Q
812 Superfast หรือ GTS อันไหนเร็วกว่า?
Ferrari 812 Superfast กับ GTS เมื่อพูดถึงความเร็วแล้ว 812 Superfast ติดตั้งเครื่องยนต์ V12 6.5 ลิตร แบบสูบธรรมชาติ ให้กำลังสูงสุด 800 แรงม้า เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.9 วินาที และมีความเร็วสูงสุดถึง 340 กม./ชม. ถือเป็นรถฟอร์มหน้าขับเคลื่อนล้อหลังที่ทรงพลังที่สุดของเฟอร์รารีในตอนนี้ ส่วนรุ่น GTS ที่เป็นเวอร์ชันเปิดประทุนแม้จะมีสเปคเครื่องยนต์เหมือนกัน แต่ด้วยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจากโครงสร้างเปิดประทุนและการปรับอากาศพลศาสตร์ ทำให้ประสิทธิภาพการเร่งด้อยกว่านิดหน่อย ใช้เวลาประมาณ 3 วินาทีในการเร่ง 0-100 กม./ชม. และความเร็วสูงสุดก็ต่ำกว่าเล็กน้อย ดังนั้นในด้านการเร่งและความเร็วสูง 812 Superfast จึงเหนือกว่า
ในสภาพอากาศร้อนของไทย ทั้งสองรุ่นต้องระวังเรื่องการระบายความร้อนของเครื่องยนต์ โดยเฉพาะรุ่น GTS ที่เมื่อขับด้วยความเร็วสูงในสภาพเปิดประทุนจะเจอกับแรงต้านลมมากขึ้น แนะนำให้ทดสอบสมรรถนะในสนามแข่งปิดเช่นทางด่วนรอบกรุงเทพหรือสนามแข่งที่ชลบุรี
นอกจากนี้เมืองไทยยังนิยมดัดแปลงรถซูเปอร์คาร์ แต่ต้องระวังกฎหมายเรื่องเสียงไอเสียและมลพิษ แนะนำให้ใช้การตั้งค่าตามโรงงานเพื่อประสิทธิภาพที่สมดุลที่สุด ทั้งสองรุ่นนี้ถือเป็นสุดยอดผลงานของเฟอร์รารีในด้านเครื่องยนต์ V12 หน้า เมื่อเลือกซื้อนอกจากความแรงแล้วต้องคำนึงถึงความเหมาะกับการใช้งานประจำวันด้วย รุ่น GTS ด้วยดีไซน์เปิดประทุนเหมาะกับการขับเลียบชายหาดของไทยมากกว่า
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
ความเร็วสูงสุดของ Ferrari 812 Superfast คืออะไร
Ferrari 812 Superfast เป็นซูเปอร์คาร์ที่มาพร้อมกับสมรรถนะอันยอดเยี่ยม ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 340 กม./ชม. และความแรงจากเครื่องยนต์ V12 6.5 ลิตร แบบแอตโมสเฟียร์ ที่สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเพียง 2.9 วินาที แสดงถึงความเหนือชั้นของเทคโนโลยีด้านพลังขับและอากาศพลศาสตร์ของ Ferrari แม้ในไทยจะมีการจำกัดความเร็วบนทางด่วนที่ 120 กม./ชม. ทำให้ไม่สามารถดึงความเร็วสูงสุดของ 812 ซูเปอร์ฟาสต์ออกมาได้เต็มที่ แต่พลังอันเหลือล้นและการควบคุมที่แม่นยำก็ยังคงมอบประสบการณ์ขับขี่ที่สมบูรณ์แบบให้กับผู้ขับ ขณะที่ตลาดรถหรูในไทยให้ความสนใจกับแบรนด์ซูเปอร์คาร์อย่าง Ferrari เป็นอย่างมาก โดยเจ้าของรถหลายคนเลือกที่จะสัมผัสความเร็วสูงบนสนามแข่งหรือพื้นที่ปิด 812 ซูเปอร์ฟาสต์ไม่เพียงโดดเด่นด้วยสมรรถนะสุดล้ำ แต่ยังมาพร้อมดีไซน์อิตาเลียนสุดคลาสสิกและห้องโดยสารอันหรูหราที่ชนะใจกลุ่มคนรุ่นใหม่ในไทย อย่างไรก็ตาม การขับรถสมรรถนะสูงนไทยจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัย 812 ซูเปอร์ฟาสต์ถือเป็นสุดยอดเทคโนโลยีเครื่องยนต์สันดาปภายใน แต่ในอนาคตมาตรฐานของซูเปอร์คาร์อาจถูกกำหนดใหม่ด้วยเทคโนโลยีรถไฟฟ้าที่พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง
Q
ความแตกต่างระหว่าง Ferrari 812 Superfast และ GTS คืออะไร
ความแตกต่างหลักระหว่าง Ferrari 812 Superfast กับรุ่น GTS อยู่ที่การออกแบบหลังคา โดย 812 Superfast เป็นคูเป้หลังคาคงที่ ส่วนรุ่น GTS เป็นเวอร์ชันเปิดประทุนที่มีระบบหลังคาแบบพับได้ที่สามารถเปิด-ปิดได้ภายใน 14 วินาทีที่ความเร็วไม่เกิน 45 กม./ชม. ทำให้ผู้ขับขี่ในสภาพอากาศร้อนของไทยสามารถเลือกที่จะรับแสงแดดหรือหาที่ร่มได้ตามใจชอบ ทั้งสองรุ่นใช้เครื่องยนต์เบนซิน V12 6.5 ลิตรเท่ากัน ให้กำลังสูงถึง 800 แรงม้า แต่รุ่น GTS มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นประมาณ 75 กิโลกรัมจากโครงสร้างเสริมสำหรับระบบเปิดประทุน ทำให้ความเร็วสูงสุดลดลงเล็กน้อยเหลือ 340 กม./ชม. ซึ่งไม่ส่งผลมากนักกับการขับขี่ปกติในชีวิตประจำวัน สำหรับประเทศไทยแล้ว รุ่น GTS น่าจะได้รับความนิยมมากกว่าเพราะเหมาะทั้งกับการขับในเมืองที่การจราจรหนาแน่นและการขับเลียบชายทะเลเป็นครั้งคราว โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวอย่างพัทยาหรือหัวหิน ที่จะช่วยเพิ่มอรรถรสในการขับขี่ได้มากกว่า ส่วนการตกแต่งภายในและเทคโนโลยีต่างๆในทั้งสองรุ่นแทบไม่ต่างกัน ล้วนใช้ระบบช่วยขับขี่สมัยใหม่และวัสดุหรูหราเหมือนกัน เพียงแต่รุ่น GTS มีการปรับปรุงระบบกันเสียงเพิ่มเติมเพื่อให้เหมาะกับการเป็นรถเปิดประทุน สำหรับคนไทยแล้ว การเลือกระหว่างสองรุ่นนี้ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวและสถานการณ์ใช้งานเป็นหลัก เพราะต้องยอมรับว่าการขับรถเปิดประทุนรับลมร้อนชื้นแบบไทยๆนั้นเป็นอะไรที่เข้ากันได้ดีอย่างแน่นอน
Q
Ferrari 812 Superfast เปิดตัวเมื่อไหร่
Ferrari 812 ซูเปอร์ฟาสต์ เปิดตัวครั้งแรกในงานเจนีวามอเตอร์โชว์ปี 2017 และวางจำหน่ายในปีเดียวกัน รุ่นนี้ถือเป็นรถยนต์ที่มาทดแทน F12berlinetta โดยติดตั้งเครื่องยนต์ V12 6.5 ลิตร แบบสูบธรรมชาติ ให้กำลังสูงสุดถึง 800 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 718 นิวตันเมตร เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.9 วินาที และมีความเร็วสูงสุดถึง 340 กม./ชม. ซึ่งแสดงถึงความสามารถอันยอดเยี่ยมของ Ferrari ในด้านเครื่องยนต์แบบสูบธรรมชาติดั้งเดิม สำหรับตลาดไทย 812 Superfast ได้รับความนิยมจากกลุ่มนักขับระดับสูงด้วยสมรรถนะที่เหนือชั้นและการออกแบบสไตล์อิตาเลียนที่โดดเด่น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขับขี่ในสนามแข่งมาตรฐานสูงรอบๆ กรุงเทพฯ หรือการสะสมเป็นรถส่วนตัว สำหรับคนไทยแล้ว รุ่นนี้ไม่เพียงเป็นตัวแทนของประสบการณ์การขับที่สมบูรณ์แบบ แต่ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Ferrari ที่ยังคงพัฒนารถซูเปอร์คาร์ด้วยเครื่องยนต์ V12 แบบคลาสสิก แม้ว่าปัจจุบันเทรนด์รถไฟฟ้าจะมาแรง แต่ 812 Superfast ยังคงเป็นสุดยอดรถสปอร์ตเครื่องยนต์สันดาปที่ควรค่าแก่การเป็นเจ้าของ
Q
เครื่องยนต์ Ferrari 812 Superfast มีอะไร
Ferrari 812 Superfast ติดตั้งเครื่องยนต์ V12 6.5 ลิตร แบบแอสพีเรต ที่ออกแบบด้วยมุมระนาบ 65 องศา ให้กำลังสูงสุดถึง 800 แรงม้า แรงบิดพีค 718 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์ 7 ความเร็วแบบ DUAL-CLUTCH เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 340 กม./ชม. แสดงถึงสุดยอดเทคโนโลยีเครื่องยนต์แอสพีเรตของ Ferrari เครื่องยนต์รุ่นนี้ยังมาพร้อมระบบปรับเปลี่ยนรูปทรงท่อไอดีและระบบจัดการแรงบิดแบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่ช่วยให้การขับขี่สมบูรณ์แบบในทุกสภาพการขับขี่ สำหรับแฟนๆรถไทย แม้ 812 Superfast อาจจะยากที่จะดึงประสิทธิภาพออกมาได้เต็มที่บนถนนเมืองไทย แต่เสียงเครื่องที่ดุดันและประสบการณ์การขับที่สมบูรณ์แบบก็ยังเป็นสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝัน เครื่องยนต์แอสพีเรตให้ความรู้สึกการเร่งแบบลื่นไหลและเสียงเครื่องที่เป็นเอกลักษณ์ในรอบสูง ซึ่งแตกต่างจากเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ Ferrari ยังคงยึดมั่นกับเครื่องยนต์แอสพีเรตขนาดใหญ่ นอกจากนี้ เทคโนโลยีเครื่องยนต์ของ 812 Superfast ยังแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของ Ferrari ที่มีต่อระบบขับเคลื่อนแบบดั้งเดิม แม้ในยุคที่รถไฟฟ้ากำลังมาแรง แต่เครื่องยนต์แบบนี้ก็ยังคงเป็นสุดยอดแห่งเทคโนโลยีเครื่องยนต์สันดาปภายใน
Q
Ferrari 812 Superfast มีความเร็วเท่าไหร่
Ferrari 812 Superfast คือซูเปอร์คาร์ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ V12 6.5 ลิตร แบบแอสไพรัลธรรมชาติ ให้กำลังสูงสุดถึง 800 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 718 นิวตันเมตร เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.9 วินาที และมีความเร็วสูงสุดถึง 340 กม./ชม. รุ่นนี้เป็นที่จับตามองในตลาดรถหรูของไทย โดยเฉพาะสำหรับคนที่ชอบความมันส์แบบสุดๆ แม้ว่าบนถนนทั่วไปในไทยอาจไม่สามารถดึงความเร็วสุดขีดของมันออกมาได้เต็มที่ แต่ถ้าได้ลงสนามแข่งอย่างบูรีรัมย์อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต 812 Superfast จะโชว์ฟอร์มได้อย่างเต็มสูบ แถมยังมาพร้อมดีไซน์แอโรไดนามิกและเทคโนโลยีพวงมาลัยหลังที่ช่วยให้การขับขี่ที่ความเร็วสูงมีความมั่นคงและแม่นยำ ทำให้มันเป็นหนึ่งในรถระดับตำนานที่ใครๆ ก็อยากเป็นเจ้าของ สำหรับคนไทยการได้เป็นเจ้าของรถคันนี้ไม่ใช่แค่ได้ใช้พลังของซูเปอร์คาร์ระดับเทพ แต่ยังได้สัมผัสความหรูและความเร่าร้อนแบบฉบับเฟอร์รารี่ เพียงแต่เวลาขับบนถนนจริงต้องระวังกฎจราจรและสภาพถนนในไทยให้ดี จะได้ขับได้อย่างปลอดภัยและสนุกสุดเหวี่ยง
Q
แรงม้าของรถ Ferrari 812 Superfast มีเท่าใด
Ferrari 812 Superfast คือซูเปอร์คาร์สุดแรงที่มาพร้อมสมรรถนะอันยอดเยี่ยม ขุมพลังใต้กระโปรงเป็นเครื่องยนต์ V12 6.5 ลิตร แบบแอทโมสเฟียร์ ให้กำลังสูงสุดถึง 800 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 718 นิวตันเมตร เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.9 วินาที และมีความเร็วสูงสุดเกิน 340 กม./ชม. รุ่นนี้เป็นที่นิยมมากในตลาดรถซูเปอร์คาร์ของไทย โดยเฉพาะสำหรับการขับขี่บนทางด่วนรอบกรุงเทพฯ หรือสนามแข่ง สำหรับแฟนๆรถไทยแล้ว 812 Superfast ไม่เพียงเป็นตัวแทนของความปรารถนาในพลังอันสุดขั้วของเฟอร์รารี่เท่านั้น แต่ยังแสดงถึงเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของซูเปอร์คาร์อิตาลีผ่านการออกแบบเลย์เอาต์เครื่องยนต์ V12 หน้าและรูปทรงตัวรถที่ลื่นไหล แม้ในสภาพอากาศร้อนจัดของไทย ระบบระบายความร้อนและระบบช่วงล่างของรถคันนี้ก็ยังทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม มั่นใจได้ถึงความมั่นคงแม้ขับแบบสุดเหวี่ยง นอกจากนี้ Ferrari ยังมีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทย พร้อมบริการหลังการขายที่ครบวงจร ทั้งการบริการประจำปีและการสนับสนุนทางเทคนิคโดยผู้เชี่ยวชาญ ทำให้เจ้าของรถสามารถสนุกไปกับการขับขี่ได้แบบไม่ต้องกังวล ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่หลงใหลในรถซูเปอร์คาร์ 812 Superfast ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ไม่เพียงเพราะพลังที่เหนือชั้น แต่ยังรวมถึงการควบคุมที่แม่นยำและความหรูหราที่มาพร้อมกันในระดับสุดยอด
Q
Ferrari 812 Superfast มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเท่าไหร่ต่อ 100 กิโลเมตร?
Ferrari 812 Superfast เป็นรถซูเปอร์คาร์สมรรถนะสูงที่ใช้เครื่องยนต์ V12 แบบแอทโมสเฟียริก ข้อมูลทางการระบุว่าอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงรวมอยู่ที่ประมาณ 15.7 ลิตร/100 กม. แต่ในสภาพการขับขี่จริงของไทย โดยเฉพาะเมื่อติดรถติดในกรุงเทพหรือขับแบบสปอร์ตบนทางด่วน ค่านี้อาจพุ่งไปถึง 18-22 ลิตร/100 กม. ซูเปอร์คาร์รุ่นนี้ออกแบบมาเพื่อความแรงระดับสุดขั้ว ไม่ได้เน้นประหยัดน้ำมัน ด้วยเครื่องยนต์ 6.5 ลิตร V12 ที่ให้กำลังสูงถึง 800 แรงม้า จับคู่กับเกียร์คลัตช์คู่ 7 สปีด สำหรับเจ้าของรถในไทยแนะนำให้ใช้น้ำมันเบนซินคุณภาพสูงเกรด 95 ขึ้นไปและบำรุงรักษาเป็นประจำ แม้ว่าจะกินน้ำมันมากแต่ระบบเบรกคาร์บอนซีรามิกและเทคโนโลยีสตาร์ต-สตอปอัตโนมัติช่วยประหยัดได้บ้าง ข้อควรท้ายคือ ประเทศไทยมีอัตราภาษีที่สูงขึ้นสำหรับรุ่นปริมาตรความจุเกิน 3.0 ลิตร ซึ่งต้องพิจารณาต้นทุนการใช้งานอย่างรอบด้านก่อนตัดสินใจซื้อ
Q
812 Superfast ถูกยุติการผลิตหรือไม่?
Ferrari 812 Superfast ในฐานะรถ GT สุดเริ่ดของค่ายที่ยังใช้เครื่องยนต์ V12 แบบวางหน้าต่อมาถึงยุคสิ้นสุดการผลิตอย่างเป็นทางการในปี 2023 เป็นผลมาจากการทำซ้ำตามธรรมชาติของสายผลิตภัณฑ์ Ferrari โดยมีรุ่นใหม่ๆ อย่าง Roma Spider ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบใหม่เข้ามาแทนที่ตำแหน่งในตลาด ส่วนในตลาดไทย 812 Superfast เป็นที่นิยมในหมู่คอลเลกเตอร์รถสปอร์ตสมรรถนะสูง ด้วยเครื่องยนต์ V12 6.5 ลิตร แบบสไตล์การดูดซึมโดยธรรมชาติ (789 แรงม้า) และการออกแบบคลาสสิกแบบ FR (เครื่องหน้า-ขับหลัง) ในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ อาจจะยังพอเห็นตัวเป็นๆ ได้ตามโชว์รูมรถมือสองระดับพรีเมียมหรืองานชุมนุมรถเป็นครั้งคราว
แต่ต้องยอมรับว่ากฎหมายไทยมีการเก็บภาษีรถยนต์ขนาดเกิน 3.0 ลิตรในอัตราสูง (บางกรณีถึง 50%) ทำให้ราคารถซูเปอร์คาร์เครื่องใหญ่แบบนี้ในไทยพุ่งไปเกือบเท่าตัวเมื่อเทียบกับตลาดโลก คนไทยที่อยากเป็นเจ้าของจึงมักใช้วิธีนำเข้าชั่วคราวผ่านเขตปลอดอากรหรือเลือกรับบริการเช่าสั้นๆ แทน สำหรับแฟนๆ Ferrari ในเมืองไทย รุ่นใหม่ๆ อย่าง F8 ทริบิวโต้ หรือ 296 GTB ที่ใช้ระบบไฮบริดอาจจะตอบโจทย์มากกว่า เพราะยังคงความแรงแต่ปรับตัวเข้ากับสภาพการจราจรติดขัดและกฎหมายสิ่งแวดล้อมของไทยได้ดีกว่า
Q
Ferrari 812 เป็นการลงทุนที่ดีหรือไม่?
Ferrari 812 Superfast ในฐานะรถ GT สปอร์ตประสิทธิภาพสูง การจะลงทุนในตลาดไทยเหมาะหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ถ้าดูจากมูลค่าการเก็บสะสมและความต้องการในตลาด 812 ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ V12 6.5 ลิตร แบบสูบธรรมดา และสถานะการผลิตที่จำกัด ทำให้มันมีศักยภาพในการรักษามูลค่าได้ดีในแวดวงซูเปอร์คาร์ โดยเฉพาะในตลาดอย่างไทยที่ความต้องการรถหรูหายากยังค่อนข้างมั่นคง แต่ต้องระวังเรื่องสภาพอากาศของไทยที่อาจสร้างความท้าทายในการดูแลรถสปอร์ตสมรรถนะสูง เช่น ความร้อนและความชื้นที่อาจสร้างภาระเพิ่มให้กับเครื่องยนต์และระบบอิเล็กทรอนิกส์ การถือครองระยะยาวจึงต้องคำนวณค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาให้ดี นอกจากนี้ภาษีนำเข้าที่สูงของไทยก็ส่งผลต่อราคาซื้อขายในตลาดมือสองด้วย ถ้าพูดถึงประสบการณ์การขับขี่ 812 ถือว่าจุดสมดุลระหว่างสมรรถนะบนสนามแข่งและความสบายในการใช้งานประจำวันได้ดี เหมาะกับการขับท่องเที่ยวเส้นทางพรีเมียมหรือใช้ในเมือง แต่ถ้าเปรียบเทียบกับการลงทุนล้วนๆ แนะนำให้เจ้าที่รักการขับขี่จริงๆ เป็นผู้พิจารณา เพราะรถซูเปอร์คาร์มักมีค่าสึกหรอค่อนข้างเร็วในช่วงปีแรกๆ ยกเว้นจะเป็นรุ่นพิเศษที่ผลิตจำกัดจริงๆ โดยรวมแล้ว 812 เป็นรถที่รวมความเร้าใจและมูลค่าการสะสมไว้ด้วยกัน แต่ก่อนตัดสินใจลงทุนในไทยควรประเมินทั้งค่าใช้จ่ายในการครอบครองและความต้องการส่วนตัวให้รอบด้าน
Q
Ferrari 812 Superfast เป็นรถใช้งานประจำวันหรือไม่
Ferrari 812 Superfast เป็นสปอร์ตคาร์ V12 สุดแรงแม้ว่าจะโดดเด่นในเรื่องสมรรถนะและการควบคุม แต่ก็ไม่เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในสภาพเมืองแบบประเทศไทย คันนี้ติดตั้งเครื่องยนต์ V12 6.5 ลิตร แบบแอทโมสเฟียร์ ให้กำลังสูงสุดถึง 800 แรงม้า ความเร็วสุดเกิน 340 กม./ชม. การออกแบบตัวถังต่ำและระบบช่วงล่างแข็งกระด้างเหมาะกับสนามแข่งหรือขับขี่วันหยุดมากกว่า แต่ในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ที่การจราจรติดขัด การหยุด-เดินบ่อยๆ และถนนแคบๆ จะทำให้ประสบการณ์การขับลดลงไปอีก นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง 12 Superfast ก็สูงมาก สภาพอากาศร้อนชื้นของไทยยังอาจสร้างภาระเพิ่มให้กับระบบระบายความร้อนและวัสดุภายในรถอีกด้วย ถ้าคิดจะใช้ในไทยเป็นประจำ รุ่น GT อย่าง โรม่า หรือ ปอร์โตฟีโน่ ของค่ายเดียวกันน่าจะเหมาะกว่า แม้สมรรถนะจะด้อยกว่าแต่ตอบโจทย์การขับขี่ในเมืองได้ดีกว่า ต้องไม่ลืมว่าประเทศไทยมีอากรขาเข้าสำหรับซูเปอร์คาร์ที่สูงมาก ทำให้ราคา 12 Superfast ในไทยพุ่งเกินประเทศอื่นๆ จนความคุ้มค่าในการใช้งานประจำลดลงไปอีก
Q&A ล่าสุด
Q
ความแตกต่างระหว่าง Maserati Ghibli และ Quattroporte คืออะไร
ความแตกต่างหลักระหว่างมาสราตี Ghibli และ Quattroporte อยู่ที่ระดับของรถและขนาดตัวรถครับ Ghibli เป็นรถซีดานหรูขนาดกลาง ตัวรถกะทัดรัดกว่า เหมาะกับการขับในเมือง โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่การจราจรค่อนข้างติดขัด จะทำให้ขับเคลื่อนได้คล่องตัวกว่า ในขณะที่ Quattroporte เป็นรถซีดานหรูขนาดใหญ่ มีพื้นที่เบาะหลังกว้างขวางกว่าและอุปกรณ์ที่หรูหรากว่า เหมาะสำหรับการใช้งานเชิงธุรกิจหรือลูกค้าที่ต้องการความสะดวกสบายระดับสูง รุ่นทั้งสองมาพร้อมเครื่องยนต์ V6 หรือ V8 สุดคลาสสิกของมาสราตีที่ให้พลังขับเคลื่อนแรงและเสียงเครื่องที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ Quattroporte ในรุ่นท็อปจะมีตัวเลือกเครื่องยนต์ที่ทรงพลังกว่า ในตลาดไทย Ghibli มีราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า เหมาะสำหรับคนที่อยากสัมผัสแบรนด์มาสราตีแต่มีงบจำกัด ส่วน Quattroporte จะตอบโจทย์ลูกค้าระดับไฮเอนด์ที่ต้องการความหรูหราและความพิเศษ นอกจากนี้ทั้งสองรุ่นยังมาพร้อมระบบช่วยขับขี่อันทันสมัยและการออกแบบภายในสไตล์อิตาเลียน แต่ Quattroporte จะโดดเด่นกว่าในเรื่องของวัสดุและรายละเอียดที่ประณีตกว่า สำหรับคนไทยแล้ว ถ้าต้องการรถสำหรับรับส่งลูกค้าหรือใช้งานในครอบครัว Quattroporte จะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า แต่ถ้าชื่นชอบความสนุกในการขับขี่และใช้รถในชีวิตประจำวัน Ghibli จะตอบโจทย์มากกว่า มาสราตีในไทยยังมีเครือข่ายบริการหลังการขายที่ครอบคลุม ทำให้มั่นใจได้ว่าคุณจะได้ใช้งานรถอย่างราบรื่น
Q
รถยนต์ Peugeot 3008
รถยนต์รุ่น Peugeot 3008 ที่ได้รับความนิยมในตลาดประเทศไทย ด้วยดีไซน์สไตล์ฝรั่งเศสและฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค มาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.6T ที่ให้กำลังขับเคลื่อนเนียนลื่นทั้งในเมืองและนอกเมือง เมื่อทำงานคู่กับเกียร์ออโต้ 6 สปีด ก็ช่วยประหยัดน้ำมันได้ดี เหมาะกับการเดินทางในชีวิตประจำวันหรือทริปครอบครัวของคนไทย
ภายในห้องโดยสารออกแบบด้วยคอนเซปต์ i-Cockpit พร้อมหน้าจอสัมผัสลอยตัว ที่ให้ความรู้สึกล้ำสมัย ขนาดตัวรถที่กำลังดี ทำให้ขับเคลื่อนในซอยแคบๆ หรือห้างสรรพสินค้าในกรุงเทพได้อย่างคล่องตัว ระบบความปลอดภัยมาครบด้วยฟังก์ชั่นเบรกอัตโนมัติและช่วยรักษาช่องทางเดินรถ ซึ่งเหมาะกับสภาพการจราจรที่ค่อนข้างซับซ้อนของไทย
ควรกล่าวถึงว่า ระยะความสูงจากพื้นรถที่มากกว่ารุ่นอื่นๆ ทำให้สามารถขับบนถนนลูกรังในต่างจังหวัดได้สบายๆ เมื่อเทียบกับรุ่นอื่นในระดับเดียวกัน 3008 โดดเด่นด้วยสไตล์การออกแบบเฉพาะตัวและระบบช่วงล่างที่มั่นคง แนะนำให้เลือกติดตั้งม่านบังแดดหลังคากระจกและระบบแอร์ประสิทธิภาพสูงสำหรับอากาศร้อนของไทย
สำหรับการดูแลรักษา ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะทาง 15,000 กม.หรือทุก 1 ปีตามที่ผู้ผลิตแนะนำ เพื่อความมั่นใจในการใช้งานเครื่องยนต์ภายใต้สภาพอากาศร้อน
Q
วิธีการเปิดฝากระโปรงใน Peugeot 3008
ขั้นตอนการเปิดฝากระโปรงหน้ารถ Peugeot 3008 ที่ใช้ในประเทศไทยนั้นง่ายมาก ก่อนอื่นต้องมั่นใจว่ารถอยู่ในสภาวะดับเครื่องแล้ว จากนั้นให้มองหาแถบดึงที่ติดสัญลักษณ์ฝากระโปรงหน้ารถบริเวณใกล้ๆ Pedal ด้านคนขับ ดึงแรงๆ จะได้ยินเสียง "คลิก" เบาๆ ฝากระโปรงจะเปิดขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากนั้นให้ใช้มือสอดเข้าไปที่บริเวณกลางฝากระโปรงด้านหน้า จะเจอแกนปลดล็อคขั้นที่สอง (ส่วนใหญ่ต้องดันไปทางซ้ายหรือขวา) เพียงเท่านี้ก็เปิดฝากระโปรงได้เต็มที่แล้ว ข้อควรระวังคือสภาพอากาศไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุกอาจทำให้ชิ้นส่วนเหล่านี้มีฝุ่นหรือสนิมได้ แนะนำให้ทำความสะอาดและทาจารบีเป็นประจำเพื่อให้การเปิดปิดลื่นไหล ส่วนฝากระโปรงของ Peugeot 3008 นั้นทำจากอลูมิเนียมน้ำหนักเบา ช่วยทั้งลดน้ำหนักรถและระบายความร้อนได้ดี เหมาะกับสภาพการขับขี่ในเมืองที่ต้องหยุด-เดินบ่อยๆ ของไทย ถ้าเปิดไม่ขึ้นอย่าใช้แรงดึงเด็ดขาด ให้ติดต่อศูนย์บริการอย่าง Euro Automobile ในกรุงเทพฯ พวกเขามีบริการอัพเกรดสปริงยกระโปรงแบบไฮดรอลิกของแท้ ทำให้การดูแลรักษารถสะดวกขึ้นมาก
Q
Peugeot 3008 ผลิตที่ไหน
รถยนต์รุ่น Peugeot 3008 ที่วางขายในตลาดไทยตอนนี้ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าจากฝรั่งเศส รุ่น SUV ขนาดกะทัดรัดนี้โด่งดังในหมู่คนไทยเพราะดีไซน์ไม่เหมือนใครและเทคโนโลยีล้ำสมัย โดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ขนาดตัวรถที่กำลังดีเหมาะกับการขับขี่ในเมืองสุดๆ ตลาดไทยตอบรับ 3008 ได้ดี โดยเฉพาะรุ่นไฮบริดที่ได้เปรียบด้านราคาเพราะรัฐบาลไทยมีนโยบายลดภาษีสำหรับรถรักษ์สิ่งแวดล้อม ระบบขับเคลื่อนของ 3008 ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบ 1.6 ลิตร ผสมผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าในระบบปลั๊กอินไฮบริด ให้กำลังรวมสูงถึง 300 แรงม้า วิ่งได้ประมาณ 50 กิโลเมตรด้วยไฟฟ้าล้วนๆ เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนเมืองในไทย ส่วนภายในห้องโดยสารออกแบบฟิวเจอร์ริสติก พร้อมหน้าจอแสดงผลดิจิตอล 12.3 นิ้วและหน้าจอสัมผัส 8 นิ้วที่รองรับทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto ระบบเหล่านี้ทำงานได้เสถียรแม้ในสภาพอากาศร้อนของไทย ด้านบริการหลังการขาย Peugeot ในไทยก็มีเครือข่ายศูนย์บริการครอบคลุมในเมืองหลักๆ ทำให้เจ้าของรถมั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลอย่างทันท่วงที แม้การซื้อรถนำเข้าจะต้องคำนึงถึงเรื่องภาษีนำเข้า แต่โดยรวมแล้ว 3008 ยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในตลาด SUV ไฮบริดที่กำลังมาแรง
Q
น้ำมันเครื่องที่แนะนำสำหรับ Peugeot 3008
สำหรับรุ่น Peugeot 3008 แบบเบนซิน แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องชนิดสังเคราะห์เต็มรูปแบบที่ตรงตามมาตรฐาน PSA B71 2312 หรือ B71 2290 โดยความหนืดที่เหมาะกับสภาพอากาศร้อนของไทยคือ 5W-30 หรือ 0W-30 เพราะช่วยปกป้องเครื่องยนต์เทอร์โบและประหยัดน้ำมันได้ดี น้ำมันสังเคราะห์เต็มรูปแบบทนความร้อนสูงได้ดีกว่า ซึ่งสำคัญมากสำหรับเมืองร้อนแบบไทยๆ ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก 10,000 กิโลเมตรหรือ 12 เดือน (แล้วแต่อย่างไหนถึงก่อน) แต่ถ้าขับแค่ระยะสั้นๆ หรือติดสตาร์ทเครื่องบ่อยๆ อาจต้องเปลี่ยนถี่กว่านี้
สำหรับรุ่นปี 2017 เป็นต้นไป ต้องระวังเป็นพิเศษ ควรเลือกน้ำมันเครื่องแบบ Low SAPS (เกลือแร่ต่ำ) เพื่อลดความเสี่ยงอุดตันในกรองดักอนุภาค แนะนำให้ซื้อน้ำมันเครื่องจากแบรนด์ดังเช่น Total Shell หรือของท้องถิ่นอย่าง PTT ที่ผ่านมาตรฐานตามที่กำหนด ถ้ายังอยู่ในระยะประกัน ควรใช้น้ำมันเครื่องที่ศูนย์บริการกำหนดไว้จะดีที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเรื่องการรับประกัน
สำหรับเครื่องยนต์เทอร์โบแบบฉีดตรง การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องคุณภาพดีเป็นประจำสำคัญมาก เพราะช่วยลดการเกิดคาร์บอนสะสมและปกป้องลูกปืนเทอร์โบ แนะนำให้ตรวจสอบก้นถังน้ำมันเครื่องทุกๆ 2 ครั้งที่เปลี่ยนน้ำมันว่าไม่มีสิ่งสกปรกตกค้าง จะช่วยรักษาสภาพเครื่องยนต์ให้ทำงานได้ดีในระยะยาว
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

Ferrari เปิดตัวแชสซีและส่วนประกอบหลักของรุ่นไฟฟ้าล้วนรุ่นแรก Elettrica
AshleyOct 10, 2025

Ferrariเปิดตัว 296 Speciale ซูเปอร์คาร์ปลั๊กอินไฮบริด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลาเพียง 2.8 วิ
พงศธรApr 30, 2025

Ferrari รุ่นแข่งชั้นสูง 296 VS ซูเปอร์คาร์จะเดบิวต์ในวันที่ 29 เมษายน
LienApr 3, 2025

ภาพลับของผู้สืบทอด Ferrari Roma ถูกเปิดเผย! อาจจะปล่อยในปลายปี 2025 ระบบสลับโฮมที่เป็นจุดเด่น
สุรเดชNov 19, 2024

Ferrari F80 สะเทือนใจเปิดตัว : วางแผนที่จะสู้กับ McLaren W1
LienOct 18, 2024
ข้อดี
ข้อเสีย