Q
เฟอร์รารี 296 GTB มีเกียร์กี่เกียร์
เฟอร์รารี่ 296 GTB มาพร้อมกับระบบไฮบริดแบบปลั๊กอินที่ประกอบด้วยเครื่องยนต์ V6 3.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่ และมอเตอร์ไฟฟ้า คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดแบบ DCT ทำให้รถคันนี้มีเกียร์เดินหน้าถึง 8 เกียร์ การตั้งค่านี้ไม่เพียงให้ประสบการณ์การเปลี่ยนเกียร์ที่ลื่นไหลเท่านั้น แต่ยังช่วยให้รถสามารถตอบสนองต่อการขับขี่ในสภาพการจราจรที่หลากหลายได้อย่างคล่องตัว ทั้งในกรุงเทพฯ ที่การจราจรหนาแน่นหรือบนทางหลวงที่โล่งกว้าง การออกแบบเกียร์ 8 สปีดช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งกำลังและประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ในขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้าทำให้การออกตัวและการขับขี่ที่ความเร็วต่ำเงียบและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เหมาะสมอย่างยิ่งกับการใช้งานในเมืองภายใต้สภาพอากาศที่ร้อนระอุของไทย ที่น่าสนใจคือเทคโนโลยีเกียร์ DCT ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในแวดวงซูเปอร์คาร์ เมื่อเทียบกับเกียร์ธรรมดาแบบเดิม เกียร์ DCT สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้เร็วกว่า ส่วนระบบไฮบริดยังสะท้อนถึงทิศทางเทคโนโลยีของเฟอร์รารี่ที่สอดคล้องกับเทรนด์รักษ์สิ่งแวดล้อม สำหรับตลาดไทย รุ่นนี้ตอบโจทย์ทั้งความต้องการในด้านสมรรถนะและยังสอดคล้องกับกระแสการลดการปล่อยมลพิษในอนาคตอีกด้วย
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
Will 296 GTB คงมูลค่าไว้ได้หรือไม่
เฟอร์รารี่ 296 GTB ในฐานะซูเปอร์คาร์ไฮบริดแบบปลั๊กอินที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อน V6 ผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้า ถือเป็นรุ่นที่มีศักยภาพในการรักษามูลค่าสูงในตลาดประเทศไทย ด้วยเหตุผล 3 ประการหลักๆ อย่างแรกเลยคือแบรนด์เฟอร์รารี่มีความหมายพิเศษในวงนักสะสมรถสปอร์ตระดับไฮเอนด์ของไทย นโยบายการผลิตจำนวนจำกัดและการบริการแบบคัสตอมไชน์ซ์ของเฟอร์รารี่ช่วยพยุงราคาตลาดมือสองได้โดยธรรมชาติ ประการที่สอง ระบบขับเคลื่อนของ 296 GTB ที่ใช้เครื่องยนต์ V6 เทอร์โบชาร์จมุม 120 องศาคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ไม่เพียงให้พลังสูงถึง 830 แรงม้า แต่ยังตอบโจทย์กฎหมายสิ่งแวดล้อมของไทยที่เข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ ความทันสมัยทางเทคนิคแบบนี้ช่วยลดความเสี่ยงจากนโยบายที่จะกระทบมูลค่าซากของรถได้ ส่วนประการที่สาม ความนิยมเทคโนโลยีไฮบริดในกลุ่มคนรักซูเปอร์คาร์ไทยกำลังเติบโต ดูได้จากราคารถมือสองของ LaFerrari ในตลาดท้องถิ่นที่ระบบไฮบริดกลับเป็นจุดขายสำคัญ อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าสภาพอากาศร้อนชื้นของไทยอาจส่งผลต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่มากกว่าตลาดยุโรป แนะนำให้เจ้าของรถเข้าตรวจสอบระบบไฟฟ้าแรงสูงที่ศูนย์บริการอย่างเป็นทางการตามระยะ พร้อมทั้งรักษาประวัติการเซอร์วิสให้ครบถ้วน เพราะเอกสารเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ซื้อเมื่อต้องการขายต่อ หากเปรียบเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกัน 296 GTB ยังได้เปรียบด้านขนาดตัวรถที่เหมาะกับถนนแคบๆ ในกรุงเทพฯ ทำให้มีความใช้งานในชีวิตประจำวันมากกว่า ซึ่งก็ส่งผลดีต่ออัตราการรักษามูลค่าของรถเช่นกัน
Q
เฟอร์รารี 296 GTB มีกระบอกสูบกี่กระบอก
เฟอร์รารี่ 296 GTB ติดตั้งเครื่องยนต์ V6 เทอร์โบชาร์จ 2.9 ลิตร ที่มาพร้อมกับระบบไฮบริด ทำให้มันกลายเป็นซูเปอร์คาร์สุดล้ำที่มี 6 สูบ ด้วยพลังรวมสูงถึง 830 แรงม้า ซึ่งแสดงถึงความสามารถระดับตำนานของเฟอร์รารี่ในด้านเทคโนโลยีไฮบริด รุ่นนี้กำลังเป็นที่พูดถึงในวงการรถซิ่งของไทย โดยเฉพาะสำหรับการขับสปอร์ตบนสนามแข่งระดับพรีเมียมรอบๆ กรุงเทพฯ สำหรับแฟนรถไทยแล้ว เครื่องยนต์ V6 ของ 296 GTB ไม่เพียงสืบทอดความรู้สึกเร้าใจแบบเฟอร์รารี่คลาสสิก แต่ยังตอบโจทย์เรื่องสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้าของโลก แถมไทยยังนำเข้ารถซิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ซูเปอร์คาร์ไฮบริดแบบ 296 GTB เข้าตามาตรฐานสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดของไทยได้อย่างดี ส่วนเครื่อง V6 เทอร์โบนั้น ขนาดกะทัดรัดแต่ให้พลังเหลือล้น เหมาะทั้งขับในเมืองไทยและลงสนามแข่ง อีกทั้งในไทยก็เริ่มมีอู่เตรียมอัพเกรดเฉพาะรถไฮบริดแบบนี้แล้ว ทำให้เจ้าของรถมีออปชั่นเพิ่มความมันส์ได้อีกเยอะ
Q
ความเร็วสูงสุดของ 296 GTB คือเท่าไหร่
เฟอร์รารี่ 296 GTB เป็นซูเปอร์คาร์ไฮบริดที่สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 330 กม./ชม. ด้วยระบบขับเคลื่อนที่ผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์ V6 3.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่ และมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้กำลังรวมสูงถึง 830 แรงม้า ทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในรุ่นที่ทรงพลังที่สุดในตระกูล V6 ของเฟอร์รารี่ แม้ในสภาพอากาศร้อนระอุของไทย ระบบระบายความร้อนอันล้ำสมัยของรถคันนี้ก็สามารถรักษาประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อนให้ทำงานได้อย่างเสถียร เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการสัมผัสประสบการณ์ขับขี่สุดเร้าใจทั้งบนสนามแข่งระดับสูงเช่นบุรีรัมย์อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต หรือบนทางหลวงรอบกรุงเทพฯ เทคโนโลยีไฮบริดไม่เพียงแต่เพิ่มสมรรถนะ แต่ยังช่วยลดการปล่อยมลพิษ สอดคล้องกับเทรนด์รักษ์สิ่งแวดล้อมทั่วโลก สำหรับคอซูเปอร์คาร์ไทย 296 GTB ถือเป็นความลงตัวระหว่างเทคโนโลยีเครื่องยนต์สันดาปกับระบบไฟฟ้า ที่แสดงถึงความก้าวล้ำของเฟอร์รารี่ในด้านการพัฒนาเครื่องยนต์ พร้อมกันนี้ดีไซน์อิตาเลียนสุดคลาสสิกยังตอบโจทย์ความต้องการด้านสุนทรียภาพของคนไทยที่ชื่นชอบซูเปอร์คาร์ระดับหรูอีกด้วย
Q
โหมดการขับขี่สำหรับ Ferrari 296 GTB มีอะไรบ้าง
เฟอร์รารี่ 296 GTB ในฐานะซูเปอร์คาร์ไฮบริดปลั๊กอิน ที่มาพร้อมกับ 4 โหมดขับขี่เพื่อตอบโจทย์ทุกสภาพถนนและความต้องการของผู้ขับในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศร้อนชื้นหรือถนนที่ทั้งติดขัดในกรุงเทพฯ และคดเคี้ยวบนเขาในต่างจังหวัด โหมด eDrive ใช้พลังงานไฟฟ้าล้วน เหมาะกับการขับขี่ในเมืองที่ความเร็วต่ำ วิ่งได้ 25 กิโลเมตรแบบไร้มลพิษและเงียบสงบ ตอบโจทย์เทรนด์รักษ์สิ่งแวดล้อมของไทย ส่วนโหมด Hybrid จะปรับสมดุลระหว่างเครื่อง V6 กับมอเตอร์ไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ ถือเป็นตัวชาญฉลาดสำหรับการขับขี่ประจำวัน โหมด Performance จะเน้นการตอบสนองความแรงของเครื่อง เหมาะกับทางหลวงโล่งๆในไทยหรือวันลงสนามที่ชะอำ ส่วนโหมด Qualify จะปล่อยพลังเต็มพิกัด 830 แรงม้า ออกแบบมาสำหรับสนามแข่งระดับมืออาชีพอย่างบุรีรัมย์ อีกทั้งระบบแอคทีฟแอร์โรไดนามิกส์ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจในความเร็วสูงแม้อากาศร้อนจัด สุดท้ายระบบ Manettino ที่ทำงานร่วมกับดิฟฟ์เฟอเรนเชียลอิเล็กทรอนิกส์และระบบกันสะเทือน SCM-E ช่วยให้เกาะถนนได้ดีแม้ในสภาพถนนลื่นช่วงฤดูฝนของไทย เรียกได้ว่าระบบทั้งหมดนี้ถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์สภาพอากาศพิเศษของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ดีกว่าซูเปอร์คาร์ทั่วไป
Q
เฟอร์รารี 296 GTB เป็นระบบมือถือหรืออัตโนมัติ
เฟอร์รารี่ 296 GTB มาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดแบบ DCT ไม่ใช่เกียร์ธรรมดาแบบมือถือ ซูเปอร์คาร์ไฮบริดรุ่นนี้ผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์ V6 3.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสูงถึง 830 แรงม้า การออกแบบเกียร์เน้นทั้งความเร็วในการเปลี่ยนเกียร์และประหยัดน้ำมัน เหมาะสมกับสภาพการขับขี่ในไทยทั้งในเมืองที่รถติดและเส้นทางภูเขาเปิดโล่ง ในตลาดไทย รถเกียร์อัตโนมัติเป็นที่นิยมมากกว่าเพราะสภาพการจราจรที่ต้องหยุด-เริ่มบ่อยในกรุงเทพฯ ทำให้การขับขี่สะดวกสบายขึ้น นอกจากนี้ระบบไฮบริดของ 296 GTB ยังสามารถขับเคลื่อนด้วยโหมดไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวในระยะสั้น ลดการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ สอดคล้องกับนโยบายสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลไทย สำหรับคนที่ชอบความสนุกในการขับขี่ เฟอร์รารี่ยังคงความรู้สึกในการเปลี่ยนเกียร์ที่เร้าใจผ่านการตั้งค่าเกียร์อย่างแม่นยำ และปุ่มเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยก็ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับการขับเกียร์มือถือ สิ่งที่น่าสนใจคือกลุ่มคนรักรถสปอร์ตระดับสูงในไทยเริ่มให้ความสนใจเทคโนโลยีไฮบริดมากขึ้นเรื่อยๆ รุ่นอย่าง 296 GTB ที่รวมความแรงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมกำลังกลายเป็นเทรนด์ใหม่ในตลาด ส่วนนวัตกรรมไฮบริดของเฟอร์รารี่ก็การันตีประสิทธิภาพที่เสถียรแม้ในสภาพอากาศร้อนชื้นแบบไทย
Q
คุณต้องการชาร์จ 296 GTB ไหม
สำหรับรถสปอร์ต Ferrari 296 GTB รุ่นไฮบริด Plug-in นี้จำเป็นต้องชาร์จไฟเป็นประจำเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจากระบบขับเคลื่อนใช้เครื่องยนต์ V6 เทอร์โบบวกกับมอเตอร์ไฟฟ้า ที่สามารถวิ่งในโหมด EV ได้ประมาณ 25 กิโลเมตร เหมาะกับการใช้งานในเมืองไทยแบบสั้นๆ หรือลดการปล่อยมลพิษในพื้นที่ติดขัด แต่ต้องระวังเรื่องสภาพอากาศร้อนของไทยที่อาจส่งผลต่อแบตเตอรี่ แนะนำให้จอดในที่ร่มหรือลานจอดรถใต้ดินเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ ส่วนในกรุงเทพฯ สามารถชาร์จไฟได้ตามศูนย์การค้าชั้นนำอย่างสยามพารากอนหรือเซ็นทรัลเวิลด์ที่มีจุดชาร์จให้บริการ ระบบไฮบริดของ 296 GTB จะเน้นใช้พลังงานไฟฟ้าเมื่อขับเคลื่อนที่ความเร็วต่ำ ช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันได้ดี โดยเฉพาะในสภาพการจราจรของไทยที่ต้องหยุด-เดินบ่อยๆ สำหรับคนไทยที่อยากลองสปอร์ตคาร์แต่ยังใส่ใจสิ่งแวดล้อม รุ่นนี้ตอบโจทย์ด้วยเทคโนโลยีและความประหยัดที่รถน้ำมันทั่วไปทำได้ยาก แต่ต้องไม่ลืมว่ามันเป็น Plug-in Hybrid ที่ต้องมีการวางแผนเรื่องจุดชาร์จไฟ ถ้าขับด้วยน้ำมันอย่างเดียวก็ได้ แต่จะเสียทั้งสมรรถนะและความประหยัดไปบ้าง ตอนนี้ไทยเริ่มมีสถานีชาร์จมากขึ้น โดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอย่างภูเก็ตหรือเชียงใหม่ ที่โรงแรมระดับห้าดาวหลายแห่งก็เริ่มติดตั้งจุดชาร์จให้ใช้สะดวกขึ้น
Q
296 GTB มีจำกัดหรือไม่
เฟอร์รารี 296 GTB เป็นซูเปอร์คาร์ไฮบริดแบบผลิตจำกัด แต่จำนวนขึ้นอยู่กับตลาดและออปชั่น สำหรับตลาดไทยมักจำหน่ายตามโควตา เนื่องจากข้อจำกัดการนำเข้ารถสมรรถนะสูงและกฎหมายสิ่งแวดล้อมเข้มงวด จำนวนรถอาจหายากกว่าตลาดโลก 296 GTB ติดตั้งเครื่องยนต์ V6 2.9 ลิตร เทอร์โบคู่ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังรวม 830 แรงม้า เป็นรุ่นสำคัญของเฟอร์รารีในการก้าวสู่ยุคไฟฟ้า สำหรับผู้ชื่นชอบรถหรูในไทย รถรุ่นนี้ไม่เพียงสะท้อนเทคโนโลยีขั้นสูง แต่ยังมีมูลค่าการสะสม ควรสังเกตว่าประเทศไทยมีนโยบายส่งเสริมภาษีสำหรับรถพลังงานใหม่ แม้ 296 GTB เป็นรถไฮบริดสมรรถนะสูงไม่ใช่รถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ แต่คุณสมบัติรักษ์สิ่งแวดล้อมอาจให้สิทธิประโยชน์ภาษีบางส่วน นอกจากนี้สภาพอากาศร้อนของไทยทำให้ระบบระบายความร้อนของไฮบริดมีความสำคัญ แต่เทคโนโลยีสนามแข่งของเฟอร์รารีช่วยให้รถทำงานได้เสถียรในสภาพอากาศร้อน แนะนำให้ผู้สนใจติดต่อผ่านช่องทางตัวแทนอย่างเป็นทางการเพื่อสอบถามโควตาและระยะเวลาส่งมอบ รถจำกัดรุ่นแบบนี้มักมีมูลค่าคงตัวสูงในตลาดมือสองไทย
Q
คุณสามารถใช้ 296 GTB ในชีวิตประจำวันได้ไหม
เฟอร์รารี่ 296 GTB ในฐานะซูเปอร์คาร์แบบปลั๊กอินไฮบริดนั้นใช้งานในชีวิตประจำวันที่ไทยได้แน่นอน แต่ต้องคำนึงถึงสภาพแวดล้อมจริงในท้องถิ่นด้วย รุ่นนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ 3.0T V6 คู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสูงถึง 830 แรงม้า ในเส้นทางเมืองอย่างกรุงเทพฯ โหมดไฟฟ้าล้วนสามารถวิ่งได้ 25 กิโลเมตร เหมาะสำหรับการเดินทางระยะสั้นและลดการปล่อยมลพิษ สภาพอากาศร้อนๆ ของไทยนั้น ระบบแอร์ประสิทธิภาพสูงและห้องโดยสารคาร์บอนไฟเบอร์จะช่วยให้การขับขี่สบายอยู่เสมอ แต่แนะนำให้หลีกเลี่ยงเส้นทางน้ำท่วมขังในช่วงหน้าฝนเพราะช่วงล่างค่อนข้างต่ำ เทียบกับซูเปอร์คาร์ทั่วไป ระบบไฮบริดของ 296 GTB ให้ความประหยัดน้ำมันที่ดีกว่า ซึ่งเป็นจุดเด่นในเมื่อราคาน้ำมันไทยค่อนข้างสูง สิ่งที่ต้องระวังคือซอยแคบๆ และสภาพถนนซับซ้อนในไทยอาจสร้างความยากลำบากกับความกว้างตัวถัง (1958 มม.) แนะนำให้ติดตั้งกล้องรอบคัน ส่วนการใช้งานประจำวันก็ควรตรวจสอบเครือข่ายบริการหลังการขายในพื้นที่เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถดูแลระบบไฮบริดได้สะดวก จริงๆ แล้วในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็มีรถสมรรถนะสูงอย่างพอร์เช่ 911 Turbo S ที่ถูกนำมาใช้เป็นรถประจำวันเหมือนกัน สิ่งสำคัญคือต้องประเมินสถานการณ์การใช้งานของตัวเองให้ดี
Q
เฟอร์รารี 296 GTB มีบลูทูธหรือไม่
ใช่แล้ว เฟอร์รารี 296 GTB มีระบบบลูทูธที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์เพื่อฟังเพลงหรือสนทนาได้อย่างสะดวกสบาย ซึ่งฟีเจอร์นี้เหมาะมากกับสภาพอากาศร้อนของไทย เพราะผู้ขับขี่สามารถควบคุมระบบความบันเทิงผ่านบลูทูธได้โดยตรง ไม่ต้องเสียสมาธิไปกับการปรับตั้งระบบด้วยมือ ในฐานะซูเปอร์คาร์ปลั๊กอินไฮบริด 296 GTB ไม่เพียงมาพร้อมกับเครื่องยนต์ V6 เทอร์โบชาร์จที่ทันสมัยคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า แต่ยังมีระบบอินโฟเทนเมนต์ล่าสุดที่รวมถึงบลูทูธและ Apple CarPlay ทำให้เหมาะทั้งกับการขับขี่ในเมืองที่รถติดและการเดินทางไกลในไทย ในประเทศไทย เจ้าของรถหรูหลายคนให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีของรถ และระบบบลูทูธก็กลายเป็นมาตรฐานของซูเปอร์คาร์สมัยใหม่ไปแล้ว โดย 296 GTB ทำได้ดีมากในจุดนี้ เพราะทั้งรักษาความตื่นเต้นในการขับขี่แบบเฟอร์รารีดั้งเดิม และยังเพิ่มความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันเข้าไป นอกจากนี้ตัวแทนจำหน่ายเฟอร์รารีในไทยมักจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับระบบในรถอย่างละเอียด เพื่อช่วยให้เจ้าของรถใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว และมั่นใจได้ว่าประสบการณ์การขับขี่จะทั้งสะดวกและปลอดภัย
Q
เฟอร์รารี 296 GTB มีประเภทรถแบบไหน
เฟอร์รารี่ 296 GTB เป็นซูเปอร์คาร์ที่มาพร้อมกับการออกแบบคูเป้ฮาร์ดท็อป แบบเบอร์ลิเนตต้า ซึ่งเป็นการออกแบบคลาสสิกของรถสปอร์ตอิตาลีที่เน้นทั้งความสวยงามของเส้นสายและสมรรถนะสูง รุ่นนี้มาพร้อมกับระบบไฮบริด V6 เทอร์โบชาร์จ ที่ไม่เพียงให้พลังอันทรงพลัง แต่ยังตอบโจทย์เรื่องสิ่งแวดล้อม เหมาะสมกับสภาพการจราจรในเมืองไทยอย่างกรุงเทพฯ ทั้งในย่านที่การจราจรหนาแน่นหรือเมื่อต้องออกวิ่งบนถนนโล่งก็สามารถโชว์ความแรงได้อย่างเต็มที่ ในไทย รถสปอร์ตสมรรถนะสูงแบบนี้มักเป็นที่นิยมในหมู่คนรักรถ โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวอย่างพัทยาหรือภูเก็ต ที่เรามักจะเห็นพวกมันวิ่งกันให้เห็นบ่อยๆ แบบเบอร์ลิเนตต้านั้นเน้นทั้งประสบการณ์การขับขี่และประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์ ซึ่ง 296 GTB ก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน ด้วยตัวรถที่ต่ำและเส้นสายคมชัดที่ไม่ได้แค่ดูดี แต่ยังช่วยเพิ่มความมั่นคงในการขับขี่ความเร็วสูง สำหรับคนไทยที่สนใจรถรุ่นนี้ นอกจากเรื่องสมรรถนะแล้ว ยังต้องคำนึงถึงผลกระทบจากสภาพอากาศร้อนในไทยที่มีต่อระบบระบายความร้อนของรถ รวมถึงความสะดวกในการดูแลรักษา เพราะอากาศร้อนชื้นของไทยนั้นค่อนข้างท้าทายสำหรับรถสปอร์ตสมรรถนะสูงอยู่ไม่น้อย
Q&A ล่าสุด
Q
ฟังก์ชั่นลดฝ้ากระจกหน้า Tesla Model Y วิธีการเปิด
เวลาขับรถ Tesla Model Y ในประเทศไทย ถ้าอยากเปิดระบบไล่ฝ้าที่กระจกหน้ารถ (หรือที่เรียกว่า "ไฟประจุครึ่งหน้าแก้ว") ทำได้ง่ายๆผ่านหน้าจอควบคุมกลางครับ แค่กดไอคอน "สภาพอากาศ" ที่อยู่ด้านล่างของหน้าจอ แล้วเลือกโหมด "ไล่ฝ้า" (จะมีสัญลักษณ์รูปพัดลม) ระบบจะปรับช่องแอร์ไปที่กระจกหน้ารวมถึงเปิดระบบทำความร้อนอัตโนมัติ ช่วยแก้ปัญหากระจกเป็นฝ้าได้ดีเวลาอากาศร้อนชื้นหรือเปิดแอร์เย็นจัด สิ่งที่น่าสนใจคือ Tesla มีระบบควบคุมอุณหภูมิอัจฉริยะที่สามารถปรับระดับการไล่ฝ้าเองโดยอัตโนมัติตามความชื้นและอุณหภูมิทั้งนอกและในรถ ทำให้ไม่ต้องมาคอยปรับเองบ่อยๆ สำหรับสภาพอากาศร้อนชื้นแบบประเทศไทย แนะนำให้ตรวจสอบสภาพฟิลเตอร์แอร์เป็นประจำ และใช้ฟังก์ชั่น "เตรียมรถล่วงหน้า" เพื่อทำความร้อนหรือความเย็นก่อนเริ่มขับขี่ นอกจากจะช่วยให้สบายขึ้นยังป้องกันการเกิดฝ้าอย่างกะทันหันเวลาขับรถด้วย ส่วนเทคโนโลยีเคลือบกระจกของ Tesla ก็ช่วยลดการเกิดหยดน้ำได้ระดับนึง แต่ถ้าวันไหนอากาศชื้นมากเป็นพิเศษ อาจเพิ่มความเร็วลมแอร์ชั่วคราวเพื่อให้กระจกใสเร็วขึ้น
Q
วิธีการปรับไฟหน้า Tesla Model Y
การปรับความสูงไฟหน้ารถ Tesla Model Y ในประเทศไทยสามารถทำได้ผ่านหน้าจอสัมผัสในรถ โดยเข้าไปที่เมนู "ควบคุม" เลือก "ไฟรถ" แล้วหาตัวเลือก "ปรับความสูงไฟหน้า" จากนั้นก็เลื่อนแถบปรับตามความต้องการในการขับขี่ได้เลย ระบบไฟอัตโนมัติของ Model Y นี่ใช้งานได้ดีในสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยของไทย โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนที่ทัศนวิสัยไม่ดี ไฟจะสลับไปมาระหว่างไฟสูง-ไฟต่ำอัตโนมัติ แต่ต้องระวังเรื่องกฎหมายจราจรของไทยนะครับ เพราะมีกำหนดความสว่างของไฟหน้ารถไว้ชัดเจน อย่าปรับไฟให้สูงเกินไปเดี๋ยวจะรบกวนรถสวนทางมา นอกจากนี้ Model Y ยังมีระบบ Adaptive Headlights ที่จะปรับทิศทางแสงไฟเมื่อเข้าโค้ง ซึ่งช่วยได้มากเวลาขับบนถนนคดเคี้ยวแถบภูเขาหรือทางต่างจังหวัดของไทย ถ้ารู้สึกว่าโหมดอัตโนมัติยังไม่ค่อยเหมาะ ก็ควรทำความสะอาดครอบไฟหน้าระยะๆ เพราะอากาศร้อนและฝุ่นเยอะในไทยทำให้ครอบไฟสกปรกได้ง่าย อีกอย่างแนะนำให้ใช้หลอด LED ที่ทาง Tesla แนะนำนะครับ เพราะสภาพอากาศแบบร้อนชื้นของไทยต้องการการระบายความร้อนที่ดี หลอดที่ไม่ใช่ของแท้อาจทำให้อายุการใช้งานสั้นลงได้
Q
เท่าไหร่เปลี่ยนกระจกหน้า Tesla Y
ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนกระจกหน้ารถ Tesla Model Y ที่ประเทศไทยมักจะอยู่ระหว่าง 15,000 ถึง 25,000 บาท ราคาที่แน่นอนขึ้นอยู่กับศูนย์บริการที่เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้กระจกจากโรงงานเดิม และการให้บริการสนับสนุนสำหรับระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง (ADAS) เช่น กล้องและเซ็นเซอร์ที่ปรับเทียบเพิ่มเติม เนื่องจากรถ Tesla ออกแบบมาแบบโครงสร้างรวมและใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมาก แนะนำให้เจ้าของรถเลือกใช้บริการจากศูนย์บริการที่ได้รับการรับรองจากทางบริษัทเพื่อให้มั่นใจในคุณภาพการซ่อมแซมและรักษาสิทธิการรับประกัน ภูมิอากาศของประเทศไทยที่ร้อนชื้นยังต้องการกระจกหน้ารถที่ทนทานต่อความร้อนและป้องกันการรั่วซึมได้ดี กระจกแบบเดิมจากโรงงานจะมีความเหนือกว่าในเรื่องการป้องกันรังสียูวีและการติดตั้งที่พอดีตัวรถอย่างสมบูรณ์ หากต้องการเคลมประกัน บริษัทประกันบางแห่งในประเทศไทยมีกรมธรรม์ที่ครอบคลุมการแตกหักของกระจกรถ แต่ควรตรวจสอบเงื่อนไขและจำนวนเงินที่ต้องจ่ายเองก่อน นอกจากนี้ระหว่างขับขี่ควรหลีกเลี่ยงการขับตามรถบรรทุกหรือรถขนาดใหญ่ใกล้เกินไปเพื่อป้องกันหินกระเด็น และควรตรวจสอบขอบกระจกเป็นประจำเพื่อหารอยร้าวที่อาจลุกลามได้ หากต้องการแก้ไขรอยร้าวเล็กน้อยชั่วคราว ในประเทศไทยก็มีบริการซ่อมแซมกระจกมืออาชีพให้เลือกใช้เช่นกัน
Q
Tesla Model Y มีที่นั่งกี่ที่
Tesla Model Y เป็นรถเอสยูวีไฟฟ้าขนาดกลางรุ่นมาตรฐาน 5 ที่นั่งสำหรับตลาดในประเทศไทย ด้วยเบาะนั่งแบบ 3 แถว (2+3) ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการในการเดินทางในชีวิตประจำวันของครอบครัวส่วนใหญ่ เบาะหลังรองรับสัดส่วน 60/40 และสามารถขยายพื้นที่เก็บของได้ถึง 1,158 ลิตร (ปริมาตรของกระโปรงหลัง) เหมาะสำหรับผู้ใช้ชาวไทยที่ต้องการเดินทางในวันหยุดสุดสัปดาห์ Tesla Model Y เป็นรถเอสยูวีไฟฟ้าขนาดกลางรุ่นมาตรฐาน 5 ที่นั่งสำหรับตลาดในประเทศไทย ด้วยเบาะนั่งแบบ 3 แถว (2+3) ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการในการเดินทางในชีวิตประจำวันของครอบครัวส่วนใหญ่ เบาะหลังรองรับสัดส่วน 60/40 และสามารถขยายพื้นที่เก็บของได้ถึง 1,158 ลิตร (ปริมาตรของกระโปรงหลัง) เหมาะสำหรับผู้ใช้ชาวไทยที่ต้องการเดินทางในวันหยุดสุดสัปดาห์ สำหรับผู้บริโภคชาวไทย Model Y มีความทนทานในการใช้งาน (ระยะทางประมาณ 350 กม. ในรุ่นขับเคลื่อนหลัง และ 480 กม. ในรุ่นยาว) สามารถตอบสนองต่อเส้นทางยอดนิยมอย่างกรุงเทพฯ-พัทยาได้อย่างง่ายดาย และระบบปรับอากาศแบบ Heat Pump ยังช่วยลดการใช้พลังงานเมื่อใช้งานในเขตร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนคู่แข่งระดับเดียวกันอย่าง BYD Atto 3 หรือ MG ZS EV ในไทยก็มี 5 ที่นั่ง แต่ Model Y มีความได้เปรียบทางเทคโนโลยีมากกว่าด้วยเครือข่าย Tesla Supercharge (ไทยสร้างเสร็จแล้ว 20+ สถานี) และฟังก์ชั่นการอัพเกรด OTA โปรดทราบว่ารุ่น 7 ที่นั่งยังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในตลาดประเทศไทยซึ่งเกี่ยวข้องกับความชอบของผู้บริโภคในท้องถิ่นและนโยบายภาษีบนท้องถนน
Q
น้ำหนักของรถยนต์ Tesla Model Y คือเท่าไหร่
น้ำหนักของ Tesla Model Y จะแตกต่างกันไปตามรุ่น โดยรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังจะหนักประมาณ 1,971 กิโลกรัม ส่วนรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ (Long Range และ Performance) จะหนักใกล้เคียง 2,003 กิโลกรัม ซึ่งจัดว่าอยู่ในระดับกลางค่อนไปทางหนักสำหรับ SUV ไฟฟ้า สาเหตุหลักมาจากแบตเตอรี่ความจุสูงและโครงสร้างตัวถังที่แข็งแรง ในตลาดไทย น้ำหนักของ Model Y ไม่ได้ส่งผลต่อการขับขี่ประจำวันมากนัก เพราะถนนในเมืองไทยส่วนใหญ่เรียบและแรงบิดเริ่มต้นที่สูงของรถไฟฟ้าช่วยให้ขับเคลื่อนในสภาพการจราจรติดขัดได้อย่างสบายๆ แต่อาจต้องระวังหน่อยเวลาเลี้ยวหรือจอดในซอยแคบๆ หรือลานจอดรถเก่าๆ ที่พื้นที่จำกัด
จุดเด่นของรถไฟฟ้าคือการกระจายน้ำหนักที่สมดุลกว่าเครื่องยนต์สันดาป (เพราะแบตเตอรี่ถูกวางราบใต้พื้นรถ) ทำให้ Model Y ทรงตัวได้ดีกว่าในถนนลื่นหรือเมื่อต้องเปลี่ยนเลนกะทันหัน โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนที่ขับแล้วมั่นใจขึ้น
สำหรับคนไทยควรรู้ไว้ว่าน้ำหนักรถจะส่งผลต่อการคำนวณภาษีประจำปี แต่ตอนนี้รถไฟฟ้าในไทยยังได้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีอยู่ ดังนั้นค่าใช้จ่ายจริงยังถูกกว่ารถน้ำหนักเท่ากันที่ใช้เครื่องยนต์ทั่วไป ถ้าชอบขับทางไกลบ่อยๆ น้ำหนักที่มากกว่าอาจเพิ่มการกินไฟหน่อยนึง แต่ไม่ต้องกังวลเรื่องระยะทางมากเพราะไทยมีสถานีชาร์จครอบคลุมแล้ว โดยเฉพาะ Supercharger ของ Tesla ที่มีให้บริการในเมืองใหญ่และจุดท่องเที่ยวหลัก
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

Ferrariเปิดตัว 296 Speciale ซูเปอร์คาร์ปลั๊กอินไฮบริด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลาเพียง 2.8 วิ
พงศธรApr 30, 2025

Ferrari รุ่นแข่งชั้นสูง 296 VS ซูเปอร์คาร์จะเดบิวต์ในวันที่ 29 เมษายน
LienApr 3, 2025

Ferrari เปิดตัวแชสซีและส่วนประกอบหลักของรุ่นไฟฟ้าล้วนรุ่นแรก Elettrica
AshleyOct 10, 2025

ภาพลับของผู้สืบทอด Ferrari Roma ถูกเปิดเผย! อาจจะปล่อยในปลายปี 2025 ระบบสลับโฮมที่เป็นจุดเด่น
สุรเดชNov 19, 2024

Ferrari F80 สะเทือนใจเปิดตัว : วางแผนที่จะสู้กับ McLaren W1
LienOct 18, 2024


ข้อดี
ข้อเสีย