Q
Lexus RX450h plug-in hybrid ได้กี่ไมล์ต่อแกลลอน?
รถยนต์ Lexus RX450h แบบปลั๊กอินไฮบริดในประเทศไทยให้อัตราการประหยัดน้ำมันจริงอยู่ที่ประมาณ 30-35 ไมล์ต่อแกลลอน ตัวเลขอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่ สภาพถนน และสภาพอากาศ รุ่นนี้รวมเอาขุมพลังเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร 4 สูบประสิทธิภาพสูงกับมอเตอร์ไฟฟ้าเข้าไว้ด้วยกัน โดยเฉพาะในสภาพการจราจรติดขัดในเมืองไทยจะช่วยประหยัดน้ำมันได้เป็นอย่างดี โหมดไฟฟ้ายังเหมาะกับการเดินทางระยะสั้น ช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันได้อีก สำหรับผู้บริโภคไทย รถปลั๊กอินไฮบริดไม่เพียงให้ความประหยัด แต่ยังช่วยลดมลพิษ สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมยานยนต์รักษ์สิ่งแวดล้อมของรัฐบาลไทย เทคโนโลยีไฮบริดของ Lexus ยังมีจุดเด่นในเรื่องความทนทาน เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย โดยเฉพาะแบตเตอรี่ที่รับประกันทั้งอายุการใช้งานและประสิทธิภาพ ในตลาดไทย Lexus ยังมีเครือข่ายบริการหลังการขายที่ครบครัน ทำให้เจ้าของรถสามารถเข้าบำรุงรักษาได้อย่างสะดวก ส่วนเรื่องสถานีชาร์จในประเทศไทย ปัจจุบันเริ่มมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ แต่การชาร์จที่บ้านยังเป็นวิธีหลัก แนะนำให้ประเมินระยะทางในการเดินทางประจำวันและจุดชาร์จก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อใช้ประโยชน์จากระบบไฮบริดได้เต็มที่
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
สปาร์กปลั๊กใน Lexus RX 350 มีเท่าไหร่
รถยนต์ Lexus RX 350 ใช้หัวเทียนจำนวน 6 หัว เพราะรถรุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์แบบ V6 ที่แต่ละสูบจะมีหัวเทียน 1 หัว ซึ่งเป็นมาตรฐานของเครื่องยนต์ V6 ส่วนใหญ่ ในประเทศไทย Lexus RX 350 เป็นที่นิยมในหมู่ผู้บริโภคเนื่องจากความน่าเชื่อถือและความสะดวกสบาย โดยเฉพาะในสภาพการจราจรที่ติดขัดอย่างในกรุงเทพฯ ที่ระบบการส่งกำลังที่เน้นความนุ่มนวลและความเงียบของรถทำให้โดดเด่นมาก หัวเทียนเป็นส่วนสำคัญของระบบจุดระเบิดในเครื่องยนต์ จึงควรตรวจสอบหรือเปลี่ยนทุก 40,000-60,000 กิโลเมตร เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานมีประสิทธิภาพสูงสุด สภาพอากาศที่ร้อนชื้นของประเทศไทยอาจทำให้หัวเทียนเสื่อมสภาพเร็วขึ้น จึงต้องดูแลเป็นพิเศษ นอกจากนี้ การเลือกหัวเทียนที่ได้มาตรฐานหรือของแท้จากโรงงานจะช่วยให้เข้ากับสมรรถนะของเครื่องยนต์ได้ดีกว่า และหลีกเลี่ยงปัญหาการจุดระเบิดไม่ดีหรือการสิ้นเปลืองน้ำมันที่เกิดจากการใช้ของปลอม หากเจ้าของรถมีข้อสงสัยเกี่ยวกับระยะเวลาการบำรุงรักษาหรือการเลือกอะไหล่ สามารถปรึกษาได้ที่ศูนย์บริการอย่างเป็นทางการของ Lexus ในประเทศไทย ที่พร้อมให้คำแนะนำและบริการอย่างมืออาชีพ
Q
วิธีการเปิดฟังก์ชั่นการตรวจจับจุดบอดของ Lexus RX 350
การใช้งานระบบ Blind Spot Monitor (เบลนด์ สปอต โมนิเตอร์) ในรถ Lexus RX 350 ที่ประเทศไทยนั้นง่ายมาก แค่ใช้ปุ่มควบคุมด้านซ้ายของพวงมาลัยเข้าไปที่เมนูตั้งค่ารถ แล้วเลือก "ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่" จากนั้นเปิดฟังก์ชัน "การตรวจสอบจุดบอด" ระบบนี้จะใช้เซ็นเซอร์เรดาร์ที่ติดอยู่ด้านหลังทั้งสองข้างของกันชนหลังเพื่อตรวจจับรถที่อยู่ด้านข้างและด้านหลัง เมื่อมีรถเข้าไปในจุดบอด ไฟเตือนที่กระจกหลังจะสว่างขึ้นเพื่อแจ้งเตือนผู้ขับขี่ และถ้าคุณเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวในช่วงนั้น ระบบจะส่งเสียงปี๊บเพื่อเตือนเพิ่มเติม ควรระวังว่าสภาพอากาศร้อนและฝนชุกในประเทศไทยอาจส่งผลต่อความไวของเรดาร์บ้าง แนะนำให้ทำความสะอาดผิวเซ็นเซอร์เป็นประจำและหลีกเลี่ยงการติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งที่เป็นโลหะบนกันชนหลัง รุ่น SUV หรูระดับเดียวกันอย่าง BMW X5 หรือ Mercedes GLE ก็มีระบบคล้ายๆ กัน แต่ระบบ Blind Spot Monitor ของ Lexus นั้นทำงานได้อย่างน่าเชื่อถือในสภาพการจราจรที่ซับซ้อนของประเทศไทย โดยเฉพาะเวลาที่ต้องเจอกับรถมอเตอร์ไซค์ที่ชอบแทรกหรือเปลี่ยนเลนกระทันหันในกรุงเทพฯ นอกจากนี้ ตำแหน่งจุดบอดในรถพวงมาลัยขวาของประเทศไทยจะต่างจากรถพวงมาลัยซ้ายเล็กน้อย แนะนำให้เจ้าของรถลองทดสอบการทำงานของระบบในพื้นที่โล่งเพื่อทำความเข้าใจระยะการเตือน และควรอัปเดตซอฟต์แวร์ระบบให้ล่าสุดอยู่เสมอเพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด ซึ่งศูนย์บริการ ตัวแทนจำหน่าย Lexus Thailand จะอัพเกรดโมดูลที่เกี่ยวข้องโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
Q
Lexus RX 350 สามารถบรรจุน้ำมันกี่แกลลอน
รถยนต์ Lexus RX 350 มีความจุถังน้ำมัน 72 ลิตร หรือประมาณ 19 แกลลอน ซึ่งการออกแบบนี้ตอบโจทย์การเดินทางระยะไกลได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีภูมิประเทศหลากหลาย ทั้งการขับขี่ในเมืองหรือการเดินทางข้ามจังหวัดก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องหยุดเติมน้ำมันบ่อย ในไทยมีสถานีบริการน้ำมันกระจายตัวค่อนข้างหนาแน่น เช่น ปตท. และบางจาก ที่ให้บริการน้ำมันคุณภาพสูง แนะนำให้ใช้น้ำมันไร้สารตะกั่ว 95 แกลลอนขึ้นไปเพื่อประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ที่ดีที่สุด นอกจากนี้ควรตรวจสอบความสะอาดของถังน้ำมันและระบบเชื้อเพลิงอย่างสม่ำเสมอ เพราะสภาพอากาศแบบร้อนชื้นของไทยอาจทำให้เกิดความชื้นสะสมในถังน้ำมัน ส่งผลต่อประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง ส่วนเรื่องประหยัดน้ำมันของ Lexus RX 350 นั้นถือว่าทำได้ดี ในเมืองจะสิ้นเปลืองประมาณ 10-12 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ส่วนบนทางหลวงจะลดลงเหลือ 8-9 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสไตล์การขับและสภาพถนนด้วย หากต้องการประหยัดน้ำมันมากขึ้น แนะนำให้ขับด้วยความเร็วคงที่และใช้แอร์อย่างเหมาะสม เพราะอากาศร้อนของไทยอาจทำให้ระบบแอร์ทำงานหนักกว่าปกติ
Q
Lexus RX 350 AWD ทำงานอย่างไร
Lexus RX 350 AWD เป็น SUV หรูที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบเต็มเวลา (AWD) ระบบนี้ทำงานผ่าน Differential กลางและระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ที่คอยตรวจสอบการลื่นไถลของล้อแบบเรียลไทม์ พร้อมปรับการกระจายแรงบิดระหว่างล้อหน้า-หลังและซ้าย-ขวาโดยอัตโนมัติ ทำให้มั่นใจได้ว่าจะมีแรงยึดเกาะที่เสถียรในทุกสภาพถนน ซึ่งเหมาะมากกับสภาพอากาศในไทยที่ทั้งเปียกชื้นและมีฝนตกบ่อย รวมถึงพื้นที่บางส่วนที่เป็นภูเขาซึ่งมีภูมิประเทศซับซ้อน 
RX 350 AWD ยังมาพร้อมโหมดขับขี่หลายแบบให้เลือกใช้ เช่น โหมดปกติ ประหยัดพลังงาน และสปอร์ต ซึ่งสามารถปรับการตอบสนองของระบบขับเคลื่อนและระบบสี่ล้อให้เหมาะกับสไตล์การขับขี่ของคุณได้ ทั้งในแง่ความสนุกและประหยัดน้ำมัน สำหรับเมืองไทยแล้ว รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อแบบนี้เหมาะมากสำหรับการเดินทางไกลหรือขับขี่ในช่วงฤดูฝน เพราะช่วยเพิ่มความมั่นใจบนถนนลื่นหรือแม้แต่เส้นทางออฟโรดเล็กๆ 
อีกจุดเด่นที่คนไทยชอบคือความน่าเชื่อถือของ Lexus ที่ได้รับการยอมรับในตลาดไทยมานาน พร้อมเครือข่ายบริการหลังการขายที่ครอบคลุม ทำให้การดูแลรักษาเป็นเรื่องง่าย ถ้าคุณกำลังมองหา SUV หรูสักคันในไทย RX 350 AWD ถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และความประหยัด โดยเฉพาะในสภาพอากาศและถนนที่เปลี่ยนไปมาบ่อยๆ ระบบ AWD จะช่วยให้คุณขับขี่ได้มั่นใจขึ้นมาก
Q
Lexus RX 350 มีสีอะไรบ้าง?
สีทั้ง 11 แบบของ Lexus RX 350 นั้นทั้งมีเอกลักษณ์โดดเด่น เหมาะสุดๆกับรสนิยมและความต้องการใช้งานของคนไทย โดยโทนสีขาวอย่าง White Nova Glass Flake และ Sonic Quartz นั้นให้ความรู้สึกต่างกัน สีแรกมีเอฟเฟกต์เกล็ดแก้วส่องแสงระยิบระยับใต้แสงอาทิตย์ ส่วนสีหลังให้ความบริสุทธิ์เรียบหรู เหมาะกับการใช้งานในสภาพอากาศร้อนของไทยที่ต้องการความรู้สึกสดชื่น ส่วนโทนสีเมทัลลิกอย่าง Sonic Titanium Sonic Chrome และ Sonic Iridium นั้นให้ความรู้สึกล้ำยุคเหมาะกับการขับขี่ในเมือง สำหรับโทนสีเข้มอย่าง Graphite Black Glass Flake ที่มีเกล็ดแก้วเพิ่มมิติ และ Deep Blue Mica สีน้ำเงินเข้มคลาสสิคที่ให้ความรู้สึกมั่นคง ส่วนใครที่ชอบสีสันสดใส Red Mica Crystal Shine สีแดงพลังร้อนแรงและ Sonic Copper สีทองแดงสะดุดตาก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนชอบความแตกต่าง ส่วน Terrane Khaki Mica Metallic สีเขียวกากีที่ให้ความรู้สึกผจญภัยและ Heat Blue Contrast Layering สีฟ้าเกรเดียนต์ที่มีลวดลายศิลป์นั้นลงตัวสุดๆเมื่ออยู่ท่ามกลางธรรมชาติของไทย สีทั้งหมดนี้ไม่ได้แค่สวยงามแต่ยังผ่านการออกแบบพิเศษให้ทนต่อสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย โดยสีอ่อนเหมาะกับพื้นที่อากาศร้อนตลอดปี ส่วนสีเมทัลลิกจะทนทานต่อรอยขีดข่วนและสภาพอากาศได้ดีกว่า Lexus มีชื่อเสียงด้านเทคโนโลยีสีรถที่ทั้งสวยและทนทาน การที่มีสีให้เลือกหลากหลายแบบนี้ก็แสดงให้เห็นถึงความสำคัญที่แบรนด์ให้กับตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
Q
Lexus RX รุ่นไหนดีที่สุด
รถยนต์ Lexus RX Series เป็นที่นิยมอย่างมากในตลาดไทย โดยเฉพาะรุ่น RX 450h+ แบบ Plug-in Hybrid ที่ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะเหมาะกับสภาพถนนในเมืองและความต้องการรักษ์สิ่งแวดล้อมของไทย รถรุ่นนี้ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบผสมระหว่างเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร 4 สูบกับมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้ระยะทางวิ่งแบบไฟฟ้าล้วนสูงสุดถึง 65 กิโลเมตร เพียงพอสำหรับการเดินทางประจำวันและช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างดี นอกจากนี้ Lexus ยังโดดเด่นในเรื่องความเงียบสงบและห้องโดยสารหรูหราที่ยังคงประสิทธิภาพแม้ในสภาพอากาศร้อนของไทย ส่วนรุ่น RX 350h Hybrid ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ ด้วยระบบขับเคลื่อนที่เรียบหรูและประหยัดน้ำมัน เหมาะสำหรับการเดินทางไกล คนไทยยังสามารถสนใจในฟีเจอร์ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับตลาดไทย เช่น ระบบแอร์ที่แรงขึ้นและกระจกกันรังสียูวี ที่ตอบโจทย์สภาพอากาศแบบร้อนชื้นได้เป็นอย่างดี Lexus ในไทยยังมีเครือข่ายบริการหลังการขายที่ครอบคลุม ทำให้การดูแลรักษาเป็นเรื่องสะดวก โดยเฉพาะรถ Hybrid ที่มีประกันแบตเตอรี่เพิ่มความมั่นใจให้กับเจ้าของรถ ข้อควรรู้คือรัฐบาลไทยมีนโยบายลดภาษีสำหรับรถพลังงานสะอาด โดยรุ่น Plug-in Hybrid อาจได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม ดังนั้นก่อนซื้อแนะนำให้ตรวจสอบนโยบายล่าสุดเพื่อความคุ้มค่าสูงสุด
Q
Toyota รุ่นใดที่เทียบเท่ากับ Lexus RX 350 
ในตลาดไทย Toyota Harrier คือรุ่นที่ใกล้เคียงกับ Lexus RX 350 มากที่สุด เพราะทั้งคู่ใช้แพลตฟอร์ม TNGA-K ร่วมกัน มีขนาดและสเปคเครื่องยนต์คล้ายกัน โดยเฉพาะหลังอัพเดทในปี 2020 ที่ทำให้ Harrier ดูพรีเมียมขึ้น แม้ว่าวัสดุภายในห้องโดยสารและระบบกันเสียงจะสู้ RX 350 ไม่เต็มร้อย แต่ Harrier มีจุดเด่นที่ราคาจับต้องง่ายกว่า เหมาะกับคนไทยที่อยากได้ความหรูแต่ยังคงดูเรื่องความคุ้มค่า โดย Harrier มีทั้งรุ่นเครื่อง 2.0L แบบปกติและรุ่นไฮบริด 2.5L ที่น่าสนใจคือรุ่นไฮบริดอาจได้ประโยชน์ด้านภาษีเพราะเป็นรถประหยัดพลังงาน แถมยังมีศูนย์บริการ Toyota ที่ครอบคลุมทั่วไทย ทำให้การซ่อมบำรุงสะดวกกว่าการใช้รถหรูนำเข้า แต่ถ้าคุณมีงบประมาณพร้อมและต้องการประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบกว่า Lexus RX 350 ก็ยังเป็นตัวเลือกพรีเมียมด้วยจุดเด่นเรื่องการนำเข้าและภาพลักษณ์แบรนด์ที่เหนือชั้น
Q
ความแตกต่างระหว่าง Lexus RX 350 และ 350L คืออะไร
ความแตกต่างหลักระหว่าง Lexus RX 350 และ RX 350L อยู่ที่ขนาดตัวถังและการจัดวางที่นั่งครับ โดย RX 350 เป็นเวอร์ชั่นมาตรฐาน 5 ที่นั่ง ส่วน RX 350L เป็นแบบเพิ่มระยะฐานล้อจาก RX 350 เพื่อให้มี 7 ที่นั่ง เหมาะกับครอบครัวที่ต้องการพื้นที่ใช้งานมากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศร้อนๆอย่างไทย รุ่นทั้งสองมาพร้อมระบบแอร์ประสิทธิภาพสูงและกระจกกันความร้อน ที่ช่วยให้ความสะดวกสบายภายในรถ ส่วนเทคโนโลยี Hybrid ของ Lexus ในไทยก็ช่วยประหยัดน้ำมันได้ดีในสภาพการจราจรติดขัด ทั้งคู่ใช้เครื่องยนต์ V6 3.5 ลิตร ที่ให้กำลังขับเคลื่อนดีเยี่ยมเหมาะกับสภาพถนนหลากหลายแบบของไทย อย่างไรก็ดี การออกแบบตัวถังที่ยาวขึ้นของ RX 350L อาจต้องระวังเรื่องการจอดในซอยแคบๆ อย่างในกรุงเทพฯ แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องบริการหลังการขาย เพราะ Lexus ในไทยมีเครือข่ายบริการที่ครบครัน พร้อมระบบดูแลรักษาที่สะดวก ทั้งสองรุ่นยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยครบครัน เช่น ระบบป้องกันการชนและระบบช่วยรักษาช่องทางขับรถ ที่ตอบโจทย์สภาพการจราจรซับซ้อนของไทยได้เป็นอย่างดี
Q
วิธีการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝน Lexus RX 350
การเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนของ Lexus RX 350 นั้นง่ายมาก ขั้นแรกคุณต้องซื้อใบปัดน้ำฝนที่เหมาะกับรุ่นรถ ซึ่งหาซื้อได้ตามร้านอะไหล่รถยนต์ทั่วไปในไทย เช่น B-Quik หรือ SPEEDLAB แนะนำให้เลือกยี่ห้อเดิมจากโรงงานหรือแบรนด์ดังอย่าง Bosch หรือ Denso เพื่อให้ได้คุณภาพดี ในสภาพอากาศเมืองไทยที่ฝนตกบ่อย ใบปัดน้ำฝนที่ดีจะช่วยให้มองเห็นได้ชัดและใช้งานได้นานขึ้น เวลาเปลี่ยนให้ยกแขนปัดน้ำฝนขึ้น กดปุ่มปลดหรือตัวล็อคของใบเก่าเพื่อถอดออก จากนั้นจัดตำแหน่งใบใหม่ให้ตรงกับช่องล็อคแล้วดันจนได้ยินเสียง "คลิก" แสดงว่าติดตั้งเรียบร้อยแล้ว ระวังอย่าให้แขนปัดน้ำฝนดีดกลับมาโดนกระจกหน้ารถด้วย นอกจากนี้แนะนำให้เปลี่ยนใบปัดน้ำฝนทุก 6-12 เดือนหรือเมื่อสังเกตว่าปัดน้ำไม่สะอาด เพราะอากาศร้อนและแสงแดดแรงในไทยจะทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็ว ควรตรวจสอบสภาพใบปัดน้ำฝนเป็นประจำเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ และเวลาทำความสะอาดกระจกหน้ารถอย่าใช้ใบปัดน้ำฝนปัดขณะกระจกแห้ง ควรใช้ร่วมกับน้ำยาทำความสะอาดกระจกเพื่อลดการสึกหรอของใบปัดน้ำฝน
Q
Lexus RX 350 น้ำหนักเท่าไหร่
น้ำหนักของรถยนต์ Lexus RX 350 จะแตกต่างกันไปตามปีที่ผลิตและระดับเครื่องแต่ง ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 1,940 ถึง 2,050 กิโลกรัม ขึ้นอยู่กับระบบขับเคลื่อน (ขับเคลื่อนล้อหน้าหรือสี่ล้อ) และอุปกรณ์เสริมที่เลือก เช่น ในตลาดไทยมักจะมีหลังคาพาโนรามาหรือระบบเสียงระดับพรีเมียมที่อาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นเล็กน้อย สำหรับสภาพอากาศร้อนและเส้นทางซับซ้อนในไทย ตัวถังอลูมิเนียมน้ำหนักเบาของ RX 350 ช่วยให้ประหยัดน้ำมันและควบคุมง่าย เหมาะกับการใช้งานทั้งในรถติดกรุงเทพหรือทางเขาภูเชียงใหม่ ที่สำคัญคือน้ำหนักตัวรถมีผลต่อความเร็วและอัตราสิ้นเปลือง แต่เครื่องยนต์ V6 3.5 ลิตรของ RX 350 ให้กำลังมากพอสมควร แถมรุ่นที่ขายในไทยยังปรับแต่ง ECU ให้เข้ากับน้ำมันเบนซิน 95 โอคตานเพื่อประสิทธิภาพที่ดีสุด ถ้าคุณสนใจอยากซื้อ แนะนำให้ไปทดลองขับที่โชว์รูม เพราะกฎหมายไทยกำหนดให้รถนำเข้าต้องติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัยเพิ่ม ซึ่งอาจทำให้น้ำหนักรถเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
Q&A ล่าสุด
Q
Jaecoo 7 มีซันรูฟหรือไม่?
รถยนต์รุ่น Jaecoo 7 ที่วางตำแหน่งเป็น SUV ระดับพรีเมียมในตลาดประเทศไทย ได้ติดตั้งระบบซันรูฟแบบพาโนราม่าที่ไม่เพียงช่วยเพิ่มแสงสว่างภายในรถ แต่ยังมอบประสบการณ์การนั่งที่โปร่งสบายเหมาะกับสภาพอากาศร้อนของไทย โดยเฉพาะเมื่อขับชมวิวภูเขาที่เชียงใหม่หรือเส้นทางชายฝั่งพัทยา อย่างไรก็ตาม เนื่องจากประเทศไทยมีอากาศร้อนและฝนตกชุกระยะยาว ขอแนะนำให้เจ้าของรถตรวจสอบสภาพยางซีลของซันรูฟเป็นประจำ และหลีกเลี่ยงการเปิดซันรูฟทันทีหลังจากจอดรถตากแดดเป็นเวลานานเพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของชิ้นส่วนยาง นอกจากนี้ตัวแทนจำหน่ายบางแห่งอาจมีบริการอัพเกรดกระจกป้องกันรังสียูวีให้ด้วย เมื่อเทียบกับรุ่นอื่นในระดับเดียวกัน การติดตั้งซันรูฟอาจแตกต่างกันไปตามเวอร์ชัน ดังนั้นควรตรวจสอบสเปคอย่างละเอียดบนเว็บไซต์ทางการของ Jaecoo ประเทศไทย หรือทดลองสักการะที่โชว์รูมในกรุงเทพฯหรือภูเก็ตก่อนตัดสินใจ ซันรูฟจะช่วยบรรเทาความอึดอัดภายในรถในช่วงฤดูฝนได้มาก แต่ควรทราบว่ารุ่นระดับพื้นฐานบางรุ่นอาจไม่รวมฟีเจอร์นี้มาให้
Q
Jaecoo 7 มีติดตั้งกล้องหน้ารถหรือไม่?
รถยนต์ Jaecoo 7 ในรุ่นปัจจุบันยังไม่มีระบบกล้องติดรถยนต์ (dashcam) มาให้ในตัว แต่เจ้าของรถสามารถซื้ออุปกรณ์เสริมจากร้านอื่นมาติดตั้งเองได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติมากในตลาดเมืองไทย ร้านขายอุปกรณ์รถยนต์หรือเว็บขายของออนไลน์ก็มีกล้องให้เลือกเพียบ แนะนำให้เลือกรุ่นที่ถ่ายภาพความละเอียดสูงคุณภาพกลางคืนก็เห็นชัด และมีระบบบันทึกวนลูปเพื่อความปลอดภัยเวลาขับรถ ส่วนในไทยเนี่ย กล้องติดรถยนต์ถือเป็นไอเทมจำเป็นมาก เพราะช่วยบันทึกอุบัติเหตุเวลามีเรื่องรวมถึงรับมือสภาพการจราจรวุ่นวาย เช่น รถติดหนักในกรุงเทพฯ หรือมอเตอร์ไซค์ตัดหน้ากะทันหัน บางรุ่นแพงหน่อยยังมีฟังก์ชัน GPS กับระบบบันทึกตอนจอดรถเหมาะกับอากาศเมืองไทยทั้งร้อนทั้งฝน นอกจากนี้ แม้ว่ากฎหมายไทยจะไม่ได้บังคับให้ติดตั้งกล้องบันทึกการขับขี่ แต่ตํารวจมักจะอ้างอิงหลักฐานวิดีโอเมื่อจัดการกับอุบัติเหตุ ดังนั้นการติดตั้งอุปกรณ์ที่คุ้มค่าจึงเป็นทางเลือกที่ฉลาด เมื่อติดตั้งให้ใส่ใจกับการเดินสายที่ซ่อนอยู่เพื่อหลีกเลี่ยงการบดบังสายตาหรือส่งผลกระทบต่อการทํางานของถุงลมนิรภัย
Q
Jaecoo J7 เหมาะสำหรับการขับขี่แบบออฟโรดหรือไม่?
Jaecoo J7 นับเป็น SUV ที่ตอบโจทย์การขับขี่แบบ Light Off-Road ในสภาพแวดล้อมหลายภูมิประเทศของไทย ด้วยระยะความสูงจากพื้นรถขั้นต่ำ 215 มม. มุมเข้า 24 องศา และมุมออก 30 องศา ที่ออกแบบมาเพื่อรับมือกับถนนลูกรัง ทางดินลาดชัน หรือเส้นทางที่มีน้ำขังเล็กน้อยได้อย่างคล่องตัว ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะร่วมกับโหมดขับขี่หลายภูมิประเทศ (โหมดโคลน/ทราย/หิมะ) ช่วยเพิ่มความมั่นใจบนเส้นทางชนบทช่วงฤดูฝนหรือแถบภูเขาภาคเหนือ แต่อย่าลืมว่าเจ้า J7 นี้ไม่ใช่รถออฟโรดระดับฮาร์ดคอร์ ถ้าจะไปลุยดอยเชียงใหม่หรือโคลนลึกๆ แนะนำให้มองหารถที่เชี่ยวชาญด้านออฟโรดโดยเฉพาะจะเหมาะกว่า สำหรับคนไทยแล้ว จุดเด่นของ J7 อยู่ที่การผสมผสานระหว่างการใช้งานในเมืองกับทริปสั้นๆ วันหยุด เครื่องยนต์เทอร์โบ 1.6L ให้แรงบิดต่ำที่เพียงพอสำหรับการสตาร์ต-ดับเครื่องบ่อยครั้ง ส่วนระบบกล้องรอบทิศทาง 540 องศาก็ช่วยได้มากเวลาจอดในซอยแคบๆ แต่ถ้าคิดจะลุยกลางป่าหรือทางวิบากเป็นประจำ แนะนำให้อัพเกรดยาง AT และเสริมการป้องกันช่วงล่างจะดีกว่า ในตลาดไทย รุ่นใกล้เคียงมักเน้นความ Multifunctional มากกว่าการออฟโรดสุดโต่ง แนะนำให้เลือกตามความถี่ของการใช้งานจริง ถ้าแค่ลุยเบาๆ เป็นครั้งคราว J7 ก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าอยากลุยหนักจริงๆ อาจต้องมองหารถที่ออกแบบมาสำหรับออฟโรดโดยเฉพาะหรือปรับแต่งเพิ่มเติม
Q
ระยะทางของแบตเตอรี่ใน Jaecoo J7 คือเท่าไหร่?
สำหรับรถ SUV อย่าง Jaecoo J7 ที่ออกแบบมาสำหรับตลาดเกิดใหม่ ประสิทธิภาพของแบตเตอรี่จะแตกต่างกันไปตามการกำหนดค่าและสภาพการขับขี่ ในสภาพอากาศร้อนของไทยและเส้นทางแบบผสม รุ่น Pure Electric คาดว่าจะให้ระยะทางประมาณ 400-450 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) ซึ่งเพียงพอสำหรับการเดินทางในกรุงเทพฯ หรือทริปสั้นๆ ส่วนรุ่นปลั๊กอินไฮบริดนั้นสามารถวิ่งได้ไกลถึง 800 กิโลเมตรขึ้นไป เหมาะมากสำหรับคนไทยที่ชอบเดินทางไกล อย่างไรก็ตาม อากาศร้อนของไทยอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพแบตเตอรี่ แนะนำให้ตรวจสอบระบบระบายความร้อนเป็นประจำ และควรจอดรถในที่ร่มเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ ตอนนี้รัฐบาลไทยกำลังส่งเสริมรถไฟฟ้าอย่างเต็มที่ การซื้อ Jaecoo J7 รุ่นไฟฟ้าจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีสูงสุด 150,000 บาท และสถานีชาร์จในกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ๆ ก็กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้ใช้งานสะดวกขึ้นเรื่อยๆ สำหรับคนไทยที่สนใจ นอกจากจะดูตัวเลขระยะทางตามที่ประกาศแล้ว ควรคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ ด้วย เช่น การใช้แอร์ การจราจรติดขัด แนะนำให้ทดลองขับและสังเกตการทำงานของระบบจัดการแบตเตอรี่ในสภาพอากาศของไทยให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ
Q
Jaecoo J7 มีระบบช่วยจอดหรือไม่?
Jaecoo J7 ได้รับการติดตั้งระบบ Park Assist (ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ) ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ใช้งานได้จริงในสภาพแวดล้อมการจอดรถที่ซับซ้อนของเมืองไทย โดยเฉพาะในพื้นที่อย่างกรุงเทพฯ ที่ช่องจอดรถมักคับแคบ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถจอดรถแนวขนานและจอดแนวตั้งได้อย่างง่ายดาย พร้อมลดความเสี่ยงการเกิดรอยขีดข่วน ระบบ Park Assist นี้ใช้เซ็นเซอร์อัลตราโซนิกรอบคันรถเพื่อจดจำช่องจอดที่ว่างได้เอง และควบคุมพวงมาลัยเพื่อดำเนินการจอดรถอัตโนมัติ ผู้ขับขี่เพียงทำตามคำแนะนำเพื่อควบคุมเกียร์และเบรก นอกจาก Park Assist แล้ว Jaecoo J7 ยังมาพร้อมระบบช่วยขับขี่อื่นๆ เช่น กล้องรอบทิศทาง 360 องศา และระบบเตือนจุดบอด ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่บนถนนที่แออัดของไทย สำหรับผู้บริโภคไทย ฟีเจอร์ช่วยขับขี่อัจฉริยะเหล่านี้ไม่เพียงช่วยลดความเครียดในการจอดรถประจำวัน แต่ยังเหมาะกับสภาพถนนหลากหลายแบบของไทย ไม่ว่าจะเป็นถนนลื่นในช่วงฤดูฝนหรือการมองเห็นที่ลดลงในเวลากลางคืน ถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งความสะดวกและความปลอดภัย
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

Toyota โดนดีอีกแล้ว! ปมปลอมแปลงผลทดสอบความปลอดภัย หลายรุ่นได้รับคําสั่งให้แก้ไข
AshleyAug 2, 2024

Lexus LSอาจกลายเป็น MPV หกล้อ แล้วทำไม LS Concept ต้องใช้การออกแบบหกล้อ?
ธนวัฒน์Oct 16, 2025

2027 Lexus LFRจะมาพร้อมกับระบบไฮบริด 4.0L V8 ที่มีกำลังกว่า 900 แรงม้า
LienSep 22, 2025

Lexusละทิ้งกลยุทธ์การเปลี่ยนแบรนด์ทั้งหมดไปสู่พลังงานไฟฟ้าล้วน หันมาพัฒนาเทคโนโลยีไฮบริดและพลังงานไฟฟ้าล้วนควบคู่กัน
ธนวัฒน์Aug 11, 2025

Lexus LC 500 Pinnacle รุ่นพิเศษ ผลิตจำนวนจำกัดในญี่ปุ่น อำลาตำนาน V8 ค่ายญี่ปุ่น
AshleyAug 4, 2025
ดูเพิ่มเติม


 รุ่นรถ
 รุ่นรถ
ข้อดี
ข้อเสีย