครั้ง ล่าสุดเพิ่มการรองรับ Siri ภาษาไทยด้วย
หากสนใจซื้อ Yaris มือสอง แนะนำเลือกจาก Toyota Sure ที่รับรองคุณภาพ และมีการตรวจสอบระบบ CarPlay พร้อมประกันระบบมัลติมีเดีย 3 เดือน
Q
ยี่ห้อยางรถยนต์ของ Toyota Yaris คืออะไร?
ยางติดรถของ Toyota Yaris จะแตกต่างกันไปตามรุ่นและอุปกรณ์ที่ติดตั้ง โดยทั่วไปมักใช้ยางยี่ห้อ Bridgestone รุ่น ECOPIA EP150 หรือ TURANZA T005A และ Dunlop ENASAVE EC300+ ซึ่งออกแบบมาให้เหมาะกับถนนในเอเชีย เน้นความนุ่มนวลและประหยัดน้ำมัน รุ่นที่ใช้ล้อขนาด 15 นิ้ว มักใช้ยางขนาด 175/65 R15 ขณะที่รุ่นสปอร์ตอย่าง RS จะใช้ขนาดใหญ่ขึ้นคือ 195/50 R16
ด้วยสภาพอากาศในไทยที่ร้อนและมีฝนบ่อย ยางเหล่านี้จึงผลิตจากสูตรยางพิเศษ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะบนถนนเปียกและทนความร้อนได้ดี อย่างไรก็ตาม ในช่วงฤดูฝนควรเพิ่มความระมัดระวัง และเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าเพื่อความปลอดภัย
โชว์รูมโตโยต้าในไทยยังมีตัวเลือกยางอัปเกรด เช่น Michelin หรือ Yokohama (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) ที่เหมาะกับถนนไทยที่มีทั้งเรียบและขรุขระ แนะนำให้สลับยางทุก 10,000 กม. เพื่อยืดอายุการใช้งาน และตรวจเช็กลมยางเป็นประจำ โดยเฉพาะช่วงอากาศร้อนที่ความดันลมยางอาจสูงเกิน Toyota มีบริการสลับยางในราคาประมาณ 300–500 บาท
หากต้องการเปลี่ยนยางขนาดเดิม ราคายางระดับเดียวกับยางติดรถในไทยอยู่ที่ประมาณเส้นละ 2,500–4,500 บาท (รวมติดตั้งและถ่วงล้อ) และสามารถผ่อนจ่ายผ่าน Toyota Easy Finance ได้อีกด้วย
Q
Toyota Yaris เป็นรถที่ดีไหม? มาดูข้อดีข้อเสียของมันกันที่นี่เลย!
Toyota Yaris เป็นรถที่มีข้อดีหลายด้าน แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการเช่นกัน โดยจุดเด่นหลักคือความประหยัดน้ำมัน ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร 4 สูบ ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยเพียง 4.3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันได้มาก
ในด้านความปลอดภัย Toyota Yaris ก็มาพร้อมระบบมาตรฐานครบครัน เช่น ระบบเบรก ABS, ระบบควบคุมเสถียรภาพรถ, สัญญาณเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย, ระบบเตือนรถออกนอกเลน, ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ และถุงลมนิรภัยหลายตำแหน่ง ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
ด้านอุปกรณ์ภายในก็ถือว่าครบถ้วน โดยเฉพาะรุ่นท็อปที่มีหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว, ช่องชาร์จ Type-C, แอร์อัตโนมัติ รวมถึงบางรุ่นที่มีเบาะหนังและกล้องรอบคัน เพิ่มความสะดวกและความสบายในการใช้งาน ดีไซน์ภายนอกก็ดูทันสมัย สีสันหลากหลาย และด้านหน้าของตัวรถมีความเป็นเอกลักษณ์ ช่วยเพิ่มความโดดเด่น
อย่างไรก็ตาม จุดด้อยของ Yaris คือเรื่องกำลังเครื่องยนต์ ซึ่ง 1.2 ลิตร อาจไม่แรงพอสำหรับคนที่ต้องการอัตราเร่งแรงหรือขับเร็วบนทางด่วน นอกจากนี้เบาะหลังของบางรุ่นอาจแคบไปเล็กน้อย ทำให้การนั่งระยะไกลรู้สึกไม่ค่อยสบาย
โดยรวมแล้ว Toyota Yaris เหมาะกับผู้ที่ต้องการรถประหยัดน้ำมัน ใช้งานในเมือง มีความปลอดภัย และมีฟีเจอร์พื้นฐานครบ โดยไม่เน้นเรื่องพละกำลังหรือพื้นที่กว้างมากนัก เป็นทางเลือกที่น่าสนใจในกลุ่มรถเล็กค่ะ
Q&A ล่าสุด
Q
ขนาดของ BYD Sealion 7 คืออะไร
BYD Sealion 7 เป็นรถระดับ D ขนาดยาว 4830 กว้าง 1925 สูง 1620 ระยะฐานล้อ 2930 มิลลิเมตร การออกแบบขนาดตัวถ้ามีข้อได้เปรียบชัดเจน ฐานล้อยาวช่วยให้พื้นที่ภายในกว้างขวาง โดยเฉพาะบริเวณขา เพิ่มความสบายในการนั่งโดยสาร ตัวถังกว้างทำให้พื้นที่ด้านข้างมากขึ้น ผู้โดยสารด้านหลังนั่งสามคนไม่รู้สึกอึดอัด ความสูงที่เหมาะสมทำให้มีพื้นที่เหนือศีรษะเพียงพอ ไม่รู้สึกคับแคบ โดยรวมแล้วให้ความรู้สึกสะดวกสบายทั้งในการเดินทางประจำวันและทริประยะไกล
Q
พื้นที่ท้ายรถของ BYD Sealion 7 มีขนาดเท่าไหร่
BYD Sealion 7 มีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายขนาด 500 ลิตร เพียงพอสำหรับการเดินทางในชีวิตประจำวันและทริประยะสั้น เช่น ใส่กระเป๋าเดินทางหรือเป้สะพายหลังหลายใบ การออกแบบพื้นที่เก็บของเน้นการใช้งานจริง ขนาด 500 ลิตรเหมาะสมกับทั้งการเดินทางของครอบครัวหรือการใช้งานส่วนตัวทุกวัน รองรับการจัดวางสัมภาระทั่วไปได้อย่างสะดวก การจัดวางเบาะและพื้นที่ภายในรถยังเอื้อต่อการใช้ประโยชน์อย่างลงตัว ทั้งพื้นที่นั่งและพื้นที่บรรทุกช่วยให้การเดินทางคล่องตัวและสะดวกสบาย
Q
BYD Sealion 7 มีปัญหาอะไรบ้าง มาดูไว้ก่อนตัดสินใจซื้อ
BYD Sealion 7 มีให้เลือก 2 รุ่นคือรุ่น风尚ขับหลังและรุ่น性能ขับสี่ รุ่นขับหลังราคา 1249900 บาท รุ่นขับสี่ราคา 1399900 บาท ด้านสมรรถนะรุ่นขับหลังทำความเร็วสูงสุดได้ 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 6 จุด 7 วินาที รุ่นขับสี่ความเร็วสูงสุดเท่ากันแต่เร่งได้เร็วกว่าใน 4 จุด 5 วินาที ทั้งสองรุ่นเป็นรถยนต์ไฟฟ้า รุ่นขับหลังติดมอเตอร์เดี่ยวที่ล้อหลัง กำลัง 230 กิโลวัตต์ รุ่นขับสี่ติดมอเตอร์คู่หน้าและหลัง กำลังรวม 390 กิโลวัตต์ รุ่นขับหลังวิ่งได้ 567 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง รุ่นขับสี่วิ่งได้ 542 กิโลเมตร ตัวรถจัดอยู่ในระดับ D ขนาดความยาว 4830 กว้าง 1925 สูง 1620 ระยะฐานล้อ 2930 มิลลิเมตร ภายในกว้างขวาง มาพร้อมระบบความปลอดภัยมาตรฐาน เช่น ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ระบบควบคุมเสถียรภาพของตัวรถ ถุงลมนิรภัยหลายตำแหน่ง และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่หลากหลาย ด้านความสะดวกสบายมีหน้าจอกลางขนาดใหญ่ 15 จุด 6 นิ้ว ระบบเสียง DYNAUDIO ลำโพง 12 ตัว และเครื่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
Q
ขนาดยางของ BYD Sealion 7 คืออะไร
BYD Sealion 7 แต่ละรุ่นใช้ขนาดยางต่างกัน รุ่น Premium RWD ปี 2025 และปี 2024 ใช้ยางหน้า 235 50 R19 ยางหลัง 255 45 R19 ส่วนรุ่น Performance AWD ปี 2025 และปี 2024 ใช้ยางหน้าและหลังขนาดเดียวกันคือ 245 45 R20 ตัวเลขและตัวอักษรบนยางมีความหมายสำคัญ เช่น 235 คือความกว้างของยาง 50 คืออัตราส่วนแก้มยาง R หมายถึงยางเรเดียล 19 คือเส้นผ่านศูนย์กลางของล้อ การเข้าใจข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้รู้จักสมรรถนะของยางและความเหมาะสมกับรถมากขึ้น เป็นประโยชน์ต่อการดูแลรักษาและการเปลี่ยนยางในอนาคต
Q
ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา BYD Sealion 7 เท่าไหร่ มาดูรายละเอียด
ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาของ BYD Sealion 7 จะแตกต่างกันตามรุ่นและลักษณะการใช้งาน โดยทั่วไปค่าใช้จ่ายไม่สูง สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าล้วน งานบำรุงหลักได้แก่ การตรวจเช็กระยะ น้ำมันเกียร์ แผ่นกรองแอร์ น้ำมันเบรก น้ำหล่อเย็น เป็นต้น ซึ่งง่ายกว่ารถยนต์เครื่องยนต์สันดาป จึงช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ เช่น รถไฟฟ้าบางรุ่นอาจมีค่าใช้จ่ายบำรุงรักษาต่อปีเพียงไม่กี่ร้อยบาท สำหรับรุ่นไฮบริดอย่าง Sealion 07 DM-i 70KM Elite ปี 2025 จะมีงานบำรุงเพิ่ม เช่น การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและกรองน้ำมัน โดยหากใช้รถปีละ 20000 กิโลเมตร และตรวจเช็กทุก 5000 กิโลเมตร ในระยะเวลา 60000 กิโลเมตร ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ประมาณ 1860 บาท นอกจากนี้ BYD ยังมีบริการบำรุงรักษาฟรี 6 ปี หรือ 6 ครั้ง ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ขับขี่ได้ โดยรวมค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาของ BYD Sealion 7 อยู่ในระดับที่เหมาะสม หากต้องการข้อมูลละเอียดเพิ่มเติมสามารถคลิกที่นี่
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

เครื่องยนต์ใหม่และพื้นที่กว้างขวาง ทำไม Toyota Yaris ถึงกลายเป็นมาตรฐานของความคุ้มค่า?
สุรเดชApr 14, 2025

2023 Toyota Yaris ราคาตั้งแต่ THB 559,000 ซื้อรุ่น PREMIUM S คุ้มหรือไม่?
LienMay 1, 2024

2024 งานแสดงรถยนต์ปักกิ่ง: Toyota GR YARiS รุ่นอัปเกรด
LienApr 26, 2024

Toyota ในประเทศจีน บริษัท ร่วมทุน GAC-Toyota ประกาศว่าได้ร่วมมือกับ Xiaomi เพื่อนำเสนอ bZ7
วิรุฬห์Jun 17, 2025

Bratจะกลับมาอีกครั้งในฐานะรถยนต์ไฟฟ้าล้วนโดย Subaru และ Toyota
Kevin WongJun 16, 2025
ดูเพิ่มเติม
ข้อดี
ข้อเสีย