Q
BYD Sealion 7 มีความจุแบตเตอรี่เท่าไหร่
BYD Sealion 7 มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมเฟอร์รัสฟอสเฟตความจุ 825kWh ทั้งรุ่นมอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังและรุ่นมอเตอร์คู่ขับเคลื่อนสี่ล้อล้วนใช้แบตเตอรี่ขนาดเดียวกันโดยรุ่นขับหลังมีระยะทางวิ่งไฟฟ้าสูงสุด 567 กิโลเมตรส่วนรุ่นขับสี่อยู่ที่ 542 กิโลเมตรรองรับการใช้งานทั้งในชีวิตประจำวันและการเดินทางระยะกลางในด้านการชาร์จรองรับระบบชาร์จเร็วแบบ DC ใช้เวลาชาร์จจาก 30 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์เพียงประมาณ 053 ชั่วโมงช่วยลดเวลารอคอยเพิ่มความสะดวกในการเดินทางและวางแผนการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพแบตเตอรี่ชนิดนี้ยังมีความปลอดภัยสูงอายุการใช้งานยาวนานและเหมาะกับสภาพอากาศของประเทศไทย
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
ข้อเสียของ BYD Sealion 7 มีอะไรบ้าง?
BYD Sealion 7 อาจมีข้อเสียอยู่บ้างตามความคิดเห็นของผู้ใช้งานบางส่วน เช่น เวลาที่เปิดแอร์อาจมีเสียงแปลกๆ ดังออกมา ทำให้รู้สึกรบกวนขณะขับขี่
ในเรื่องของเบาะนั่ง มีคนพบว่าเบาะนิ่มจนยุบง่าย พอนั่งนานๆ อาจรู้สึกปวดหลัง และถ้าใช้งานในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง เบาะยังอาจเกิดสนิมได้ด้วย
ระบบหน้าจอและซอฟต์แวร์ในรถก็มีปัญหาจุกจิก เช่น มีบั๊กเยอะ บางครั้งอัปเดตระบบแล้วฟังก์ชันชาร์จไร้สายหายไป และสัญญาณอินเทอร์เน็ตในรถก็ไม่ค่อยเสถียร
ในส่วนของระยะทางขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน ยังถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับความต้องการของผู้ใช้บางคนที่ต้องเดินทางไกล ทำให้รู้สึกไม่ค่อยมั่นใจในการเดินทางไกล
อีกจุดหนึ่งคือความสูงของใต้ท้องรถค่อนข้างต่ำ พอขับผ่านถนนขรุขระหรือเนินต่างๆ อาจโดนขูดได้ง่าย ซึ่งมีผลต่อความสะดวกในการใช้งานในสภาพถนนที่หลากหลายค่ะ
Q
BYD Sealion 7 จัดอยู่ในกลุ่มรถประเภทไหน?
BYD Sealion 7 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบ SUV ที่จัดอยู่ในกลุ่ม D-Segment โดยเฉพาะรุ่นนี้ถือเป็นรถ SUV ไฟฟ้าล้วน (EV) ที่มีการออกแบบและวางตำแหน่งให้เหมาะกับการใช้งานแบบครอบครัว
รุ่นนี้เปิดตัวพร้อมกับแพลตฟอร์มใหม่ BYD e-Platform 3.0 EVO ซึ่งได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะด้านการชาร์จ ที่สามารถรองรับกำลังไฟสูงสุดถึง 200KW ทำให้สามารถชาร์จจาก 30% ไปถึง 80% ได้ภายในไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เพิ่มความสะดวกในการใช้งานจริง
ในด้านสมรรถนะ มอเตอร์ถูกวางไว้ด้านหลัง ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ทำให้การเร่งแซงทำได้ดี โดยเฉพาะรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อที่สามารถเร่งจาก 0–100 กม./ชม. ได้ภายใน 4.5 วินาที และมีความเร็วสูงสุดถึง 225 กม./ชม.
ดีไซน์ตัวรถแบบ SUV ที่ยกสูงช่วยให้ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง เหมาะสำหรับการเดินทางกับครอบครัว และยังมาพร้อมเทคโนโลยีโครงสร้างแบตเตอรี่แบบรวมกับตัวถัง (CTB – Cell to Body) ช่วยให้โครงสร้างรถแข็งแรงมากขึ้น โดยมีค่าความแข็งแรงการบิดตัวรถสูงถึง 40,000 นิวตันเมตร ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่อีกระดับค่ะ
Q
ราคาขายต่อของ BYD Sealion 7 คือเท่าไหร่?
ราคาขายต่อของ BYD Sealion 7 จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุการใช้งาน ระยะทางที่ขับไปแล้ว สภาพรถ ความนิยมในตลาด รวมถึงมีออปชันหรืออัปเกรดเพิ่มเติมหรือไม่
ตอนนี้ BYD Sealion 7 เพิ่งเปิดตัวในช่วงปี 2024–2025 ยังถือว่าใหม่อยู่ในตลาด รถมือสองเลยยังมีไม่เยอะ และข้อมูลราคาขายต่อก็ยังไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่
ตัวรถมีหลายรุ่น เช่น รุ่นขับหลังแบบพรีเมียม และรุ่นขับสี่แบบสมรรถนะสูง ถ้ารถอยู่ในสภาพดีมาก ใช้งานน้อย ก็มีโอกาสขายได้ราคาดี อาจจะใกล้เคียงกับราคาลดจากป้ายแดง แต่ถ้าขับมาเยอะ มีรอย มีปัญหา หรือหมดประกันแล้ว ราคาก็จะตกลงไปอีก
อีกปัจจัยที่สำคัญคือ “ความต้องการในตลาด” ถ้าคนกำลังมองหารถ EV มือสองเยอะ แต่รถในตลาดมีน้อย ราคาก็จะดีขึ้น แต่ถ้ามีเยอะจนเกินไป หรือรุ่นใหม่เข้ามาแทน ราคาก็อาจตกได้เหมือนกัน
ราคาป้ายแดงของ BYD Sealion 7 ตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 1,149,900 – 1,399,900 บาท ส่วนราคามือสองจะลดลงเท่าไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับสภาพและปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมด
ถ้าอยากรู้ราคาที่แม่นยำ แนะนำให้ลองเช็กกับเต็นท์รถมือสอง หรือแพลตฟอร์มขายรถออนไลน์ต่างๆ เพื่อดูราคาเฉลี่ยในตลาดจริงค่ะ
Q
BYD Sealion 7 มีกี่ CC?
BYD Sealion 7 เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าล้วน (EV) จึงไม่ได้วัดสมรรถนะด้วยหน่วยซีซี (CC) แบบรถยนต์เครื่องยนต์น้ำมัน แต่จะดูที่กำลังมอเตอร์ แรงม้า แรงบิด และความจุของแบตเตอรี่เป็นหลัก
รุ่นขับเคลื่อนล้อหลังจะใช้มอเตอร์แม่เหล็กถาวร กำลังสูงสุด 230 กิโลวัตต์ หรือประมาณ 313 แรงม้า ส่วนรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ กำลังรวมสูงถึง 390 กิโลวัตต์ หรือราว 530 แรงม้า ซึ่งถือว่าแรงมากสำหรับรถ SUV ไฟฟ้า
ตัวแบตเตอรี่เป็นแบบลิเธียมเฟอร์โรฟอสเฟต (LFP) ความจุ 82.5 kWh รองรับการชาร์จเร็ว ใช้เวลาชาร์จจาก 30% ไปถึง 80% แค่ประมาณ 0.53 ชั่วโมงเท่านั้น ทำให้ใช้งานได้คล่องตัว ไม่ต้องรอนาน
นอกจากนี้ BYD Sealion 7 ยังมาพร้อมระบบช่วงล่างและระบบเบรกที่ออกแบบมาอย่างมั่นคง ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างปลอดภัยและสบายตลอดทางค่ะ
Q
BYD Sealion 7 ใช้ระบบเกียร์ประเภทไหน?
BYD Sealion 7 ใช้ระบบเกียร์แบบ EV ที่มีเกียร์เดียว ซึ่งเป็นการออกแบบเฉพาะสำหรับรถไฟฟ้า แตกต่างจากเกียร์รถน้ำมันแบบเดิมค่อนข้างมาก มันถูกออกมาให้ทำงานร่วมกับลักษณะการส่งกำลังของรถไฟฟ้าได้ดีกว่า เมื่อเทียบกับเกียร์แบบเดิม ระบบเกียร์นี้มีโครงสร้างที่เรียบง่ายกว่า ช่วยลดการสูญเสียพลังงานในกระบวนการส่งกำลัง ทำให้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานดีขึ้น และส่งผลให้รถวิ่งได้ไกลขึ้น แถมการออกแบบเกียร์เดียวยังทำให้การขับขี่สะดวกขึ้น ไม่ต้องคอยเปลี่ยนเกียร์บ่อยๆ ให้ความรู้สึกการขับที่ลื่นไหล โดยเฉพาะในสภาพการจราจรติดขัดในเมือง จะช่วยลดภาระการขับขี่ได้มาก ทำให้การขับรถรู้สึกสบายและเป็นธรรมชาติมากขึ้น
Q
BYD Sealion 7 มีขนาด PCD เท่าไหร่?
PCD ของ BYD Sealion 7 คือ 5x120 มม. ซึ่งเป็นขนาดเดียวกันกับรถบางรุ่นของ BMW และ MINI ดังนั้นถ้าจะเปลี่ยนล้อแม็กในไทย สามารถเลือกแม็กรุ่นที่มี Offset อยู่ในช่วง +35 ถึง +45 ได้ (โดยค่า Offset เดิมจากโรงงานคือ +40)
แต่อย่าลืมว่า ตามกฎหมายจราจรของไทย ห้ามให้ขอบล้อยื่นเกินตัวถังรถ เพราะถือว่าผิดกฎหมาย
ถ้าคุณอยากอัปเกรดขนาดล้อแม็ก แนะนำให้ใช้ขนาดเท่าเดิมจากโรงงานคือ 20 นิ้ว (ยางขนาด 255/50 R20) เพราะถ้าเปลี่ยนขนาดไปมาก อาจทำให้ระบบตรวจวัดแรงดันลมยางทำงานผิดพลาด และมีผลต่อการรับประกันรถด้วย
ศูนย์บริการ BYD ที่ได้รับอนุญาตในไทย (เช่น BYD Rama 9 ในกรุงเทพฯ) มีบริการเปลี่ยนแม็กแท้จากโรงงาน และช่วยตรวจสอบว่าแม็กจากที่อื่นเข้ากับรถได้หรือไม่
ถ้าคุณอยู่ในพื้นที่ที่ฝนตกบ่อย แนะนำให้ใช้แม็กเดิมจากโรงงาน เพราะดีไซน์แบบอากาศพลศาสตร์ (aerodynamic) ของแม็กเดิมช่วยให้รถวิ่งได้นานขึ้นเล็กน้อย
ข้อควรระวัง: ถ้าเปลี่ยนไปใช้แม็กที่ไม่ใช่ของแท้จาก BYD แนะนำให้ เช็กลูกน็อตทุก ๆ 5,000 กิโลเมตร เพราะอุณหภูมิร้อนจัดของถนนในไทย อาจทำให้โลหะล้าเร็วกว่าปกติค่ะ
Q
BYD Sealion 7 รองรับ Apple CarPlay ไหมคะ?
BYD Sealion 7 รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย
ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อ iPhone เข้ากับหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 15.6 นิ้วที่หมุนได้ของรถ เพื่อใช้งานแผนที่นำทาง เพลง หรือโทรศัพท์ได้อย่างลื่นไหล รองรับตั้งแต่ iOS 12 ขึ้นไป และโดยรวมถือว่าทำงานได้ดีทั้งในแง่ความลื่นและความเข้ากันได้
อย่างไรก็ตาม รถล็อตแรกบางคันอาจต้องนำไปที่ศูนย์บริการ BYD (เช่น BYD สาขาใหญ่ในกรุงเทพฯ) เพื่ออัปเกรดระบบก่อน จึงจะเปิดใช้ CarPlay ได้ ซึ่งบริการนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย แนะนำให้สอบถามพนักงานขายเกี่ยวกับเวอร์ชันระบบก่อนตัดสินใจซื้อ
ถึงแม้จะไม่เชื่อมต่อ CarPlay ตัวรถก็ยังสามารถใช้งานฟีเจอร์พื้นฐานได้ตามปกติ
หากเจอปัญหาเชื่อมต่อไม่ได้ ลองรีเซ็ตการตั้งค่าเครือข่ายในรถ หรือเปลี่ยนสาย USB (พอร์ตอยู่ในกล่องเก็บของตรงกลาง มีหัวแบบ USB-C)
เนื่องจากอากาศในไทยค่อนข้างร้อน ถ้าจอดกลางแดดนาน ๆ อาจทำให้หน้าจอค้างหรือช้าเป็นช่วง ๆ แนะนำให้ใช้ม่านบังแดดป้องกันจอกลางไว้ด้วย
ปล. รุ่นอื่น ๆ ที่ใช้ระบบเดียวกัน เช่น BYD Atto 3 และ Dolphin ก็รองรับ Apple CarPlay เหมือนกัน และการใช้งานคล้าย ๆ กันค่ะ
Q
ยางรถของ BYD Sealion 7 เป็นยี่ห้ออะไรคะ?
ยางติดรถเดิมของ BYD Sealion 7 ที่ขายในไทย ส่วนใหญ่มาจากแบรนด์ Continental (คอนติเนนทอล) หรือ Michelin (มิชลิน)
โดยขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยที่เลือก เช่น
• รุ่นท็อปอาจได้ยางแบบนุ่มเงียบพิเศษ เช่น Michelin Primacy
• รุ่นมาตรฐานอาจใช้ยางสมดุลเน้นทนทาน เช่น Continental ContiPremiumContact
ขนาดยางที่ติดรถมาจากโรงงานมักจะอยู่ที่ประมาณ 235/50 R19 (อาจต่างกันเล็กน้อยตามรุ่น) ซึ่งเป็นขนาดที่ออกแบบมาให้รองรับแรงบิดสูงของรถไฟฟ้าได้ดี ขณะเดียวกันก็ยังนั่งสบาย
เนื่องจากสภาพอากาศในไทยร้อนและฝนตกบ่อย แนะนำให้:
• ตรวจสอบแรงดันลมยางเป็นประจำ (รถ BYD มีระบบตรวจวัดลมยางอัตโนมัติอยู่แล้ว)
• สลับยางทุก ๆ 20,000 กิโลเมตร เพื่อให้สึกเท่า ๆ กัน
• ช่วงหน้าฝนให้เน้นเรื่องรีดน้ำของยางด้วย
ถ้าจะเปลี่ยนยางนอกเหนือจากยี่ห้อเดิม ตัวเลือกที่คนนิยมในไทย เช่น:
• Bridgestone Alenza (นุ่ม เงียบ เหมาะขับทางไกล)
• Pirelli Scorpion Verde (รีดน้ำดี เหมาะกับฤดูฝน)
ราคาประมาณ 8,000 – 12,000 บาทต่อเส้น (รวมติดตั้ง)
ถ้าเปลี่ยนยาง ต้องตั้งค่า TPMS ใหม่ด้วย (ระบบแจ้งเตือนลมยาง) ซึ่งศูนย์บริการจะมีอุปกรณ์เฉพาะให้บริการ
แนะนำให้เปลี่ยนยางที่ศูนย์ BYD โดยตรง เช่น BYD สาขา Siam ในกรุงเทพฯ เพื่อรับสิทธิ์ประกันต่อเนื่อง และควรเก็บใบเสร็จไว้ เพราะอาจเกี่ยวข้องกับการรับประกันแบตเตอรี่แรงดันสูงในอนาคตค่ะ
Q
BYD Sealion 7 เป็นรถดีไหม? มาดูข้อดีข้อเสียกันที่นี่เลยค่ะ
BYD Sealion 7 ถือเป็นรถที่น่าสนใจและมีข้อดีหลายอย่าง
ดีไซน์ภายนอกมาในแนวคิด “Ocean Aesthetics” หรือความงามแบบทะเล มีทรงท้ายลาดแบบสปอร์ต และไฟท้ายแบบเส้นยาวทั้งแถบ ทำให้ดูทันสมัยและโดดเด่นไม่เหมือนใคร
ภายในกว้างขวาง ด้วยระยะฐานล้อ 2,930 มม. ไม่ว่าจะนั่งด้านหน้า หรือด้านหลังก็รู้สึกสบาย แถมพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังก็ใหญ่ถึง 500 ลิตร ใช้ใส่ของเดินทางหรือของใช้ประจำวันได้สบาย
เรื่องสมรรถนะก็ไม่ธรรมดา มีให้เลือกทั้งขับหลังและขับสี่ล้อ
• รุ่นขับหลัง 0-100 กม./ชม. ใน 6.7 วินาที
• รุ่นขับสี่ล้อ แรงสุด วิ่งจาก 0-100 กม./ชม. แค่ 4.5 วินาทีเท่านั้น!
ระยะทางวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนก็ถือว่าดีมาก:
• รุ่นขับหลัง วิ่งได้สูงสุด 567 กม.
• รุ่นขับสี่ล้อ ได้ 542 กม.
เพียงพอสำหรับใช้ในเมือง หรือไปเที่ยวใกล้ ๆ ได้สบาย
ระบบความปลอดภัยจัดเต็ม มีระบบช่วยขับขี่อัตโนมัติหลายอย่าง พร้อมถุงลมนิรภัย 7 จุด เพิ่มความอุ่นใจทุกการเดินทาง
หน้าจอกลางใหญ่ 15.6 นิ้ว พร้อมลำโพงจาก DYNAUDIO ถึง 12 ตัว ให้ประสบการณ์ภาพและเสียงระดับพรีเมียม
แต่ก็มีข้อสังเกตเล็กน้อย:
• บางคนพบว่าเสียงลมและเสียงยางตอนขับเร็วค่อนข้างชัด
• ระบบหน้าจอและสั่งงานด้วยเสียงยังไม่ลื่นเท่าที่ควร มีบางช่วงที่ตอบสนองช้า
Q
ความกว้างของ BYD Sealion 7 คือเท่าไหร่?
BYD Sealion 7 มีความกว้างถึง 1,925 มม. ซึ่งจัดอยู่ในระดับรถยนต์คลาส D ความกว้างตัวถังขนาดนี้ช่วยสร้างพื้นที่ภายในที่กว้างขวางโดยเฉพาะด้านความกว้าง ทำให้ผู้โดยสารรู้สึกสะดวกสบายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคนขับหรือผู้โดยสารแถวหน้า รวมถึงผู้โดยสารแถวหลัง ก็จะมีพื้นที่เคลื่อนไหวบริเวณไหล่และข้อศอกที่เพียงพอ ลดความรู้สึกอึดอัด นอกจากนี้ ตัวถังที่กว้างยังช่วยเพิ่มความมั่นคงในการขับขี่ โดยเฉพาะเมื่อขับด้วยความเร็วสูงหรือเข้าโค้ง จะให้ความรู้สึกทรงตัวที่ดีขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมและความนุ่มนวลขณะขับขี่
Q&A ล่าสุด
Q
สเปครถ Ford Everest มีอะไรบ้าง?
Ford Everest เป็นรถ SUV ขนาดกลางถึงใหญ่ ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดประเทศไทย รุ่นล่าสุดมาพร้อมตัวเลือกเครื่องยนต์หลายแบบ ทั้งเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ V6 ขนาด 3.0 ลิตร ซึ่งให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้า และ 240 แรงม้าตามลำดับ จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างลื่นไหล ประหยัดน้ำมัน และเหมาะกับทั้งถนนในเมืองและการขับทางไกล
ตัวรถมีความยาวเกือบ 5 เมตร และฐานล้อยาวกว่า 2.8 เมตร ทำให้ภายในกว้างขวาง รองรับผู้โดยสารได้ 7 ที่นั่ง เหมาะสำหรับครอบครัว ภายในติดตั้งระบบความบันเทิง SYNC 4 หน้าจอสัมผัสขนาด 12 นิ้ว และระบบช่วยขับขี่ขั้นสูง เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน และระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน เพิ่มทั้งความปลอดภัยและความสะดวกสบาย
ในเรื่องการลุยเส้นทาง Ford Everest ก็ไม่เป็นรองใคร ด้วยระบบล็อกเฟืองท้ายไฟฟ้า และโหมดการขับขี่ที่ปรับได้หลายแบบ เหมาะสำหรับถนนลูกรังหรือเส้นทางบนภูเขา นอกจากนี้ Ford ยังมีศูนย์บริการครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้การดูแลและบำรุงรักษารถเป็นเรื่องง่าย
สำหรับผู้บริโภคชาวไทย Ford Everest เป็นรถที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวันและการออกไปผจญภัยนอกเมือง เรียกได้ว่าเป็นรถที่รวมเอาความสบาย ความแกร่ง และความอเนกประสงค์ไว้ในคันเดียว.
Q
รถ Ford Everest ราคาเท่าไร?
ราคาของ Ford Everest ในตลาดไทยจะแตกต่างกันไปตามรุ่นและอุปกรณ์เสริม โดยมีราคาอยู่ในช่วงประมาณ 1.4 ถึง 2 ล้านบาท ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่ายหรืออุปกรณ์เสริมที่เลือกเพิ่ม รุ่นพื้นฐานอย่าง Trend จะมาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตรและเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ส่วนรุ่นสูงอย่าง Titanium+ จะมีอุปกรณ์ภายในห้องโดยสารที่หรูหราพร้อมระบบช่วยขับขี่ขั้นสูง ผู้บริโภคไทยยังต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเช่นค่าจดทะเบียน ค่าประกัน และสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่จะส่งผลต่อราคาสุดท้าย Everest เป็น SUV ที่ออกแบบมาสำหรับตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะ ด้วยสมรรถนะการขับเคลื่อนออฟโรดที่ยอดเยี่ยมและการจัดวางห้องโดยสารแบบ 7 ที่นั่งที่กว้างขวาง เหมาะสมกับการใช้งานในสภาพพื้นที่หลากหลายของไทย คู่แข่งในระดับเดียวกันได้แก่ Toyota Fortuner และ Isuzu MU-X แต่ Everest มีจุดเด่นที่แตกต่างด้วยระบบสารสนเทศบันเทิง SYNC 4 และความสามารถในการลุยน้ำที่สูงถึง 800 มม. ซึ่งเป็นระดับนำในกลุ่มเดียวกัน สำหรับผู้ที่สนใจแนะนำให้ติดต่อตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการเพื่อขอราคาล่าสุดและนัดหมายทดลองขับ รวมทั้งสามารถติดตามโปรโมชั่นช่วงสิ้นไตรมาสเพื่อรับข้อเสนอด้านการเงินที่ดีกว่า
Q
Ford Everest มีสีอะไรบ้าง? คุณชอบสีไหน?
รถ Ford Everest ที่ขายในประเทศไทยมีหลายสีให้เลือก ทั้งสี Absolute Black (ดำสนิท) ที่ดูคลาสสิคและเรียบหรู, สี Meteor Grey (เทาอุกกาบาต) ที่ดูโมเดิร์น, สี Diffused Silver (เงินกระจาย) ที่เหมาะกับคนทำงานสายธุรกิจ, สี Ruby Red (แดงทับทิม) ที่ดูสปอร์ตและมีชีวิตชีวา หรือจะเป็นสี Sedona Orange (ส้มเซโดนา) ที่ให้ความรู้สึกแบบ tropical นอกจากนี้ยังมีสี Frozen White (ขาวน้ำแข็ง) และ Aluminum Metallic (สีเมทัลลิกเงิน) ที่เป็นโทนคลาสสิคอีกด้วย แต่ละสีตอบโจทย์ความชอบที่ต่างกัน เช่น สีดำและสีเงินเหมาะกับคนทำงาน ส่วนสีแดงทับทิมและส้มเซโดนาจะเหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่ชอบความโดดเด่น ส่วนตัวผมชอบสี Ruby Red เพราะนอกจากจะดูสปอร์ตแล้ว ยังทำให้รถดูโดดเด่นบนถนน โดยเฉพาะในเมืองไทยที่แดดแรง สีสดๆแบบนี้จะยิ่งทำให้รถดูสะดุดตาขึ้นไปอีก แต่การเลือกสีก็ต้องคำนึงถึงความชอบส่วนตัว สภาพอากาศ และการใช้งานด้วย เช่น รถสีเข้มจะดูดความร้อนมากกว่าในอากาศร้อนแบบไทยๆ ส่วนรถสีอ่อนจะทนต่อคราบสกปรกและช่วยลดผลจากแสงแดดได้ดีกว่า
Q
Ford Everest มีขนาดเท่าไหร่? ใหญ่ขนาดไหน?
Ford Everest เป็นรถ SUV ขนาดกลางถึงใหญ่ที่ได้รับความนิยมในตลาดประเทศไทย ตัวรถมีขนาดความยาว 4,914 มม. กว้าง 1,923 มม. สูง 1,842 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,900 มม. ซึ่งช่วยให้ห้องโดยสารภายในกว้างขวาง นั่งสบาย และมีพื้นที่เก็บสัมภาระมากเพียงพอ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเดินทางไกลของครอบครัว หรือใช้งานในชีวิตประจำวัน
ด้วยขนาดตัวรถที่ลงตัว Everest สามารถใช้งานได้คล่องทั้งในเมืองและบนถนนชนบท หรือเส้นทางบนภูเขาที่มีความซับซ้อน นอกจากนี้ยังมีความสูงจากพื้นค่อนข้างมากและระบบขับเคลื่อนที่ทรงพลัง ทำให้รองรับภูมิประเทศที่หลากหลายของไทยได้อย่างดี
Everest ยังมาพร้อมระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ และภายในห้องโดยสารที่ตกแต่งอย่างสวยงามและสะดวกสบาย ยกระดับทั้งประสบการณ์การขับขี่และการโดยสาร
สำหรับผู้บริโภคชาวไทย Everest ถือเป็นรถที่ตอบโจทย์ได้ครบ ทั้งในเรื่องความอเนกประสงค์สำหรับครอบครัว และความสามารถในการลุยเส้นทางสมบุกสมบันได้ในคันเดียว.
Q
เงินผ่อนรายเดือนของ Ford Everest คือเท่าไหร่? ดูที่นี่!
การผ่อนรถ Ford Everest ในประเทศไทยแต่ละเดือนจะขึ้นอยู่กับรุ่นแบบรถ ระยะเวลาการกู้ยืม อัตราดาวน์ และอัตราดอกเบี้ยของธนาคาร โดยตัวอย่างเช่น รุ่น 2.0L Wildtrak 4x4 หากเลือกดาวน์ 20% และผ่อน 5 ปี ค่าผ่อนต่อเดือนจะอยู่ที่ประมาณ 25,000-30,000 บาท แต่จำนวนเงินที่แน่นอนควรสอบถามจากตัวแทนจำหน่ายหรือสถาบันการเงินในพื้นที่ นอกจากค่าผ่อนรถแล้ว ยังต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ภาษีจดทะเบียนครั้งแรก ค่าประกัน ค่าทะเบียน ซึ่งมักจะอยู่ที่ประมาณ 10%-15% ของราคารถ ตลาดไทยมีความต้องการรถปิคอัพและ SUV สูง โดย Ford Everest ได้รับความนิยมจากสมรรถนะออฟโรดและพื้นที่กว้างขวาง ขอแนะนำก่อนซื้อควรเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและโปรโมชั่นจากธนาคารต่างๆ บางตัวแทนจำหน่ายในช่วงสิ้นปีหรืองานมอเตอร์โชว์อาจมีโปรโมชั่นผ่อน 0% พร้อมทั้งต้องระวังเงื่อนไขการชำระก่อนกำหนดและข้อกำหนดประกันในสัญญากู้ยืม เพื่อเลือกแผนการเงินที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

ภาพประกอบการยื่นขอจดทะเบียน BYD Sealion 07 DM-i ถูกเปิดเผย: มาพร้อมเทคโนโลยี DM รุ่นที่ 5
ธนวัฒน์Dec 10, 2024

"BYD SEALION 7 ไทยแลนด์ Motor Expo 2024 โดดเด่น: คุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา, มีการตั้งค่าที่หลากหลาย!"
สุรเดชNov 29, 2024

พ.ค. 2025 ไทยขายรถ EV 12,034 คัน BYD Dolphin ขายดีอันดับ 1!
Kevin WongJun 23, 2025

BYD Sealion 6 DM-iมียอดขายทะลุ 8,200 คันในช่วงสี่เดือนแรกของปีนี้ กลายเป็นC-SUVที่ขายดีที่สุด
Kevin WongJun 18, 2025

BYDจะเปิดตัวSEALION 8สู่ตลาดโลก มีความเป็นไปได้ที่จะเปิดตัวในประเทศไทย
Kevin WongJun 17, 2025
ดูเพิ่มเติม
ข้อดี
ข้อเสีย