Q
Ferrari 812 Superfast เปิดตัวเมื่อไหร่
Ferrari 812 ซูเปอร์ฟาสต์ เปิดตัวครั้งแรกในงานเจนีวามอเตอร์โชว์ปี 2017 และวางจำหน่ายในปีเดียวกัน รุ่นนี้ถือเป็นรถยนต์ที่มาทดแทน F12berlinetta โดยติดตั้งเครื่องยนต์ V12 6.5 ลิตร แบบสูบธรรมชาติ ให้กำลังสูงสุดถึง 800 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 718 นิวตันเมตร เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.9 วินาที และมีความเร็วสูงสุดถึง 340 กม./ชม. ซึ่งแสดงถึงความสามารถอันยอดเยี่ยมของ Ferrari ในด้านเครื่องยนต์แบบสูบธรรมชาติดั้งเดิม สำหรับตลาดไทย 812 Superfast ได้รับความนิยมจากกลุ่มนักขับระดับสูงด้วยสมรรถนะที่เหนือชั้นและการออกแบบสไตล์อิตาเลียนที่โดดเด่น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขับขี่ในสนามแข่งมาตรฐานสูงรอบๆ กรุงเทพฯ หรือการสะสมเป็นรถส่วนตัว สำหรับคนไทยแล้ว รุ่นนี้ไม่เพียงเป็นตัวแทนของประสบการณ์การขับที่สมบูรณ์แบบ แต่ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Ferrari ที่ยังคงพัฒนารถซูเปอร์คาร์ด้วยเครื่องยนต์ V12 แบบคลาสสิก แม้ว่าปัจจุบันเทรนด์รถไฟฟ้าจะมาแรง แต่ 812 Superfast ยังคงเป็นสุดยอดรถสปอร์ตเครื่องยนต์สันดาปที่ควรค่าแก่การเป็นเจ้าของ
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
ความเร็วสูงสุดของ Ferrari 812 Superfast คืออะไร
Ferrari 812 Superfast เป็นซูเปอร์คาร์ที่มาพร้อมกับสมรรถนะอันยอดเยี่ยม ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 340 กม./ชม. และความแรงจากเครื่องยนต์ V12 6.5 ลิตร แบบแอตโมสเฟียร์ ที่สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเพียง 2.9 วินาที แสดงถึงความเหนือชั้นของเทคโนโลยีด้านพลังขับและอากาศพลศาสตร์ของ Ferrari แม้ในไทยจะมีการจำกัดความเร็วบนทางด่วนที่ 120 กม./ชม. ทำให้ไม่สามารถดึงความเร็วสูงสุดของ 812 ซูเปอร์ฟาสต์ออกมาได้เต็มที่ แต่พลังอันเหลือล้นและการควบคุมที่แม่นยำก็ยังคงมอบประสบการณ์ขับขี่ที่สมบูรณ์แบบให้กับผู้ขับ ขณะที่ตลาดรถหรูในไทยให้ความสนใจกับแบรนด์ซูเปอร์คาร์อย่าง Ferrari เป็นอย่างมาก โดยเจ้าของรถหลายคนเลือกที่จะสัมผัสความเร็วสูงบนสนามแข่งหรือพื้นที่ปิด 812 ซูเปอร์ฟาสต์ไม่เพียงโดดเด่นด้วยสมรรถนะสุดล้ำ แต่ยังมาพร้อมดีไซน์อิตาเลียนสุดคลาสสิกและห้องโดยสารอันหรูหราที่ชนะใจกลุ่มคนรุ่นใหม่ในไทย อย่างไรก็ตาม การขับรถสมรรถนะสูงนไทยจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัย 812 ซูเปอร์ฟาสต์ถือเป็นสุดยอดเทคโนโลยีเครื่องยนต์สันดาปภายใน แต่ในอนาคตมาตรฐานของซูเปอร์คาร์อาจถูกกำหนดใหม่ด้วยเทคโนโลยีรถไฟฟ้าที่พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง
Q
ความแตกต่างระหว่าง Ferrari 812 Superfast และ GTS คืออะไร
ความแตกต่างหลักระหว่าง Ferrari 812 Superfast กับรุ่น GTS อยู่ที่การออกแบบหลังคา โดย 812 Superfast เป็นคูเป้หลังคาคงที่ ส่วนรุ่น GTS เป็นเวอร์ชันเปิดประทุนที่มีระบบหลังคาแบบพับได้ที่สามารถเปิด-ปิดได้ภายใน 14 วินาทีที่ความเร็วไม่เกิน 45 กม./ชม. ทำให้ผู้ขับขี่ในสภาพอากาศร้อนของไทยสามารถเลือกที่จะรับแสงแดดหรือหาที่ร่มได้ตามใจชอบ ทั้งสองรุ่นใช้เครื่องยนต์เบนซิน V12 6.5 ลิตรเท่ากัน ให้กำลังสูงถึง 800 แรงม้า แต่รุ่น GTS มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นประมาณ 75 กิโลกรัมจากโครงสร้างเสริมสำหรับระบบเปิดประทุน ทำให้ความเร็วสูงสุดลดลงเล็กน้อยเหลือ 340 กม./ชม. ซึ่งไม่ส่งผลมากนักกับการขับขี่ปกติในชีวิตประจำวัน สำหรับประเทศไทยแล้ว รุ่น GTS น่าจะได้รับความนิยมมากกว่าเพราะเหมาะทั้งกับการขับในเมืองที่การจราจรหนาแน่นและการขับเลียบชายทะเลเป็นครั้งคราว โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวอย่างพัทยาหรือหัวหิน ที่จะช่วยเพิ่มอรรถรสในการขับขี่ได้มากกว่า ส่วนการตกแต่งภายในและเทคโนโลยีต่างๆในทั้งสองรุ่นแทบไม่ต่างกัน ล้วนใช้ระบบช่วยขับขี่สมัยใหม่และวัสดุหรูหราเหมือนกัน เพียงแต่รุ่น GTS มีการปรับปรุงระบบกันเสียงเพิ่มเติมเพื่อให้เหมาะกับการเป็นรถเปิดประทุน สำหรับคนไทยแล้ว การเลือกระหว่างสองรุ่นนี้ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวและสถานการณ์ใช้งานเป็นหลัก เพราะต้องยอมรับว่าการขับรถเปิดประทุนรับลมร้อนชื้นแบบไทยๆนั้นเป็นอะไรที่เข้ากันได้ดีอย่างแน่นอน
Q
เครื่องยนต์ Ferrari 812 Superfast มีอะไร
Ferrari 812 Superfast ติดตั้งเครื่องยนต์ V12 6.5 ลิตร แบบแอสพีเรต ที่ออกแบบด้วยมุมระนาบ 65 องศา ให้กำลังสูงสุดถึง 800 แรงม้า แรงบิดพีค 718 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์ 7 ความเร็วแบบ DUAL-CLUTCH เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 340 กม./ชม. แสดงถึงสุดยอดเทคโนโลยีเครื่องยนต์แอสพีเรตของ Ferrari เครื่องยนต์รุ่นนี้ยังมาพร้อมระบบปรับเปลี่ยนรูปทรงท่อไอดีและระบบจัดการแรงบิดแบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่ช่วยให้การขับขี่สมบูรณ์แบบในทุกสภาพการขับขี่ สำหรับแฟนๆรถไทย แม้ 812 Superfast อาจจะยากที่จะดึงประสิทธิภาพออกมาได้เต็มที่บนถนนเมืองไทย แต่เสียงเครื่องที่ดุดันและประสบการณ์การขับที่สมบูรณ์แบบก็ยังเป็นสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝัน เครื่องยนต์แอสพีเรตให้ความรู้สึกการเร่งแบบลื่นไหลและเสียงเครื่องที่เป็นเอกลักษณ์ในรอบสูง ซึ่งแตกต่างจากเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ Ferrari ยังคงยึดมั่นกับเครื่องยนต์แอสพีเรตขนาดใหญ่ นอกจากนี้ เทคโนโลยีเครื่องยนต์ของ 812 Superfast ยังแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของ Ferrari ที่มีต่อระบบขับเคลื่อนแบบดั้งเดิม แม้ในยุคที่รถไฟฟ้ากำลังมาแรง แต่เครื่องยนต์แบบนี้ก็ยังคงเป็นสุดยอดแห่งเทคโนโลยีเครื่องยนต์สันดาปภายใน
Q
Ferrari 812 Superfast มีความเร็วเท่าไหร่
Ferrari 812 Superfast คือซูเปอร์คาร์ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ V12 6.5 ลิตร แบบแอสไพรัลธรรมชาติ ให้กำลังสูงสุดถึง 800 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 718 นิวตันเมตร เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.9 วินาที และมีความเร็วสูงสุดถึง 340 กม./ชม. รุ่นนี้เป็นที่จับตามองในตลาดรถหรูของไทย โดยเฉพาะสำหรับคนที่ชอบความมันส์แบบสุดๆ แม้ว่าบนถนนทั่วไปในไทยอาจไม่สามารถดึงความเร็วสุดขีดของมันออกมาได้เต็มที่ แต่ถ้าได้ลงสนามแข่งอย่างบูรีรัมย์อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต 812 Superfast จะโชว์ฟอร์มได้อย่างเต็มสูบ แถมยังมาพร้อมดีไซน์แอโรไดนามิกและเทคโนโลยีพวงมาลัยหลังที่ช่วยให้การขับขี่ที่ความเร็วสูงมีความมั่นคงและแม่นยำ ทำให้มันเป็นหนึ่งในรถระดับตำนานที่ใครๆ ก็อยากเป็นเจ้าของ สำหรับคนไทยการได้เป็นเจ้าของรถคันนี้ไม่ใช่แค่ได้ใช้พลังของซูเปอร์คาร์ระดับเทพ แต่ยังได้สัมผัสความหรูและความเร่าร้อนแบบฉบับเฟอร์รารี่ เพียงแต่เวลาขับบนถนนจริงต้องระวังกฎจราจรและสภาพถนนในไทยให้ดี จะได้ขับได้อย่างปลอดภัยและสนุกสุดเหวี่ยง
Q
แรงม้าของรถ Ferrari 812 Superfast มีเท่าใด
Ferrari 812 Superfast คือซูเปอร์คาร์สุดแรงที่มาพร้อมสมรรถนะอันยอดเยี่ยม ขุมพลังใต้กระโปรงเป็นเครื่องยนต์ V12 6.5 ลิตร แบบแอทโมสเฟียร์ ให้กำลังสูงสุดถึง 800 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 718 นิวตันเมตร เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.9 วินาที และมีความเร็วสูงสุดเกิน 340 กม./ชม. รุ่นนี้เป็นที่นิยมมากในตลาดรถซูเปอร์คาร์ของไทย โดยเฉพาะสำหรับการขับขี่บนทางด่วนรอบกรุงเทพฯ หรือสนามแข่ง สำหรับแฟนๆรถไทยแล้ว 812 Superfast ไม่เพียงเป็นตัวแทนของความปรารถนาในพลังอันสุดขั้วของเฟอร์รารี่เท่านั้น แต่ยังแสดงถึงเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของซูเปอร์คาร์อิตาลีผ่านการออกแบบเลย์เอาต์เครื่องยนต์ V12 หน้าและรูปทรงตัวรถที่ลื่นไหล แม้ในสภาพอากาศร้อนจัดของไทย ระบบระบายความร้อนและระบบช่วงล่างของรถคันนี้ก็ยังทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม มั่นใจได้ถึงความมั่นคงแม้ขับแบบสุดเหวี่ยง นอกจากนี้ Ferrari ยังมีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทย พร้อมบริการหลังการขายที่ครบวงจร ทั้งการบริการประจำปีและการสนับสนุนทางเทคนิคโดยผู้เชี่ยวชาญ ทำให้เจ้าของรถสามารถสนุกไปกับการขับขี่ได้แบบไม่ต้องกังวล ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่หลงใหลในรถซูเปอร์คาร์ 812 Superfast ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ไม่เพียงเพราะพลังที่เหนือชั้น แต่ยังรวมถึงการควบคุมที่แม่นยำและความหรูหราที่มาพร้อมกันในระดับสุดยอด
Q&A ล่าสุด
Q
วิธีการเปิดฝากระโปรง Peugeot 3008
ก่อนจะเปิดฝากระโปรงหน้า Peugeot 3008 สิ่งแรกที่ต้องทำคือให้แน่ใจว่ากดปุ่มดับเครื่องยนต์เรียบร้อยแล้ว จากนั้นให้มองหาแถบดึงปลดล็อกฝากระโปรงที่ด้านขวาของพวงมาลัยหรือแถบเหยียบใกล้ๆกับเท้าคนขับ ดึงแถบนี้จะได้ยินเสียงฝากระโปรงกระเด้งขึ้นเล็กน้อย แล้วเดินไปที่หน้าตัวรถ ใช้นิ้วมือสอดเข้าไปในช่องกลางขอบฝากระโปรง หาจุดล็อกชั้นสองแล้วดันขึ้นพร้อมกับยกฝากระโปรงขึ้น เรียบร้อยจ้า! โดยสภาพอากาศเมืองไทยที่ทั้งร้อนและชื้น แนะนำให้ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องและสภาพท่อเป็นประจำ โดยเฉพาะน้ำหล่อเย็นและน้ำมันเบรค จะได้มั่นใจว่าทุกอย่างทำงานปกติ ฝากระโปรงรุ่นนี้ทำจากวัสดุน้ำหนักเบา ยกง่าย แต่ก็อย่าลืมตรวจสอบค้ำยันให้แน่นหนาด้วยนะ เดี๋ยวหล่นมาทับมือเอา ส่วนกรณีที่ฝากระโปรงเปิดไม่ออก อาจเป็นเพราะล็อกขัดหรือสายดึงหลวม แนะนำให้ไปที่อู่ตัวแทนจำหน่ายดีกว่า อย่าพยายามงัดเองเด็ดขาด เสียหายแล้วเสียดายตังค์!
Q
Peugeot 3008 เป็นรถที่ดีและเชื่อถือได้หรือไม่?
รถครอสโอเวอร์ 3008 จากเพอโยต์ถือเป็น SUV ที่ค่อนข้างโดดเด่นในตลาดไทย ด้วยดีไซน์ที่ทันสมัยและห้องโดยสารที่ให้ความรู้สึกพรีเมียม เครื่องยนต์ 1.6 เทอร์โบชาร์จให้สมรรถนะที่สมดุล ทั้งขับขี่ในเมืองหรือท่องเที่ยวทางไกลก็เหมาะ ส่วนเรื่องประหยัดน้ำมันก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนไทยที่เน้นความคุ้มค่าและใช้งานจริง ในด้านความทนทาน รถรุ่นนี้ค่อนข้างเสถียร โดยเฉพาะในปีหลังๆ ที่แบรนด์เพอโยต์พัฒนาคุณภาพการผลิตจนอัตราเสียบ่อยลดลง แต่เพื่อความมั่นใจควรเข้าศูนย์บริการตามกำหนดสม่ำเสมอ สำหรับสภาพอากาศร้อนชื้นของไทยที่อาจส่งผลต่อระบบระบายความร้อนและเรื่องสนิม 3008 ก็ออกแบบมาเพื่อรับมือได้ดีอยู่แล้ว ทั้งระบบคูลลิ่งและเทคโนโลยีป้องกันการกัดกร่อน แต่อย่างไรก็ตามควรตรวจสอบแอร์และช่วงล่างเป็นประจำ ส่วนระบบช่วยขับขี่อย่าง Lane Keep Assist และเบรกอัตโนมัติ ก็เป็นฟีเจอร์เด่นที่เพิ่มความปลอดภัยในสภาพการจราจรติดขัดของไทย แต่แนะนำว่าควรทดลองขับด้วยตัวเองก่อนตัดสินใจซื้อว่าตรงกับสไตล์การขับหรือไม่ โดยรวมแล้ว 3008 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะคนที่ชอบดีไซน์สปอร์ตและเทคโนโลยีครบครัน แถมยังใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน
Q
อายุการใช้งานของ Peugeot 3008 คือเท่าไหร่?
รถเปอโยต์ 3008 โดยทั่วไปมีอายุการใช้งานประมาณ 10 ถึง 15 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลของเจ้าของรถและสภาพการขับขี่ ในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย การเปลี่ยนน้ำหล่อเย็นเป็นประจำ ตรวจสอบระบบแอร์ และการป้องกันสนิมเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะช่วยยืดอายุรถได้ สภาพถนนในไทยมีความหลากหลาย ทั้งการจราจรติดขัดในเมืองและถนนขรุขระในชนบท แนะนำให้ทำการบำรุงรักษาตามระยะทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน โดยเน้นการตรวจสอบระบบช่วงล่างและการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์เป็นพิเศษ สำหรับรุ่นไฮบริดต้องดูแลแบตเตอรี่แรงสูงเป็นพิเศษ หลีกเลี่ยงการจอดตากแดดนานๆ จริงๆ แล้วเทคโนโลยีรถสมัยใหม่มีความทนทานมากขึ้น รถเปอโยต์ที่ดูแลดีๆ ในไทยสามารถวิ่งได้เกิน 200,000 กิโลเมตรโดยยังใช้งานได้ดี สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามคู่มือการบำรุงรักษาของทางโรงงานและใช้อะไหล่แท้ เครือข่ายผู้จำหน่ายเปอโยต์ในไทยมีบริการหลังการขายที่มืออาชีพ สามารถให้คำแนะนำการดูแลที่เหมาะกับสภาพอากาศของไทย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้รถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว
Q
Peugeot 3008 มักจะมีปัญหาที่พบบ่อยคืออะไร?
รถ Peugeot 3008 ที่เป็น SUV ยอดนิยมในตลาดไทย มักจะมีปัญหาหลักๆ เกี่ยวกับระบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น จอกลางรถอาจมีอาการค้างหรือตอบสนองช้าในบางครั้ง ซึ่งปัญหาพวกนี้ส่วนใหญ่แก้ไขได้ด้วยการอัปเดตซอฟต์แวร์ นอกจากนี้สภาพอากาศที่ร้อนจัดของไทยอาจทำให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่สั้นลงหน่อย แนะนำให้ตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่เป็นประจำ ส่วนบางเจ้าของรถก็รายงานว่าหลังจากใช้งานมานาน ระบบช่วงล่างอาจมีเสียงดังเล็กน้อย ซึ่งเกี่ยวข้องกับสภาพถนนบางเส้นในไทยที่ขรุขระ เวลานำรถเข้าศูนย์บริการควรให้ช่างตรวจเช็คระบบช่วงล่างเป็นพิเศษ
จุดที่ต้องระวังอีกอย่างคือเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.6T ของ Peugeot 3008 ในสภาพอากาศร้อนๆ ของไทย ต้องดูแลระบบระบายความร้อนเป็นพิเศษ แนะนำให้ใช้น้ำหล่อเย็นที่ทางร้านกำหนดและเปลี่ยนตามกำหนดเวลา ส่วนระบบ Grip Control ที่ช่วยในการขับขี่บนถนนหลายสภาพในฤดูฝนของไทยนั้นใช้งานได้ดี แต่ก็อย่าลืมตรวจสอบสภาพยางเป็นประจำด้วย
สำหรับคนไทยที่กำลังมองหาซื้อ Peugeot 3008 มือสอง แนะนำให้ตรวจสอบจุดที่กล่าวมาข้างต้นให้ดี และควรขอประวัติการบริการจากศูนย์บริการอย่างเป็นทางการเพื่อให้รู้สภาพรถอย่างแท้จริง
Q
วิธีการเปิดท้ายรถ Peugeot 3008 คืออะไร?
การเปิดฝากระโปรงหลังของ Peugeot 3008 ที่ใช้ในประเทศไทยโดยทั่วไปมี 2 วิธีหลัก ซึ่งขึ้นอยู่กับรุ่นและอุปกรณ์ที่ติดตั้ง สำหรับรุ่นสูงอาจมีระบบเปิดฝากระโปรงไฟฟ้า โดยสามารถกดปุ่มที่รีโมทคีย์ค้างไว้ หรือใช้ระบบเซ็นเซอร์สัมผัสที่ใต้ฝากระโปรงโดยการกวาดเท้าเข้าไป ส่วนรุ่นพื้นฐานจะต้องกดปุ่มเปิดฝากระโปรงที่ด้านล่างแล้วยกขึ้นด้วยมือ ควรระวังว่าระบบไฟฟ้าอาจเปลี่ยนไปใช้โหมดมือชั่วคราวเมื่อเครื่องยนต์ดับหรือแบตเตอรี่อ่อน แนะนำให้ตรวจสอบระดับแบตเตอรี่เป็นประจำ สำหรับสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทยอาจส่งผลต่อความไวของเซ็นเซอร์ ถ้าพบว่าการทำงานผิดปกติให้ลองทำความสะอาดจุดติดตั้งเซ็นเซอร์หรือติดต่อศูนย์บริการ นอกจากนี้ควรระมัดระวังไม่ให้ฝากระโปรงชนสิ่งกีดขวางขณะเปิด โดยเฉพาะในที่จำกัดเช่นใต้ดินห้างสรรพสินค้า บางรุ่นมีฟังก์ชั่นจดจำความสูงที่สามารถปรับมุมเปิดได้ตามความเหมาะสม สำหรับการบรรทุกของขนาดใหญ่ ฝากระโปรงของ Peugeot 3008 ออกแบบมาให้เปิดกว้างและสามารถพับเบาะหลังลงเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของ ซึ่งเหมาะสำหรับการเดินทางหรือท่องเที่ยวของครอบครัวคนไทยเป็นอย่างมาก
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

Ferrari เปิดตัวแชสซีและส่วนประกอบหลักของรุ่นไฟฟ้าล้วนรุ่นแรก Elettrica
AshleyOct 10, 2025

Ferrariเปิดตัว 296 Speciale ซูเปอร์คาร์ปลั๊กอินไฮบริด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลาเพียง 2.8 วิ
พงศธรApr 30, 2025

Ferrari รุ่นแข่งชั้นสูง 296 VS ซูเปอร์คาร์จะเดบิวต์ในวันที่ 29 เมษายน
LienApr 3, 2025

ภาพลับของผู้สืบทอด Ferrari Roma ถูกเปิดเผย! อาจจะปล่อยในปลายปี 2025 ระบบสลับโฮมที่เป็นจุดเด่น
สุรเดชNov 19, 2024

Ferrari F80 สะเทือนใจเปิดตัว : วางแผนที่จะสู้กับ McLaren W1
LienOct 18, 2024
ข้อดี
ข้อเสีย