Q
ฮอนด้าซิตี้ใช้ยางอะไรดี
ยางที่ใช้ใน Honda City ที่พบได้บ่อยและเหมาะสม ได้แก่ ยี่ห้อ Michelin, Bridgestone และ Goodyear ขนาดที่ใช้บ่อยคือ 185/60 R15 หรือ 195/55 R16 ยางเหล่านี้มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมทั้งในด้านความทนทาน การยึดเกาะถนน และความสะดวกสบาย สามารถรองรับสภาพถนนและอากาศในประเทศไทยได้ดี แต่การเลือกยางควรพิจารณาจากพฤติกรรมการขับขี่และงบประมาณของคุณ
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
ตรวจสอบระดับน้ำมันเบรกและกระปุกน้ำมันพาวเวอร์ของ Honda City อยู่ที่ไหน
ใน Honda City ตำแหน่งตรวจสอบระดับน้ำมันเบรกและน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์มักอยู่ในห้องเครื่อง ระดับน้ำมันเบรกมักมีสัญลักษณ์แสดงอยู่บนกระปุกน้ำมันเบรก ส่วนระดับน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์โดยทั่วไปจะมีขีดบอกระดับบนกระปุกน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ แต่ตำแหน่งที่แน่นอนอาจแตกต่างกันไปเล็กน้อยขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยและปีที่ผลิต
Q
วิธีตรวจสอบระดับน้ำหยอดคูลแลนท์ในฮอนด้าซิตี้
วิธีตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นใน Honda City มีดังนี้: เปิดฝากระโปรงหน้าก่อน จากนั้นมองหาถังเก็บน้ำหล่อเย็น ซึ่งมักจะเป็นถังโปร่งแสงและมีขีดแสดงระดับอยู่ ระดับน้ำหล่อเย็นควรอยู่ระหว่างขีดบนและขีดล่าง หากระดับต่ำเกินไป ให้เติมน้ำหล่อเย็นที่มีคุณสมบัติเดียวกับน้ำหล่อเย็นเดิมของรถยนต์ ควรระวังไม่ให้เติมเกินขีดบน ในขณะเดียวกันควรตรวจสอบว่าน้ำหล่อเย็นมีการเปลี่ยนสี ขุ่น หรือมีรอยรั่วหรือไม่
Q
วิธีการลบอุปกรณ์บลูทูธจากฮอนด้าซิตี้
วิธีการลบอุปกรณ์ Bluetooth ใน Honda City ปกติคุณสามารถค้นหาเมนู Bluetooth ได้จากการตั้งค่าของระบบมัลติมีเดียในรถยนต์ จากนั้นเลือกอุปกรณ์ที่จับคู่ไว้เพื่อทำการลบออก อย่างไรก็ตาม รุ่นปีและการตั้งค่าต่าง ๆ ของ Honda City อาจมีความแตกต่างเล็กน้อยในรายละเอียดของขั้นตอน แต่โดยทั่วไป คุณสามารถเข้าสู่เมนูตั้งค่าของรถ ค้นหาหน้าการตั้งค่า Bluetooth จากนั้นเลือกอุปกรณ์ที่ต้องการลบและยืนยันการลบ
Q
หม้อน้ำ Honda City อยู่ที่ไหน
หม้อน้ำของ Honda City มักจะอยู่ที่ด้านหน้าของห้องเครื่อง ใกล้กับส่วนหัวรถ อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งที่แน่นอนอาจแตกต่างกันเล็กน้อยขึ้นอยู่กับรุ่นและอุปกรณ์เสริมของรถ
Q
ควรจะเปลี่ยนหัวเทียน honda city เมื่อไหร่
ระยะเวลาการเปลี่ยนหัวเทียนใน Honda City ปกติอยู่ที่ประมาณ 40,000 ถึง 60,000 กิโลเมตร แต่ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานและสภาพการขับขี่ของรถด้วย หากรถมีอาการสตาร์ทติดยาก รอบเดินเบาไม่นิ่ง หรือเร่งความเร็วได้ไม่ดี อาจต้องตรวจสอบและเปลี่ยนหัวเทียนก่อนกำหนด
Q
รีเลย์สตาร์ทของ Honda City อยู่ที่ตรงไหน
รีเลย์สตาร์ทซ้ำของ Honda City โดยปกติจะอยู่ในกล่องฟิวส์ภายในห้องเครื่อง อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งที่แน่นอนอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นและล็อตการผลิต โดยทั่วไปคุณสามารถตรวจสอบตามขอบของห้องเครื่อง เพื่อหากล่องฟิวส์ที่มีสัญลักษณ์บ่งชี้ และรีเลย์จะอยู่ภายในกล่อง
Q
เซ็มล้อ Honda City มีหมายเลขเท่าไหร่
ขนาดยางของ Honda City อาจแตกต่างกันไปตามรุ่นย่อย โดยขนาดยางที่พบได้บ่อยคือ 185/60 R15 หรือ 195/55 R16
Q
ฮอนด้าซิตี้ควรใช้ยางประเภทใดดี
Honda City ในประเทศไทยมักเหมาะกับการใช้ยางที่เน้นความสบายและการยึดเกาะถนนในสภาพพื้นเปียก เช่น ยางตระกูล Michelin Primacy ที่ช่วยเพิ่มความสบายในการขับขี่ และมีประสิทธิภาพในการรีดน้ำและควบคุมรถได้อย่างมั่นคง หรือจะเป็นยางในตระกูล Bridgestone Turanza ที่มีคุณสมบัติทนทานและลดเสียงรบกวนได้ดี อย่างไรก็ตาม การเลือกยางที่เหมาะสมควรพิจารณาจากลักษณะการขับขี่ สภาพถนน และงบประมาณของคุณด้วย
Q
Honda City รุ่น S และ V มีความแตกต่างอย่างไร
ตามข้อมูลที่ให้มา Honda City รุ่น S และ V มีความแตกต่างในด้านสมรรถนะ ความปลอดภัย และรายละเอียดภายใน ดังนี้: 1.ทั้งสองรุ่นใช้เครื่องยนต์ 1.0T เทอร์โบ ขนาดความจุ 988 ซีซี (1.0 ลิตร) แต่รุ่น V มีฟังก์ชันปรับโหมดการขับขี่ ซึ่งสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าสมรรถนะรถให้เหมาะกับสถานการณ์การขับขี่ เช่น ในโหมดประหยัดจะเน้นการประหยัดน้ำมันมากขึ้น หรือในโหมดสปอร์ตจะตอบสนองการเร่งได้ดีกว่า ขณะที่รุ่น S ไม่มีฟังก์ชันนี้ 2.รุ่น V ติดตั้งระบบตรวจสอบความดันลมยาง (TPMS) ซึ่งสามารถตรวจวัดความดันยางได้แบบเรียลไทม์ ช่วยลดความเสี่ยงจากความดันยางผิดปกติ ส่วนรุ่น S ไม่มีระบบนี้ นอกจากนี้ รุ่น V ยังมีถุงลมนิรภัยทั้งหมด 6 ใบ ครอบคลุมทั้งด้านหน้า ด้านข้างของที่นั่งคู่หน้า และม่านนิรภัยสำหรับผู้โดยสารแถวหน้าและหลัง ช่วยเพิ่มการปกป้องให้กับผู้โดยสารในรถมากขึ้น ส่วนรุ่น S มีเพียง 4 ใบ ซึ่งขาดม่านนิรภัยสำหรับผู้โดยสารแถวหน้าและหลัง 3.ระบบช่วยขับขี่: รุ่น V มีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) ซึ่งช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าโดยอัตโนมัติ ลดความเมื่อยล้าจากการขับระยะไกล รุ่น S ไม่มีระบบนี้ 4.รุ่น V ยังมีระบบแจ้งเตือนขณะถอยหลัง ช่วยให้ผู้ขับขี่ตรวจพบสิ่งกีดขวางด้านหลังได้รวดเร็วกว่า รุ่น S ไม่มีฟังก์ชันนี้ รุ่น V มีช่องลมแอร์สำหรับผู้โดยสารแถวหลัง ช่วยเพิ่มความสบายในการโดยสาร ขณะที่รุ่น S ไม่มี นอกจากนี้ กระจกมองข้างของรุ่น V เป็นแบบลดแสงสะท้อนแสงแดด ช่วยลดแสงสะท้อนที่อาจรบกวนสายตาผู้ขับขี่ แต่ในรุ่น S ไม่มีการกล่าวถึงคุณสมบัตินี้
Q
อันดับน้ำมันเกียร์ Honda City ใช้กี่ลิตร
ปริมาณน้ำมันเกียร์ของ Honda City โดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 3 ถึง 4 ลิตร แต่ปริมาณที่แน่นอนอาจแตกต่างไปตามปีของรุ่นและอุปกรณ์ที่ติดตั้ง
Q&A ล่าสุด
Q
Toyota Yaris ราคาเท่าไหร่?
Toyota Yaris มีหลายรุ่นให้เลือก โดยแต่ละรุ่นก็มีราคาที่แตกต่างกันออกไป ตามปีที่ผลิตและอุปกรณ์ที่ติดตั้งมาในตัวรถ
สำหรับรุ่นปี 2023 มีดังนี้
– Yaris Sport ราคา 559,000 บาท
– Yaris Smart ราคา 619,000 บาท
– Yaris Premium ราคา 679,000 บาท
– Yaris Premium S ราคา 694,000 บาท
รุ่นปี 2022 ได้แก่
– Yaris Entry ราคา 549,000 บาท
– Yaris Sport ราคา 609,000 บาท
– Yaris Sport Premium ราคา 679,000 บาท
ส่วนรุ่นปี 2020 ก็มีให้เลือก เช่น
– Yaris 1.2 Entry ราคา 539,000 บาท
– Yaris 1.2 Mid ราคา 589,000 บาท
– Yaris 1.2 High ราคา 649,000 บาท
แต่ละรุ่นจะมีความแตกต่างกันทั้งในเรื่องอุปกรณ์ ความสะดวกสบาย และเทคโนโลยีที่ให้มา ถ้าใครเน้นใช้งานพื้นฐานทั่วไป แนะนำรุ่น Entry ที่ราคาประหยัด แต่ถ้าอยากได้ฟังก์ชันเยอะขึ้น เช่น ระบบความปลอดภัย หรืออุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ รุ่น Premium ก็จะตอบโจทย์ได้มากกว่าค่ะ
Q
สเปกของ Toyota Yaris มีอะไรบ้าง? มาดูรายละเอียด
Toyota Yaris เป็นรถยนต์ขนาดเล็กแบบซีดานที่มีหลายรุ่นให้เลือก ขนาดตัวรถยาว 4,171 มม. กว้าง 1,730 มม. สูงประมาณ 1,475–1,500 มม. ระยะฐานล้อ 2,550 มม. เป็นรถแบบ 5 ประตู 5 ที่นั่ง ความจุถังน้ำมันอยู่ที่ 42 ลิตร ระยะใต้ท้องรถสูง 135 มม. ขนาดยางหน้า–หลังเท่ากันที่ 185/60 R15
รุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร แบบ NA ให้กำลังสูงสุด 68 กิโลวัตต์ ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 109 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที ใช้เกียร์อัตโนมัติ CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า ระบบกันสะเทือนหน้าเป็นแบบแม็คเฟอร์สันอิสระ ส่วนด้านหลังเป็นแบบทอร์ชั่นบีมกึ่งอิสระ เบรกหน้าเป็นแบบจาน เบรกหลังแบบดรัม พร้อมเบรกมือไฟฟ้า
ในด้านความปลอดภัย Toyota Yaris มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐาน เช่น ระบบ ABS, ระบบควบคุมเสถียรภาพ, ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย, ระบบเตือนรถออกนอกเลน และระบบเบรกอัตโนมัติ บางรุ่นยังมีระบบเตือนการชนด้านหน้า และระบบเตือนเมื่อเปลี่ยนเลนด้วย ถุงลมนิรภัยมาตรฐานมี 5 จุด
อุปกรณ์ภายในก็ครบครัน เช่น พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน แอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง บางรุ่นมีไฟหน้าอัตโนมัติ ไฟตัดหมอก ไฟส่องสว่างกลางวัน และหลังคาซันรูฟ หน้าจอกลางมีขนาด 8–9 นิ้ว แล้วแต่รุ่น พร้อมลำโพง 2–6 ตัว แล้วแต่เกรด
อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยจากโรงงานอยู่ที่ 4.3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 220 กม./ชม. ถือว่าเป็นรถที่คุ้มค่าและใช้งานได้หลากหลายเลยค่ะ
Q
ข้อเสียของ BYD Sealion 7 มีอะไรบ้าง?
BYD Sealion 7 อาจมีข้อเสียอยู่บ้างตามความคิดเห็นของผู้ใช้งานบางส่วน เช่น เวลาที่เปิดแอร์อาจมีเสียงแปลกๆ ดังออกมา ทำให้รู้สึกรบกวนขณะขับขี่
ในเรื่องของเบาะนั่ง มีคนพบว่าเบาะนิ่มจนยุบง่าย พอนั่งนานๆ อาจรู้สึกปวดหลัง และถ้าใช้งานในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง เบาะยังอาจเกิดสนิมได้ด้วย
ระบบหน้าจอและซอฟต์แวร์ในรถก็มีปัญหาจุกจิก เช่น มีบั๊กเยอะ บางครั้งอัปเดตระบบแล้วฟังก์ชันชาร์จไร้สายหายไป และสัญญาณอินเทอร์เน็ตในรถก็ไม่ค่อยเสถียร
ในส่วนของระยะทางขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน ยังถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับความต้องการของผู้ใช้บางคนที่ต้องเดินทางไกล ทำให้รู้สึกไม่ค่อยมั่นใจในการเดินทางไกล
อีกจุดหนึ่งคือความสูงของใต้ท้องรถค่อนข้างต่ำ พอขับผ่านถนนขรุขระหรือเนินต่างๆ อาจโดนขูดได้ง่าย ซึ่งมีผลต่อความสะดวกในการใช้งานในสภาพถนนที่หลากหลายค่ะ
Q
BYD Sealion 7 จัดอยู่ในกลุ่มรถประเภทไหน?
BYD Sealion 7 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบ SUV ที่จัดอยู่ในกลุ่ม D-Segment โดยเฉพาะรุ่นนี้ถือเป็นรถ SUV ไฟฟ้าล้วน (EV) ที่มีการออกแบบและวางตำแหน่งให้เหมาะกับการใช้งานแบบครอบครัว
รุ่นนี้เปิดตัวพร้อมกับแพลตฟอร์มใหม่ BYD e-Platform 3.0 EVO ซึ่งได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะด้านการชาร์จ ที่สามารถรองรับกำลังไฟสูงสุดถึง 200KW ทำให้สามารถชาร์จจาก 30% ไปถึง 80% ได้ภายในไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เพิ่มความสะดวกในการใช้งานจริง
ในด้านสมรรถนะ มอเตอร์ถูกวางไว้ด้านหลัง ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ทำให้การเร่งแซงทำได้ดี โดยเฉพาะรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อที่สามารถเร่งจาก 0–100 กม./ชม. ได้ภายใน 4.5 วินาที และมีความเร็วสูงสุดถึง 225 กม./ชม.
ดีไซน์ตัวรถแบบ SUV ที่ยกสูงช่วยให้ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง เหมาะสำหรับการเดินทางกับครอบครัว และยังมาพร้อมเทคโนโลยีโครงสร้างแบตเตอรี่แบบรวมกับตัวถัง (CTB – Cell to Body) ช่วยให้โครงสร้างรถแข็งแรงมากขึ้น โดยมีค่าความแข็งแรงการบิดตัวรถสูงถึง 40,000 นิวตันเมตร ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่อีกระดับค่ะ
Q
ราคาขายต่อของ BYD Sealion 7 คือเท่าไหร่?
ราคาขายต่อของ BYD Sealion 7 จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุการใช้งาน ระยะทางที่ขับไปแล้ว สภาพรถ ความนิยมในตลาด รวมถึงมีออปชันหรืออัปเกรดเพิ่มเติมหรือไม่
ตอนนี้ BYD Sealion 7 เพิ่งเปิดตัวในช่วงปี 2024–2025 ยังถือว่าใหม่อยู่ในตลาด รถมือสองเลยยังมีไม่เยอะ และข้อมูลราคาขายต่อก็ยังไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่
ตัวรถมีหลายรุ่น เช่น รุ่นขับหลังแบบพรีเมียม และรุ่นขับสี่แบบสมรรถนะสูง ถ้ารถอยู่ในสภาพดีมาก ใช้งานน้อย ก็มีโอกาสขายได้ราคาดี อาจจะใกล้เคียงกับราคาลดจากป้ายแดง แต่ถ้าขับมาเยอะ มีรอย มีปัญหา หรือหมดประกันแล้ว ราคาก็จะตกลงไปอีก
อีกปัจจัยที่สำคัญคือ “ความต้องการในตลาด” ถ้าคนกำลังมองหารถ EV มือสองเยอะ แต่รถในตลาดมีน้อย ราคาก็จะดีขึ้น แต่ถ้ามีเยอะจนเกินไป หรือรุ่นใหม่เข้ามาแทน ราคาก็อาจตกได้เหมือนกัน
ราคาป้ายแดงของ BYD Sealion 7 ตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 1,149,900 – 1,399,900 บาท ส่วนราคามือสองจะลดลงเท่าไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับสภาพและปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมด
ถ้าอยากรู้ราคาที่แม่นยำ แนะนำให้ลองเช็กกับเต็นท์รถมือสอง หรือแพลตฟอร์มขายรถออนไลน์ต่างๆ เพื่อดูราคาเฉลี่ยในตลาดจริงค่ะ
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

ไม่ควรพลาดรถยนต์เกโรของญี่ปุ่น, รุ่น Honda City ใดคุ้มค่าที่สุดในการเลือก?
ณัฐวุฒิNov 6, 2024

Honda City e:HEV ลดราคา THB40,000! มาราธอน 800km, ประหยัดน้ำมันและสบาย!
AshleyAug 5, 2024

2024 Honda City Sedan ราคาตั้งแต่ THB 599,000 จะเลือก Turbo หรือ e: HEV?
LienApr 16, 2024

มอเตอร์โชว์กรุงเทพฯ: Honda City 2024, เพิ่มรูปแบบ 1.0 Turbo S, ราคา 599000 บาท
Kevin WongMar 26, 2024

Honda วางจำหน่าย Civic TYPE R รุ่น Ultimate เนื่องจากกฎหมายเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซทำให้เลิกขายในยุโรป
พงศธรJun 11, 2025
ดูเพิ่มเติม
ข้อดี
ข้อเสีย