Q

Toyota Yaris ถูกเปิดตัวครั้งแรกเมื่อไหร่?

Toyota Yaris ในประเทศไทยมีหลายรุ่นที่เปิดตัวในช่วงเวลาต่างกัน โดยรุ่น Yaris ปี 2023 เปิดตัวเมื่อปีที่ผ่านมา ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 559,000 บาท มีการปรับดีไซน์และเพิ่มอุปกรณ์ภายในให้ดูทันสมัยขึ้น ยังคงใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร 4 สูบ ให้กำลังสูงสุด 92 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 109 นิวตันเมตร และใช้น้ำมันเฉลี่ยเพียง 4.3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT ส่วนอีกรุ่นอย่าง Toyota Yaris Cross ก็เปิดตัวในไทยเมื่อปีเดียวกัน จุดเด่นคือ ทุกรุ่นย่อยเป็นระบบไฮบริด (HEV) มีให้เลือก 3 รุ่น คือ HEV Smart, HEV Premium และ HEV Premium Luxury เน้นความประหยัดและเทคโนโลยีที่ล้ำขึ้น นอกจากนี้ยังมีข่าวดีสำหรับคนที่รอรถไฮบริดขนาดเล็ก เพราะ Yaris ATIV Hybrid (หรือ Vios Hybrid) กำลังจะเปิดตัวในไทยช่วง เดือนสิงหาคมปีนี้ โดยใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ผสานระบบ Full Hybrid ให้กำลังสูงสุด 111 แรงม้า และประหยัดน้ำมันสุดๆ ตามมาตรฐาน WLTP ที่ประมาณ 26.3 กม./ลิตร โดยรวมแล้ว Yaris แต่ละรุ่นมีจุดเด่นเฉพาะตัว คนซื้อสามารถเลือกตามงบและสไตล์การใช้งานได้เลยครับ
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ข้อเสียของ Toyota Yaris มีอะไรบ้าง?
Tแม้ว่า Toyota Yaris จะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็มีจุดที่ควรพิจารณาเช่นกัน โดยเฉพาะในเรื่องของสมรรถนะ ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตรแบบไม่มีเทอร์โบ กำลังสูงสุด 92 แรงม้า ซึ่งอาจไม่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ชอบการขับขี่ที่เร้าใจหรือเร่งแซงบ่อยในความเร็วสูง ด้านพื้นที่ภายใน ด้วยขนาดตัวรถแบบ B-Segment (ยาว 4,171 มม. กว้าง 1,730 มม. สูง 1,475–1,500 มม. ฐานล้อ 2,550 มม.) อาจทำให้พื้นที่วางขาและศีรษะด้านหลังรู้สึกคับแคบ โดยเฉพาะกับผู้โดยสารที่รูปร่างสูงใหญ่ นอกจากนี้ ในขณะที่รถรุ่นอื่น ๆ ในระดับเดียวกันมีการอัปเดตดีไซน์และฟีเจอร์อย่างต่อเนื่อง Toyota Yaris บางรุ่นกลับดูขาดความทันสมัย ทั้งในด้านการออกแบบภายในและอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ระบบมัลติมีเดียที่ยังมีฟังก์ชันจำกัด วัสดุภายในที่ให้สัมผัสไม่หรูหรามากนัก เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งที่เน้นความล้ำสมัยหรือความหรูหรา Yaris จึงอาจดูเป็นรองในแง่ของความโดดเด่นและความน่าสนใจค่ะ
Q
Toyota Yaris จัดอยู่ในกลุ่มตลาดรถยนต์ระดับไหน?
Toyota Yaris จัดอยู่ในกลุ่มรถยนต์ B-Segment หรือที่เรียกว่าตลาดรถยนต์ขนาดเล็ก โดยมีขนาดตัวถังค่อนข้างกะทัดรัด ได้แก่ ความยาวประมาณ 4,140 มม. กว้าง 1,730 มม. สูง 1,475 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,550 มม. ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขับขี่ในเมืองและหาที่จอดรถได้ง่าย ราคาจำหน่ายอยู่ในช่วงประมาณ 559,000 – 694,000 บาท ถือว่าเข้าถึงได้ง่าย เหมาะกับผู้บริโภคทั่วไป เครื่องยนต์มีขนาดความจุ 1.2 ลิตร (1197 ซีซี) เป็นแบบ ดูดอากาศธรรมดา (ไม่มีเทอร์โบ) ให้กำลังสูงสุด 92 แรงม้า (PS) โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ดีอยู่ที่ 4.3 ลิตร / 100 กม. จึงเหมาะสำหรับการใช้งานประจำวัน เช่น ขับไปทำงานหรือเดินทางระยะสั้น ภายในรถยังมาพร้อมกับ อุปกรณ์ความปลอดภัยและความสะดวกสบายที่ครบครัน เช่น ถุงลมนิรภัยหลายตำแหน่ง และระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (VSC) เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารค่ะ
Q
มูลค่าขายต่อ (Resale Value) ของ Toyota Yaris คือเท่าไร?
ราคาขายต่อของ Toyota Yaris มือสอง ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุการใช้งาน (ปีของรถ), ระยะทางที่วิ่งมา, สภาพตัวรถ, และ ระดับของอุปกรณ์หรือรุ่นย่อย รถที่อายุยังน้อย, วิ่งมาน้อย, ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุ และได้รับการดูแลรักษาอย่างดี จะมีราคาสูงกว่ารถรุ่นเดียวกันที่มีอายุการใช้งานนานกว่า วิ่งมาเยอะ หรือเคยเกิดอุบัติเหตุ นอกจากนี้ รุ่นที่เป็น ตัวท็อปหรือมีออปชันครบ มักจะมีราคาขายต่อที่ดีกว่ารุ่นพื้นฐาน แม้จะไม่สามารถระบุราคาที่แน่นอนได้แบบชัดเจน เพราะขึ้นอยู่กับสภาพรถแต่ละคัน แต่โดยรวมแล้ว ถ้ารถอยู่ในสภาพดี ก็จะขายได้ราคาที่น่าพอใจในตลาดมือสอง ในทางกลับกัน หากรถมีสภาพไม่ดี ราคาก็จะลดลงอย่างมาก ผู้บริโภคควรพิจารณาปัจจัยหลายด้านร่วมกันในการประเมินมูลค่าที่แท้จริงของรถก่อนซื้อหรือขายค่ะ
Q
เครื่องยนต์ของ Toyota Yaris มีกี่ CC?
เครื่องยนต์ของ Toyota Yaris มีความจุ 1197 มิลลิลิตร (mL) ซึ่งเมื่อแปลงเป็นหน่วยลูกบาศก์เซนติเมตร (CC) จะเท่ากับ 1197 CC (เนื่องจาก 1 mL = 1 CC) เครื่องยนต์รุ่นนี้เป็นแบบ ดูดอากาศธรรมดา (Naturally Aspirated) มี 4 สูบ ให้กำลังขับเคลื่อนที่เสถียรและเชื่อถือได้ ด้านความประหยัดน้ำมันก็ทำได้ดี โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 4.3 ลิตร / 100 กิโลเมตร (ตามข้อมูลจากผู้ผลิต) เครื่องยนต์ให้กำลังสูงสุดที่ 68 กิโลวัตต์ (kW) ที่รอบเครื่องยนต์ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 109 นิวตันเมตร (N·m) ที่ 4,400 รอบ/นาที มาพร้อมเกียร์ CVT (เกียร์อัตโนมัติแปรผันต่อเนื่อง) ทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างนุ่มนวล เหมาะสำหรับการใช้งานในเมืองหรือถนนทั่วไปในชีวิตประจำวันค่ะ
Q
Toyota Yaris ใช้เครื่องยนต์อะไร?
Toyota Yaris มาพร้อมกับเครื่องยนต์รหัส 3NR-FKE ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เบนซินแบบ 4 สูบเรียง ขนาด 1.2 ลิตร (1,197 ซีซี) แบบดูดอากาศธรรมดา (ไม่มีเทอร์โบ) เครื่องยนต์นี้ใช้ระบบ DOHC 16 วาล์ว และมีลักษณะเป็นเครื่องยนต์ “สมดุล” เพราะขนาดกระบอกสูบและช่วงชักเท่ากัน (72.5 มม.) นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบ หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ (EFI) และเทคโนโลยี Dual VVT-iE (ระบบวาล์วแปรผันคู่แบบควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า ส่งผลให้เครื่องยนต์สามารถให้กำลังสูงสุด 92 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 109 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที ด้านระบบเกียร์ ใช้เกียร์อัตโนมัติแบบ Super CVT-i ที่ให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ พร้อมระบบ Shift-Lock ที่ช่วยปลดเกียร์ว่างเมื่อรถจอด เครื่องยนต์และชุดส่งกำลังนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ขับขี่ได้อย่างราบรื่น และยังช่วยในเรื่อง ความประหยัดน้ำมัน ในบางประเทศ (รวมถึงไทย) หากมีการเปิดตัวรุ่นใหม่เพิ่มเติม อาจมีการใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร แบบ Dual VVT-i ที่ให้กำลัง 107 แรงม้า และแรงบิด 140 นิวตันเมตร พร้อมจับคู่กับเกียร์ Super CVT-i ที่สามารถจำลองการเปลี่ยนเกียร์ได้ถึง 7 จังหวะ เพื่อให้การขับขี่เร้าใจมากขึ้นค่ะ
Q
Toyota Yaris ใช้เกียร์แบบไหน?
Toyota Yaris มีระบบเกียร์ให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ • เกียร์อัตโนมัติแบบ Super CVT-i (ใช้ในรุ่นเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร รหัส 3NR-FBE) • เกียร์ธรรมดาแบบ 6 สปีด (ใช้หลักในรุ่นเชิงพาณิชย์ เช่น รุ่นที่ใช้เพื่อการขนส่ง) ส่วนรุ่น Yaris ATIV จะใช้เกียร์ CVT เป็นมาตรฐานทุกรุ่น โดยเกียร์ CVT ของ Yaris ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนและการจราจรติดขัดในประเทศไทย เช่นในกรุงเทพฯ โดยใช้ น้ำมันเกียร์ความหนืดต่ำ และเพิ่มระบบ ระบายความร้อน เพื่อให้ทนต่อการใช้งานในเมืองที่ต้องหยุด–ออกตัวบ่อย คำแนะนำจาก Toyota ประเทศไทย คือควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ CVT ทุก ๆ 80,000 กิโลเมตร แต่ถ้าขับรถในพื้นที่อุณหภูมิสูงตลอดปี เช่น ภาคใต้ ควรเปลี่ยนทุก 60,000 กิโลเมตร และควรใช้น้ำมันเกียร์มาตรฐาน Toyota CVTF FE ซึ่งหาซื้อได้ง่ายในประเทศไทย สำหรับผู้ที่ชอบขับรถแนวสปอร์ต แม้ Yaris จะไม่มีเกียร์อัตโนมัติแบบดั้งเดิม แต่เกียร์ CVT รุ่นนี้สามารถปรับเป็นโหมดแมนนวลจำลอง 7 จังหวะ ช่วยควบคุมรอบเครื่องยนต์ได้แม่นยำ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีภูเขาเยอะอย่างเชียงใหม่ นอกจากนี้ ตัวแทนจำหน่าย Toyota ยังแนะนำว่า หากใช้รถในพื้นที่ชายทะเล เช่น ชลบุรี ควรล้างคราบเกลือที่เกาะบริเวณตัวเกียร์ด้านนอกเป็นประจำ เพื่อป้องกันสนิม รุ่นปรับโฉมล่าสุดของ Yaris ยังได้ปรับปรุงชุดเฟืองเริ่มต้นในเกียร์ CVT เพื่อให้ตอบสนองการออกตัวดีขึ้น โดยเฉพาะเมื่อต้องขนของหนักออกจากเขตนิคมอุตสาหกรรม เช่น ที่ระยองค่ะ
Q
ขนาด PCD ของ Toyota Yaris คือเท่าไร?
รถ Toyota Yaris ที่วางจำหน่ายในตลาด (รวมถึงรุ่น Yaris ATIV) ใช้ขนาด PCD มาตรฐานที่ 4×100 มม. หมายความว่าล้อแม็กมี รูน็อต 4 รู และแต่ละรูจะเรียงอยู่บนวงกลมเส้นผ่านศูนย์กลาง 100 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นขนาดที่นิยมใช้ในรถยนต์ขนาดเล็ก ขนาด รูดุมกลาง (Hub Bore) ของ Yaris อยู่ที่ 54.1 มม. ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับเจ้าของรถในไทยที่ต้องการ เปลี่ยนล้อแม็กหรือแต่งล้อ เนื่องจากล้อทดแทนหรือแต่งจากแบรนด์ดังในไทย เช่น RAYs, SSR หรือแบรนด์ล้อแม็กผลิตในประเทศ ต้องใช้ขนาดนี้จึงจะใส่ได้พอดี เกลียวน็อตล้อ ที่ใช้คือ M12×1.5 และควรขันด้วยแรงบิดประมาณ 103 นิวตันเมตร (Nm) ในสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย แนะนำให้ตรวจสอบความแน่นของน็อตล้อทุก ๆ 10,000 กม. ชาวไทยที่นิยมแต่งล้อมักเลือกออฟเซ็ต (ET) ประมาณ ET38 ถึง ET45 เพื่อให้ล้อดูเต็มซุ้มและมีมิติยิ่งขึ้น แต่ต้องระวังอย่าให้ล้อชนกับบังโคลนหรือชิ้นส่วนอื่น หากต้องเปลี่ยนเป็นล้อสำหรับยางฤดูหนาว (เช่น ในพื้นที่ภูเขาทางภาคเหนือของไทย) ก็ควรเลือกใช้ล้อที่มี PCD เท่ากัน (4×100 มม.) ราคาแม็กซ์แท้จากศูนย์ Toyota ในไทย อยู่ที่ประมาณ 8,000–15,000 บาทต่อล้อ สำหรับผู้ที่ต้องการ อัปเกรดระบบเบรก และยังคงใช้ PCD ขนาดเดิม 4×100 มม. สามารถเลือกชุดเบรกยอดนิยมในไทย เช่นแบรนด์ Endless หรือ Project μ ได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจค่ะ
Q
รถ Toyota Yaris มีระบบ Apple CarPlay หรือไม่?
Toyota Yaris รุ่นปรับโฉมตั้งแต่ปี 2020 (รวมถึง Yaris ATIV) มีบางรุ่นย่อย เช่น SV และ RS ที่มาพร้อมกุญแจ Smart Entry และระบบ Push Start ได้ติดตั้งหน้าจอสัมผัส 7 หรือ 9 นิ้ว ซึ่งรองรับ Apple CarPlay แล้ว แต่รุ่นพื้นฐานอย่าง JL หรือ J ยังไม่มีฟีเจอร์นี้ และใช้แค่ระบบวิทยุมาตรฐาน ผู้ที่ใช้รุ่นเก่า สามารถอัปเกรดเป็นหน้าจอที่รองรับ CarPlay ได้ผ่านศูนย์บริการโตโยต้าในไทย ราคาประมาณ 8,000 – 15,000 บาท โดยแนะนำให้ใช้สาย Lightning ที่ผ่านการรับรอง MFi เพราะอากาศร้อนในไทยอาจทำให้สายคุณภาพต่ำเสียหายได้ง่าย นอกจากนี้ โตโย่ายังมีอัปเดตระบบปีละ 1–2 ครั้ง ล่าสุดเพิ่มการรองรับ Siri ภาษาไทยด้วย หากสนใจซื้อ Yaris มือสอง แนะนำเลือกจาก Toyota Sure ที่รับรองคุณภาพ และมีการตรวจสอบระบบ CarPlay พร้อมประกันระบบมัลติมีเดีย 3 เดือน
Q
ยี่ห้อยางรถยนต์ของ Toyota Yaris คืออะไร?
ยางติดรถของ Toyota Yaris จะแตกต่างกันไปตามรุ่นและอุปกรณ์ที่ติดตั้ง โดยทั่วไปมักใช้ยางยี่ห้อ Bridgestone รุ่น ECOPIA EP150 หรือ TURANZA T005A และ Dunlop ENASAVE EC300+ ซึ่งออกแบบมาให้เหมาะกับถนนในเอเชีย เน้นความนุ่มนวลและประหยัดน้ำมัน รุ่นที่ใช้ล้อขนาด 15 นิ้ว มักใช้ยางขนาด 175/65 R15 ขณะที่รุ่นสปอร์ตอย่าง RS จะใช้ขนาดใหญ่ขึ้นคือ 195/50 R16 ด้วยสภาพอากาศในไทยที่ร้อนและมีฝนบ่อย ยางเหล่านี้จึงผลิตจากสูตรยางพิเศษ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะบนถนนเปียกและทนความร้อนได้ดี อย่างไรก็ตาม ในช่วงฤดูฝนควรเพิ่มความระมัดระวัง และเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าเพื่อความปลอดภัย โชว์รูมโตโยต้าในไทยยังมีตัวเลือกยางอัปเกรด เช่น Michelin หรือ Yokohama (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) ที่เหมาะกับถนนไทยที่มีทั้งเรียบและขรุขระ แนะนำให้สลับยางทุก 10,000 กม. เพื่อยืดอายุการใช้งาน และตรวจเช็กลมยางเป็นประจำ โดยเฉพาะช่วงอากาศร้อนที่ความดันลมยางอาจสูงเกิน Toyota มีบริการสลับยางในราคาประมาณ 300–500 บาท หากต้องการเปลี่ยนยางขนาดเดิม ราคายางระดับเดียวกับยางติดรถในไทยอยู่ที่ประมาณเส้นละ 2,500–4,500 บาท (รวมติดตั้งและถ่วงล้อ) และสามารถผ่อนจ่ายผ่าน Toyota Easy Finance ได้อีกด้วย
Q
Toyota Yaris เป็นรถที่ดีไหม? มาดูข้อดีข้อเสียของมันกันที่นี่เลย!
Toyota Yaris เป็นรถที่มีข้อดีหลายด้าน แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการเช่นกัน โดยจุดเด่นหลักคือความประหยัดน้ำมัน ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร 4 สูบ ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยเพียง 4.3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันได้มาก ในด้านความปลอดภัย Toyota Yaris ก็มาพร้อมระบบมาตรฐานครบครัน เช่น ระบบเบรก ABS, ระบบควบคุมเสถียรภาพรถ, สัญญาณเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย, ระบบเตือนรถออกนอกเลน, ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ และถุงลมนิรภัยหลายตำแหน่ง ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจมากขึ้น ด้านอุปกรณ์ภายในก็ถือว่าครบถ้วน โดยเฉพาะรุ่นท็อปที่มีหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว, ช่องชาร์จ Type-C, แอร์อัตโนมัติ รวมถึงบางรุ่นที่มีเบาะหนังและกล้องรอบคัน เพิ่มความสะดวกและความสบายในการใช้งาน ดีไซน์ภายนอกก็ดูทันสมัย สีสันหลากหลาย และด้านหน้าของตัวรถมีความเป็นเอกลักษณ์ ช่วยเพิ่มความโดดเด่น อย่างไรก็ตาม จุดด้อยของ Yaris คือเรื่องกำลังเครื่องยนต์ ซึ่ง 1.2 ลิตร อาจไม่แรงพอสำหรับคนที่ต้องการอัตราเร่งแรงหรือขับเร็วบนทางด่วน นอกจากนี้เบาะหลังของบางรุ่นอาจแคบไปเล็กน้อย ทำให้การนั่งระยะไกลรู้สึกไม่ค่อยสบาย โดยรวมแล้ว Toyota Yaris เหมาะกับผู้ที่ต้องการรถประหยัดน้ำมัน ใช้งานในเมือง มีความปลอดภัย และมีฟีเจอร์พื้นฐานครบ โดยไม่เน้นเรื่องพละกำลังหรือพื้นที่กว้างมากนัก เป็นทางเลือกที่น่าสนใจในกลุ่มรถเล็กค่ะ

ข้อดี

พื้นที่ภายในรถกว้างขวางและสบาย
เครื่องยนต์เชื่อถือได้ คุ้มค่าสูง ราคาขายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับการกำหนดค่าใหม่จำนวนมาก มันคุ้มค่าราคา 5.39 - 6.49 หมื่นบาท
ยี่ห้อที่สามารถเชื่อถือได้ ระบบบริการทั่วประเทศ มากกว่า 300 แห่ง การขายหลังการขายมีการรับประกัน
ประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยเ outstandingางค์ มาตรฐานด้วย 7 ถุงลมนิรภัยได้รับการรับรองความปลอดภัย 5 ดาวจากอาเซียน
รถยนต์หลากหลายแบบที่มี 3 แบบการกำหนดค่าที่แตกต่างกันให้เลือก
เครื่องยนต์รุ่นใหม่ได้รับการอัพเกรดทำงานดีขึ้น
ประสิทธิภาพด้านการประหยัดน้ำมันดีเ outstandingางค์ ขับขี่ได้สูงสุด 23.3 กิโลเมตร/ลิตร มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผ่านมาตรฐานการปล่อย Euro 5
ตกแต่งภายในเฉียบขาดความหรูหราและสปอร์ต ใช้วัสดุเช่นหนัง ฝังเชือกสีแดงทำให้ดูรูปลักษณ์สปอร์ต จอแสดงผลสีเพิ่มความรู้สึก

ข้อเสีย

ภายในออกแบบเป็นลายเก่า
เครื่องยนต์มีกำลังดันน้อยเมื่อความเร็วสูง, ขาดความน่าสนใจเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Nissan Almera
รูปแบบรถไม่โดดเด่น, แสดงสภาพโดยรวมที่เฉยๆ
รุ่นรถเก่า, ต้องรอรุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี TNGA

Q&A ล่าสุด

Q
สเปกของ Tesla Model 3 มีอะไรบ้าง?
Tesla Model 3 เป็นรถยนต์ไฟฟ้ายอดนิยมที่เหมาะกับการใช้งานในไทยมาก รุ่นมาตรฐานสามารถวิ่งได้จริงประมาณ 350-400 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม ส่วนรุ่นระยะไกลจะวิ่งได้เกิน 500 กิโลเมตร ถือว่าเหมาะทั้งการขับขี่ในเมืองและเดินทางข้ามจังหวัด สำหรับระบบขับเคลื่อนมีทั้งแบบล้อหลังและแบบทุกล้อขับเคลื่อน AWD โดยรุ่น Performance สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้เร็วเพียง 3.3 วินาที ในสภาพอากาศร้อนของไทย แบตเตอรี่ของ Model 3 มีระบบจัดการความร้อนที่ทันสมัยช่วยรักษาความเสถียรภาพ การชาร์จเร็ว 250kW สามารถเติมพลังงานได้ประมาณ 270 กิโลเมตรในเวลาเพียง 15 นาที ซึ่งตอบโจทย์โครงข่ายสถานีชาร์จของไทยที่กำลังขยายตัว ภายในรถออกแบบเรียบหรูด้วยจอสัมผัสขนาด 15.4 นิ้วที่ควบคุมทุกอย่าง แถมยังมีประกันแบตเตอรี่ยาวถึง 8 ปีหรือ 160,000 กิโลเมตร ทำให้เจ้าของรถมั่นใจได้มากขึ้น นโยบายส่งเสริมรถ EV ของรัฐบาลไทยช่วยให้ Model 3 ที่มาพร้อมสมรรถนะและเทคโนโลยีครบครัน กำลังกลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมในตลาดรถไฟฟ้าระดับกลางถึงสูงของไทย อย่างไรก็ตาม ก่อนตัดสินใจซื้อผู้ใช้ในไทยควรพิจารณาความครอบคลุมของสถานีชาร์จและความต้องการใช้งานจริงให้ดี
Q
รถ Tesla Model 3 ราคาเท่าไหร่?
ราคารถ Tesla Model 3 ในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามรุ่นและอุปกรณ์ที่เลือก โดยรุ่นพื้นฐาน Rear-Wheel Drive เริ่มต้นที่ประมาณ 1.7 ล้านบาท ส่วนรุ่นพรีเมียม Performance All-Wheel Drive ราคาจะสูงถึง 2.3 ล้านบาท ทั้งนี้อาจมีการปรับเปลี่ยนราคาตามอุปกรณ์เสริมที่เลือก โปรโมชั่น หรือการผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ในตลาดไทย Model 3 เป็นรถไฟฟ้าที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากรัฐบาล เช่น การลดภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต ทำให้ราคาจริงถูกกว่าหรือแข่งกับรถหรูที่ใช้น้ำมันแบบเดิมได้ Model 3 ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคไทยเนื่องจากมีระยะขับขี่ที่ยอดเยี่ยม (ประมาณ 400-500 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม) และระบบขับขี่อัจฉริยะที่ครบครัน เหมาะสำหรับใช้ในเมืองอย่างกรุงเทพฯที่มีการจราจรติดขัด นอกจากนี้เครือข่ายสถานี Supercharger ยังขยายตัวในเมืองใหญ่และเขตท่องเที่ยวหลักของไทย ทำให้การชาร์จไฟสะดวกขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้สภาพอากาศร้อนของไทยจะไม่ส่งผลกระทบต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่มากนัก แต่ก็ควรตรวจสอบระบบระบายความร้อนของแบตเตอรี่เป็นประจำเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด และควรวางแผนเส้นทางล่วงหน้าก่อนเดินทางไกลเนื่องจากบางจังหวัดอาจยังมีสถานีชาร์จไม่ครอบคลุม
Q
Tesla Model 3 มีสีอะไรบ้าง? คุณชอบสีไหน?
Tesla Model 3 ในตลาดประเทศไทยมีตัวเลือกสีที่หลากหลายและดูทันสมัย ได้แก่ สีเทาสเตลท์ (Stealth Grey), สีขาวมุกมัลติโค้ท (Pearl White Multi-Coat), สีน้ำเงินเข้มเมทัลลิก (Deep Blue Metallic), สีดำไดมอนด์แบล็ค (Diamond Black), สีเงินควิกซิลเวอร์ (Quicksilver) และสีแดงอัลตรา (Ultra Red)
Q
Tesla Model 3 มีขนาดเท่าไหร่?
Tesla Model 3 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดกลาง ที่มีขนาดตัวถังยาว 4,720 มม. กว้าง 1,848 มม. สูง 1,441 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,875 มม. ซึ่งถือว่าเป็นขนาดที่เหมาะมากสำหรับการขับขี่ในถนนเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นถนนแคบหรือในเมืองที่รถติด ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างคล่องตัว และยังมีพื้นที่ภายในรถที่กว้างขวาง เหมาะกับการใช้งานของครอบครัว พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง (ท้ายรถ) ของ Model 3 อยู่ที่ 425 ลิตร และยังมีพื้นที่เก็บของเพิ่มเติมที่ด้านหน้าอีกด้วย เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนไทยที่ชอบขับรถเที่ยววันหยุดหรือไปช้อปปิ้ง ในสภาพอากาศร้อนแบบไทย Model 3 มาพร้อมกับหลังคากระจกทั้งบานที่ช่วยป้องกันรังสี UV และยังให้ความรู้สึกโปร่งโล่งขณะขับขี่ ภายในรถจึงเย็นสบายแม้ในวันที่แดดแรง นอกจากนี้ ตัวรถที่มีขนาดกระทัดรัดและจุดศูนย์ถ่วงต่ำตามแบบฉบับรถไฟฟ้า ช่วยให้ควบคุมรถง่าย แม้ในสภาพจราจรติดขัดของกรุงเทพฯ และยังจอดรถในที่แคบได้สะดวก สำหรับผู้บริโภคชาวไทยที่กำลังพิจารณารถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ลงตัวระหว่างความสะดวกในการใช้งานในเมืองและความสามารถในการเดินทางไกลอย่างสบายใจ
Q
ค่าผ่อนรายเดือนของ Tesla Model 3 อยู่ที่ประมาณเท่าไหร่?
การผ่อนรายเดือนสำหรับ Tesla Model 3 ในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามรุ่นรถ ระยะเวลาผ่อน เงินดาวน์ และนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารหรือสถาบันการเงิน โดยทั่วไปหากเป็นรุ่นพื้นฐานแบบขับเคลื่อนล้อหลัง หากเลือกจ่ายดาวน์ 20% และผ่อน 5 ปี ค่าผ่อนต่อเดือนจะอยู่ที่ประมาณ 25,000-35,000 บาท แต่ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามดอกเบี้ยและโปรโมชั่นในช่วงนั้น รัฐบาลไทยมีมาตรการสนับสนุนรถไฟฟ้า เช่น การลดภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต ซึ่งช่วยลดต้นทุนการซื้อรถได้อย่างมาก แนะนำให้สอบถามราคาและโปรแกรมผ่อนล่าสุดจาก Tesla โดยตรงหรือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้เครือข่ายสถานีชาร์จในไทยกำลังขยายตัวเร็ว โดยมีสถานีชาร์จเร็วครอบคลุมในเมืองใหญ่และตามทางด่วน ค่าใช้จ่ายในการชาร์จถูกกว่าการเติมน้ำมันมาก ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว สำหรับคนที่มีงบจำกัด อาจพิจารณารถไฟฟ้าที่ประกอบในประเทศไทยหรือยี่ห้ออื่นอย่าง BYD หรือ MG ที่ได้รับสิทธิประโยชน์จากรัฐบาลและมีราคาแข่งขันกว่า
ดูเพิ่มเติม