Q
วิธีเปลี่ยนแบตเตอรี่กุญแจรถ Ford Mammoth
วิธีเปลี่ยนแบตเตอรี่กุญแจรถ Ford Mammoth Roller Coaster นั้นง่ายมาก ก่อนอื่นต้องเตรียมแบตเตอรี่แบบปุ่มกดรุ่น CR2032 ซึ่งหาซื้อได้ทั่วไปตามห้างสรรพสินค้าหรือร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในไทย จากนั้นใช้ไขควงเล็กหรือเหรียญงัดที่ร่องด้านข้างของกุญแจเพื่อเปิดฝาออก แล้วนำแบตเตอรี่เก่าออกและใส่แบตเตอรี่ใหม่เข้าไป ระวังให้ด้านบวกหงายขึ้นด้านบน เสร็จแล้วปิดฝาให้แน่น เท่านี้ก็เรียบร้อยครับ ในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย แนะนำให้ตรวจสอบแบตเตอรี่กุญแจทุก 1-2 ปี เพื่อป้องกันปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมหรือไฟหมดจนใช้การไม่ได้ ถ้าสังเกตว่ากดรีโมทแล้วส่งสัญญาณได้ไม่ไกลหรือตอบสนองช้าลง นั่นคือสัญญาณว่าถึงเวลาเปลี่ยนแบตเตอรี่แล้ว
เวลาปกติควรหลีกเลี่ยงการวางกุญแจไว้ในที่ร้อนจัด เช่น ไม่ควรทิ้งไว้บนแผงหน้าปัดรถที่จอดตากแดด เพราะจะช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ได้ นอกจากนี้รถ Ford บางรุ่นยังมีระบบแจ้งเตือนเมื่อแบตเตอรี่กุญแจอ่อน ถ้าขึ้นสัญลักษณ์เตือนบนหน้าปัดควรรีบเปลี่ยนทันที หรือถ้าไม่มั่นใจก็สามารถไปที่ศูนย์บริการ Ford ได้ ช่างจะใช้เครื่องมือตรวจเช็คสภาพแบตเตอรี่และความแรงสัญญาณให้ฟรี
ข้อควรระวังคือกุญแจรถ Mammoth Roller Coaster แต่ละปีอาจใช้กุญแจคนละแบบกัน โดยเฉพาะรุ่นท็อปที่มีกุญแจอัจฉริยะที่อาจต้องมีการตั้งค่าพิเศษหลังเปลี่ยนแบตเตอรี่ กรณีนี้แนะนำให้ให้ช่างผู้ชำนาญทำจะดีกว่า เพื่อความมั่นใจว่ากุญแจจะทำงานปกติทุกฟังก์ชั่น
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
วิธีการเปิดฝากระโปรง Ford Everest
การเปิดฝากระโปรงหน้ารถ Ford Everest นั้นง่ายมากครับ ขั้นแรกให้มั่นใจว่ารถอยู่ในสภาวะดับเครื่องและจอดบนพื้นเรียบ จากนั้นให้มองหาแถบดึงปลดล็อกฝากระโปรงที่บริเวณเท้าคนขับด้านซ้าย มักจะอยู่ใต้พวงมาลัยด้านซ้ายหรือด้านข้างแผงหน้าปัด ค่อยๆ ดึงแถบนี้จะได้ยินเสียงฝากระโปรงหลุดออก แล้วเดินไปที่หน้าตัวรถ จะพบสลักนิรภัยอยู่ตรงกลางใต้ฝากระโปรง ให้ใช้นิ้วดันสลักขึ้นด้านบนพร้อมกับยกฝากระโปรง ถ้ารู้สึกหนักเกินไปสามารถใช้ค้ำยันช่วยได้ ในสภาพอากาศร้อนของไทยแนะนำให้ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นและน้ำมันเครื่องเป็นประจำ โดยเฉพาะก่อนเดินทางไกล ภายในห้องเครื่องของ Everest นั้นจัดวางอย่างเป็นระบบ ช่วยให้เจ้าของรถตรวจเช็คพื้นฐานได้สะดวก แต่ถ้าพบเสียงผิดปกติหรือมีรอยรั่วของน้ำมันเครื่อง แนะนำให้รีบติดต่อศูนย์บริการฟอร์ดประเทศไทยเพื่อตรวจเช็คอย่างมืออาชีพ จะได้หลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจลุกลามในสภาพอากาศร้อน แถมช่วงฤดูฝนของไทยต้องระวังเรื่องใบไม้และเศษขยะในห้องเครื่องด้วย ควรทำความสะอาดและตรวจสอบท่อระบายน้ำให้โล่งอยู่เสมอ การดูแลรายละเอียดเล็กน้อยแบบนี้จะช่วยยืดอายุการใช้งานรถได้
Q
ยาว Ford Everest เท่าไหร่
รถ Ford Everest มีความยาวตัวรถประมาณ 4914 มิลลิเมตร เป็น SUV ขนาดกลางที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดไทย โดยเฉพาะสำหรับครอบครัวหรือการขับขี่ออฟโรด ด้วยพื้นที่ภายในที่กว้างขวางและสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ทรงพลัง ทำให้ตอบโจทย์สภาพถนนที่หลากหลายของไทยได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในเมืองหรือเส้นทางลูกรังในชนบท ก็ขับเคลื่อนได้อย่างมั่นใจ นอกจากนี้ Everest ยังมาพร้อมกับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัยอันทันสมัย เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติและระบบเตือนจุดบอด ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการขับขี่บนท้องถนนที่ค่อนข้างวุ่นวายของไทย ส่วนระยะช่วงล่างที่สูงและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ก็ทำให้การขับขี่ในฤดูฝนหรือเส้นทางที่ไม่ใช่ถนนลาดยางเป็นเรื่องง่าย เหมาะสมกับสภาพอากาศและภูมิประเทศที่หลากหลายของไทยเป็นพิเศษ ถ้าสนใจรถ Everest แนะนำให้ไปทดลองขับที่ตัวแทนจำหน่ายใกล้บ้าน เพื่อสัมผัสความสบายและสมรรถนะการขับขี่ด้วยตัวเอง พร้อมทั้งสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์เฉพาะสำหรับตลาดไทย เช่น ระบบปรับอากาศที่ออกแบบมาสำหรับภูมิอากาศแบบร้อน หรือแผนบริการหลังการขายที่ตอบโจทย์คนไทยโดยเฉพาะ
Q
Ford Everest 2022 มีสีอะไรบ้าง
Ford Everest รุ่นปี 2022 ในตลาดไทยมีตัวเลือกสีสันที่หลากหลายและทันสมัยมาให้เลือกกัน ไม่ว่าจะเป็น Meteor Grey (สีเทาอุกกาบาต) ที่ดูคลาสสิกและหรูหรา Aluminium Metallic (สีอะลูมิเนียมเมทัลลิก) ที่ให้ความรู้สึกโมเดิร์น Equinox Bronze (สีบรอนซ์อิควิน็อกซ์) ที่มีความพิเศษเฉพาะตัว Absolute Black (สีดำสนิท) ที่เรียบหรูและเข้ากับทุกสไตล์ Snow Flake White Pearl (สีขาวไข่มุก) ที่ดูสะอาดตาและหรูหรา หรือจะเป็น Luxe Yellow (สีเหลือง Luxury) ที่โดดเด่นสะดุดตา สีเหล่านี้ไม่เพียงตอบโจทย์ความชอบของลูกค้าแต่ละคน แต่ยังเหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย โดยเฉพาะสีเมทัลลิกและสีไข่มุกที่มีความทนทานต่อสภาพอากาศและรังสียูวีเป็นพิเศษ
ในประเทศไทยการเลือกสีรถนอกจากจะขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวแล้ว ยังต้องคำนึงถึงเรื่องมูลค่าการขายต่อและความสะดวกในการดูแลรักษาด้วย เช่น สีอ่อนในเขตร้อนจะดูแลง่ายกว่าและความร้อนภายในรถน้อยกว่าสีเข้มที่ต้องดูแลทำความสะอาดบ่อยกว่า Ford Everest ในฐานะ SUV เอนกประสงค์ การออกแบบสียังคำนึงถึงความทันสมัยสำหรับการขับขี่ในเมืองและความ практиงาตสำหรับการใช้งานกลางแจ้ง แนะนำให้ลูกค้าเลือกสีรถตามลักษณะการใช้งานและความสะดวกในการดูแลรักษา พร้อมทั้งควรทำการเคลือบแว็กซ์หรือเคลือบสีเป็นประจำเพื่อรักษาความสวยงามของสีรถให้ทนทานยิ่งขึ้น
Q
วิธีสตาร์ทฟอร์ด Everest ด้วยกุญแจ
การสตาร์ทรถ Ford Everest ด้วยกุญแจนั้นทำได้ง่ายมาก ขั้นแรกให้แน่ใจว่ารถอยู่ในตำแหน่งจอด (เกียร์ P) จากนั้นนำกุญแจสอดเข้าไปในช่องกุญแจด้านขวาของพวงมาลัย แล้วหมุนตามเข็มนาฬิกาไปที่ตำแหน่ง "ON" หน้าปัดจะสว่างขึ้นและทำการตรวจสอบระบบเอง จากนั้นหมุนกุญแจต่อไปยังตำแหน่ง "START" เมื่อเครื่องยนต์ทำงานแล้วก็ปล่อยกุญแจได้เลย ในสภาพอากาศร้อนของไทยแนะนำให้รอสักครู่หลังสตาร์ทเพื่อให้น้ำมันเครื่องไหลเวียนเต็มที่ก่อนออกรถ จะช่วยถนอมเครื่องยนต์ได้ดีขึ้น ถ้าพบปัญหาสตาร์ทไม่ติด อาจเป็นเพราะแบตเตอรี่หมดหรือชิปในกุญแจมีปัญหา ลองตรวจสอบขั้วแบตเตอรี่หรือใช้กุญแจสำรองดู ระบบกุญแจอัจฉริยะของ Ford Everest ในสภาพแวดล้อมชื้นของไทยควรระวังเรื่องน้ำโดนกุญแจ เพราะอาจทำให้ส่งสัญญาณไม่ดี เวลาซ่อมบำรุงทั่วไปควรตรวจสอบระบบสตาร์ทและสภาพแบตเตอรี่เป็นประจำ เพื่อให้มั่นใจว่ารถพร้อมสตาร์ทได้ทุกเวลาโดยเฉพาะเมื่อขับบนเส้นทางภูเขาในไทย ถ้าไม่ได้ใช้รถเป็นเวลานาน อาจถอดขั้วลบของแบตเตอรี่ออกเพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่
Q
รถ Ford Everest ติดเครื่องยนต์อะไร
Ford Everest ในตลาดไทยมาพร้อมกับเครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูง 2 แบบหลักๆ คือเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร EcoBlue เทอร์โบคู่ และเครื่องยนต์เบนซิน 2.3 ลิตร EcoBoost เทอร์โบ โดยรุ่นดีเซลให้กำลังสูงสุด 213 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ที่ทั้งแรงและประหยัดน้ำมัน เหมาะกับสภาพถนนหลากหลายในไทย ส่วนรุ่นเบนซินให้กำลัง 281 แรงม้า สำหรับคนชอบความแรงในการเร่ง ทั้งสองรุ่นผ่านมาตรฐานสิ่งแวดล้อมของไทย นอกจากนี้ Everest ยังติดตั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะและโหมดขับขี่หลายรูปแบบ ช่วยให้ขับผ่านทั้งถนนลื่นช่วงฝนตกหรือทางเขาชันได้สบายๆ SUV แบบนี้กำลังฮิตในไทยเพราะใช้งานได้ทั้งในเมืองและทริปครอบครัว รุ่นคู่แข่งอย่าง Toyota Fortuner และ Mitsubishi Pajero Sport ก็ใช้แนวคิดเครื่องยนต์คล้ายๆ กัน ลูกค้าเลือกได้ตามความชอบว่าจะเอารุ่นดีเซลที่เงียบหรือเบนซินที่แรงกว่า
Q
วิธีการเปิดถังน้ำมัน Ford Everest
การเปิดฝาถังน้ำมันของ Ford Everest ทำได้ง่ายมาก โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนของไทยที่ต้องระวังเรื่องรายละเอียดการใช้งาน ขั้นแรกให้ตรวจสอบว่าตัวรถอยู่ในสถานะปลดล็อกแล้ว จากนั้นกดที่ขอบด้านขวาของฝาถังน้ำมันเพื่อเปิดออก สำหรับรุ่นท็อปบางรุ่นยังมีฟังก์ชันเปิดแบบไม่ต้องสัมผัส แค่ถือกุญแจเข้าใกล้บริเวณฝาถังน้ำมันแล้วกดเบาๆ ที่ขอบฝา ระบบจะปลดล็อกให้อัตโนมัติ ซึ่งการออกแบบนี้สะดวกมากในช่วงฤดูฝนหรือเวลาที่มือทั้งสองถือของ ข้อควรระวังในไทยที่ปั๊มส่วนใหญ่เป็นระบบบริการตนเอง แนะนำให้ดับเครื่องยนต์แล้วรอสัก 30 วินาทีก่อนเปิดฝาถังน้ำมัน เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันกระเด็นออกเนื่องจากความดันที่เหลืออยู่ในระบบ ในเวลาเดียวกันพอร์ตถังน้ำมันของ Everest ใช้การออกแบบป้องกันข้อผิดพลาดบวกได้อย่างมีประสิทธิภาพสามารถป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดบวกดีเซล ซึ่งมีประโยชน์มากในไทยที่ปั๊มส่วนใหญ่มีทั้งน้ำมันเบนซินและดีเซล แนะนำให้ตรวจสอบสภาพยางซีลของฝาถังน้ำมันเป็นประจำ โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทยที่อาจทำให้ยางแข็งตัวและเกิดการรั่วของไอน้ำมัน ซึ่งทั้งส่งผลต่อการสิ้นเปลืองน้ำมันและอาจเป็นอันตรายได้ ถ้าพบว่าฝาเปิดปิดไม่ลื่นไหล ให้ทาวาสลีนเล็กน้อยที่บริเวณบานพับเพื่อช่วยหล่อลื่น
Q
Ford Everest มีที่นั่งกี่ที่
Ford Everest เป็น SUV ขนาดกลาง-ใหญ่ที่ได้รับความนิยมในตลาดไทย มีให้เลือกทั้งแบบ 7 ที่นั่งและ 5 ที่นั่ง โดยรุ่น 7 ที่นั่งจะมีการจัดวางแบบ 2+3+2 แถวที่นั่งสองสามารถเลื่อนไปมาได้และพับเก็บได้ในสัดส่วน 60:40 ส่วนแถวสามเหมาะสำหรับนั่งระยะสั้นหรือเด็กๆ การออกแบบพื้นที่ภายในที่ยืดหยุ่นแบบนี้ตอบโจทย์ครอบครัวไทยที่ชอบออกทริปสุดสัปดาห์หรือต้องเดินทางพร้อมผู้โดยสารหลายคน ที่สำคัญถึงแม้จะใช้งานแบบ 7 ที่นั่งเต็มความจุ กระโปรงหลังของ Everest ยังสามารถบรรจุกระเป๋าเล็กๆ ได้ และหากพับแถวที่นั่งสามลงทั้งหมดก็จะได้พื้นที่เก็บสัมภาระเพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นจุดเด่นที่เหนือกว่าคู่แข่งในตลาดไทยระดับเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์อำนวยความสะดวกอย่างช่องลมแอร์และพอร์ต USB สำหรับผู้โดยสารแถวหลัง โดยรุ่นท็อปยังมีระบบควบคุมแอร์แยกสำหรับแถวหลังเพื่อตอบสนองสภาพอากาศร้อนของไทย ซึ่งการออกแบบรายละเอียดเหล่านี้แสดงถึงความเข้าใจในความต้องการของผู้ใช้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างลึกซึ้ง สำหรับผู้บริโภคไทยที่มักต้องเดินทางพร้อมผู้โดยสารเกิน 5 คนขึ้นไป Everest รุ่น 7 ที่นั่งนับเป็นตัวเลือกที่ใช้งานได้จริงมากกว่า
Q
Ford Everest 2022 จะเปิดตัวเมื่อไหร่
รถยนต์ Ford Everest รุ่นปี 2022 เปิดตัวในตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนพฤษภาคม 2022 โดย SUV ระดับกลางรุ่นนี้มาพร้อมกับตัวเลือกเครื่องยนต์ดีเซล 2 ประเภท ได้แก่ เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซล V6 เทอร์โบชาร์จ 3.0 ลิตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อน 2 แบบคือ 4WD และ RWD เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค ในตลาดไทย Everest ได้รับความสนใจอย่างมากจากสมรรถนะออฟโรดที่ยอดเยี่ยมและพื้นที่ภายในที่กว้างขวาง โดยเฉพาะความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่หลากหลายของไทยและความต้องการใช้งานสำหรับครอบครัว รุ่นใหม่นี้ยังได้รับการอัปเกรดระบบสารสนเทศความบันเทิง SYNC 4 พร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 12 นิ้ว และเพิ่มฟังก์ชันช่วยเหลือผู้ขับขี่ต่างๆ เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติและระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่มากขึ้น โดยในตลาดไทย Ford Everest มีคู่แข่งสำคัญอย่าง Toyota Fortuner และ Isuzu MU-X แต่ด้วยพลังขับเคลื่อนที่แข็งแกร่งและอุปกรณ์ครบครัน ทำให้ Everest ยังคงมีความสามารถในการแข่งขันสูงในตลาด SUV ระดับกลาง สำหรับผู้บริโภคไทย รถรุ่นนี้ไม่เพียงเหมาะสำหรับการใช้งานในเมือง แต่ยังสามารถตอบโจทย์การเดินทางบนถนนชนบทหรือท่องเที่ยวระยะไกลได้เป็นอย่างดี ถือเป็นตัวเลือก SUV ที่ใช้งานได้จริงและคุ้มค่าอย่างแท้จริง
Q
Ford Everest ผลิตที่ไหน
รถ Ford Everest ในปัจจุบันมีการผลิตในหลายประเทศ รวมถึงไทย จีน อินเดีย และเวียดนาม สำหรับตลาดไทยนั้น Everest ส่วนใหญ่ผลิตมาจากโรงงานฟอร์ดที่จังหวัดระยอง ซึ่งถือเป็นฐานการผลิตสำคัญของฟอร์ดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โรงงานแห่งนี้ใช้มาตรฐานการผลิตระดับโลก เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์มีคุณภาพตรงตามความต้องการของตลาดไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รถ Everest ที่ผลิตในไทยนอกจากจะจัดจำหน่ายในประเทศแล้ว ยังส่งออกไปยังตลาดใกล้เคียงอีกด้วย รุ่นนี้ค่อนข้างได้รับความนิยมในไทย เพราะตอบโจทย์ทั้งการขับเคลื่อนออฟโรดและความประหยัดพื้นที่สำหรับครอบครัว เหมาะกับสภาพถนนหลากหลายแบบของไทย Everest เวอร์ชั่นไทยมักติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0L และมีตัวเลือกการจัดสรรค์หลายแบบ รวมทั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะและเทคโนโลยีความปลอดภัยครบครัน ผู้บริโภคไทยยังได้ประโยชน์จากเครือข่ายบริการหลังการขายที่มีประจำท้องถิ่น ทั้งการบำรุงรักษาตามระยะและอะไหล่พร้อมจำหน่าย นอกจากนี้ ไทยเป็นตลาดรถพวงมาลัยขวา Everest จึงถูกออกแบบให้เหมาะสมกับตลาดนี้โดยเฉพาะ เช่น ตำแหน่งพวงมาลัยและการตั้งค่าแสงสว่าง สิ่งที่น่าสนใจคือนโยบายภาษีของรัฐบาลไทยสำหรับรถกระบะและ SUV ที่มีผลต่อราคาและการวางตำแหน่งตลาดของ Everest ในไทยด้วย
Q
ความแตกต่างระหว่าง Ford Everest Trend และ Titanium
สำหรับตลาดไทย ฟอร์ด Everest รุ่น Trend และ Titanium มีความแตกต่างหลักในเรื่องของอุปกรณ์และความหรูหรา โดยรุ่น Trend เป็นเวอร์ชันเริ่มต้นแต่จัดเต็มมาด้วยอุปกรณ์พื้นฐานที่ครบครัน เช่น ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว จอทัชสกรีน 8 นิ้ว กล้องถอยหลัง แอร์ออโต้ ขณะที่รุ่น Titanium จะอัพเกรดขึ้นไปอีกด้วยล้อขนาด 20 นิ้ว หลังคาพานอรามา ระบบเสียง B&O 10 ลำโพง ประตูท้ายไฟฟ้า หนังหุ้มเบาะ และระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ Ford Co-Pilot360 เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเทคโนโลยีและความสบายระดับพรีเมียม ทั้งสองรุ่นใช้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร และเกียร์ออโต้ 10 สปีดเหมือนกัน ให้สมรรถนะการขับขี่ที่เท่ากัน แต่ในสภาพอากาศร้อนของไทย ฟีเจอร์ระบายอากาศบนเบาะหน้าของรุ่น Titanium ถือเป็นจุดเด่นที่ใช้งานได้จริง ทั้งคู่ได้รับการปรับเซตติ้งช่วงล่างให้เหมาะกับถนนไทย โดยมีความสูงช่วงล่าง 225 มม. พร้อมรับมือกับเส้นทางลูกรังในบางพื้นที่ ลูกค้าสามารถเลือกได้ตามงบประมาณและความต้องการ โดยรุ่น Trend ให้ความคุ้มค่า ส่วนรุ่น Titanium นั้นตอบโจทย์ประสบการณ์การขับขี่ระดับหรูอย่างครบวงจร
Q&A ล่าสุด
Q
ราคา BYD SEALION 7 เท่าไหร่
รถ BYD Sealion 7 เป็นรุ่น SUV ไฟฟ้ารุ่นล่าสุดจาก BYD ที่เพิ่งเปิดตัวในตลาดไทย ตอนนี้ยังไม่มีประกาศราคาอย่างเป็นทางการ แต่ถ้าดูจากนโยบายการตั้งราคาของ BYD ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงสเปกของรถรุ่นนี้ คาดว่าราคาน่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.5-2 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความจุแบตเตอรี่ ระบบขับเคลื่อน และอุปกรณ์เสริมต่างๆ รุ่นนี้ใช้เทคโนโลยี e-platform 3.0 ล่าสุดจาก BYD ที่ให้ระยะทางวิ่งมากกว่า 500 กม. (ตามมาตรฐาน CLTC) และรองรับระบบชาร์จเร็ว ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยที่มองหารถไฟฟ้าระยะทางไกลและชาร์จสะดวก ในตลาดไทย BYD Sealion 7 จะแข่งกับรถ SUV ไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ เช่น Tesla Model Y และ MG Marvel R แต่ BYD ได้เปรียบเรื่องการผลิตในประเทศที่อาจทำให้ราคาดีกว่าและมีเครือข่ายบริการที่ครอบคลุมมากกว่า ที่สำคัญตอนนี้รัฐบาลไทยมีนโยบายสนับสนุนรถ EV ค่อนข้างดี ทั้งการลดภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต ซึ่งช่วยให้ราคารถถูกลงอีก ด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความต้องการรถยนต์อีโคคาร์ที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค รถเอสยูวีพลังงานไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงอย่าง BYD Sealion 7 คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาด
Q
BYD SEALION 7 มีที่นั่งกี่ที่
BYD SEALION 7 เป็น SUV ขนาดกลางที่ออกแบบมา 5 ที่นั่ง ตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวันของครอบครัวไทยหรือการออกทริปกับเพื่อนๆ ได้เป็นอย่างดี โอกาสนี้ยังมีพื้นที่ด้านหลังและกระโปรงหลังที่กว้างขวาง เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนไทยที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวหรือต้องขนสัมภาระจำนวนมาก รถรุ่นนี้มาพร้อมเทคโนโลยี Hybrid แบบ Plug-in (DM-i Super Hybrid) ของ BYD ที่ช่วยประหยัดน้ำมันได้ดีแม้ในสภาพอากาศร้อนของไทย โหมด EV ก็เหมาะกับการใช้ชีวิตในเมือง ส่วนเรื่องที่สำคัญคือ ตลาดไทยกำลังเติบโตในเรื่องรถพลังงานสะอาด ซึ่ง Sealion 7 เป็น Plug-in Hybrid ที่ได้สิทธิประโยชน์เหมือนรถ EV แถมยังไม่ต้องกังวลกับสถานีชาร์จที่อาจยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ อีกทั้งยังติดตั้งระบบปรับอากาศแรงๆ สำหรับเมืองร้อน และระบบจัดการความร้อนของแบตเตอรี่ ที่สำคัญแบตเตอรี่มีมาตรฐานกันน้ำระดับ IP67 ทนสภาพฝนตกชุกของไทยได้ดี เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Toyota RAV4 ที่ก็เป็น 5 ที่นั่งเหมือนกัน แต่ Sealion 7 โดดเด่นกว่าในเรื่องเทคโนโลยีเชื่อมต่อและนวัตกรรมพลังงานสะอาด อย่างไรก็ตามผู้ซื้อควรเลือกตามความต้องการและงบประมาณที่มี เพราะตอนนี้รัฐบาลไทยกำลังสนับสนุนนโยบาย EV 3.5 ทำให้ SUV ประหยัดพลังงานแบบนี้จะเป็นทางเลือกยอดนิยมของครอบครัวไทยมากขึ้นเรื่อยๆ
Q
Isuzu MU-X 1.9 ต้องเสียภาษีเท่าไหร่
ในประเทศไทย ภาษีของรถ Isuzu MU-X 1.9 จะประกอบไปด้วยภาษีนำเข้า ภาษีสรรพสามิต และภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยจำนวนเงินที่ต้องจ่ายจริงจะขึ้นอยู่กับราคา CIF ของรถ (รวมค่าการขนส่งและประกัน) รวมถึงปัจจัยอื่นๆ เช่นขนาดเครื่องยนต์ ตามนโยบายภาษีของไทย รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตรจะถูกจัดอยู่ในอัตราภาษีสรรพสามิต 20% และต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 7% โดยรวมแล้วภาษีจะอยู่ที่ประมาณ 30% ของราคา CIF แต่จำนวนสุดท้ายต้องรอการประเมินจากศุลกากร นอกจากนี้ประเทศไทยยังมีสิทธิประโยชน์สำหรับรถที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยถ้า Isuzu MU-X 1.9 ซึ่งเป็นรุ่นเครื่องดีเซลสามารถผ่านมาตรฐาน Euro ก็อาจจะได้รับส่วนลดภาษีบางส่วน ควรระวังไว้ว่ารัฐบาลไทยอาจมีการปรับอัตราภาษีรถยนต์เป็นครั้งคราว ดังนั้นก่อนซื้อควรสอบถามข้อมูลล่าสุดจากตัวแทนจำหน่ายหรือหน่วยงานด้านภาษีในพื้นที่ สุดท้ายแล้ว Isuzu MU-X 1.9 เป็นรถที่ได้รับความนิยมในตลาดไทยเนื่องจากความทนทานและประหยัดน้ำมัน แม้ว่าภาษีจะเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนการซื้อรถ แต่ในระยะยาวการประหยัดน้ำมันและค่าบำรุงรักษาที่ต่ำก็ช่วยให้เจ้าของรถประหยัดเงินได้ไม่น้อย
Q
รีโมทคอนโทรลของ Isuzu MU-X รุ่นอะไร?
สำหรับรถยนต์ Isuzu MU-X ในตลาดไทย รีโมทคีย์ที่นิยมใช้จะเป็นยี่ห้อ 4D-TECH ซึ่งมักเป็นรุ่น 4D-60 หรือ 4D-63 ขึ้นอยู่กับปีที่ผลิตและระดับเครื่องของรถ แนะนำให้เจ้าของรถตรวจสอบป้ายด้านหลังของกุญแจหรือสอบถามตัวแทนจำหน่ายอีซูสุอย่างเป็นทางการในไทยเพื่อความถูกต้อง ส่วนการเปลี่ยนหรือตั้งค่ารีโมทคีย์ในประเทศไทย ต้องทำผ่านช่องทางมืออาชีพโดยเฉพาะรถที่ติดตั้งระบบอิมโมบิไลเซอร์ (Immobilizer) ควรเลือกบริการศูนย์บริการทางการของอีซูสุหรืออู่ที่ได้รับการรับรอง เพื่อความปลอดภัยและความเข้ากันได้ของระบบ นอกจากนี้สภาพอากาศที่ร้อนชื้นของไทยอาจส่งผลต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่ของรีโมท (ปกติใช้แบตเตอรี่รุ่น CR2032) ถ้ารีโมททำงานไม่ดีหรือกดแล้วไม่ค่อยตอบสนอง ลองเปลี่ยนแบตเตอรี่ดูก่อน สำหรับการดูแลรักษารีโมทคีย์ในชีวิตประจำวัน ควรหลีกเลี่ยงการวางทิ้งไว้ในที่ร้อนเช่นแผงหน้าปัด และระวังไม่ให้น้ำเข้า เพราะจะช่วยยืดอายุการใช้งานของรีโมทได้ หากต้องการทำกุญแจเพิ่ม ในไทยมีร้านค้าชิ้นส่วนรถยนต์ขนาดใหญ่เช่น Zeer Rangsit หรือร้านอิเล็กทรอนิกส์รถยนต์เฉพาะทางที่ให้บริการได้ แต่ต้องมั่นใจว่าชิปที่ใช้เข้ากันได้กับของเดิมเพื่อป้องกันระบบรักษาความปลอดภัยของรถทำงานล็อกโดยไม่จำเป็น
Q
ยางขนาด 18 นิ้ว Isuzu MU-X ควรเลือกแบบไหน?
สำหรับรถ SUV อย่าง Isuzu MU-X การเลือกยางขนาด 18 นิ้วต้องคำนึงถึงสภาพอากาศในไทยที่ฝนชุกและถนนหลากหลายรูปแบบ แนะนำให้ใช้ยางออฟโรด (AT) หรือยางสำหรับ SUV แบบทางเรียบ (HT) ถ้าขับในเมืองบ่อย ยาง HT เช่น Bridgestone Dueler H/P Sport หรือ Michelin Primacy SUV+ จะให้ความรู้สึกเงียบกว่าและเกาะถนนดีเวลาฝนตก เหมาะกับฤดูฝนของไทย แต่ถ้าต้องเจอทางลูกรังหรือโคลนบ้างเป็นครั้งคราว ยาง AT อย่าง Toyo Open Country A/T หรือ Pirelli Scorpion ATR จะทนทานกว่าและเหมาะกับการขับออฟโรดเล็กน้อย อย่าลืมว่าอากาศร้อนของไทยส่งผลต่อการระบายความร้อนของยาง แนะนำให้เลือกยางที่มีมาตรฐานรับความร้อนสูง (เช่น TEMP ระดับ A) และตรวจสอบลมยางสม่ำเสมอ (ควรอยู่ที่ 32-35 psi ตามที่ผู้ผลิตกำหนด) นอกจากนี้กฎหมายไทยกำหนดว่าดอกยางต้องเหลือไม่ต่ำกว่า 1.6 มม. ช่วงก่อนฝนควรเปลี่ยนยางใหม่เพื่อการระบายน้ำที่ดี ส่วนขนาดยางที่เหมาะกับกระทะล้อ 18 นิ้วของ MU-X จะเป็น 255/60R18 ต้องเช็คดัชนีรับน้ำหนัก (Load Index) อย่างน้อย 110 ขึ้นไปเพื่อให้รับน้ำหนักรถได้ และอัตราความเร็ว (Speed Rating) อย่างน้อยระดับ H (210km/h) เพื่อให้เหมาะสมกับการขับบนทางด่วนในไทย
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

Ford Everest: พื้นที่ 7 ที่นั่งและเทคโนโลยีอัจฉริยะเปิดเผยความคุ้มค่า
วิรุฬห์Apr 9, 2025

Ford Everest Special Edition เปิดตัวในช่วง Motor Show 2025
ณัฐวุฒิApr 2, 2025

ความสามารถในการขับขี่ทั่วไปและการใช้งานในครัวเรือนทั้งหมดที่หลัง, Ford Everest คุ้มค่าสำหรับการซื้อหรือไม่?
AshleyOct 16, 2024

SUV สายลุยที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ Ford Everest มีดีอย่างไร?
ธนวัฒน์Sep 9, 2024

เพียง 20,000 บาท! Ford Everest Sport ชุดผจญภัย โปรโมชั่นจำกัดเวลา!
AshleyAug 19, 2024
ดูเพิ่มเติม
ข้อดี
ข้อเสีย