นักออกแบบ Porsche ชื่อ Ben Baum กล่าวว่า Xiaomi ทำให้ Porsche ยืนหยัดเพียงในค่าตัวของแบรนด์เท่านั้น
AshleyFeb 19, 2025, 05:44 PM
【PCauto】 Ben Baum ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบของ Li Auto ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อเยอรมันว่า “Xiaomi ทำให้ Porsche เหลือเพียงมูลค่าแบรนด์ แต่ไม่เหลือคุณค่าของผลิตภัณฑ์อีกต่อไป”

มุมมองนี้ได้สร้างกระแสพูดถึงในวงการอย่างรวดเร็ว ในฐานะที่ Baum เคยเป็นผู้นำการออกแบบ Porsche รุ่นคลาสสิก 992 คำพูดของเขาไม่เพียงแต่เปิดเผยถึงปัญหาที่ Porsche กำลังเผชิญในตลาดปัจจุบัน แต่ยังสะท้อนถึงความท้าทายที่ผู้ผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ของจีนมีต่อแบรนด์หรูดั้งเดิมที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

Baum ชี้ว่า Porsche Taycan ในจีนมีราคาสูงถึง 1.6 ล้านถึง 1.8 ล้านหยวน ขณะที่รถยนต์จาก Xiaomi ในราคา 220,000 หยวน กลับมอบสมรรถนะที่ใกล้เคียงหรือแม้กระทั่งเหนือกว่า เช่น การออกแบบภายนอกที่คล้ายกัน ระยะทางการขับขี่ที่เท่ากัน ความเร็วในการชาร์จที่รวดเร็วขึ้น รวมถึงฟังก์ชั่นอัจฉริยะที่แบรนด์หรูดั้งเดิมยากที่จะตามทัน เช่น บริการเชื่อมต่อออนไลน์


การเปรียบเทียบ "ราคาหนึ่งในหก สมรรถนะสองเท่า" นี้ได้กระทบโดยตรงต่อกลุ่มลูกค้าหลักของ Porsche ซึ่งเป็นผู้ที่มองหาความหรูหราแต่มีงบประมาณจำกัด เมื่อมีรถยนต์จาก Xiaomi ที่มีราคาประหยัดและสมรรถนะที่เหนือกว่าออกมามากมาย คุณค่าของผลิตภัณฑ์ Porsche ก็ถูกลดทอนลงไป โดยที่มูลค่าแบรนด์กลายเป็นป้อมปราการสุดท้ายที่พอจะปกป้องไว้ได้


คำกล่าวของ Baum ไม่ได้มาโดยไม่มีเหตุผล เนื่องจากสถานการณ์ของ Porsche ในตลาดจีนในช่วงปีที่ผ่านมาเรียกได้ว่าอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก: หนึ่งคือยอดขายที่ลดลงติดต่อกันสามปี โดยในปี 2024 Porsche มียอดขายในจีนลดลงถึง 28% เมื่อเทียบกับปีก่อน และยอดขาย Taycan ก็ลดลงครึ่งหนึ่งเหลือเพียง 20,800 คัน ซึ่งส่งผลให้โรงงานต้องลดพนักงานถึง 1,900 คน ส่วนอีกด้านคือการเปลี่ยนแปลงสู่การใช้พลังงานไฟฟ้าของ Porsche ที่ไม่ราบรื่น Taycan หลังจากเปิดตัวในจีนตั้งแต่ปี 2021 ยังไม่มีการเปลี่ยนรุ่นอย่างรวดเร็ว และระบบห้องโดยสารอัจฉริยะกับระบบขับขี่อัจฉริยะยังตามหลังแบรนด์จีนที่มีการเปลี่ยนแปลงทุกปี จนโดนรถรุ่นต่างๆ เช่น Xiaomi SU7 แซงหน้าไปเรียบร้อย

แม้ว่าแบรนด์ Porsche จะยังคงพึ่งพาภาพลักษณ์จากยุคของรถยนต์ใช้น้ำมันที่เน้นสมรรถนะเป็นหลัก แต่ในยุคของรถยนต์ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ของ Porsche กลับไม่สามารถรองรับมูลค่าเพิ่มที่สูงได้
กลยุทธ์ของ Xiaomi สะท้อนถึงการเข้าใจใหม่ของผู้ผลิตรถยนต์พลังงานใหม่จากจีนต่อตลาดหรู โดยมีสามประเด็นหลัก หนึ่งคือความคุ้มค่าราคาที่มาพร้อมสมรรถนะระดับล้านหยวนในราคาเพียง 220,000 หยวน ซึ่งทลายตรรกะเดิมที่ว่า "หรู = ราคาสูง" สองคือความอัจฉริยะ ฟังก์ชันการเชื่อมต่อ การอัปเกรด OTA และฟีเจอร์ทางเทคโนโลยีอื่นๆ กลายเป็นกุญแจสำคัญในการดึงดูดผู้ใช้รุ่นใหม่ และสามคือการสร้างภาพลักษณ์สมรรถนะสูงผ่านผลการแข่งขันในสนามแข่ง โดย Xiaomi SU7 Ultra ทำเวลาได้ 2 นาที 9 วินาที 944 วินาทีที่สนามแข่ง Shanghai International Circuit ทำลายสถิติรอบสนาม ซึ่งยิ่งเสริมภาพลักษณ์ด้านสมรรถนะของแบรนด์

โมเดลนี้ไม่เพียงแต่ดึงลูกค้าเป้าหมายของ Porsche ออกไป แต่ยังส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้าที่ภักดีต่อแบรนด์ด้วย ตามที่ Baum กล่าวไว้ว่า "เมื่อรถยนต์ Xiaomi สองหมื่นคันปรากฏบนท้องถนน แสงแห่งความหรูหราของ Porsche จะค่อยๆ จางหายไป"
หาก Porsche ต้องการพลิกสถานการณ์นี้ พวกเขาจำเป็นต้องเร่งรัดการพัฒนาและปรับปรุงรอบการเปลี่ยนรุ่นของผลิตภัณฑ์ให้เร็วขึ้น พร้อมทั้งเติมเต็มจุดอ่อนในด้านระบบขับขี่อัจฉริยะและห้องโดยสารอัจฉริยะ แทนที่จะพึ่งพารถยนต์ใช้น้ำมันเป็นหลัก

นอกจากนี้ ความหรูหราไม่ควรหยุดอยู่แค่ที่มรดกทางประวัติศาสตร์ แต่ควรผูกพันกับประสบการณ์ของผู้ใช้อย่างลึกซึ้ง ตัวอย่างเช่น Porsche ที่เพิ่งแสดงความยินดีกับสถิติรอบสนามของ Xiaomi SU7 ซึ่งไม่เพียงแค่สะท้อนวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล แต่ยังเสริมสร้างการยอมรับใน "ดีเอ็นเอแห่งสนามแข่ง" ของตัวเองอีกด้วย

คำวิจารณ์ที่เฉียบคมของ Baum สะท้อนถึงความกังวลโดยรวมของแบรนด์หรูดั้งเดิมท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนผ่านสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้า ความสำเร็จของ Xiaomi พิสูจน์ให้เห็นว่า เมื่อช่องว่างด้านสมรรถนะถูกเทคโนโลยีใหม่เข้ามาลดทอนอย่างรวดเร็ว การพึ่งพาเพียงแค่มูลค่าแบรนด์อาจไม่เพียงพอในการรักษาตำแหน่งในตลาด

ในอนาคต หาก Porsche ไม่สามารถตามทันในด้านความอัจฉริยะและการปรับตัวให้เข้ากับตลาดท้องถิ่น คำทำนายที่ว่า “เหลือเพียงมูลค่าแบรนด์” อาจกลายเป็นความจริงได้เร็วขึ้น สำหรับผู้ผลิตรถยนต์จีน การแข่งขันนี้เพิ่งเริ่มต้นขึ้น การเปลี่ยนข้อได้เปรียบด้านความคุ้มค่าให้เป็นความภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว จะเป็นคำถามสำคัญในช่วงถัดไป
คุณสามารถติดต่อเราให้ลบออกเนื้อหาถ้าละเมิดลิขสิทธิ์
ข้อมูลยอดนิยม

มีข่าวลือว่า Sensteed Hi-Tech จะเข้าควบคุม NETA โดยจะเสร็จสิ้นการถ่ายโอนในเดือนตุลาคมและเริ่มการผลิตอีกครั้ง
มีรายงานว่า Sensteed Hi-Tech วางแผนที่จะเข้าควบคุมบริษัทแม่ของ NETA คือ HOZON อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ตุลาคม 2025 โดยจะเสร็จสิ้นการโอนย้ายสินทรัพย์และทีมผู้บริหารทั้งหมด หลังจากนั้น NETA จะเริ่มการผลิตอีกครั้ง

รุ่นที่สองของ JAECOO 5 EV จะเริ่มส่งมอบในเดือนกันยายน โดยนับตั้งแต่วางจำหน่ายจนถึงปัจจุบันได้ส่งมอบแล้วทั้งหมด 3,000 คัน
JAECOO 5 EV ล็อตที่สองจำนวน 1,000 คัน ถูกส่งจากประเทศจีนมาถึงประเทศไทยแล้ว นับเป็นการส่งมอบครั้งใหญ่ครั้งที่สองของแบรนด์นี้ในตลาดไทย หลังจากการส่งมอบล็อตแรกจำนวน 300 คันเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ด้วยการมาถึงของล็อตที่สอง การส่งมอบ JAECOO 5 EV ในประเทศไทยจะเริ่มเข้าสู่ช่วงเร่งความเร็ว

Omoda & Jaecoo ล็อต 2 เข้าไทยเพิ่ม 14 กันยายนนี้! เตรียมส่งมอบกว่า 1,000 คัน
หลังสร้างกระแสแรงจากการเปิดตัวในช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา ล่าสุด Omoda & Jaecoo เตรียมเดินหน้าส่งมอบรถล็อต 2 โดยมีกำหนดเดินทางจากจีนมาถึงประเทศไทยในวันที่ 14 กันยายน 2568 ก่อนจะทำการตรวจสอบคุณภาพและทยอยส่งมอบกว่า 1,000 คัน

Suzuki Fronx เปรียบเทียบกับToyota Yaris Cross รุ่นไหนคุ้มค่ากว่าที่จะซื้อ?
รถ SUV ขนาดเล็กกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากความคล่องตัวและความประหยัดน้ำมัน ดังนั้น Suzuki Fronx จึงเข้าร่วมแข่งขันในตลาดเฉพาะกลุ่มนี้ ซึ่งดึงดูดความสนใจจากผู้คนจำนวนมาก

ในประเทศไทย เลือกรถยนต์ซันรูฟ: ซันรูฟพาโนรามาหรือซันรูฟเดี่ยว? อ่านจบไม่พลาด
ในประเทศไทย ซันรูฟของรถยนต์ไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มบรรยากาศที่ดีเท่านั้น แต่ยังต้องปรับให้เข้ากับสภาพอากาศเขตร้อน สภาพการจราจรที่คับคั่ง และการใช้งานในชีวิตประจำวันอีกด้วย — เพราะอุณหภูมิสูง 28-35℃ ตลอดทั้งปี ฝนตกบ่อยในช่วงฤดูฝน และการเดินทางในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น อย่างกรุงเทพฯ มีผลต่อการใช้งานของซันรูฟโดยตรง
รถยอดนิยม
เปรียบเทียบรถยนต์
รูปภาพรถ
ภาพภายใน
รุ่นปีรถยนต์
รุ่นรถยนต์

