Q
“ปัญหาที่พบบ่อยที่สุดของ Nissan Leaf คืออะไร?”
ปัญหาที่พบบ่อยที่สุดของรถ Nissan Leaf ในประเทศไทยคือการเสื่อมสภาพของความจุแบตเตอรี่เมื่อใช้งานไปนานๆ โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนจัดซึ่งเร่งให้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเสื่อมเร็วขึ้น ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนตลอดปีของไทย อาจทำให้แบตเตอรี่ลดประสิทธิภาพเร็วกว่าในเขตอากาศอบอุ่น สังเกตได้จากระยะทางที่ลดลงเมื่อชาร์จเต็ม นอกจากนี้บางเจ้าของรถยังรายงานว่าระบบมัลติมีเดียในรถอาจค้างบ้างเป็นครั้งคราว แต่นี่ไม่ใช่ปัญหาที่แปลกสำหรับรถไฟฟ้า และทาง Nissan ยังให้บริการรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปีหรือ 160,000 กิโลเมตร ทำให้เจ้าของรถในไทยมั่นใจได้ แนะนำให้หลีกเลี่ยงการจอดรถตากแดดเป็นเวลานาน ตรวจสอบสุขภาพแบตเตอรี่เป็นประจำ ใช้ระบบชาร์จเร็วอย่างเหมาะสมเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ ส่วนรัฐบาลไทยก็กำลังขยายโครงสร้างพื้นฐานสถานีชาร์จให้มากขึ้น ทำให้การใช้รถไฟฟ้าในอนาคตสะดวกขึ้น Leaf ในฐานะรถไฟฟ้าขายดีระดับโลก ยังคงมีความน่าเชื่อถือในการใช้งานในเมืองได้ดี
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
จะเกิดอะไรขึ้นถ้ารถ Nissan Leaf แบตเตอรี่หมด?
ถ้า Nissan Leaf หมดแบตเตอรี่ขณะขับขี่ในไทย รถจะค่อยๆ ลดความเร็วลงจนหยุดสนิท ในกรณีนี้ต้องเรียกบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนถนนหรือใช้บริการชาร์จเคลื่อนที่ ที่ไทยมีศูนย์บริการรับรองจากนิสสันในเมืองหลักอย่างกรุงเทพหรือเชียงใหม่ที่ให้บริการช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง แนะนำให้เจ้าของรถดาวน์โหลดแอป NissanConnect EV ไว้ตรวจสอบระดับแบตเตอรี่แบบเรียลไทม์ สภาพอากาศร้อนที่ไทยทำให้แอร์กินไฟเร็ว ถ้าเดินทางไกลแนะนำให้แวะชาร์จไฟที่สถานีชาร์จเร็วแบบ CHAdeMO ตามปั๊ม PTT ในจุดพักรถ ส่วนระบบนำทางของ Leaf จะแสดงตำแหน่งสถานีชาร์จและคำนวณไฟที่เหลือให้ด้วย ถ้าต้องใช้รถในพื้นที่ห่างไกลบ่อยๆ อาจพกเครื่องชาร์จแบบพกพาติดรถไว้ ไฟฟ้าในไทยเป็น 220V ซึ่งใช้กับ Leaf ได้ แต่การชาร์จกับปลั๊กบ้านจะช้ามาก (ชาร์จได้แค่ 10-15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) การใช้งานประจำวันแนะนำให้รักษาระดับแบตเตอรี่ไว้ที่ 20% ขึ้นไปเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ ส่วนช่วงฤดูฝนต้องระวังระดับน้ำสูงไม่เกิน 30 ซม. เพื่อความปลอดภัยของแบตเตอรี่
Q
“รถ Nissan Leaf มีแบตเตอรี่สองก้อนไหม?”
รถยนต์ Nissan Leaf จริงๆ แล้วมีแบตเตอรี่สองชุด แบตเตอรี่หลักคือชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแรงดันสูง ทำหน้าที่ขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าและให้พลังงานที่จำเป็นสำหรับการขับขี่ ในสภาพอากาศร้อนของไทย แบตเตอรี่รุ่นนี้ใช้ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติเพื่อความมั่นคง นอกจากนี้ยังมีแบตเตอรี่แรงดันต่ำ 12V สำหรับสตาร์ทรถและจ่ายไฟให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในรถ การออกแบบแบตเตอรี่คู่นี้เป็นเรื่องปกติในรถยนต์ไฟฟ้า 100% สำหรับผู้ใช้ในไทย ต้องระวังเรื่องแบตเตอรี่ 12V อาจเสื่อมสภาพหากจอดรถไว้นานเกินไป แนะนำให้ตรวจสอบเป็นประจำ ส่วนเครือข่ายสถานีชาร์จในบางจังหวัดของไทยยังอยู่ระหว่างการพัฒนา แต่ฟังก์ชันชาร์จเร็วของ Leaf ใช้สะดวกในเมืองใหญ่เช่นกรุงเทพฯ แบตเตอรี่ Leaf มีความจุต่างกันไปตามปีรุ่น รุ่นใหม่ๆ จะวิ่งได้ไกลกว่า เหมาะกับการเดินทางในเมืองของไทย นโยบายสนับสนุนรถ EV ของรัฐบาลไทยยังทำให้ Leaf มีความคุ้มค่าเพิ่มขึ้น การรักษาระดับแบตเตอรี่ระหว่าง 20%-80% จะช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ ซึ่งเข้ากับพฤติกรรมการขับขี่ระยะสั้นของคนไทยได้ดี
Q
ฉันสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่สำหรับ Nissan Leaf ได้ไหม?
ใช่แล้ว คุณสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ให้กับ Nissan Leaf ของคุณได้ ในประเทศไทยสามารถทำได้ที่ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Nissan หรือศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาต โดยทั่วไปตัวแทนจำหน่าย Nissan ในประเทศไทยจะให้บริการเปลี่ยนแบตเตอรี่แท้จากโรงงาน ซึ่งมั่นใจได้ว่าแบตเตอรี่จะทำงานได้ดีกับรถของคุณและยังได้รับประกันจากทางบริษัทอีกด้วย ตอนนี้ในตลาดประเทศไทยมีแบตเตอรี่ Leaf ให้เลือกสองขนาดหลักๆ คือ 40kWh และ 62kWh ขึ้นอยู่กับว่ารถคุณเป็นรุ่นปีไหนและต้องการระยะทางขับขี่แบบไหน แต่อย่าลืมว่าอากาศร้อนของไทยอาจส่งผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่ แนะนำให้ตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่เป็นประจำและหลีกเลี่ยงการจอดรถตากแดดจัดเป็นเวลานานๆ นอกจากนี้รัฐบาลไทยกำลังผลักดันเรื่องโครงสร้างพื้นฐานสำหรับรถไฟฟ้า ทั้งสถานีชาร์จและจุดรับคืนแบตเตอรี่ใช้แล้ว ทำให้ในอนาคตการเปลี่ยนแบตเตอรี่และการรีไซเคิลจะสะดวกขึ้นมาก ถ้าคุณกำลังคิดจะเปลี่ยนแบตเตอรี่ แนะนำให้ติดต่อตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ล่วงหน้าเพื่อสอบถามราคาล่าสุดและระยะเวลารอรับบริการ เพราะสต็อกแบตเตอรี่อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความต้องการ และอย่าลืมถามเกี่ยวกับโปรโมชั่นหรือส่วนลดจากทางรัฐบาลที่อาจช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ด้วย
Q
Nissan Leaf อัพเกรดแบตเตอรี่ในปีใด
Nissan Leaf ในปี 2018 ได้รับการอัปเกรดแบตเตอรี่ โดยรุ่นใหม่มาพร้อมกับแบตเตอรี่ลิเธียมขนาด 40kWh ซึ่งเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมที่ใช้แบตเตอรี่ 30kWh ทำให้ระยะทางการขับขี่เพิ่มขึ้นจาก 250 กิโลเมตรเป็นประมาณ 300 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ใช้ในไทยเพราะอากาศร้อนแอร์ต้องใช้บ่อย แบตเตอรี่ความจุมากขึ้นจะช่วยให้ตอบโจทย์การเดินทางในชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น ที่น่าสนใจคือรัฐบาลไทยมีนโยบายส่งเสริมรถ EV เช่น ลดภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต ทำให้ Leaf ในตลาดไทยมีความคุ้มค่ามากขึ้น นอกจากนี้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ของ Leaf ใช้ระบบระบายความร้อนด้วยอากาศ แม้ในสภาพอากาศร้อนของไทยอาจไม่ประสิทธิภาพเท่าระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ แต่ก็ยังใช้งานได้มั่นใจได้ในชีวิตประจำวัน ถ้าคุณกำลังมองหาซื้อ Leaf มือสอง แนะนำให้เลือกรุ่นปี 2018 เป็นต้นไปเพราะอายุแบตเตอรี่และระยะทางเมวะอย่างยิ่งกับสภาพถนนไทย โครงสร้างพื้นฐานการชาร์จในไทยกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยในกรุงเทพฯ มีสถานีชาร์จค่อนข้างมาก และ โปรโตคอล CHADEMO Fast Charge ของ Leaf ยังพบได้ทั่วไปในประเทศไทยและสามารถชาร์จไฟได้ถึง 80% ภายใน 30 นาทีซึ่งเหมาะสำหรับการเดินทางระยะสั้นในเมือง
Q
ข้อเสียของ Nissan Leaf คืออะไร?
รถยนต์ไฟฟ้า Nissan Leaf เมื่อวางตลาดในไทยจะมีจุดอ่อนหลักๆ อยู่ที่ระยะขับขี่และสถานีชาร์จ โดยรุ่นมาตรฐานตามมาตรฐาน NEDC จะวิ่งได้ประมาณ 270 กิโลเมตร แต่เมื่อใช้จริงในเมืองอาจลดลงเหลือแค่ 200 กิโลเมตร ซึ่งไม่สะดวกสำหรับการเดินทางข้ามจังหวัดหรือผู้ใช้ที่ไม่มีจุดชาร์จที่บ้าน โดยเฉพาะสภาพอากาศร้อนของไทยที่ทำให้การใช้พลังงานแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นประมาณ 10-15% และปัจจุบันสถานีชาร์จเร็วในไทยยังกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ ส่วนจังหวัดอื่นๆ ยังมีไม่ทั่วถึง นอกจากนี้พื้นที่ด้านหลังของรถยังค่อนข้างคับแคบ ซึ่งอาจไม่ตอบโจทย์การใช้งานแบบนั่งหลายคนที่นิยมในไทย แบตเตอรี่ยังมีแนวโน้มเสื่อมสภาพเร็วกว่าในเขตอากาศอบอุ่นเนื่องจากความร้อนสูง แนะนำให้เจ้าของรถในไทยจอดรถในที่ร่มและหลีกเลี่ยงการชาร์จเร็วบ่อยๆเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่
ที่น่าสนใจคือรัฐบาลไทยมีมาตรการลดภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิตสำหรับรถไฟฟ้า แต่ Leaf ในฐานะรถนำเข้ายังมีราคาสูกว่ารถยนต์น้ำมันระดับเดียวกันประมาณ 3-4 แสนบาท ต้องคำนวณดูว่าคุ้มค่าในระยะยาวหรือไม่จากระยะทางใช้งานจริง ข้อมูลจากกระทรวงพลังงานไทยแสดงว่า ค่าไฟต่อกิโลเมตรของรถไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ 0.8 บาท ซึ่งเป็นเพียง 1/3 ของรถน้ำมัน แต่ก็ต้องคำนึงถึงค่าเปลี่ยนแบตเตอรี่ในอนาคตด้วย
Q
“รถยนต์ Nissan Leaf จำเป็นต้องได้รับการบำรุงรักษาหรือไม่?”
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า Nissan Leaf ที่ใช้งานในประเทศไทย ก็จำเป็นต้องมีการดูแลรักษาตามระยะเหมือนกัน แต่ถ้าเทียบกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันแล้ว การดูแลรักษาง่ายกว่าเยอะ แค่เน้นไปที่การตรวจสอบระบบแบตเตอรี่ ระบบเบรก และระบบแอร์ก็พอ โดยสภาพอากาศร้อนๆ แบบประเทศไทย แนะนำให้ตรวจเช็คพื้นฐานทุก 1 หมื่นกิโลเมตรหรือทุก 12 เดือนครับ โดยเฉพาะระบบระบายความร้อนของแบตเตอรี่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันไม่ให้ความร้อนส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน ส่วนสภาพแวดล้อมที่ฝนตกบ่อยๆ ของไทย ก็ต้องคอยตรวจสอบระบบเบรกเป็นประจำเพื่อป้องกันความชื้นด้วย รถ EV ไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง หรือหัวเทียนเหมือนรถทั่วไป ทำให้ประหยัดค่าบำรุงไปได้ส่วนหนึ่ง แต่ก็ยังต้องคอยตรวจสอบสภาพยางรถและผ้าเบรกตามระยะอยู่ดี โชคดีที่ศูนย์บริการของนิสสันในไทยหลายๆ แห่งมีอุปกรณ์ตรวจเช็ครถ EV โดยเฉพาะ สามารถให้บริการตรวจสอบสุขภาพแบตเตอรี่ได้อย่างมืออาชีพ แนะนำให้เจ้าของรถทำตามคู่มือการดูแลรักษาอย่างเคร่งครัด เพื่อยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ตอนนี้รัฐบาลไทยก็มีมาตรการสนับสนุนรถ EV ทั้งลดภาษีและให้สิทธิพิเศษต่างๆ การมีประวัติการบำรุงรักษาที่ครบถ้วนยังช่วยให้รถมีมูลค่าสูงขึ้นเวลาขายมือสองด้วย ส่วนในชีวิตประจำวันก็ควรหลีกเลี่ยงการจอดตากแดดนานๆ หรือชาร์จไฟเร็วบ่อยเกินไป แค่นี้ก็ช่วยให้รถอยู่ในสภาพดีที่สุดแล้วล่ะ
Q
ประกันภัยของ Nissan Leaf มีราคาสูงไหม?
ในประเทศไทย Nissan Leaf ในฐานะรถยนต์ไฟฟ้า 100% มักจะมีค่าเบี้ยประกันที่สูงกว่ารถยนต์เชื้อเพลิงทั่วไปในระดับเดียวกัน สาเหตุหลักมาจากค่าแบตเตอรี่ของรถไฟฟ้าที่สูงกว่า และเทคโนโลยีการซ่อมบำรุงที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง อย่างไรก็ตาม เบี้ยประกันจริงจะแตกต่างกันไปตามประวัติการขับขี่ของเจ้าของรถ พื้นที่ใช้งาน (เช่นในกรุงเทพอาจมีเบี้ยประกันสูงกว่าภูมิภาค) และนโยบายของบริษัทประกัน ดังนั้นก่อนซื้อรถควรสอบถามราคาจากหลายบริษัทเพื่อเปรียบเทียบ นอกจากนี้ รัฐบาลไทยมีนโยบายลดภาษีและให้สิทธิประโยชน์สนับสนุนรถไฟฟ้า ซึ่งอาจส่งผลต่อกลยุทธ์การกำหนดราคาประกันทางอ้อม ที่น่าสนใจคือค่าใช้จ่ายประจำวันของรถไฟฟ้า เช่นค่าไฟและค่าบำรุงรักษามักจะถูกกว่ารถน้ำมัน เมื่อมองในระยะยาวสามารถชดเชยส่วนต่างค่าเบี้ยประกันได้บ้าง ตลาดรถไฟฟ้าในไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีที่ผ่านมา บริษัทประกันก็กำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ทำให้ในอนาคตอาจมีแผนประกันรถไฟฟ้าที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น
Q
ทำไม Nissan ถึงหยุดผลิตรถยนต์รุ่น Leaf?
Nissan ตัดสินใจหยุดผลิต Leaf เพื่อมุ่งเน้นทรัพยากรในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่เป็นหลัก โดย Leaf ในฐานะรถไฟฟ้ารุ่นแรกของโลกที่ผลิตจำนวนมากตั้งแต่เปิดตัวปี 2010 ได้สร้างชื่อเสียงในตลาดเช่นไทย แต่ด้วยเทคโนโลยีรถไฟฟ้าที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้สมรรถนะการขับขี่และความเร็วในการชาร์จเริ่มล้าหลังเมื่อเทียบกับรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Ariya ที่ Nissan เพิ่งเปิดตัว ซึ่งมาพร้อมแบตเตอรี่และแพลตฟอร์มที่ทันสมัยกว่า พร้อมระยะขับขี่เกิน 500 กิโลเมตร เหมาะกับความต้องการปัจจุบัน โดยเฉพาะในประเทศร้อนอย่างไทยที่รถไฟฟ้าต้องการระบบจัดการความร้อนและความทนทานของแบตเตอรี่ที่สูงกว่า ซึ่งรุ่นใหม่ๆก็พัฒนาจุดนี้ได้ดีขึ้น การหยุดผลิต Leaf เป็นเรื่องปกติของวงการยานยนต์ที่เทคโนโลยีต้องอัพเกรดอยู่เสมอ อนาคต Nissan วางแผนจะเปิดตัวรถไฟฟ้าหลายรุ่นที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับตลาดอาเซียน และด้วยที่ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ในภูมิภาคนี้ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่รุ่นใหม่ๆเหล่านี้จะถูกผลิตในไทย ซึ่งเป็นข่าวดีสำหรับผู้บริโภคไทยที่จะมีตัวเลือกมากขึ้น ขณะที่นโยบายอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลไทยก็จะเร่งความนิยมของเทคโนโลยีใหม่
Q
คุณควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ของ Nissan Leaf บ่อยแค่ไหน?
แบตเตอรี่ของ Nissan Leaf โดยทั่วไปจะมีอายุการใช้งานประมาณ 8-10 ปี ระยะเวลาในการเปลี่ยนจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้งานและสภาพอากาศในประเทศไทย ซึ่งอากาศที่ร้อนชื้นของไทยอาจส่งผลต่ออายุแบตเตอรี่บ้าง แต่ Leaf มีระบบจัดการความร้อนในแบตเตอรี่ที่ช่วยลดผลกระทบจากอุณหภูมิ extremes ได้ดี แนะนำให้เจ้าของรถตรวจสอบสุขภาพแบตเตอรี่เป็นประจำที่ศูนย์บริการของ Nissan เมื่อความจุแบตเตอรี่ลดลงเหลือต่ำกว่า 70% ก็สามารถพิจารณาเปลี่ยน การใช้งานประจำวันควรหลีกเลี่ยงการชาร์จเร็วบ่อยครั้งและการใช้งานจนแบตเตอรี่หมดสนิท เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ ปัจจุบันรัฐบาลไทยกำลังส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานสำหรับรถ EV ทั้งเพิ่มสถานีชาร์จและบริการรีไซเคิลแบตเตอรี่ ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้เจ้าของ Leaf ได้มาก อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ยังค่อนข้างสูง แต่ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น ราคาแบตเตอรี่ก็มีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ รวมถึงไทยยังมีนโยบายสนับสนุนรถ EV ที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้เจ้าของรถได้บ้าง
Q
ค่าใช้จ่ายในการชาร์จ Nissan Leaf รุ่นปี 2020 เท่าไหร่?
ค่าใช้จ่ายในการชาร์จรถ Nissan Leaf รุ่นปี 2020 ในประเทศไทยส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับวิธีการชาร์จและอัตราค่าไฟฟ้าในพื้นที่ หากใช้การชาร์จแบบช้าที่บ้าน (7kW) ค่าใช้จ่ายในการชาร์จแบตเตอรี่ขนาด 40kWh ให้เต็มจะอยู่ที่ประมาณ 160-240 บาท (คิดตามอัตราค่าไฟฟ้าที่ 4-6 บาทต่อหน่วย) ส่วนสถานีชาร์จเร็วสาธารณะ (เช่น EA Anywhere หรือ EV Station Thailand) จะมีราคาสูงกว่านิดหน่อยประมาณ 200-300 บาท แต่สามารถชาร์จได้ถึง 80% ในเวลาเพียง 30 นาที รัฐบาลไทยกำลังส่งเสริมให้คนใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น โดยบางห้างสรรพสินค้าและสถานีชาร์จมีบริการชาร์จฟรี แนะนำให้เจ้าของรถใช้แอปพลิเคชันเช่น PlugShare เพื่อหาจุดชาร์จที่มีโปรโมชัน
ที่น่าสนใจคือค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษารถไฟฟ้าจะถูกกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันประมาณ 30%-40% แถมประเทศไทยยังมีการลดภาษีนำเข้าและภาษีถนนสำหรับรถพลังงานใหม่ ทำให้ใช้ไปยาวๆ แล้วคุ้มค่ากว่า นอกจากนี้ระบบ e-Pedal หรือระบบเหยียบแป้นเดียวของ Leaf ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บพลังงานเมื่อขับในเส้นทางติดขัดในกรุงเทพฯ ทำให้ระยะทางจริงที่วิ่งได้ใกล้เคียง 270 กิโลเมตร (จากมาตรฐาน NEDC ที่ 311 กิโลเมตร) เหมาะกับการขับขี่ในเมือง แนะนำให้ตรวจสอบสุขภาพแบตเตอรี่เป็นประจำและหลีกเลี่ยงการชาร์จเร็วเป็นเวลานานในที่อุณหภูมิสูง เพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่
Q&A ล่าสุด
Q
Jaecoo 7 มีซันรูฟหรือไม่?
รถยนต์รุ่น Jaecoo 7 ที่วางตำแหน่งเป็น SUV ระดับพรีเมียมในตลาดประเทศไทย ได้ติดตั้งระบบซันรูฟแบบพาโนราม่าที่ไม่เพียงช่วยเพิ่มแสงสว่างภายในรถ แต่ยังมอบประสบการณ์การนั่งที่โปร่งสบายเหมาะกับสภาพอากาศร้อนของไทย โดยเฉพาะเมื่อขับชมวิวภูเขาที่เชียงใหม่หรือเส้นทางชายฝั่งพัทยา อย่างไรก็ตาม เนื่องจากประเทศไทยมีอากาศร้อนและฝนตกชุกระยะยาว ขอแนะนำให้เจ้าของรถตรวจสอบสภาพยางซีลของซันรูฟเป็นประจำ และหลีกเลี่ยงการเปิดซันรูฟทันทีหลังจากจอดรถตากแดดเป็นเวลานานเพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของชิ้นส่วนยาง นอกจากนี้ตัวแทนจำหน่ายบางแห่งอาจมีบริการอัพเกรดกระจกป้องกันรังสียูวีให้ด้วย เมื่อเทียบกับรุ่นอื่นในระดับเดียวกัน การติดตั้งซันรูฟอาจแตกต่างกันไปตามเวอร์ชัน ดังนั้นควรตรวจสอบสเปคอย่างละเอียดบนเว็บไซต์ทางการของ Jaecoo ประเทศไทย หรือทดลองสักการะที่โชว์รูมในกรุงเทพฯหรือภูเก็ตก่อนตัดสินใจ ซันรูฟจะช่วยบรรเทาความอึดอัดภายในรถในช่วงฤดูฝนได้มาก แต่ควรทราบว่ารุ่นระดับพื้นฐานบางรุ่นอาจไม่รวมฟีเจอร์นี้มาให้
Q
Jaecoo 7 มีติดตั้งกล้องหน้ารถหรือไม่?
รถยนต์ Jaecoo 7 ในรุ่นปัจจุบันยังไม่มีระบบกล้องติดรถยนต์ (dashcam) มาให้ในตัว แต่เจ้าของรถสามารถซื้ออุปกรณ์เสริมจากร้านอื่นมาติดตั้งเองได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติมากในตลาดเมืองไทย ร้านขายอุปกรณ์รถยนต์หรือเว็บขายของออนไลน์ก็มีกล้องให้เลือกเพียบ แนะนำให้เลือกรุ่นที่ถ่ายภาพความละเอียดสูงคุณภาพกลางคืนก็เห็นชัด และมีระบบบันทึกวนลูปเพื่อความปลอดภัยเวลาขับรถ ส่วนในไทยเนี่ย กล้องติดรถยนต์ถือเป็นไอเทมจำเป็นมาก เพราะช่วยบันทึกอุบัติเหตุเวลามีเรื่องรวมถึงรับมือสภาพการจราจรวุ่นวาย เช่น รถติดหนักในกรุงเทพฯ หรือมอเตอร์ไซค์ตัดหน้ากะทันหัน บางรุ่นแพงหน่อยยังมีฟังก์ชัน GPS กับระบบบันทึกตอนจอดรถเหมาะกับอากาศเมืองไทยทั้งร้อนทั้งฝน นอกจากนี้ แม้ว่ากฎหมายไทยจะไม่ได้บังคับให้ติดตั้งกล้องบันทึกการขับขี่ แต่ตํารวจมักจะอ้างอิงหลักฐานวิดีโอเมื่อจัดการกับอุบัติเหตุ ดังนั้นการติดตั้งอุปกรณ์ที่คุ้มค่าจึงเป็นทางเลือกที่ฉลาด เมื่อติดตั้งให้ใส่ใจกับการเดินสายที่ซ่อนอยู่เพื่อหลีกเลี่ยงการบดบังสายตาหรือส่งผลกระทบต่อการทํางานของถุงลมนิรภัย
Q
Jaecoo J7 เหมาะสำหรับการขับขี่แบบออฟโรดหรือไม่?
Jaecoo J7 นับเป็น SUV ที่ตอบโจทย์การขับขี่แบบ Light Off-Road ในสภาพแวดล้อมหลายภูมิประเทศของไทย ด้วยระยะความสูงจากพื้นรถขั้นต่ำ 215 มม. มุมเข้า 24 องศา และมุมออก 30 องศา ที่ออกแบบมาเพื่อรับมือกับถนนลูกรัง ทางดินลาดชัน หรือเส้นทางที่มีน้ำขังเล็กน้อยได้อย่างคล่องตัว ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะร่วมกับโหมดขับขี่หลายภูมิประเทศ (โหมดโคลน/ทราย/หิมะ) ช่วยเพิ่มความมั่นใจบนเส้นทางชนบทช่วงฤดูฝนหรือแถบภูเขาภาคเหนือ แต่อย่าลืมว่าเจ้า J7 นี้ไม่ใช่รถออฟโรดระดับฮาร์ดคอร์ ถ้าจะไปลุยดอยเชียงใหม่หรือโคลนลึกๆ แนะนำให้มองหารถที่เชี่ยวชาญด้านออฟโรดโดยเฉพาะจะเหมาะกว่า สำหรับคนไทยแล้ว จุดเด่นของ J7 อยู่ที่การผสมผสานระหว่างการใช้งานในเมืองกับทริปสั้นๆ วันหยุด เครื่องยนต์เทอร์โบ 1.6L ให้แรงบิดต่ำที่เพียงพอสำหรับการสตาร์ต-ดับเครื่องบ่อยครั้ง ส่วนระบบกล้องรอบทิศทาง 540 องศาก็ช่วยได้มากเวลาจอดในซอยแคบๆ แต่ถ้าคิดจะลุยกลางป่าหรือทางวิบากเป็นประจำ แนะนำให้อัพเกรดยาง AT และเสริมการป้องกันช่วงล่างจะดีกว่า ในตลาดไทย รุ่นใกล้เคียงมักเน้นความ Multifunctional มากกว่าการออฟโรดสุดโต่ง แนะนำให้เลือกตามความถี่ของการใช้งานจริง ถ้าแค่ลุยเบาๆ เป็นครั้งคราว J7 ก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าอยากลุยหนักจริงๆ อาจต้องมองหารถที่ออกแบบมาสำหรับออฟโรดโดยเฉพาะหรือปรับแต่งเพิ่มเติม
Q
ระยะทางของแบตเตอรี่ใน Jaecoo J7 คือเท่าไหร่?
สำหรับรถ SUV อย่าง Jaecoo J7 ที่ออกแบบมาสำหรับตลาดเกิดใหม่ ประสิทธิภาพของแบตเตอรี่จะแตกต่างกันไปตามการกำหนดค่าและสภาพการขับขี่ ในสภาพอากาศร้อนของไทยและเส้นทางแบบผสม รุ่น Pure Electric คาดว่าจะให้ระยะทางประมาณ 400-450 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) ซึ่งเพียงพอสำหรับการเดินทางในกรุงเทพฯ หรือทริปสั้นๆ ส่วนรุ่นปลั๊กอินไฮบริดนั้นสามารถวิ่งได้ไกลถึง 800 กิโลเมตรขึ้นไป เหมาะมากสำหรับคนไทยที่ชอบเดินทางไกล อย่างไรก็ตาม อากาศร้อนของไทยอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพแบตเตอรี่ แนะนำให้ตรวจสอบระบบระบายความร้อนเป็นประจำ และควรจอดรถในที่ร่มเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ ตอนนี้รัฐบาลไทยกำลังส่งเสริมรถไฟฟ้าอย่างเต็มที่ การซื้อ Jaecoo J7 รุ่นไฟฟ้าจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีสูงสุด 150,000 บาท และสถานีชาร์จในกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ๆ ก็กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้ใช้งานสะดวกขึ้นเรื่อยๆ สำหรับคนไทยที่สนใจ นอกจากจะดูตัวเลขระยะทางตามที่ประกาศแล้ว ควรคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ ด้วย เช่น การใช้แอร์ การจราจรติดขัด แนะนำให้ทดลองขับและสังเกตการทำงานของระบบจัดการแบตเตอรี่ในสภาพอากาศของไทยให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ
Q
Jaecoo J7 มีระบบช่วยจอดหรือไม่?
Jaecoo J7 ได้รับการติดตั้งระบบ Park Assist (ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ) ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ใช้งานได้จริงในสภาพแวดล้อมการจอดรถที่ซับซ้อนของเมืองไทย โดยเฉพาะในพื้นที่อย่างกรุงเทพฯ ที่ช่องจอดรถมักคับแคบ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถจอดรถแนวขนานและจอดแนวตั้งได้อย่างง่ายดาย พร้อมลดความเสี่ยงการเกิดรอยขีดข่วน ระบบ Park Assist นี้ใช้เซ็นเซอร์อัลตราโซนิกรอบคันรถเพื่อจดจำช่องจอดที่ว่างได้เอง และควบคุมพวงมาลัยเพื่อดำเนินการจอดรถอัตโนมัติ ผู้ขับขี่เพียงทำตามคำแนะนำเพื่อควบคุมเกียร์และเบรก นอกจาก Park Assist แล้ว Jaecoo J7 ยังมาพร้อมระบบช่วยขับขี่อื่นๆ เช่น กล้องรอบทิศทาง 360 องศา และระบบเตือนจุดบอด ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่บนถนนที่แออัดของไทย สำหรับผู้บริโภคไทย ฟีเจอร์ช่วยขับขี่อัจฉริยะเหล่านี้ไม่เพียงช่วยลดความเครียดในการจอดรถประจำวัน แต่ยังเหมาะกับสภาพถนนหลากหลายแบบของไทย ไม่ว่าจะเป็นถนนลื่นในช่วงฤดูฝนหรือการมองเห็นที่ลดลงในเวลากลางคืน ถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งความสะดวกและความปลอดภัย
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

Nissan Leaf รุ่นใหม่เจเนอเรชัน 3 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ – วิ่งได้ไกลกว่า 600 กม.
ณัฐวุฒิOct 10, 2025

Nissan เปิดตัว LEAF เจเนอเรชันที่ 3 เปลี่ยนโฉมจากรถแฮทช์แบ็กเป็น SUV คาดอาจนำเข้าไทยเร็ว ๆ นี้
LienJun 19, 2025

Mitsubishi จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งมาจาก Nissan Leaf ในช่วงครึ่งหลังของปี 2026
พงศธรMay 8, 2025

Nissan รถยนต์ไฟฟ้าคลาสสิก Leaf กำลังจะเปลี่ยนรุ่นเป็น SUV โดยมีระยะทางขับขี่ใกล้เคียง 600 กม.
สุรเดชMar 27, 2025

2025 รถมือสอง 10 รุ่นที่คุ้มค่าที่สุดในการซื้อ
พงศธรOct 29, 2025
ดูเพิ่มเติม


ข้อดี
ข้อเสีย