Nissan Leaf Minorchange 2023

ในประเทศไทย การชาร์จรถ Nissan Leaf สามารถทำได้ 3 วิธีหลักๆ แบบแรกคือใช้เต้ารับ 220V ที่บ้านร่วมกับสายชาร์จมาตรฐานที่มากับรถ เหมาะสำหรับชาร์จตอนกลางคืน ใช้เวลาประมาณ 8-10 ชั่วโมงถึงจะเต็ม แต่แนะนำให้ติดตั้งวอลล์ชาร์จเจ๋งๆ แบบติดผนัง (เช่นรุ่น 3.3kW หรือ 6.6kW ของ Nissan) จะปลอดภัยกว่าและชาร์จเร็วขึ้นเหลือแค่ 4-7 ชั่วโมง ต้องระวังอากาศร้อนของไทยด้วย อย่าชาร์จตอนแดดจัดๆ เที่ยงวันเพราะแบตเตอรี่อาจร้อนเกิน ในกรุงเทพฯ มีสถานีชาร์จเร็วแบบ CHAdeMO ให้ใช้ตามปั๊มปตท. ชาร์จแค่ 30 นาทีก็ได้แบต 80% แต่ห้ามใช้บ่อยเกิน เดือนนึงไม่ควรเกิน 2-3 ครั้งไม่งั้นแบตเสื่อมเร็ว ตอนจะชาร์จต้องเช็คให้ช่องชาร์จแห้งสะอาด โดยเฉพาะหน้าฝนต้องระวังน้ำเข้า การไฟฟ้ามีโปรโมชั่นค่าไฟถูกช่วงตีหนึ่งถึงเจ็ดโมงเช้า (23:00-7:00) ถ้าใช้ฟีเจอร์ตั้งเวลาชาร์จของ Leaf จะช่วยประหยัดได้อีก ถ้าจอดรถทิ้งไว้นานๆ ควรให้แบตอยู่ที่ 30%-50% และชาร์จเสริมเดือนละครั้ง Nissan ศูนย์ไทยมีบริการตรวจเช็คสุขภาพแบตเตอรี่ แนะนำให้ตรวจทุกๆ 20,000 กิโลเมตร ส่วนระบบ e-Pedal ที่เหยียบแป้นเดียวช่วยเบรกและชาร์จไฟคืนในตัว นี่ช่วยได้มากเวลาเจอรถติดในกรุงเทพฯ

สำหรับเจ้าของรถ Nissan Leaf แบบไฟฟ้า หากแบตเตอรี่หมดจนต้องเปลี่ยนเกียร์ไปที่ตำแหน่งเกียร์ว่าง (N) สามารถทำตามขั้นตอนเหล่านี้ได้ครับ ก่อนอื่นให้แน่ใจว่ารถจอดสนิทและดับเครื่องเรียบร้อยแล้ว จากนั้นมองหาป้ายเล็กๆ ที่มีข้อความว่า "Shift Lock" หรือ "ปลดล็อกเกียร์" ซึ่งมักอยู่บริเวณใต้พวงมาลัยหรือแผงคอนโซลกลาง ใช้กุญแจหรือไขควงเปิดฝาครอบออกเบาๆ แล้วกดปุ่มปลดล็อกข้างใน พร้อมกับดันคันเกียร์จากตำแหน่ง P ไปที่ N ต้องระวังนิดนึงครับเพราะอากาศร้อนชื้นของไทยอาจทำให้พลาสติกเสื่อมสภาพเร็ว ควรทำอย่างเบามือเพื่อป้องกันความเสียหาย สำหรับคนใช้รถไฟฟ้าในไทย แนะนำให้ตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่ 12V เป็นประจำครับ โดยเฉพาะช่วงอากาศร้อนจัด เพราะแบตเตอรี่ส่วนนี้เป็นตัวจ่ายไฟให้ระบบเกียร์ ถ้าไฟตกอาจทำให้เปลี่ยนเกียร์ไม่ได้ นอกจากนี้เวลารถต้องถูกลากจูงบนทางลาดชันในบางพื้นที่ของไทย หลังจากเปลี่ยนมาเกียร์ N แล้วควรใช้เบรกมือหรือที่กั้นล้อร่วมด้วยเพื่อป้องกันรถไหล ถ้าเจอปัญหาแบตเตอรี่หมดบ่อยๆ ลองพิจารณาติดตั้งระบบชาร์จพลังงานแสงอาทิตย์เสริมหรือใช้บริการชาร์จรถเคลื่อนที่ก็ได้ครับ ตอนนี้ในเมืองใหญ่ของไทยเริ่มมีให้บริการมากขึ้นแล้ว

Nissan Leaf เป็นหนึ่งในรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมในตลาดไทย โดยระยะทางการขับขี่จะแตกต่างกันไปตามรุ่นและสภาพการขับขี่ รุ่นมาตรฐานที่ใช้แบตเตอรี่ 40kWh สามารถวิ่งได้ประมาณ 322 กิโลเมตร (หรือประมาณ 200 ไมล์) ตามมาตรฐาน NEDC ส่วนรุ่นระยะไกลที่ใช้แบตเตอรี่ 62kWh จะวิ่งได้ไกลถึง 458 กิโลเมตร (285 ไมล์) อย่างไรก็ตาม ระยะทางจริงอาจได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศร้อนในไทย การใช้เครื่องปรับอากาศบ่อยๆ และการจราจรติดขัดในเมือง สำหรับในไทย แนะนำให้ผู้ใช้บริการชาร์จไฟผ่านเครือข่ายที่ร่วมมือกับทาง Nissan โดยเฉพาะสถานีชาร์จเร็วแบบทางการที่สามารถชาร์จไฟได้ 80% ในเวลาเพียง 40 นาที นอกจากนี้ การดูแลระบบแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ เช่น หลีกเลี่ยงการเก็บแบตเตอรี่ในสภาพเต็มประจุเป็นเวลานาน จะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ได้ดี ที่สำคัญ รัฐบาลไทยมีนโยบายสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า เช่น การลดภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต ทำให้ต้นทุนการใช้รถอย่าง Leaf มีความคุ้มค่าเพิ่มขึ้น สำหรับผู้ที่ต้องเดินทางไกลบ่อยๆ สามารถวางแผนจุดชาร์จไฟล่วงหน้าผ่านระบบนำทางในรถ โดยในปัจจุบันสถานีชาร์จไฟในเมืองหลักและพื้นที่บริการบนทางด่วนของไทยได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ส่วนการชาร์จไฟแบบช้าที่บ้านเหมาะสำหรับการชาร์จตอนกลางคืนเพื่อใช้ประโยชน์จากค่าไฟช่วงออฟพีค

แบตเตอรี่ของ Nissan Leaf โดยทั่วไปจะมีอายุการใช้งานประมาณ 8 ถึง 10 ปี ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้งานและสภาพอากาศในประเทศไทย ซึ่งอากาศร้อนของไทยอาจส่งผลต่ออายุแบตเตอรี่บ้าง แต่ถ้าดูแลดีๆ ก็สามารถยืดอายุการใช้งานได้ เช่น หลีกเลี่ยงการชาร์จเร็วบ่อยๆ รักษาระดับพลังงานไฟฟ้าระหว่าง 20% ถึง 80% และตรวจสอบสุขภาพแบตเตอรี่เป็นประจำ นอกจากนี้ Nissan Leaf ยังมีบริการรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปีหรือ 160,000 กิโลเมตร ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับเจ้าของรถ ในไทยตอนนี้รถไฟฟ้ากำลังมาแรง Nissan Leaf ก็เป็นรุ่นที่ผ่านการทดสอบมานาน ทั้งความน่าเชื่อถือและความทนทานของแบตเตอรี่ก็ใช้ได้ดีเลย ถ้าแบตเตอรี่เริ่มเสื่อมสภาพอย่างเห็นได้ชัด ก็สามารถซ่อมหรือเปลี่ยนผ่านช่องทางทางการได้ แม้จะเสียค่าใช้จ่ายสูง แต่ในระยะยาวก็ยังเป็นทางเลือกที่ดี สำหรับคนไทยที่กำลังมองหารถไฟฟ้า นอกจากอายุแบตเตอรี่แล้ว ก็ควรดูความสะดวกของสถานีชาร์จและนโยบายสนับสนุนจากรัฐบาลด้วย เพราะปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้ใช้งานรถได้สะดวกยิ่งขึ้น

Nissan Leaf เป็นหนึ่งในรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในโลก และก็ได้รับความสนใจไม่น้อยในตลาดไทย โดยเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2010 ก่อนจะเข้ามาในประเทศไทยผ่านการนำเข้า แม้ว่าจะไม่ได้ผลิตในประเทศ แต่ด้วยเทคโนโลยีไฟฟ้าที่เป็นผู้ใหญ่และความน่าเชื่อถือ ก็ยังดึงดูดผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ที่สถานีชาร์จเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้การใช้รถไฟฟ้าเป็นเรื่องสะดวกขึ้น ที่น่าสนใจคือ รัฐบาลไทยมีนโยบายส่งเสริมรถไฟฟ้าหลายอย่าง ทั้งลดภาษีนำเข้าและให้ส่วนลดเมื่อซื้อรถ ซึ่งทำให้รถอย่าง Nissan Leaf ดูน่าสนใจมากขึ้น สำหรับคนไทยแล้ว การเลือกรถไฟฟ้าไม่เพียงช่วยลดการปล่อยคาร์บอน แต่ยังประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว เพราะค่าไฟมีความเสถียรและถูกกว่าค่าน้ำมัน แถมฟีเจอร์สมาร์ทของ Nissan Leaf อย่างระบบควบคุมการชาร์จจากระยะไกลหรือการตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่ ก็ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองในไทยได้ดี เมื่อตลาดรถไฟฟ้าไทยเติบโตขึ้น คาดว่าในอนาคตจะมีรุ่นใหม่ๆ เข้ามาให้เลือกมากขึ้นแน่นอน

รถยนต์ไฟฟ้า Nissan Leaf รุ่นปี 2017 ในตลาดไทยมีราคาอยู่ที่ประมาณ 1.2 - 1.5 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับระดับความประณีตของแต่ละแบบ โดยราคาสุดท้ายอาจแตกต่างกันตามโปรโมชั่นของตัวแทนจำหน่าย ความแตกต่างของแต่ละพื้นที่ และช่วงเวลาที่มีการจัดแคมเปญลดราคา รถพลังงานสะอาดรุ่นนี้ได้รับความนิยมจากคนไทยเพราะความประหยัดและใช้งานจริง โดยเฉพาะในเมืองติดรถติดอย่างกรุงเทพฯ ที่จุดเด่นเรื่องการไม่ปล่อยมลพิษและค่าใช้จ่ายในการใช้งานที่ต่ำช่วยดึงดูดผู้บริโภค ที่น่าสนใจคือรัฐบาลไทยมีนโยบายลดภาษีสำหรับรถยนต์พลังงานสะอาด ซึ่งอาจทำให้ราคาจริงถูกลงกว่าที่คิด Nissan Leaf ถือเป็นหนึ่งในรถไฟฟ้ารุ่นแรกๆ ที่เข้ามาในประเทศไทย โดยแบตเตอรี่ความจุประมาณ 30kWh สามารถวิ่งได้ประมาณ 250 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน สำหรับสภาพอากาศร้อนของไทย แนะนำให้ตรวจสอบระบบระบายความร้อนของแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ และสามารถชาร์จไฟได้ตามจุดชาร์จในศูนย์การค้าทั่วไป ตอนนี้ในตลาดมือสองก็เริ่มมี Nissan Leaf รุ่นปี 2017 วางขายแล้ว โดยรถสภาพดีจะอยู่ที่ประมาณ 60-70% ของราคารถใหม่ ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากลองใช้รถไฟฟ้าแต่มีงบจำกัด

รถ Nissan Leaf เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบ 100% ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก โดยเรื่องของระยะทางการขับขี่ที่เพิ่มขึ้นเป็นจุดที่ผู้บริโภคให้ความสนใจเสมอ และตลาดไทยก็ไม่ต่างกัน แม้สภาพอากาศร้อนของไทยจะส่งผลต่อประสิทธิภาพของแบตเตอรี่บ้าง แต่ Leaf ได้ปรับปรุงระบบจัดการแบตเตอรี่และเทคโนโลยีควบคุมอุณหภูมิให้ทำงานได้อย่างเสถียรแม้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ร้อน รุ่นล่าสุดของ Leaf ใช้แบตเตอรี่ที่มีความหนาแน่นพลังงานสูงขึ้น ทำให้วิ่งได้ไกลถึง 385 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน WLTP) ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางระหว่างเมืองของคนไทย โครงสร้างพื้นฐานสำหรับการชาร์จในไทยกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถหาแท่นชาร์จได้ในเมืองใหญ่และสถานีบริการตามทางด่วน แนะนำให้เจ้าของ Leaf ใช้ประโยชน์จากเครือข่ายสถานีชาร์จของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) และการไฟฟ้านครหลวง (MEA) นอกจากนี้ Leaf ยังรองรับชาร์จเร็วแบบ CHAdeMO ที่ใช้งานได้ดีในไทย โดยชาร์จเพียง 30 นาทีก็ได้แบตเตอรี่ 80% อย่างไรก็ตาม ระยะทางจริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการใช้แอร์ พฤติกรรมการขับขี่และสภาพถนน ในไทยที่ต้องเปิดแอร์ตลอดเวลา แนะนำให้นับระยะทางตามที่ประกาศไว้ลดลง 20% สำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาซื้อรถไฟฟ้าในไทย นอกจากเรื่องระยะทางแล้ว ควรสนใจบริการหลังการขายและประกันแบตเตอรี่ด้วย โดย Leaf ให้ประกันแบตเตอรี่ 8 ปีหรือ 160,000 กิโลเมตร ซึ่งถือเป็นมาตรฐานทั่วไปในตลาดไทย ช่วยลดความกังวลในการใช้งานได้ดี

แบตเตอรี่ของ Nissan Leaf รุ่นปี 2013 โดยทั่วไปจะมีอายุการใช้งานประมาณ 8-10 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งานและการดูแลรักษา ในสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย อุณหภูมิสูงอาจส่งผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่บ้าง แนะนำให้หลีกเลี่ยงการชาร์จหรือจอดรถในที่ที่มีอุณหภูมิสูงเป็นเวลานาน เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ การรักษาพลังงานไฟฟ้าระหว่าง 20% ถึง 80% ในการใช้งานประจำวันยังช่วยชะลอการสลายตัวของแบตเตอรี่ Leaf มีความจุแบตเตอรี่ 24 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ให้ระยะทางขับขี่จริงประมาณ 120-150 กิโลเมตร เหมาะกับการใช้งานในเมือง หากสังเกตว่าแบตเตอรี่มีประสิทธิภาพลดลงอย่างเห็นได้ชัด สามารถไปตรวจสอบที่ศูนย์บริการทางการของ Nissan ได้ ตอนนี้ประเทศไทยมีสถานีชาร์จรถไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ใช้งานสะดวกขึ้น สำหรับคนที่กำลังคิดจะซื้อ Nissan Leaf มือสอง แนะนำให้ตรวจสอบสภาพสุขภาพของแบตเตอรี่และดูความจุที่เหลือก่อนตัดสินใจ รถไฟฟ้าในไทยได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีบางอย่างและค่าใช้จ่ายในการใช้งานก็ถูกกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน เป็นตัวเลือกที่ทั้งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและประหยัดค่าใช้จ่าย

ถ้าคุณเป็นเจ้าของรถ Nissan Leaf ในประเทศไทยและอยากตรวจสอบสุขภาพแบตเตอรี่ วิธีที่ง่ายที่สุดคือใช้ระบบวินิจฉัยในรถ โดยเข้าไปที่หน้า "ข้อมูลพลังงาน" บนหน้าจอกลางรถเพื่อดูเปอร์เซ็นต์ความจุแบตเตอรี่ (SOH) ซึ่งปกติแล้วค่าที่สูงกว่า 80% ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี แต่สภาพอากาศร้อนของไทยอาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้น แนะนำให้ตรวจสอบเป็นประจำ นอกจากนี้เจ้าของรถ Leaf ยังสามารถใช้เครื่องมือวินิจฉัยภายนอกเช่น LeafSpy Pro ต่อผ่านพอร์ต OBD-II เพื่อดูข้อมูลแบตเตอรี่แบบละเอียด เช่น ความสมดุลของแรงดันแต่ละเซลล์และจำนวนรอบการชาร์จ แต่ต้องระวังว่าการใช้สถานีชาร์จเร็ว CHAdeMO บ่อยๆ ในไทยอาจส่งผลต่ออายุแบตเตอรี่ แนะนำให้สลับกับการชาร์จช้าที่บ้านเพื่อรักษาสุขภาพแบตเตอรี่ ในชีวิตประจำวันควรหลีกเลี่ยงการชาร์จเต็ม 100% หรือใช้งานจนแบตหมดเกลี้ยง ยังคงอยู่ในโซน 20% -80% ได้ดีที่สุดหากพบว่ามีความทนทานลดลงอย่างเห็นได้ชัด (เช่น ระยะทางขับขี่ต่อการชาร์จเต็มต่ำกว่า 70% ของค่ามาตรฐาน) ควรติดต่อศูนย์บริการ Nissan ประเทศไทยทันที เพราะบางสาขามีอุปกรณ์ตรวจสอบแบตเตอรี่เฉพาะทางที่สามารถให้รายงานความจุและคำแนะนำการบำรุงรักษาที่แม่นยำได้

ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ Nissan Leaf ในประเทศไทยจะอยู่ที่ประมาณ 100,000 ถึง 150,000 บาท ขึ้นอยู่กับความจุแบตเตอรี่ รุ่นรถ และนโยบายราคาของศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาต แนะนำให้ติดต่อตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Nissan ประเทศไทยเพื่อขอใบเสนอราคาที่แน่นอน Nissan Leaf เป็นรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบที่อายุการใช้งานแบตเตอรี่โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 8-10 ปี หรือระยะทางประมาณ 160,000 กิโลเมตร แต่สภาพอากาศร้อนของประเทศไทยอาจส่งผลกระทบเล็กน้อยต่อประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ การบำรุงรักษาเป็นประจำ เช่น หลีกเลี่ยงการชาร์จเต็มเป็นเวลานานหรือการใช้งานจนแบตเตอรี่หมดสามารถช่วยยืดอายุการใช้งานได้ รัฐบาลไทยมีนโยบายสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า เช่น การลดภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต ทำให้ค่าใช้จ่ายในการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้ามีความน่าสนใจมากขึ้น นอกจากนี้ประเทศไทยกำลังขยายโครงสร้างพื้นฐานสถานีชาร์จ โดยในเมืองหลักอย่างกรุงเทพฯ และเชียงใหม่มีจำนวนสถานีชาร์จเพิ่มขึ้นทุกปี สะดวกต่อการใช้งานประจำวันของผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า หากแบตเตอรี่ยังอยู่ในระยะประกัน (ปกติจะอยู่ที่ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร) อาจได้รับบริการเปลี่ยนแบตเตอรี่ฟรี แนะนำให้ตรวจสอบสถานะการรับประกันก่อนตัดสินใจเปลี่ยนแบตเตอรี่ด้วยค่าใช้จ่ายเอง