Q
EQB มีกล้อง 360 องศาหรือไม่?
สำหรับรุ่น Mercedes-Benz EQB ในตลาดไทยนั้น จะมีระบบกล้องรอบคันหรือ 360 ดีกรี ให้เลือกตามระดับเครื่องแต่งรุ่น โดยในรุ่นท็อปส่วนใหญ่มักจะติดตั้งมาพร้อมระบบนี้เป็นมาตรฐาน หรืออาจเป็นอุปกรณ์เสริมให้เลือกเพิ่ม ซึ่งระบบนี้ใช้กล้องรอบคันสร้างมุมมองแบบ Bird’s Eye View ช่วยให้ขับรถในซอยแคบๆ แบบในกรุงเทพฯ หรือจอดในลานจอดห้างที่คับขันได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะคนไทยจะชอบฟีเจอร์นี้เวลาต้องขับในหน้าฝนที่ถนนลื่น หรือเวลาจอดรถตอนกลางคืน แนะนำให้เช็ครายละเอียดเครื่องแต่งรุ่นล่าสุดในเว็บไซต์ Mercedes-Benz Thailand หรือสอบถามตัวแทนจำหน่ายท้องถิ่นก่อนซื้อ อย่างไรก็ดี รุ่นปีต่างกันอาจมีสเปคไม่เหมือนกัน เช่น รุ่นปี 2023 บางตัวจะผสานระบบกล้องรอบคันกับฟังก์ชั่นจอดรถอัตโนมัติ ขณะที่บางรุ่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อาจใช้ระบบจากผู้ผลิตต่างกัน ทำให้การแสดงผลและรายละเอียดการใช้งานอาจแตกต่าง แนะนำให้ทดลองขับดูก่อน ส่วนใครที่งบน้อยอาจพิจารณาติดตั้งระบบกล้องรอบคันภายหลังได้ แต่ต้องระวังเรื่องการรับประกันจากศูนย์ที่อาจเป็นปัญหา ทางที่ดีควรเลือกอู่ที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบกไทย เพื่อความเข้ากันได้ของระบบที่ดีกว่า
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
อันไหนใหญ่กว่ากัน EQB หรือ EQC 2023
ถ้าเทียบข้อมูลรุ่น EQB 2023 กับ Mercedes-Benz EQC จากข้อมูลที่ให้มา จะเห็นว่า EQC มีขนาดใหญ่กว่าชัดเจน รุ่น EQB 2023 ยาว 4,687 มม. กว้าง 1,834 มม. สูง 1,667 มม. ระยะฐานล้อ 2,829 มม. ส่วนรุ่น EQC ยาวถึง 4,774 มม. กว้าง 1,890 (1,923) มม. สูง 1,622 มม. ระยะฐานล้อ 2,873 มม. จะเห็นว่า EQC ด้านความยาวและระยะฐานล้อนั้นเหนือกว่า ส่วนความกว้างก็มากกว่าชัดเจน แปลว่าโดยทฤษฎีแล้ว EQC น่าจะมีพื้นที่ภายในกว้างขวางกว่า โดยเฉพาะช่วงขาหลังและพื้นที่ด้านข้างที่น่าจะดีกว่า นั่งแล้วสบายกว่า รวมถึงพื้นที่เก็บสัมภาระด้านยาวและความกว้างก็น่าจะใช้งานได้ดีกว่า แต่สุดท้ายความรู้สึกเรื่องพื้นที่ในรถก็ขึ้นอยู่กับดีไซน์และการจัดวางภายในด้วย แต่จากขนาดตัวรถเปรียบเทียบกันแบบนี้ ก็พอตัดสินได้ว่า EQC ให้พื้นที่ที่ดีกว่า
Q
เมอร์เซเดส EQB เป็นรถไฮบริดหรือไม่?
เมอร์เซเดส-เบนซ์ EQB ไม่ใช่รถยนต์ระบบไฮบริด แต่เป็น SUV ไฟฟ้า 100% ที่อยู่ในซีรีส์ EQ ของเมอร์เซเดส ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งด้านหน้าและหลัง พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมแรงดันสูง ให้ระยะขับขี่ประมาณ 419-516 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP ซึ่งเหมาะมากกับการใช้งานในเมืองและการเดินทางใกล้ๆ ในไทย โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่รถติดบ่อย จะช่วยให้คุณได้เปรียบจากความเงียบและการไม่ปล่อยมลพิษของรถไฟฟ้า แม้ว่าตอนนี้ตลาดไทยยังเน้นรถไฮบริดและน้ำมันเป็นหลัก แต่โครงสร้างพื้นฐานสำหรับรถไฟฟ้ากำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว เช่น ที่ชาร์จในห้างสรรพสินค้าและอาคารสำนักงานที่มีเพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้การใช้รถไฟฟ้าแบบ EQB สะดวกขึ้นเรื่อยๆ สำหรับคนไทย ถ้าบ้านคุณมีจุดชาร์จและขับรถในระยะไม่เกิน 300 กิโลเมตรต่อวัน EQB ก็เป็นตัวเลือกที่ทั้งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและประหยัดค่าใช้จ่าย แถมยังมีเครือข่ายบริการหลังการขายของเมอร์เซเดสในไทยที่พร้อมซัพพอร์ตคุณอีกด้วย ข้อสำคัญ รัฐบาลไทยมีนโยบายลดภาษีและให้สิทธิประโยชน์สำหรับรถไฟฟ้า ควรสอบถามดีลเลอร์ท้องถิ่นเพื่ออัปเดตโปรโมชั่นล่าสุดก่อนตัดสินใจซื้อ
Q
EQB มี 7 ที่นั่งหรือไม่?
เมอร์เซเดส-เบนซ์ EQB เป็น SUV ไฟฟ้า 100% ที่มีให้เลือกทั้งแบบ 5 ที่นั่งและ 7 ที่นั่งในตลาดไทย รุ่น 7 ที่นั่งมาจัดวางแบบ 2+3+2 เหมาะกับครอบครัวที่ต้องการพื้นที่บรรจุผู้โดยสารมากขึ้น แต่ต้องบอกเลยว่าตรงแถวที่สามจะค่อนข้างแน่น เหมาะสำหรับเด็กหรือนั่งระยะสั้นๆ ส่วนในสภาพอากาศร้อนๆ ของไทย EQB ติดตั้งซันรูฟพร้อมม่านบังแดดไฟฟ้าช่วยกันร้อนได้ดี แถมยังมีระบบแอร์อัตโนมัติ 2 โซนและช่องลมหลังเพื่อความสบายของผู้โดยสารอีกด้วย
สำหรับรถไฟฟ้าแบบ EQB นี้ในไทยจะได้สิทธิ์ลดภาษีบางส่วน แบตเตอรี่วิ่งได้ประมาณ 400 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTP) ซึ่งเพียงพอสำหรับการขับขี่ในเมืองอย่างกรุงเทพฯ แต่ถ้าจะเดินทางไกลอาจต้องวางแผนหาจุดชาร์จให้ดี โชคดีที่ EQB รองรับระบบชาร์จเร็ว แค่ 30 นาทีก็ชาร์จได้ถึง 80% แล้วตอนนี้สถานีชาร์จในเมืองใหญ่ๆ ของไทยก็เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ
ที่เด็ดกว่านั้นคือ EQB มาพร้อมระบบ MBUX ที่สามารถสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทยได้ ช่วยให้ใช้งานง่ายขึ้น ถ้าสนใจแนะนำให้ไปทดลองขับที่โชว์รูมเมอร์เซเดสในกรุงเทพฯ หรือพัทยา เพื่อลองสัมผัสพื้นที่ภายในและความรู้สึกของการขับรถไฟฟ้าโดยตรง แถมยังสามารถสอบถามโปรโมชั่นหรือสิทธิ์ลดภาษีล่าสุดได้ด้วยนะ
Q
ความแตกต่างระหว่าง Mercedes EQ EQB และ Tesla 2023 คืออะไร
ความแตกต่างระหว่าง Mercedes-Benz EQ EQB และรถยนต์ Tesla รุ่นปี 2023 ในตลาดไทยนั้นเห็นได้ชัดในเรื่องของแบรนด์ เทคโนโลยี และการใช้งาน โดย EQ EQB จากเมอร์เซเดสที่เป็นรถไฟฟ้าจากแบรนด์หรั่ง傳統นั้นเน้นความหรูหราและความสบาย เป็นรถที่ใช้วัสดุภายในค่อนข้างดี เหมาะกับคนที่ชอบความรู้สึกในการขับขี่ระดับพรีเมียม นอกจากนี้ด้วยขนาดตัวถังที่ค่อนข้างใหญ่ ก็เหมาะกับการใช้งานในครอบครัว ทั้งในเมืองและบนทางไกลในไทย ส่วน Tesla รุ่นปี 2023 นั้นขึ้นชื่อในเรื่องของเทคโนโลยีและสมรรถนะสูง พร้อมระบบขับขี่อัตโนมัติที่ล้ำสมัยและระยะทางที่ไกลกว่า เหมาะกับคนที่ชอบเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยเครือข่ายสถานีชาร์จของ Tesla ในเมืองหลักของไทยก็ค่อนข้างครอบคลุม สะดวกสบายมากกว่า ในแง่สภาพถนนไทย ระบบช่วงล่างของ EQ EQB นั้นปรับให้เหมาะกับสภาพถนนที่หลากหลาย ส่วน Tesla จะโดดเด่นในเรื่องความแรงและประสบการณ์ขับขี่อัจฉริยะ ราคาของทั้งสองคันก็แตกต่างกัน โดย EQ EQB นั้นเน้นกลุ่มลูกค้าระดับหรู ในขณะที่ Tesla จะเน้นไปที่กลุ่มคนรักเทคโนโลยี สำหรับคนไทยแล้ว การเลือกขึ้นอยู่กับความต้องการ ถ้าชอบแบรนด์ระดับพรีเมียมและความสบายก็เลือกเมอร์เซเดส แต่ถ้าอยากได้เทคโนโลยีล้ำสมัยและสมรรถนะสูง Tesla ก็เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
Q
การชาร์จ EQB 2023 ใช้เวลานานเท่าไร
เวลาชาร์จไฟของ Mercedes-Benz EQB รุ่นปี 2023 นั้นขึ้นอยู่กับวิธีการชาร์จที่ใช้ ในประเทศไทย หากชาร์จด้วย Wallbox แบบบ้านที่ความเร็ว 7.4kW จะใช้เวลาประมาณ 8-9 ชั่วโมงในการชาร์จเต็ม แต่ถ้าใช้สถานีชาร์จเร็ว DC สาธารณะแบบ 50kW จะชาร์จจาก 10% ถึง 80% ได้ในเวลาเพียง 40 นาที ส่วนถ้าใช้หัวชาร์จเร็วแบบ 100kW ที่รองรับสูงสุด ก็จะยิ่งเร็วขึ้นไปอีก เหลือเพียงประมาณ 30 นาทีเท่านั้น สภาพอากาศร้อนของไทยมีผลต่อประสิทธิภาพการชาร์จเร็วไม่มาก แต่แนะนำให้หลีกเลี่ยงการชาร์จในช่วงกลางวันที่อุณหภูมิสูงเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่
ที่น่าสนใจคือโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จในไทยกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว ห้างสรรพสินค้าชั้นนำอย่างสยามพารากอน เซ็นทรัลเวิลด์ ก็มีหัวชาร์จเร็วให้บริการแล้ว ส่วนสถานีบริการบนทางด่วนก็กำลังขยายเครือข่ายเพิ่มเติม เวลาชาร์จจริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับระดับแบตเตอรี่เริ่มต้น อุณหภูมิแวดล้อม และกำลังไฟจริงของหัวชาร์จ เจ้าของรถสามารถตรวจสอบสถานะการชาร์จแบบเรียลไทม์ผ่านแอป Mercedes ได้
สำหรับคนไทยที่วางแผนจะซื้อรถไฟฟ้า ควรพิจารณาเรื่องจุดชาร์จที่บ้านด้วย โดยผู้ที่อาศัยในคอนโดสามารถสอบถามการติดตั้ง Wallbox ส่วนตัวกับทางนิติบุคคลเพื่อความสะดวกในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการใช้งานรถไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพ
Q
EQB 2023 มีช่วงระยะทางเท่าไร
รถไฟฟ้า Mercedes-Benz EQB รุ่นปี 2023 ที่วางขายในประเทศไทยมีระยะทางขับขี่ประมาณ 360-423 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน WLTP) ซึ่งขึ้นอยู่กับขนาดแบตเตอรี่และสภาพการขับขี่ โดยโมเดล SUV ไฟฟ้ารุ่นนี้เหมาะมากสำหรับการเดินทางในเมืองและการท่องเที่ยวระยะสั้นในไทย ระบบจัดการพลังงานของ EQB สามารถปรับการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ในสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ นอกจากนี้ EQB ยังรองรับเทคโนโลยีการชาร์จเร็ว ที่สามารถชาร์จไฟได้ถึง 80% ในเวลาเพียง 30 นาที ด้วยเครือข่ายสถานีชาร์จในประเทศไทยที่กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีความได้เปรียบด้านความสะดวกเมื่อเทียบกับรถไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ ในระดับเดียวกัน
จุดที่น่าสนใจคือ สภาพอากาศร้อนของประเทศไทยมีผลกระทบต่อระยะทางขับขี่ของ EQB น้อยมาก เนื่องจากรถรุ่นนี้มาพร้อมระบบควบคุมอุณหภูมิแบตเตอรี่ที่ทันสมัย ซึ่งต่างจากรถยนต์ที่ใช้น้ำมันที่มักสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากขึ้นในสภาพอากาศร้อน ปัจจุบันรัฐบาลไทยมีมาตรการสนับสนุนรถไฟฟ้าผ่านการลดภาษี ทำให้ EQB ในฐานะรถไฟฟ้าระดับหรูได้รับประโยชน์จากนโยบายนี้ นอกจากนี้ การออกแบบภายในที่รองรับผู้โดยสารได้ถึง 7 ที่นั่ง และระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะยังตอบโจทย์การใช้งานของครอบครัวไทยเป็นอย่างดี เมื่อเทียบกับรถไฟฟ้าราคาใกล้เคียงกันแล้ว EQB มีจุดเด่นทั้งในด้านความหรูหราและประโยชน์ใช้สอยที่ครบครันกว่า
Q
เมอร์เซเดส EQB 2023 ราคาเท่าไหร่
ราคาประจำปี 2023 ของ Mercedes-Benz EQB ในประเทศไทยเริ่มต้นที่ 2,990,000 บาท (ราคาอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับอุปกรณ์เสริมและโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่าย) สำหรับ EQB รุ่นนี้เป็น SUV ไฟฟ้าขนาดกะทัดรัดจากตระกูล EQ โดยในตลาดไทยมีให้เลือก 2 รุ่นคือ EQB 250+ และ EQB 300 4MATIC ที่ให้ระยะทางสูงสุด 423 กม. และ 419 กม. ตามมาตรฐาน WLTP เหมาะสำหรับการเดินทางในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ผู้ซื้อในไทยจะได้รับสิทธิประโยชน์จากมาตรการสนับสนุนรถ EV ของรัฐบาล รวมถึงการลดภาษีนำเข้า และบางตัวแทนยังมีบริการติดตั้งสถานีชาร์จให้ด้วย
จุดเด่นของ EQB คือการออกแบบห้องโดยสารแบบ 7 ที่นั่ง (รุ่น 300 เป็นแบบ 5 ที่นั่ง) พร้อมระบบ MBUX ที่รองรับการควบคุมด้วยเสียงภาษาไทย เมื่อเทียบกับรถไฟฟ้ารุ่นอื่นในระดับเดียวกัน EQB มีความเหนือชั้นในเรื่องแบรนด์และความหรู แต่การใช้งานอาจต้องพึ่งพาสถานีชาร์จของเครือข่ายในไทย แนะนำให้ผู้สนใจเช็คโปรโมชั่นล่าสุดผ่านเว็บไซต์ Mercedes-Benz Thailand และนัดทดลองขับเพื่อสัมผัสประสบการณ์การขับขี่แบบไฟฟ้า
Q&A ล่าสุด
Q
"Audi RS 8 2025 มีกำลังเครื่องยนต์เท่าไหร่?"
Audi RS 8 รุ่นปี 2025 คาดว่าจะมาพร้อมเครื่องยนต์ V8 4.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ Twin-Turbo ที่ได้รับการอัพเกรดแล้ว ซึ่งสามารถผลิตกำลังสูงสุดได้ถึง 630 แรงม้า และแรงบิดประมาณ 850 นิวตันเมตร ทำงานคู่กับเกียร์ Tiptronic 8 สปีดและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro โดยสามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.5 วินาที รถยนต์สมรรถนะสูงคันนี้ไม่เพียงแต่ทรงพลัง แต่ยังติดตั้งเทคโนโลยีช่วงล่างขั้นสูงและการออกแบบอากาศพลศาสตร์ที่ช่วยให้มั่นใจในความมั่นคงขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง สำหรับในไทยแล้ว สเปคแบบนี้เหมาะมากสำหรับการขับบนทางด่วนหรือถนนเร็วในเมือง โดยเฉพาะทางยกระดับอย่างถนนรอบกรุงเทพฯ ที่สามารถมอบประสบการณ์การขับขี่แบบ Passion Driving ส่วนเรื่องความหรูหราและสมรรถนะนั้น RS 8 ก็ยังคงรักษามาตรฐานของซีรีส์ RS ไว้อย่างครบถ้วน โดยอาจเพิ่มเติมระบบเบรกคาร์บอนเซรามิก ดิฟเฟอเรนเชียลสปอร์ต และระบบช่วงล่างปรับได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมรถให้ดียิ่งขึ้น ถ้าชอบรถสปอร์ตระดับนี้ ลองมองตัวเลือกอื่นอย่าง BMW M5 หรือ Mercedes-AMG E63 S ด้วยก็ได้ เพราะทั้งสองคันนี้ก็มีสเปคแรงไม่เบา แถมยังมีสไตล์การขับและฟีลลิ่งเฉพาะตัวที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
Q
2025 RS Q8 เป็นรถไฮบริดหรือไม่?
ตอนนี้ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจากออดี้ว่า Audi RS Q8 รุ่นปี 2025 จะเป็นรถระบบไฮบริดหรือไม่ แต่ถ้าดูจากแผนการผลิตรถพลังงานไฟฟ้าของออดี้ในช่วงหลังๆ รวมถึงแนวโน้มของซีรีส์ RS แล้ว โอกาสสูงที่ SUV ประสิทธิภาพสูงรุ่นนี้น่าจะมาพร้อมกับระบบไฮบริดแบบ 48V หรือปลั๊กอินไฮบริด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันและการตอบสนองกำลังขับ คล้ายกับเทคโนโลยีไฮบริดใน RS 6/7 รุ่นปัจจุบัน สำหรับตลาดไทย รถสปอร์ตไฮบริดแบบนี้ตอบโจทย์ทั้งความสนุกในการขับและกฎหมายการปล่อยมลพิษที่เข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในเมืองที่ต้องสตาร์ท-สต็อปบ่อย ระบบไฮบริดมักใช้มอเตอร์ไฟฟ้าช่วยเครื่องยนต์เทอร์โบ ลดอาการทอร์โบแล็กและเพิ่มแรงบิดตอนความเร็วต่ำ แม้การออกแบบแบตเตอรี่อาจทำให้พื้นที่กระโปรงหลังลดลงนิดหน่อยแต่ยังใช้งานได้ดีอยู่ ถ้าสนใจรถที่บาลานซ์ระหว่างสมรรถนะกับสิ่งแวดล้อม ลองติดตามรุ่นแข่งอย่าง Cayenne Turbo E-Hybrid หรือ BMW X5 M60i ที่กำลังจะเปิดตัว ซึ่งแต่ละค่ายมีแนวทางพัฒนาเทคโนโลยีไฮบริดของเยอรมันที่แตกต่างกันออกไป
Q
RS Q8 เร็วกว่า Urus หรือไม่?
แม้ Audi RS Q8 และ Lamborghini Urus จะใช้แพลตฟอร์ม MLB Evo ร่วมกันและติดตั้งเครื่องยนต์ V8 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่ แต่การตั้งค่าประสิทธิภาพนั้นแตกต่างกัน โดย RS Q8 สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 3.8 วินาที และมีความเร็วสูงสุดที่ 305 กม./ชม. ส่วน Urus ด้วยกำลังส่งที่ดุดันกว่า (650 แรงม้า) และการออกแบบที่เน้นน้ำหนักเบา ทำให้เร่งความเร็วได้เร็วเพียง 3.6 วินาที และมีความเร็วสูงสุดที่ 305 กม./ชม. (รุ่น Performante สามารถทำได้ถึง 310 กม./ชม.) ในสภาพอากาศร้อนของไทย รถทั้งสองคันนี้ต่างติดตั้งระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ Urus จะได้เปรียบในวันแข่งบนสนามหรือการเข้าโค้งบนถนนภูเขาด้วยเบรกคาร์บอนเซรามิกและระบบกันโคล้นแบบแอคทีฟ
สิ่งที่ควรสังเกตคือประสบการณ์การขับขี่ในชีวิตประจำวันของ SUV ประสิทธิภาพสูงเหล่านี้ขึ้นอยู่กับการเลือกโหมดการขับขี่มากกว่า โดยโหมดสบายๆ ของ RS Q8 เหมาะกับการจราจรที่ติดขัดในกรุงเทพฯ ในขณะที่ Urus แม้อยู่ในโหมดเมืองก็ยังให้ความรู้สึกแข็งกระด้างกว่า นอกจากนี้รถทั้งสองคันรองรับน้ำมันเบนซิน 95 แต่แนะนำให้ใช้ 98 เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นข้อควรพิจารณาเกี่ยวกับคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงในท้องถิ่น
Q
Q8 ใหญ่กว่า Q7 ไหม?
แม้ Audi Q8 และ Q7 จะอยู่ในกลุ่ม SUV ขนาดกลาง-ใหญ่เหมือนกัน แต่การออกแบบและกลุ่มเป้าหมายต่างกันชัดเจน Q8 ในฐานะรถฟลักชิปคูเป้ SUV ของแบรนด์ มีความยาวตัวรถ (ประมาณ 5 เมตร) สั้นกว่า Q7 (ประมาณ 5.06 เมตร) เล็กน้อย แต่ด้วยดีไซน์ตัวถังที่กว้างกว่า (1995 มม.) และต่ำกว่า (1710 มม.) แบบสไตล์สโลปหลังคา ทำให้ดูกว้างและสปอร์ตกว่าส่วน Q7 ยังคงดีไซน์ SUV แบบดั้งเดิมที่มีส่วนหลังคาสูง (1741 มม.) ให้พื้นที่เหนือศีรษะในแถวที่สามมากกว่า ทั้งสองรุ่นมีทั้งเครื่องยนต์ 2.0T และ 3.0T ให้เลือก แต่ Q8 มาตรฐานมาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro และระบบช่วงล่างปรับอากาศ ซึ่งตั้งค่าเน้นการขับขี่สมรรถนะสูง ในขณะที่ Q7 เน้นความสบายสำหรับครอบครัวมากกว่า ในสภาพการจราจรติดขัดของกรุงเทพฯ Q8 จะมีความคล่องตัวและการทำงานที่ลื่นไหลของระบบ Start-Stop ที่ดีกว่า แต่ Q7 มีระบบเก้าอี้ระบายอากาศและม่านบังแดดหลังซึ่งเหมาะกับสภาพอากาศร้อนมากเป็นพิเศษ ควรระวังว่า SUV ประเภทนี้ในช่วงฤดูฝนหากต้องขับลุยน้ำ แนะนำให้เลือกชุดยกตัวรถจากศูนย์ และควรล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ำบนหลังคากันน็อคเป็นประจำเพื่อป้องกันการอุดตัน โดยศูนย์บริการท้องถิ่นมักมีบริการตรวจเช็คฟรีให้ด้วย
Q
Audi กำลังจะหยุดการผลิต Q8 หรือไม่?
ปัจจุบัน Audi ยังไม่ได้ประกาศหยุดผลิตรุ่น Q8 อย่างเป็นทางการ SUV หรูหรารุ่นนี้ยังคงเป็นส่วนสำคัญของสายผลิตภัณฑ์เรือธงของแบรนด์ โดยที่ตัวแทนจำหน่ายในท้องถิ่นยังสามารถสั่งซื้อรุ่นปีล่าสุดได้ จากแนวโน้มตลาดพบว่า SUV หรูขนาดใหญ่ได้รับความนิยมในภูมิอากาศเขตร้อน โดย Q8 ด้วยระบบช่วงล่างอากาศและเทคโนโลยี quattro ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อถาวรที่ยอดเยี่ยม ทำให้สามารถปรับตัวได้ดีกับสภาพอากาศฝนตกและถนนที่หลากหลาย ควรสังเกตว่า Audi กำลังเร่งเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้าในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งอาจปรับสมดุลสายผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น การเปิดตัวรุ่น SUV ไฟฟ้า Q8 e-tron เป็นทางเลือกเสริม สำหรับผู้บริโภคที่ชื่นชอบ SUV หรูสไตล์เยอรมัน นอกจากจะสนใจ Q8 แล้ว ยังสามารถติดตามรุ่นพลังงานใหม่ที่กำลังจะออกสู่ตลาดได้ ซึ่งรถเหล่านี้มักติดตั้งระบบปรับอากาศและระบบจัดการความร้อนแบตเตอรี่ที่ทันสมัยกว่า เหมาะสมเป็นพิเศษสำหรับการใช้ในสภาพอากาศร้อน แนะนำให้ผู้ที่สนใจติดต่อตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตโดยตรงเพื่อขอข้อมูลสต็อกและค่าประกอบล่าสุด โดยบางโชว์รูมยังมีบริการทดลองขับเพื่อสัมผัสสมรรถนะของรถด้วยตนเอง
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

โรงงาน Mercedes-Benz Vitoria เริ่มการผลิต VLE ก่อนกำหนด รถรุ่นใหม่จะเปิดตัวในปี 2026
วิรุฬห์Sep 26, 2025

Mercedes-Benz V12เครื่องยนต์ผ่านมาตรฐานกฎหมายEURO 7 และจะยังคงถูกเก็บรักษาไว้ในอนาคต
สุรเดชSep 9, 2025

Mercedes-Benz ถอนการถือหุ้นทั้งหมดใน Nissan พร้อมขายหุ้นได้เงินสด 47.8 พันล้านเยน
สุรเดชAug 28, 2025

Mercedes-Benz เตรียมลุยตลาดเต็มสูบ! ปี 2026 เปิดตัวรถใหม่ถึง 18 รุ่น
AshleyAug 6, 2025

Mercedes-AMG กำลังพัฒนาซูเปอร์คาร์ V8 เพื่อท้าทาย Porsche 911 GT3 RS
Kevin WongJul 28, 2025
ดูเพิ่มเติม


ข้อดี
ข้อเสีย