Porsche Cayenne: หลายรุ่นให้เลือก พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
Kevin WongMay 15, 2025, 03:39 PM
【PCauto】ในตลาดรถยนต์ Porsche ได้รับการยอมรับในด้านคุณภาพที่ยอดเยี่ยมและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย โดยเฉพาะรุ่น Porsche Cayenne ที่ถือเป็นผลิตภัณฑ์เด่นของแบรนด์ ด้วยประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม ประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบาย และความคุ้มค่ากับราคา ทำให้ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค Porsche Cayenne ไม่เพียงแต่เป็นยานพาหนะ แต่ยังสะท้อนถึงทัศนคติการใช้ชีวิตของผู้ขับขี่อีกด้วย ต่อไปเราจะนำเสนอรุ่นต่างๆ และราคาของ Porsche Cayenne ที่มีจำหน่าย เพื่อให้ข้อมูลที่ครบถ้วนในการตัดสินใจซื้อรถของคุณ
ราคาของ Porsche Cayenne
Porsche Cayenne มีทั้งหมด 5 รุ่นย่อย ได้แก่:
• Porsche Cayenne E-Hybrid 2023 ราคา 6,990,000 บาท
• Porsche Cayenne E-Hybrid Coupe 2023 ราคา 7,290,000 บาท
• Porsche Cayenne 2023 ราคา 8,990,000 บาท
• Porsche Cayenne Coupe 2023 ราคา 9,290,000 บาท
• Porsche Cayenne S 2023 ราคา 11,990,000 บาท
ราคา Porsche Cayenne รุ่นต่างๆ ตามปี
สำหรับPorsche Cayenne ยังคงมีรุ่นปีอื่นๆ วางจำหน่ายในตลาด ได้แก่
• Porsche Cayenne 2020 ราคาเริ่มต้น 6,300,000 บาท
การออกแบบภายนอกของ Porsche Cayenne
มาดูข้อมูลเบื้องต้นของPorsche Cayenneกันก่อน Porsche Cayenneถูกจัดอยู่ในกลุ่มE-Segment โดยมีขนาดตัวถังดังนี้
• ความยาว 4930 มม.
• ความกว้าง 1983 มม.
• ความสูง 1696 มม.
• ระยะฐานล้อ 2895 มม.
ในบรรดารถยนต์หลายรุ่นPorsche Cayenneโดดเด่นด้วยการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ รูปลักษณ์ภายนอกเรียบง่ายแต่ลื่นไหล และรายละเอียดที่บ่งบอกถึงความประณีต
ส่วนด้านหน้าของPorsche Cayenneใช้เส้นสายที่เรียบง่ายเพื่อสร้างความโดดเด่นด้านภาพ การออกแบบกระจังหน้าดูประณีต พร้อมตกแต่งด้วยโครเมียมที่สะท้อนถึงความหรูหราแบบเรียบง่าย ไฟหน้าแบบใช้เทคโนโลยี LEDเต็มรูปแบบ ดีไซน์เฉียบคม ให้ความสว่างที่ดี และเพิ่มความรู้สึกทันสมัย การออกแบบกันชนหน้ามุ่งเน้นในรายละเอียด ช่องรับลมด้านข้างมีรูปทรงเป็นเอกลักษณ์ ทำให้รถมีความรู้สึกสปอร์ตมากขึ้น
เมื่อมองจากด้านข้าง ตัวรถPorsche Cayenneมีเส้นสายที่ลื่นไหล หลังคารถทอดยาวไปยังท้ายรถอย่างเป็นธรรมชาติ เกิดเป็นทรงโค้งที่ดูสง่างาม ล้อรถขนาด 20 นิ้ว ช่วยเสริมภาพลักษณ์ของรถให้ดูโดดเด่นขึ้น มือจับประตูที่มีสีเดียวกับตัวรถ และคิ้วโครเมียมที่ขอบกระจกที่ยกสูงขึ้นเล็กน้อยรับกับเส้นท้ายรถ เสริมความรู้สึกที่ปราดเปรียวของตัวรถ
ด้านท้าย Porsche Cayenneเน้นรายละเอียดและมิติที่ชัดเจน ชุดไฟท้ายใช้การออกแบบแยกส่วน ด้านบนเป็นไฟ LED เส้นบาง ๆ และด้านล่างเป็นโคมไฟที่มีมิติชัดเจน ดีไซน์โดยรวมเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความทันสมัย เส้นสายท้ายรถที่ลื่นไหลและมีมิติ ขอบส่วนนอกแคบเข้าด้านในเล็กน้อย เสริมความมั่นคงในด้านภาพลักษณ์ของตัวรถ
โดยรวมแล้ว การออกแบบภายนอกของPorsche Cayenne สะท้อนถึงสไตล์เฉพาะตัวของแบรนด์ Porsche รายละเอียดการออกแบบที่ประณีต และภาพรวมที่กลมกลืน ทำให้Porsche Cayenneเป็นรถที่ดึงดูดความสนใจได้ดี
ภายในและอุปกรณ์ของ Porsche Cayenne
เมื่อนั่งอยู่ภายใน Porsche Cayenne การจัดวางที่นั่งแบบ 5 ที่นั่งให้ความรู้สึกสะดวกสบาย เบาะรองรับสรีระได้ดี ทำให้ไม่รู้สึกเหนื่อยล้าแม้ในการขับขี่ระยะไกล แผงหน้าปัดด้านหน้าผู้ขับขี่ใช้ จอแสดงผลดิจิตอลมัลติฟังก์ชั่น ซึ่งแสดงผลได้อย่างชัดเจนและเข้าใจง่าย ขณะที่หน้าจอควบคุมกลางมีขนาด 12.6 นิ้ว รองรับการสัมผัส ไม่เพียงแต่มีฟังก์ชันนำทางและมัลติมีเดียทั่วไปเท่านั้น แต่ยังรองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth และสั่งงานด้วยเสียง ทำให้การใช้งานสะดวกยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ Porsche Cayenne ยังมาพร้อมอุปกรณ์และฟีเจอร์เด่นดังต่อไปนี้
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
• สัญญาณกะระยะถอยหลัง
• ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ
• ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ
• โหมดการขับขี่:โหมดการขับขี่
• ระบบสตาร์ทและดับเครื่องยนต์อัตโนมัติ
• ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA)
• ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน
• ราวหลังคา
• วัสดุภายใน:หนังฟอก
• พวงมาลัยปรับได้
• พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น
• แพดเดิลชิฟท์
• แผงหน้าปัด:จอแสดงผลดิจิตอลมัลติฟังก์ชั่น
• ระบบ Keyless Entry
• ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจอยู่ห่างจากตัวรถ
• ระบบกุญแจ Immobilizer
• สวิทช์ควบคุมระบบเซ็นทรัลล็อค
• การปรับเบาะนั่งด้านหลัง:60:40
• การปรับเบาะนั่งคนขับ:Electric Adjustment
• การปรับเบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า:Electric Adjustment
• แอร์อัตโนมัติ
• ช่องปรับอากาศตอนหลัง
• ประเภทไฟหน้า:แอลอีดี
• ประเภทไฟท้าย:แอลอีดี
• ไฟตัดหมอกหน้า
• ไฟตัดหมอกหลัง
• ระบบไฟสูงอัตโนมัติ
• ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน
• ระบบเปิด / ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ
• ซันรูฟแบบเดียว
• กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า
• จอแสดงผลโค้ง 12.6 นิ้ว
• ฟังก์ชั่นการเชื่อมต่อ
• ระบบสั่งการด้วยเสียง
• แบรนด์ลำโพง:BOSE
• 8 ลำโพง
ประสบการณ์การขับขี่ของ Porsche Cayenne
Porsche Cayenne มีสมรรถนะในการเร่งที่โดดเด่น โดยใช้เวลาเพียง 4.9 วินาที ในการเร่งจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ความสามารถนี้เกิดจากการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซินขนาด 3 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 130 กิโลวัตต์ ซึ่งให้กำลังรวมสูงสุด 346 กิโลวัตต์ ส่งกำลังออกมาได้อย่างราบรื่นและทรงพลัง รถรุ่นนี้ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบ ทั้งสี่ล้อ เพื่อให้การส่งกำลังเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเพียง 1.5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการใช้งาน แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ไม่เพียงแต่ให้ระยะการเดินทางที่ยาวนาน แต่ยังรองรับการชาร์จเร็ว ทำให้ผู้ขับขี่สามารถเติมพลังงานได้ง่ายแม้ในการเดินทางระยะไกล เพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทาง
การประหยัดน้ำมันของ Porsche Cayenne
การสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงขั้นต่ำ Porsche Cayenne คือ 1.5/100 km และ Porsche Cayenne การสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสูงสุดคือ 12.5/100 km ขึ้นอยู่กับรุ่น ตามข้อมูลอย่างเป็นทางการของ porsche นี่คือรายละเอียดของอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสำหรับ Porsche Cayenne รุ่นต่างๆ:
• Porsche Cayenne E-Hybrid 2023 ปริมาณการใช้เชื้อเพลิงคือ 1.5 L/100km
• Porsche Cayenne E-Hybrid Coupe 2023 ปริมาณการใช้เชื้อเพลิงคือ 1.5 L/100km
• Porsche Cayenne 2023 ปริมาณการใช้เชื้อเพลิงคือ 10.8 L/100km
• Porsche Cayenne Coupe 2023 ปริมาณการใช้เชื้อเพลิงคือ 10.9 L/100km
• Porsche Cayenne S 2023 ปริมาณการใช้เชื้อเพลิงคือ 12.4 L/100km
ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง | เกียร์ | การบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง |
---|---|---|
น้ำมันเบนซิน ไฮบริด(2995cc) | AT | 1.5L/100km |
น้ำมันเบนซิน(2995cc) | AT | 10.8L/100km |
น้ำมันเบนซิน(2995cc) | AT | 10.9L/100km |
น้ำมันเบนซิน(3996cc) | AT | 12.4L/100km |
การตั้งค่าช่วงล่างของ Porsche Cayenne
Porsche Cayenne มาพร้อมระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบ ระบบกันสะเทือนอิสระ และด้านหลังแบบ มัลติลิงก์ ซึ่งช่วยเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่ ระบบเบรกด้านหน้าใช้ดิสก์เบรกแบบ ดิสก์มีรูระบายอากาศ ส่วนด้านหลังเป็นแบบ ดิสก์มีรูระบายอากาศ ส่วนยางติดรถเป็นขนาด 275 / 45 R20 ที่ให้สมดุลระหว่างความประหยัดน้ำมันและคุณภาพการขับขี่ที่ดี
หวังว่าเคล็ดลับเหล่านี้จะช่วยให้คุณเลือกซื้อรถที่เหมาะกับตัวเองได้อย่างราบรื่น และเปิดประสบการณ์การเดินทางที่สะดวกสบาย ขอให้มีความสุขกับการเลือกซื้อรถคันใหม่ของคุณ!
คุณสามารถติดต่อเราให้ลบออกเนื้อหาถ้าละเมิดลิขสิทธิ์
ข้อมูลยอดนิยม

นี่จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วนที่มีกำลังมากที่สุดของ Toyota เท่าที่เคยมีมา โดยจะเปิดตัวในยุโรปเป็นที่แรกในปีหน้า
【PCauto】bZ4X Touring มีแผนวางจำหน่ายในยุโรปช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2026 โดยเป็นรุ่นต่อยอดจาก bZ4X เวอร์ชันมาตรฐานที่ได้รับการปรับปรุงให้รองรับการบรรทุกและการใช้งานแบบออฟโรดได้ดีขึ้น พร้อมกำลังรวมสูงสุด 280 กิโลวัตต์ ซึ่งเป็นระดับกำลังที่สูงที่สุดในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าของ Toyota จนถึงขณะนี้ bZ4X Touring มีขนาดตัวถังและพื้นที่ภายในที่ใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และในฐานะรุ่นแฝดของ Subaru Trailseeker รถรุ่นนี้พัฒนาบนแพลตฟอร์ม e-TNGA เช่นเดียวกัน แต่ได้รับการขยายมิติตัวรถเพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น

หลังจากความสำเร็จของ Tank 300 รุ่นดีเซลแล้ว Tank 500 รุ่นดีเซลก็จะถูกนำเข้ามาเช่นกัน
【PCauto】หลังจาก Tank 300 รุ่นดีเซลประสบความสำเร็จเกินคาด GWM วางแผนนำ Tank 500 รุ่นดีเซลเข้าสู่ตลาดไทยในไตรมาสที่สี่ของปี 2025 รถเอสยูวีออฟโรดระดับพรีเมียมที่มาพร้อมขุมพลังดีเซล 24 เทอร์โบรุ่นนี้จะผลิตในประเทศที่โรงงานจังหวัดระยอง ราคาคาดการณ์ราวสองล้านบาท เจาะตลาดเดียวกับ Toyota Fortuner และ Isuzu MU X ซึ่งเป็นเอสยูวีดีเซลยอดนิยมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Audi Q3 เจเนอเรชันใหม่เปิดตัวทั่วโลก 16 มิถุนายน 2025 มาพร้อมนวัตกรรมหลากหลายด้าน
【PCauto】แบรนด์ Audi ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า Audi Q3 เจเนอเรชันใหม่ จะเปิดตัวครั้งแรกทั่วโลกในวันที่ 16 มิถุนายน 2025 โดยระบุว่า SUV รุ่นใหม่นี้จะเป็นการยกระดับมาตรฐานในหลายมิติ จากข้อมูลเบื้องต้น รถรุ่นใหม่นี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนในด้าน ภาษาในการออกแบบ, ห้องโดยสารแบบดิจิทัล และ ระบบขับเคลื่อน Q3 ถือเป็นหนึ่งในรุ่นขายดีที่สุดของ Audi โดยมียอดขายสะสมทั่วโลกทะลุ 2 ล้านคัน นับตั้งแต่เปิดตัวรุ่นแรก

โตโยต้าวางแผนจะเปิดตัว Land Cruiser FJ (500D) โดยประเทศไทยจะเป็นสถานที่ผลิตหลัก
【PCauto】Toyota เตรียมเปิดตัวรถรุ่นใหม่ Land Cruiser FJ รหัสโครงการ 500D ได้แรงบันดาลใจจากรุ่นคลาสสิก FJ40 พร้อมผสมผสานดีไซน์ของ Land Rover Defender และ Suzuki JIMNY คาดเปิดตัวครั้งแรกทั่วโลกในงาน Japan Mobility Show วันที่ 29 ถึง 30 ตุลาคม 2025 โดยเป็นรุ่นเครื่องยนต์เบนซินเวอร์ชันญี่ปุ่น ไทยเป็นฐานการผลิตหลักของรุ่นนี้ คาดผู้บริโภคชาวไทยจะได้เห็นในงาน Motor Expo ช่วงปลายปี 2025 และเริ่มวางจำหน่ายต้นปี 2026

NISSAN X-Trail e-POWER จะเปิดตัวในประเทศไทยภายในสิ้นปี 2025
【PCauto】Nissan เตรียมนำเข้า X-Trail e-POWER e-4ORCE รุ่นใหม่ล่าสุด (รหัสภายใน T33) จากประเทศญี่ปุ่นเข้าสู่ตลาดประเทศไทยช่วงปลายปี 2025 ในรูปแบบรถยนต์นำเข้าทั้งคัน สำหรับผู้บริโภคที่ให้ความสนใจกับรถรุ่นนี้ ราคาจำหน่ายถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับแรกอย่างไม่ต้องสงสัย
รถยอดนิยม
เปรียบเทียบรถยนต์
รูปภาพรถ
ภาพภายใน