Nissan เปิดตัว LEAF เจเนอเรชันที่ 3 เปลี่ยนโฉมจากรถแฮทช์แบ็กเป็น SUV คาดอาจนำเข้าไทยเร็ว ๆ นี้
LienJun 19, 2025, 11:50 AM

【PCauto】เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2025 Nissan ได้เปิดตัว Leaf รุ่นที่ 3 อย่างเป็นทางการ โดยจะวางจำหน่ายพร้อมกันในหลายประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป สหราชอาณาจักร และไทย Leaf ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นคลาสสิก ที่มียอดขายสะสมทั่วโลกเกือบ 700,000 คัน ซึ่งมากกว่ารถ EV ส่วนใหญ่ที่มีขายอยู่ในปัจจุบัน และมีประวัติยาวนานในตลาดรถไฟฟ้า การปรับโฉมครั้งนี้ถือว่า เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพราะ Nissan Leaf รุ่นใหม่ เปลี่ยนจากรถแฮทช์แบ็กเป็นรถ SUV/Crossover เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานยุคใหม่ที่ต้องการความอเนกประสงค์มากขึ้น
ดีไซน์ใหม่ล้ำ! Nissan Leaf รุ่นใหม่ลดแรงต้านลมเหลือแค่ 0.25
Leaf เจเนอเรชัน 3 มาพร้อมดีไซน์ใหม่สุดล้ำ!ด้านหน้าใช้ กระจังหน้า V-Motion อันเป็นเอกลักษณ์ของ Nissan ผสานกับเส้นหลังคาแบบ Fastback และ ไฟท้ายแบบ 3D โฮโลแกรม ที่ได้แรงบันดาลใจจาก Nissan Z มือจับประตูแบบซ่อนไว้ในตัวถัง ช่วยลดแรงต้านอากาศลงเหลือเพียง 0.25–0.26 ส่งผลให้กลายเป็นหนึ่งในรถที่มีแอโร่ไดนามิกดีที่สุดในโลก

ในด้านมิติของตัวรถ Leaf เจเนอเรชัน 3 มีการปรับขนาดใหม่
• ความยาวลดลงเหลือ 4,405 มม. (สั้นกว่ารุ่นก่อนหน้า 85–140 มม.)
• ความกว้างเพิ่มขึ้น 22 มม. เป็น 1,810 มม.
• ความสูงเพิ่มขึ้น 20–27 มม. เป็น 1,557 มม.
• ระยะฐานล้อปรับเล็กน้อยเป็น 2,690 มม.
แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องขนาด แต่ พื้นที่เก็บของด้านหลังยังคงจุได้ถึง 437 ลิตร ใช้งานได้จริงและเพียงพอต่อการเดินทางในชีวิตประจำวัน

Leaf รุ่นที่ 3 มีให้เลือก 2 ขุมพลัง
รุ่นมาตรฐานของ Leaf เจเนอเรชัน 3 มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 52.9 kWh ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ให้กำลังสูงสุด 177 แรงม้า และแรงบิด 345 นิวตันเมตร ส่วนรุ่นระยะไกล (Long Range) ใช้แบตเตอรี่ใหญ่ขึ้นเป็น 75.1 kWh พร้อมกำลังเพิ่มขึ้นเป็น 218 แรงม้า และแรงบิด 355 นิวตันเมตร โดยระยะทางวิ่งต่อการชาร์จ 1 ครั้งของรุ่น Long Range อยู่ที่ 600 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC หรือ 487 กิโลเมตรตามมาตรฐาน EPA ของสหรัฐฯ ทั้งสองรุ่นรองรับระบบชาร์จเร็วแบบ DC กำลังสูงสุด 150 kW โดยสามารถชาร์จจาก 10% ถึง 80% ได้ภายในเวลาเพียง 35 นาที
ภายในดีไซน์ใหม่ สไตล์เดียวกับ Ariya
Leaf เจเนอเรชัน 3 มาพร้อมภายในที่ออกแบบด้วยแนวคิดเดียวกับ Nissan Ariya ใช้จอคู่แบบลอยตัว (Floating Dual Screen) ประกอบด้วย หน้าจอมาตรวัดขนาด 12.3 นิ้ว และ จออินโฟเทนเมนต์กลางขนาด 14.3 นิ้ว หลังคากระจกแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) ใช้เทคโนโลยี PDLC เปลี่ยนสีอัตโนมัติตามแสง อีกหนึ่งไฮไลต์คือระบบเสียง Bose Personal Plus ที่ติดตั้ง ลำโพงไว้ในพนักพิงศีรษะ เพื่อมอบประสบการณ์เสียงรอบตัวอย่างสมจริง



ระบบอินโฟเทนเมนต์ของ Leaf รุ่นใหม่มาพร้อม Google Built-in สำหรับการนำทาง และรองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto เพิ่มความสะดวกในการใช้งานสมาร์ตโฟนขณะขับขี่ ในด้านความปลอดภัย รถยังมาพร้อม ระบบช่วยขับขี่ ProPILOT และ กล้องมองภาพรอบคันแบบ 3 มิติ (3D Around View Monitor) ช่วยเพิ่มความมั่นใจในทุกสถานการณ์ จุดที่น่าสนใจคือ รุ่นที่จำหน่ายในญี่ปุ่นและยุโรป จะมีระบบ V2H / V2L / V2G สำหรับจ่ายไฟกลับบ้านหรืออุปกรณ์ไฟฟ้า และเชื่อมต่อเข้ากับโครงข่ายไฟฟ้าได้อีกด้วย
รถรุ่นใหม่น่าจะเปิดตัวในตลาดไทยช่วงปี 2026
แม้ว่าราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการยังไม่ประกาศออกมา แต่ รุ่นใหม่จะรองรับมาตรฐานการชาร์จ CCS Combo ซึ่งเป็นมาตรฐานหลักในไทย และคาดว่าระยะทางวิ่งต่อการชาร์จหนึ่งครั้งจะอยู่ที่ประมาณ 600 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) เมื่อพิจารณาจากราคา Leaf รุ่นที่ 2 ในไทยที่อยู่ที่ประมาณ 1,590,000 บาท รุ่นใหม่อาจถูกวางตำแหน่งให้เป็นรถระดับกลางถึงพรีเมียมมากขึ้น ทั้งในด้านราคาและอุปกรณ์


ถ้ามองจากขนาดตัวถัง Nissan Leaf รุ่นใหม่จะอยู่ในกลุ่มเดียวกับ BYD Atto 3 (ราคา 799,900 บาท) และ MG ZS EV (ราคา 899,000 บาท) ซึ่งเป็นรถ SUV ไฟฟ้าระดับเริ่มต้นที่ได้รับความนิยม แต่ในแง่ของราคา Leaf รุ่นใหม่อาจเข้าไปอยู่ในระดับเดียวกับ Zeekr X และในความเป็นจริงแล้ว คู่แข่งที่ใกล้เคียงที่สุดก็น่าจะเป็น Zeekr X ทั้งในด้านภาพลักษณ์ เทคโนโลยี และกลุ่มเป้าหมาย

ในแง่ของตัวผลิตภัณฑ์ Nissan Leaf รุ่นที่ 3 และ Zeekr X จัดอยู่ในกลุ่มรถประเภทเดียวกัน ทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับอุปกรณ์ที่ครบครัน หรูหรา และใส่ใจในรายละเอียด กลุ่มเป้าหมายของทั้งสองรุ่นคือ คนทำงานในเมืองที่มีรายได้ระดับกลางถึงสูง หรือ กลุ่มพนักงานออฟฟิศรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตแต่คำถามก็คือ… ใครจะตอบโจทย์คนกลุ่มนี้ได้มากกว่ากัน?พวกเขาจะเลือกแบรนด์ที่มีประวัติยาวนานอย่าง Nissan หรือจะเลือก Zeekr ที่เน้นภาพลักษณ์ล้ำสมัยและเทคโนโลยีล้ำหน้า?คำตอบตอนนี้ยังไม่มีใครฟันธงได้แน่ชัด…
คุณสามารถติดต่อเราให้ลบออกเนื้อหาถ้าละเมิดลิขสิทธิ์
ข้อมูลยอดนิยม

Jeacoo J7 เปิดตัวรุ่น PHEV ใน Motor Expo 2024 สามารถขับขี่โดยใช้แบตเตอรี่ได้ 80 กิโลเมตร
หลังจาก Jaecoo J7 วางจำหน่ายในประเทศแถบเซียนใต้ Chery ที่พึงพอใจกับผลการขายดังนั้นในงานรถยนต์ที่ประเทศไทยที่จะมาถึงนี้ แพลนที่จะวางจำหน่าย Jaecoo J7 เวอร์ชัน PHEV ที่ประเทศไทยที่เหมาะกับ Jaecoo J7 PHEV สำหรับมาเลเซียครั้งนี้ Chery ที่เตรียมวางจำหน่าย Jaecoo J7 PHEV ที่ประเทศไทยสนับสนุนระยะทางการเดินทางด้วยแบตเตอรี่เต็ม 80 กม. (WLTP) นั่นหมายความว่าถ้าคุณขับ J7 ไป-กลับที่ทำงานราคาน้ำมันจะต่ำมากJaecoo J7 PHEV ที่จะใช้เครื่องยนต์ 1.5T มีแรงม้า 156Ps และมอเตอร์ไฟฟ้ามีแรงม้า 204Ps แรงม้ารวม 360Ps แรง

Toyotaเปิดตัวรุ่น Sienta Juno ซึ่งคุณสามารถนอนหลับ ทำงาน หรือดื่มกาแฟในรถได้
【PCauto】ในตลาด MPV ขนาดกะทัดรัดของญี่ปุ่น Toyota Sienta ได้ครอบครองตำแหน่งสำคัญเสมอด้วยการจัดพื้นที่ใช้งานที่ยืดหยุ่นและการติดตั้งฟังก์ชันที่ใช้งานได้จริง ล่าสุด Toyota ได้ร่วมมือกับแบรนด์แต่งรถ Modellista เปิดตัว Sienta Juno รุ่นพิเศษ ที่ใช้การออกแบบโมดูลาร์ที่ล้ำสมัย เพื่อเปลี่ยนรถตู้ขนาดเล็กให้เป็นพื้นที่อยู่อาศัยที่สามารถปรับแต่งได้หลากหลายรูปแบบ

Toyota Land Cruiser FJ ไม่ทำให้ผิดหวัง รถออฟโรดสำหรับทุกคนที่น่าตื่นเต้นที่สุดกลับมาแล้ว
นับตั้งแต่เปิดตัวในชื่อ Toyota BJ ในปี 1951 ซีรีส์ Land Cruiser ได้มียอดขายรวมประมาณ 12.15 ล้านคันในกว่า 190 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการขับขี่ออฟโรดที่ยืนยาวมากว่า 70 ปี

JAECOO 6 EV เปรียบเทียบกับ BYD Atto 3 JAECOO 6 EV จะท้าทาย Atto 3 ที่ขายดีทั่วโลกอย่างไร?
Atto 3 สามารถกล่าวได้ว่าเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดของ BYD ในระดับโลก อย่างไรก็ตาม สำหรับ Atto 3 ซึ่งมีความสำคัญต่อ BYD อย่างมาก ขณะนี้ได้มีคู่แข่งที่แข็งแกร่งปรากฏขึ้น คู่แข่งรายนี้มีการออกแบบภายนอกที่น่าประทับใจ และมาจากผู้ผลิตรถยนต์ของจีนเช่นกัน

ตารางผ่อนชำระล่าสุดอย่างเป็นทางการของ TANK 300 มีทั้งรุ่นดีเซลและรุ่น HEV
Tank 300 เป็น SUV ที่รวมความแข็งแกร่งแบบออฟโรดเข้ากับความสบายสไตล์เมือง ดีไซน์มาพร้อมกับโครงสร้างรถแบบ Non-bearing Body และล็อคดิฟเฟอเรนเชียล 3 ตัว ทำให้มันมีความสามารถในการฝ่าอุปสรรคได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะและโหมดขับขี่หลายภูมิประเทศ ก็ช่วยให้ปรับตัวได้ดีแม้ในเส้นทางที่หลากหลาย สำหรับคนที่ชอบการผจญภัยกลางแจ้งแต่ก็ยังต้องการรถสำหรับใช้ในเมือง Tank 300 ถือเป็นจุดสมดุลที่น่าสนใจ แถมยังมีโอกาสปรับแต่งเพิ่มเติมเพื่อตอบโจทย์นักรบออฟโรดตัวจริง เช่น อัพเกรดเป็นโช้กไนโตรเจนหรือยางออฟโรดเพื่อรับมือกับเส้นทางสุดทรหดได้อีกด้วย
รถยอดนิยม
รุ่นปีรถยนต์
เปรียบเทียบรถยนต์
รูปภาพรถ

