Q

ทำไม Nissan ถึงหยุดผลิตรถยนต์รุ่น Leaf?

Nissan ตัดสินใจหยุดผลิต Leaf เพื่อมุ่งเน้นทรัพยากรในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่เป็นหลัก โดย Leaf ในฐานะรถไฟฟ้ารุ่นแรกของโลกที่ผลิตจำนวนมากตั้งแต่เปิดตัวปี 2010 ได้สร้างชื่อเสียงในตลาดเช่นไทย แต่ด้วยเทคโนโลยีรถไฟฟ้าที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้สมรรถนะการขับขี่และความเร็วในการชาร์จเริ่มล้าหลังเมื่อเทียบกับรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Ariya ที่ Nissan เพิ่งเปิดตัว ซึ่งมาพร้อมแบตเตอรี่และแพลตฟอร์มที่ทันสมัยกว่า พร้อมระยะขับขี่เกิน 500 กิโลเมตร เหมาะกับความต้องการปัจจุบัน โดยเฉพาะในประเทศร้อนอย่างไทยที่รถไฟฟ้าต้องการระบบจัดการความร้อนและความทนทานของแบตเตอรี่ที่สูงกว่า ซึ่งรุ่นใหม่ๆก็พัฒนาจุดนี้ได้ดีขึ้น การหยุดผลิต Leaf เป็นเรื่องปกติของวงการยานยนต์ที่เทคโนโลยีต้องอัพเกรดอยู่เสมอ อนาคต Nissan วางแผนจะเปิดตัวรถไฟฟ้าหลายรุ่นที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับตลาดอาเซียน และด้วยที่ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ในภูมิภาคนี้ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่รุ่นใหม่ๆเหล่านี้จะถูกผลิตในไทย ซึ่งเป็นข่าวดีสำหรับผู้บริโภคไทยที่จะมีตัวเลือกมากขึ้น ขณะที่นโยบายอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลไทยก็จะเร่งความนิยมของเทคโนโลยีใหม่
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
จะเกิดอะไรขึ้นถ้ารถ Nissan Leaf แบตเตอรี่หมด?
ถ้า Nissan Leaf หมดแบตเตอรี่ขณะขับขี่ในไทย รถจะค่อยๆ ลดความเร็วลงจนหยุดสนิท ในกรณีนี้ต้องเรียกบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนถนนหรือใช้บริการชาร์จเคลื่อนที่ ที่ไทยมีศูนย์บริการรับรองจากนิสสันในเมืองหลักอย่างกรุงเทพหรือเชียงใหม่ที่ให้บริการช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง แนะนำให้เจ้าของรถดาวน์โหลดแอป NissanConnect EV ไว้ตรวจสอบระดับแบตเตอรี่แบบเรียลไทม์ สภาพอากาศร้อนที่ไทยทำให้แอร์กินไฟเร็ว ถ้าเดินทางไกลแนะนำให้แวะชาร์จไฟที่สถานีชาร์จเร็วแบบ CHAdeMO ตามปั๊ม PTT ในจุดพักรถ ส่วนระบบนำทางของ Leaf จะแสดงตำแหน่งสถานีชาร์จและคำนวณไฟที่เหลือให้ด้วย ถ้าต้องใช้รถในพื้นที่ห่างไกลบ่อยๆ อาจพกเครื่องชาร์จแบบพกพาติดรถไว้ ไฟฟ้าในไทยเป็น 220V ซึ่งใช้กับ Leaf ได้ แต่การชาร์จกับปลั๊กบ้านจะช้ามาก (ชาร์จได้แค่ 10-15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) การใช้งานประจำวันแนะนำให้รักษาระดับแบตเตอรี่ไว้ที่ 20% ขึ้นไปเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ ส่วนช่วงฤดูฝนต้องระวังระดับน้ำสูงไม่เกิน 30 ซม. เพื่อความปลอดภัยของแบตเตอรี่
Q
“รถ Nissan Leaf มีแบตเตอรี่สองก้อนไหม?”
รถยนต์ Nissan Leaf จริงๆ แล้วมีแบตเตอรี่สองชุด แบตเตอรี่หลักคือชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแรงดันสูง ทำหน้าที่ขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าและให้พลังงานที่จำเป็นสำหรับการขับขี่ ในสภาพอากาศร้อนของไทย แบตเตอรี่รุ่นนี้ใช้ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติเพื่อความมั่นคง นอกจากนี้ยังมีแบตเตอรี่แรงดันต่ำ 12V สำหรับสตาร์ทรถและจ่ายไฟให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในรถ การออกแบบแบตเตอรี่คู่นี้เป็นเรื่องปกติในรถยนต์ไฟฟ้า 100% สำหรับผู้ใช้ในไทย ต้องระวังเรื่องแบตเตอรี่ 12V อาจเสื่อมสภาพหากจอดรถไว้นานเกินไป แนะนำให้ตรวจสอบเป็นประจำ ส่วนเครือข่ายสถานีชาร์จในบางจังหวัดของไทยยังอยู่ระหว่างการพัฒนา แต่ฟังก์ชันชาร์จเร็วของ Leaf ใช้สะดวกในเมืองใหญ่เช่นกรุงเทพฯ แบตเตอรี่ Leaf มีความจุต่างกันไปตามปีรุ่น รุ่นใหม่ๆ จะวิ่งได้ไกลกว่า เหมาะกับการเดินทางในเมืองของไทย นโยบายสนับสนุนรถ EV ของรัฐบาลไทยยังทำให้ Leaf มีความคุ้มค่าเพิ่มขึ้น การรักษาระดับแบตเตอรี่ระหว่าง 20%-80% จะช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ ซึ่งเข้ากับพฤติกรรมการขับขี่ระยะสั้นของคนไทยได้ดี
Q
ฉันสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่สำหรับ Nissan Leaf ได้ไหม?
ใช่แล้ว คุณสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ให้กับ Nissan Leaf ของคุณได้ ในประเทศไทยสามารถทำได้ที่ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Nissan หรือศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาต โดยทั่วไปตัวแทนจำหน่าย Nissan ในประเทศไทยจะให้บริการเปลี่ยนแบตเตอรี่แท้จากโรงงาน ซึ่งมั่นใจได้ว่าแบตเตอรี่จะทำงานได้ดีกับรถของคุณและยังได้รับประกันจากทางบริษัทอีกด้วย ตอนนี้ในตลาดประเทศไทยมีแบตเตอรี่ Leaf ให้เลือกสองขนาดหลักๆ คือ 40kWh และ 62kWh ขึ้นอยู่กับว่ารถคุณเป็นรุ่นปีไหนและต้องการระยะทางขับขี่แบบไหน แต่อย่าลืมว่าอากาศร้อนของไทยอาจส่งผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่ แนะนำให้ตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่เป็นประจำและหลีกเลี่ยงการจอดรถตากแดดจัดเป็นเวลานานๆ นอกจากนี้รัฐบาลไทยกำลังผลักดันเรื่องโครงสร้างพื้นฐานสำหรับรถไฟฟ้า ทั้งสถานีชาร์จและจุดรับคืนแบตเตอรี่ใช้แล้ว ทำให้ในอนาคตการเปลี่ยนแบตเตอรี่และการรีไซเคิลจะสะดวกขึ้นมาก ถ้าคุณกำลังคิดจะเปลี่ยนแบตเตอรี่ แนะนำให้ติดต่อตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ล่วงหน้าเพื่อสอบถามราคาล่าสุดและระยะเวลารอรับบริการ เพราะสต็อกแบตเตอรี่อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความต้องการ และอย่าลืมถามเกี่ยวกับโปรโมชั่นหรือส่วนลดจากทางรัฐบาลที่อาจช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ด้วย
Q
Nissan Leaf อัพเกรดแบตเตอรี่ในปีใด
Nissan Leaf ในปี 2018 ได้รับการอัปเกรดแบตเตอรี่ โดยรุ่นใหม่มาพร้อมกับแบตเตอรี่ลิเธียมขนาด 40kWh ซึ่งเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมที่ใช้แบตเตอรี่ 30kWh ทำให้ระยะทางการขับขี่เพิ่มขึ้นจาก 250 กิโลเมตรเป็นประมาณ 300 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ใช้ในไทยเพราะอากาศร้อนแอร์ต้องใช้บ่อย แบตเตอรี่ความจุมากขึ้นจะช่วยให้ตอบโจทย์การเดินทางในชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น ที่น่าสนใจคือรัฐบาลไทยมีนโยบายส่งเสริมรถ EV เช่น ลดภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต ทำให้ Leaf ในตลาดไทยมีความคุ้มค่ามากขึ้น นอกจากนี้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ของ Leaf ใช้ระบบระบายความร้อนด้วยอากาศ แม้ในสภาพอากาศร้อนของไทยอาจไม่ประสิทธิภาพเท่าระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ แต่ก็ยังใช้งานได้มั่นใจได้ในชีวิตประจำวัน ถ้าคุณกำลังมองหาซื้อ Leaf มือสอง แนะนำให้เลือกรุ่นปี 2018 เป็นต้นไปเพราะอายุแบตเตอรี่และระยะทางเมวะอย่างยิ่งกับสภาพถนนไทย โครงสร้างพื้นฐานการชาร์จในไทยกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยในกรุงเทพฯ มีสถานีชาร์จค่อนข้างมาก และ โปรโตคอล CHADEMO Fast Charge ของ Leaf ยังพบได้ทั่วไปในประเทศไทยและสามารถชาร์จไฟได้ถึง 80% ภายใน 30 นาทีซึ่งเหมาะสำหรับการเดินทางระยะสั้นในเมือง
Q
ข้อเสียของ Nissan Leaf คืออะไร?
รถยนต์ไฟฟ้า Nissan Leaf เมื่อวางตลาดในไทยจะมีจุดอ่อนหลักๆ อยู่ที่ระยะขับขี่และสถานีชาร์จ โดยรุ่นมาตรฐานตามมาตรฐาน NEDC จะวิ่งได้ประมาณ 270 กิโลเมตร แต่เมื่อใช้จริงในเมืองอาจลดลงเหลือแค่ 200 กิโลเมตร ซึ่งไม่สะดวกสำหรับการเดินทางข้ามจังหวัดหรือผู้ใช้ที่ไม่มีจุดชาร์จที่บ้าน โดยเฉพาะสภาพอากาศร้อนของไทยที่ทำให้การใช้พลังงานแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นประมาณ 10-15% และปัจจุบันสถานีชาร์จเร็วในไทยยังกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ ส่วนจังหวัดอื่นๆ ยังมีไม่ทั่วถึง นอกจากนี้พื้นที่ด้านหลังของรถยังค่อนข้างคับแคบ ซึ่งอาจไม่ตอบโจทย์การใช้งานแบบนั่งหลายคนที่นิยมในไทย แบตเตอรี่ยังมีแนวโน้มเสื่อมสภาพเร็วกว่าในเขตอากาศอบอุ่นเนื่องจากความร้อนสูง แนะนำให้เจ้าของรถในไทยจอดรถในที่ร่มและหลีกเลี่ยงการชาร์จเร็วบ่อยๆเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ ที่น่าสนใจคือรัฐบาลไทยมีมาตรการลดภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิตสำหรับรถไฟฟ้า แต่ Leaf ในฐานะรถนำเข้ายังมีราคาสูกว่ารถยนต์น้ำมันระดับเดียวกันประมาณ 3-4 แสนบาท ต้องคำนวณดูว่าคุ้มค่าในระยะยาวหรือไม่จากระยะทางใช้งานจริง ข้อมูลจากกระทรวงพลังงานไทยแสดงว่า ค่าไฟต่อกิโลเมตรของรถไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ 0.8 บาท ซึ่งเป็นเพียง 1/3 ของรถน้ำมัน แต่ก็ต้องคำนึงถึงค่าเปลี่ยนแบตเตอรี่ในอนาคตด้วย
Q
“รถยนต์ Nissan Leaf จำเป็นต้องได้รับการบำรุงรักษาหรือไม่?”
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า Nissan Leaf ที่ใช้งานในประเทศไทย ก็จำเป็นต้องมีการดูแลรักษาตามระยะเหมือนกัน แต่ถ้าเทียบกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันแล้ว การดูแลรักษาง่ายกว่าเยอะ แค่เน้นไปที่การตรวจสอบระบบแบตเตอรี่ ระบบเบรก และระบบแอร์ก็พอ โดยสภาพอากาศร้อนๆ แบบประเทศไทย แนะนำให้ตรวจเช็คพื้นฐานทุก 1 หมื่นกิโลเมตรหรือทุก 12 เดือนครับ โดยเฉพาะระบบระบายความร้อนของแบตเตอรี่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันไม่ให้ความร้อนส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน ส่วนสภาพแวดล้อมที่ฝนตกบ่อยๆ ของไทย ก็ต้องคอยตรวจสอบระบบเบรกเป็นประจำเพื่อป้องกันความชื้นด้วย รถ EV ไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง หรือหัวเทียนเหมือนรถทั่วไป ทำให้ประหยัดค่าบำรุงไปได้ส่วนหนึ่ง แต่ก็ยังต้องคอยตรวจสอบสภาพยางรถและผ้าเบรกตามระยะอยู่ดี โชคดีที่ศูนย์บริการของนิสสันในไทยหลายๆ แห่งมีอุปกรณ์ตรวจเช็ครถ EV โดยเฉพาะ สามารถให้บริการตรวจสอบสุขภาพแบตเตอรี่ได้อย่างมืออาชีพ แนะนำให้เจ้าของรถทำตามคู่มือการดูแลรักษาอย่างเคร่งครัด เพื่อยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ตอนนี้รัฐบาลไทยก็มีมาตรการสนับสนุนรถ EV ทั้งลดภาษีและให้สิทธิพิเศษต่างๆ การมีประวัติการบำรุงรักษาที่ครบถ้วนยังช่วยให้รถมีมูลค่าสูงขึ้นเวลาขายมือสองด้วย ส่วนในชีวิตประจำวันก็ควรหลีกเลี่ยงการจอดตากแดดนานๆ หรือชาร์จไฟเร็วบ่อยเกินไป แค่นี้ก็ช่วยให้รถอยู่ในสภาพดีที่สุดแล้วล่ะ
Q
ประกันภัยของ Nissan Leaf มีราคาสูงไหม?
ในประเทศไทย Nissan Leaf ในฐานะรถยนต์ไฟฟ้า 100% มักจะมีค่าเบี้ยประกันที่สูงกว่ารถยนต์เชื้อเพลิงทั่วไปในระดับเดียวกัน สาเหตุหลักมาจากค่าแบตเตอรี่ของรถไฟฟ้าที่สูงกว่า และเทคโนโลยีการซ่อมบำรุงที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง อย่างไรก็ตาม เบี้ยประกันจริงจะแตกต่างกันไปตามประวัติการขับขี่ของเจ้าของรถ พื้นที่ใช้งาน (เช่นในกรุงเทพอาจมีเบี้ยประกันสูงกว่าภูมิภาค) และนโยบายของบริษัทประกัน ดังนั้นก่อนซื้อรถควรสอบถามราคาจากหลายบริษัทเพื่อเปรียบเทียบ นอกจากนี้ รัฐบาลไทยมีนโยบายลดภาษีและให้สิทธิประโยชน์สนับสนุนรถไฟฟ้า ซึ่งอาจส่งผลต่อกลยุทธ์การกำหนดราคาประกันทางอ้อม ที่น่าสนใจคือค่าใช้จ่ายประจำวันของรถไฟฟ้า เช่นค่าไฟและค่าบำรุงรักษามักจะถูกกว่ารถน้ำมัน เมื่อมองในระยะยาวสามารถชดเชยส่วนต่างค่าเบี้ยประกันได้บ้าง ตลาดรถไฟฟ้าในไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีที่ผ่านมา บริษัทประกันก็กำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ทำให้ในอนาคตอาจมีแผนประกันรถไฟฟ้าที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น
Q
คุณควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ของ Nissan Leaf บ่อยแค่ไหน?
แบตเตอรี่ของ Nissan Leaf โดยทั่วไปจะมีอายุการใช้งานประมาณ 8-10 ปี ระยะเวลาในการเปลี่ยนจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้งานและสภาพอากาศในประเทศไทย ซึ่งอากาศที่ร้อนชื้นของไทยอาจส่งผลต่ออายุแบตเตอรี่บ้าง แต่ Leaf มีระบบจัดการความร้อนในแบตเตอรี่ที่ช่วยลดผลกระทบจากอุณหภูมิ extremes ได้ดี แนะนำให้เจ้าของรถตรวจสอบสุขภาพแบตเตอรี่เป็นประจำที่ศูนย์บริการของ Nissan เมื่อความจุแบตเตอรี่ลดลงเหลือต่ำกว่า 70% ก็สามารถพิจารณาเปลี่ยน การใช้งานประจำวันควรหลีกเลี่ยงการชาร์จเร็วบ่อยครั้งและการใช้งานจนแบตเตอรี่หมดสนิท เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ ปัจจุบันรัฐบาลไทยกำลังส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานสำหรับรถ EV ทั้งเพิ่มสถานีชาร์จและบริการรีไซเคิลแบตเตอรี่ ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้เจ้าของ Leaf ได้มาก อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ยังค่อนข้างสูง แต่ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น ราคาแบตเตอรี่ก็มีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ รวมถึงไทยยังมีนโยบายสนับสนุนรถ EV ที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้เจ้าของรถได้บ้าง
Q
ค่าใช้จ่ายในการชาร์จ Nissan Leaf รุ่นปี 2020 เท่าไหร่?
ค่าใช้จ่ายในการชาร์จรถ Nissan Leaf รุ่นปี 2020 ในประเทศไทยส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับวิธีการชาร์จและอัตราค่าไฟฟ้าในพื้นที่ หากใช้การชาร์จแบบช้าที่บ้าน (7kW) ค่าใช้จ่ายในการชาร์จแบตเตอรี่ขนาด 40kWh ให้เต็มจะอยู่ที่ประมาณ 160-240 บาท (คิดตามอัตราค่าไฟฟ้าที่ 4-6 บาทต่อหน่วย) ส่วนสถานีชาร์จเร็วสาธารณะ (เช่น EA Anywhere หรือ EV Station Thailand) จะมีราคาสูงกว่านิดหน่อยประมาณ 200-300 บาท แต่สามารถชาร์จได้ถึง 80% ในเวลาเพียง 30 นาที รัฐบาลไทยกำลังส่งเสริมให้คนใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น โดยบางห้างสรรพสินค้าและสถานีชาร์จมีบริการชาร์จฟรี แนะนำให้เจ้าของรถใช้แอปพลิเคชันเช่น PlugShare เพื่อหาจุดชาร์จที่มีโปรโมชัน ที่น่าสนใจคือค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษารถไฟฟ้าจะถูกกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันประมาณ 30%-40% แถมประเทศไทยยังมีการลดภาษีนำเข้าและภาษีถนนสำหรับรถพลังงานใหม่ ทำให้ใช้ไปยาวๆ แล้วคุ้มค่ากว่า นอกจากนี้ระบบ e-Pedal หรือระบบเหยียบแป้นเดียวของ Leaf ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บพลังงานเมื่อขับในเส้นทางติดขัดในกรุงเทพฯ ทำให้ระยะทางจริงที่วิ่งได้ใกล้เคียง 270 กิโลเมตร (จากมาตรฐาน NEDC ที่ 311 กิโลเมตร) เหมาะกับการขับขี่ในเมือง แนะนำให้ตรวจสอบสุขภาพแบตเตอรี่เป็นประจำและหลีกเลี่ยงการชาร์จเร็วเป็นเวลานานในที่อุณหภูมิสูง เพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่
Q
ราคาของแบตเตอรี่สำหรับ Nissan 2020 คือเท่าไหร่?
ตอนนี้ยังไม่พบข้อมูลเกี่ยวกับราคาแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ Nissan รุ่นปี 2020 โดยทั่วไปแล้วราคาแบตเตอรี่รถยนต์จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ประเภทแบตเตอรี่ ความจุ ของตลาด และอุปสงค์-อุปทาน นอกจากนี้ราคาจากผู้ผลิตแบตเตอรี่แต่ละรายหรืออู่ซ่อมรถก็อาจแตกต่างกัน หากต้องการทราบราคาที่แน่นอนของแบตเตอรี่สำหรับ Nissan รุ่นปี 2020 แนะนำให้ติดต่อตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Nissan เพราะพวกเขาจะสามารถให้ข้อมูลราคาแบตเตอรี่ต้นทางได้อย่างถูกต้อง หรือลองสอบถามราคาจากร้านขายอะไหล่รถยนต์หรืออู่ซ่อมในพื้นที่ก็อาจได้ข้อมูลเปรียบเทียบราคาที่หลากหลาย

ข้อดี

ภายในรถกว้างขวาง
การขับขี่สบายและประหยัดค่าน้ำมัน เพราะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ค่าใช้จ่ายในการชาร์จต่ำกว่าการใช้น้ำมัน ต้นทุนการชาร์จหลังจากนั้นประมาณ 200 บาท
ไม่มีการปล่อยสารพัดผสม ไม่มีก๊าซไอเสีย ช่วยปรับปรุงคุณภาพแอร์ และคุณสามารถเปิดแอร์ในรถได้โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับก๊าซไอเสีย
ผลิตภัณฑ์มีประสิทธิภาพสูง รุ่นที่ขายในประเทศไทยมีพลังงานและโมเมนต์มากกว่าเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมัน ความสูงสุดคือ 110 กิโลวัตต์ (ประมาณ 150 แรงม้า) โมเมนต์สูงสุดคือ 320 นิวตันเมตร การเร่งรวดเร็วและคงที่ การแสดงผลของชาซีดี
มีเทคโนโลยี e-Pedal ที่สามารถควบคุมความเร็วและเบรกด้วยเพดาลแก๊สเดียว วงเลียบบังคับลักษณะเส้นfeatherweight การควบคุมง่าย
ราคาการบำรุงรักษาต่ำ เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าขั้นต้นนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงทันท่วงทีและระบบขับเคลื่อนของรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิงแบบดั้งเดิม การลดอุปกรณ์ภายในลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา

ข้อเสีย

รถภายในดูเก่าๆ ราคาสูง ราคาเริ่มต้นที่ 199 ล้านบาท
ไม่สามารถปรับระยะห่างภายในวงล้อ
ที่นั่งสูง วิธีปรับที่นั่งแถวหน้าจำกัด
จุดชาร์จในประเทศไทยไม่ค่อยแพร่หลาย การเดินทางระยะไกลไม่สะดวก ต้องวางแผนการเดินทางล่วงหน้า
ไม่มีการสนับสนุนในศูนย์บริการหลังการขาย การบำรุงรักษาแตกต่างจากรถที่ใช้น้ำมันดั้งเดิม ไม่มีช่างซ่อมที่เชี่ยวชาญในประเทศไทย

Q&A ล่าสุด

Q
รถ Land Rover Discovery รุ่นปี 2020 จะใช้งานได้นานแค่ไหน?
รถ Land Rover Discovery รุ่นปี 2020 หากได้รับการบำรุงรักษาอย่างถูกต้องตามกำหนด สามารถใช้งานได้นานกว่า 15 ปี หรือวิ่งได้เกิน 250,000 กิโลเมตร โดยอายุการใช้งานจริงจะขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและการขับขี่ ในประเทศไทยที่อากาศร้อนชื้น อาจส่งผลต่อระบบอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนยางของรถ แนะนำให้ตรวจสอบระบบระบายความร้อน แอร์ และซีลอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือนตามที่ผู้ผลิตแนะนำ นอกจากนี้สภาพถนนบางพื้นที่ในไทยอาจขรุขระ จึงควรตรวจสอบระบบช่วงล่างและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเป็นประจำเพื่อความมั่นใจเวลาขับบนเส้นทางยากลำบาก การเลือกใช้อะไหล่แท้หรืออะไหล่ทดแทนคุณภาพสูงจะช่วยยืดอายุรถได้ และควรหลีกเลี่ยงการใช้งานหนักหรือขับในสภาวะ extremes ต้องยอมรับว่ารถ SUV ระดับหรูอย่าง Discovery ค่าบำรุงจะสูงกว่าปกติ แต่การดูแลที่ดีจะช่วยเพิ่มความทนทานให้รถได้มาก สำหรับคนที่ใช้รถในเมืองติดขัดอย่างกรุงเทพฯ ควรให้ความสนใจระบบเบรกและเกียร์เป็นพิเศษ เพราะการจอดเดินบ่อยๆ ทำให้ชิ้นส่วนเหล่านี้สึกหรอเร็ว
Q
รถ Land Rover Discovery Sport ปี 2020 มีความน่าเชื่อถือหรือไม่?
รุ่นปี 2020 ของรถยนต์ Land Rover นั้นให้ความน่าเชื่อถือในระดับปานกลาง จุดเด่นอยู่ที่ความหรูหราของห้องโดยสาร ประสิทธิภาพการขับขี่ออฟโรดที่แข็งแกร่ง และเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ทันสมัย โดยเฉพาะเหมาะกับสภาพถนนที่หลากหลายในช่วงฤดูฝนของไทย แต่ระบบอิเล็กทรอนิกส์อาจมีปัญหาเล็กน้อยบ่อยกว่ารถคู่แข่งจากญี่ปุ่น แนะนำให้ผู้บริโภคไทยตรวจสอบสภาพการทำงานของระบบกันสะเทือนแบบปรับระดับลม (ถ้ามี) ในสภาพอากาศร้อนชื้นเป็นพิเศษ และควรเปลี่ยนน้ำมันดิฟเฟอเรนเชียลเป็นประจำเพื่อรับมือกับการขับลุยน้ำบ่อยๆ ที่น่าสนใจคือตลาดไทยมีบริการรับประกันจากศูนย์ถึง 5 ปี ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาได้มาก แต่ถ้าซื้อรถมือสองต้องระวังเป็นพิเศษเรื่องความเร็วในการตอบสนองของหน้าจอกลางและสภาพการเสื่อมของยางรองรับช่วงล่าง เมื่อเทียบกับรถระดับเดียวกัน Land Rover มีศูนย์บริการครอบคลุมในเขตกรุงเทพฯ ค่อนข้างดี แต่ในต่างจังหวัดอาจต้องรออะไหล่นานกว่า สำหรับคนไทยที่เน้นการขับออฟโรด ระบบ Terrain Response ในรุ่น Discovery Sport ปี 2020 สามารถปรับตัวอัจฉริยะให้เข้ากับสภาพภูมิประเทศทุกแบบในไทย ตั้งแต่ภูเขาจนถึงชายหาด แนะนำให้ตรวจสอบสถานะของเหลวกรณีโอนทุก 20,000 กิโลเมตรในการใช้งานจริงเพื่อความน่าเชื่อถือ
Q
เครื่องยนต์ใน Discovery Sport คืออะไร?
Discovery Sport ในปัจจุบันมีตัวเลือกเครื่องยนต์หลายแบบเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่แตกต่างกัน ในประเทศไทยมักพบเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร Ingenium เทอร์โบชาร์จ 4 สูบ และเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบชาร์จ 3 สูบ รุ่นดีเซลให้กำลัง 150 แรงม้าและแรงบิด 380 นิวตันเมตร เหมาะกับการขับทางไกลและเส้นทางภูเขาในไทย ส่วนรุ่นเบนซิน 1.5 ลิตรเน้นประหยัดน้ำมันในเมือง ทุกรุ่นมาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีดและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ พิเศษสำหรับสภาพอากาศร้อนของไทย Discovery Sport มาพร้อมระบบจัดการอุณหภูมิอัจฉริยะที่ช่วยรักษาอุณหภูมิเครื่องยนต์ให้ทำงานได้ดีที่สุด นอกจากนี้ลูกค้าไทยยังสามารถเลือกรุ่นที่ติดตั้งระบบ Mild Hybrid 48V ซึ่งช่วยเก็บพลังงานขณะเบรกและจ่ายไฟให้อุปกรณ์ไฟฟ้าในรถ ช่วยประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มักจะเผชิญกับการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ ในส่วนของการดูแลรักษา แนะนำให้ผู้ใช้ในไทยเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน และควรเปลี่ยนไส้กรองอากาศเป็นประจำเนื่องจากสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นมาก เครื่องยนต์เหล่านี้ได้รับการปรับแต่งเฉพาะสำหรับสภาพอากาศและน้ำมันเชื้อเพลิงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อให้ทำงานได้อย่างมั่นคงในสภาพอากาศร้อนชื้น
Q
เครื่องยนต์ที่ใช้ใน Discovery Sport 2020 มีอะไรบ้าง?
รถยนต์ Land Rover Discovery Sport รุ่นปี 2020 ในตลาดประเทศไทยมีตัวเลือกเครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูง 2 แบบ ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบชาร์จจากซีรีส์ Ingenium และเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบชาร์จ โดยรุ่นเบนซินให้กำลังสูงสุด 249 แรงม้า ส่วนรุ่นดีเซลอยู่ที่ 204 แรงม้า ทั้งคู่ใช้เกียร์อัตโนมัติ 9 สปีดและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อถาวร ที่ตอบโจทย์ทั้งการขับขี่ในเมืองและการลุยเส้นทางออฟโรดแบบเบาๆ ในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย เครื่องยนต์ทั้งสองแบบนี้มีประสิทธิภาพการระบายความร้อนที่ดีและให้แรงบิดสูงที่รอบต่ำ (โดยเฉพาะเครื่องดีเซลที่เหมาะกับสภาพการจราจรที่ต้องหยุด-บ่อยครั้ง) พร้อมผ่านมาตรฐานการปล่อยไอเสีย Euro 5 ของไทย ที่น่าสนใจคือคนไทยนิยมใช้รุ่นดีเซลมากกว่า เพราะประหยัดน้ำมันเมาะมากสำหรับการเดินทางไกลและเส้นทางภูเขา แถมระบบ Hybrid แบบ 48V ยังช่วยให้การทำงานของระบบ Start-Stop นุ่มนวลขึ้นและประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น ถ้าพูดถึงรถนำเข้าแบบขนานในตลาดไทย อาจจะเจอรุ่น P300e แบบปลั๊กอินไฮบริดที่วิ่งได้ประมาณ 55 กิโลเมตรด้วยไฟฟ้าล้วน เหมาะกับเมืองติดจารจรอย่างกรุงเทพฯ แต่ต้องตรวจสอบความเข้ากันได้ของสถานีชาร์จให้ดี ส่วนเรื่องการบำรุงรักษา ไม่ว่าจะเลือกใช้เครื่องยนต์แบบไหน การเปลี่ยนน้ำหล่อเย็นสม่ำเสมอและเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนชื้นก็สำคัญมากต่ออายุการใช้งานของเครื่องยนต์
Q
รถ Range Rover Sport ปี 2020 มีความน่าเชื่อถือหรือไม่?
รถรุ่น Land Rover Range Rover Sport ปี 2020 ในด้านความน่าเชื่อถือถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ ระบบขับเคลื่อนและสมรรถนะออฟโรดได้รับการยกย่องเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ 3.0 ลิตรและระบบ Terrain Response ที่เหมาะกับสภาพทางภูเขาและถนนช่วงฤดูฝนของไทย แต่ระบบอิเล็กทรอนิกส์และระบบช่วงล่างแบบลมอาจมีปัญหาเล็กน้อยบ้าง แนะนำให้ทำการบำรุงรักษาเป็นประจำ สำหรับการใช้ในไทยต้องระวังผลกระทบจากสภาพอากาศร้อนชื้นต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงสภาพการจราจรติดขัดในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ที่อาจเพิ่มภาระให้เกียร์ ดังนั้นการเลือกศูนย์บริการที่ได้รับการรับรองจากผู้ผลิตจึงสำคัญมาก เมื่อเทียบกับรถ SUV ระดับเดียวกัน รถคันนี้ทำออฟโรดได้ดีกว่าหลายรุ่น แต่ค่าซ่อมบำรุงแพงกว่ารถหรูจากญี่ปุ่น ในตลาดไทยมักพบเป็นรุ่นดีเซลที่ประหยัดน้ำมัน แต่ต้องระวังคุณภาพน้ำมันดีเซลท้องถิ่น ส่วนในตลาดรถมือสอง รุ่นที่มีประวัติการบำรุงรักษาครบถ้วนจะได้รับความนิยมมากกว่า แนะนำให้ตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนซื้อ
ดูเพิ่มเติม