Q

ความแตกต่างระหว่าง Lexus IS ES GS และ LS คืออะไร

Lexus รุ่น IS, ES, GS และ LS เป็นรถยนต์ซีดาน 4 กลุ่มหลักที่มีตำแหน่งทางการตลาดแตกต่างกัน โดยความแตกต่างหลักอยู่ที่ขนาดตัวถัง ระบบขับเคลื่อน ระดับความหรูหรา และกลุ่มเป้าหมาย IS เป็นซีดานขนาดเล็กที่สุดของแบรนด์ เน้นความสปอร์ตและคล่องตัว เหมาะกับกลุ่มผู้ขับขี่วัยรุ่นหรือผู้ที่ชอบการควบคุมแบบสปอร์ต มีตัวเลือกเครื่องยนต์ 2.0 เทอร์โบ หรือ 3.5L V6 ขับหลัง ES เป็นซีดานขนาดกลางถึงใหญ่ ใช้แพลตฟอร์มขับเคลื่อนล้อหน้า เน้นความนุ่มนวลและสะดวกสบาย เหมาะสำหรับใช้งานในชีวิตประจำวันหรือใช้เป็นรถสำหรับผู้บริหาร มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.5L NA, ไฮบริด 2.5L หรือ 3.5L V6 มีความคุ้มค่าในด้านราคาและอุปกรณ์ GS ปัจจุบันเลิกทำตลาดแล้ว แต่เดิมเป็นรุ่นที่วางตัวอยู่ระหว่าง ES กับ LS โดยใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง มีบุคลิกที่ขับสนุกกว่ารุ่น ES และเน้นความสปอร์ตหรู LS เป็นรุ่นเรือธงของ Lexus เน้นความหรูหราเต็มระดับ ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลังหรือสี่ล้อ มาพร้อมเครื่องยนต์ 3.5L V6 เทอร์โบคู่ หรือระบบไฮบริดขั้นสูง ภายในตกแต่งด้วยวัสดุระดับพรีเมียม เช่น เบาะหนังกึ่งอนิลีนและเครื่องเสียง Mark Levinson เทียบชั้นได้กับ Mercedes-Benz S-Class หรือ BMW 7 Series ในตลาดประเทศไทย รุ่นที่เห็นได้บ่อยคือ ES และ LS โดย ES เป็นที่นิยมในหมู่ผู้ใช้รถกลุ่มนักธุรกิจ ด้วยความหรูหราแต่ราคาจับต้องได้ ส่วน LS เป็นที่ต้องการในกลุ่มลูกค้าระดับบนที่ให้ความสำคัญกับความพรีเมียมทั้งภายนอกและภายใน สำหรับผู้ที่ชอบขับเองแนวสปอร์ต แนะนำ IS ส่วนใครที่ให้ความสำคัญกับความนุ่มเงียบและหรูหรา แนะนำ LS
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
Lexus LS สามารถถือกี่แกลลอน
ความจุถังน้ำมันของ Lexus LS จะแตกต่างกันไปตามรุ่นย่อยและอุปกรณ์ที่ติดตั้ง โดยทั่วไปแล้ว รุ่นมาตรฐานจะมีความจุถังน้ำมันอยู่ที่ประมาณ 80 ลิตร
Q
ความแตกต่างระหว่าง Lexus LS 460 และ LS460L คืออะไร
ความแตกต่างหลักระหว่าง Lexus LS 460 และ LS 460L อยู่ที่ความยาวของตัวรถและพื้นที่เบาะหลัง โดย LS 460L จะมีความยาวตัวถังมากกว่า LS 460 เพื่อเพิ่มพื้นที่วางขาสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ทำให้การโดยสารสะดวกสบายยิ่งขึ้น ในด้านอุปกรณ์ LS 460L อาจมีฟังก์ชันเพิ่มเติมบางอย่างที่ออกแบบมาเพื่อความสะดวกและความบันเทิงของผู้โดยสารตอนหลัง อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างในแต่ละรุ่นอาจขึ้นอยู่กับปีที่ผลิตและอุปกรณ์เสริมที่ติดตั้งในแต่ละคันด้วย
Q
วิธีการเติมน้ำหล่อเย็นใน Lexus LS 460
การเติมน้ำยาหล่อเย็นให้กับ Lexus LS 460 สามารถทำได้ตามขั้นตอนนี้: ก่อนเริ่ม ให้แน่ใจว่ารถดับเครื่องแล้วและเครื่องยนต์เย็นลงเรียบร้อยแล้ว จากนั้นเปิดฝากระโปรงหน้ารถ แล้วหาถังพักน้ำยาหล่อเย็นซึ่งจะมีสัญลักษณ์หรือฝาปิดที่มองเห็นได้ชัด ค่อยๆ เปิดฝาถังออกอย่างระมัดระวัง เพราะอาจมีไอน้ำหรือของเหลวร้อนพุ่งออกมาได้ จากนั้นใช้กรวยช่วยเติมน้ำยาหล่อเย็นที่เหมาะสมกับสเปกรถของคุณลงไปช้าๆ จนระดับน้ำอยู่ระหว่างขีด “Min” กับ “Max” ที่ระบุไว้ข้างถัง เมื่อเติมเสร็จ ให้ปิดฝาถังให้แน่น และปิดฝากระโปรงรถให้เรียบร้อย
Q
เมื่อ Lexus LS 500 ปี 2025 จะมีจำหน่าย
เวลาวางจำหน่ายของ Lexus LS 500 รุ่นปี 2025 ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการจากทางแบรนด์ แต่หากอ้างอิงจากรอบการเปิดตัวรุ่นใหม่ในอดีต (ซึ่งมักอยู่ในช่วงปลายปี 2024) คาดว่าตลาดประเทศไทยน่าจะเริ่มวางจำหน่ายในช่วงไตรมาสแรกถึงไตรมาสที่สองของปี 2025 สำหรับสเปกของรุ่นใหม่นั้น คาดว่าจะยังคงใช้เครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.5 ลิตร เทอร์โบคู่ เช่นเดียวกับรุ่นปัจจุบัน พร้อมตัวเลือกแบบไฮบริด LS 500h แต่จะมีการอัปเกรดในด้านเทคโนโลยี เช่น ระบบช่วยขับ Lexus Safety System+ 3.0 เวอร์ชันล่าสุด ระบบอินโฟเทนเมนต์ที่ล้ำหน้าขึ้น รวมถึงวัสดุตกแต่งภายในที่หรูหรายิ่งขึ้น ด้านราคาสำหรับรุ่นจำหน่ายในประเทศไทย มีแนวโน้มจะอยู่ในช่วงประมาณ 5.5 ล้าน ถึง 7 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยและออปชัน ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลได้ทางเว็บไซต์ Lexus Thailand หรือสอบถามจากตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ เพื่อรับข้อมูลการเปิดตัวและทดลองขับก่อนใคร เมื่อเทียบกับแบรนด์รถยุโรปในกลุ่มเดียวกัน Lexus ยังมีจุดแข็งด้านความน่าเชื่อถือและบริการหลังการขายในประเทศไทย ทำให้ LS 500 ยังคงเป็นตัวเลือกยอดนิยมในกลุ่มรถซีดานหรูระดับพรีเมียม
Q
Lexus LS 460 จะวิ่งได้กี่ไมล์
ระยะทางที่ Lexus LS 460 สามารถวิ่งได้ต่อการเติมน้ำมันเต็มถังจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ลักษณะการขับขี่ สภาพถนน และน้ำหนักบรรทุกของรถ โดยทั่วไปแล้ว ภายใต้สภาพการใช้งานปกติ รถรุ่นนี้สามารถวิ่งได้ประมาณ 500 ถึง 600 ไมล์ต่อการเติมน้ำมันเต็มถัง
Q
ราคาเลกซัส ls 500 คือเท่าไหร่
ราคาของ Lexus LS 500 ในประเทศไทยขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยและอุปกรณ์เสริมที่เลือก โดยรุ่นเริ่มต้น LS 500 Luxury มีราคาประมาณ 5,599,000 บาท ส่วนรุ่นที่สูงกว่าอย่าง LS 500 Executive หรือ LS 500h (รุ่นไฮบริด) ราคาสามารถสูงถึง 7,000,000 บาทขึ้นไป รถรุ่นนี้มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน V6 ขนาด 3.5 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุด 422 แรงม้า หรือสามารถเลือกเป็นระบบ ไฮบริด (LS 500h) ที่เน้นความประหยัดและการขับขี่ที่นุ่มนวล อุปกรณ์ภายในเน้นความหรูหราและเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น ระบบเครื่องเสียง Mark Levinson เบาะนั่งปรับไฟฟ้า 28 ทิศทาง ระบบลดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟ ในตลาดประเทศไทย คู่แข่งหลักของรถรุ่นนี้ได้แก่ Mercedes-Benz S-Class และ BMW Series 7 ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้ระดับพรีเมียมที่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ขับขี่ที่หรูหราและประณีต อย่างไรก็ตาม ด้วยตัวถังที่มีขนาดยาว อาจต้องพิจารณาเรื่องความคล่องตัวในการใช้งานบนถนนที่แคบ โดยเฉพาะในเขตเมืองเช่นกรุงเทพฯ Lexus ประเทศไทย มีการรับประกัน 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร พร้อมบริการหลังการขายที่ครอบคลุม

ข้อดี

ออกแบบเรียบง่ายแต่แสดงถึงความทันสมัยและพลังงาน รูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Spindle Grille ทำให้หน้ารถมีสไตล์มากขึ้น
วัสดุภายในที่มีคุณภาพสูง ที่นั่งถูกห่อหุ้มด้วยหนังและถักเย็บอย่างละเอียด สัมผัสนุ่มนวล สามารถรู้สึกผ่อนคลาย ประตูรถมีเสียงกันเสียงที่ดีทำให้เพิ่มความเป็นส่วนตัวในการเดินทาง
มีระบบช่วยเหลือการขับขี่และระบบความปลอดภัยจำนวนมาก เช่น ระบบภาพถอยหลัง การเตือนการชนและเบรกอัตโนมัติ การตรวจจับคนเดิน และการเดินทางแบบคงที่ เป็นต้น
ระบบชั้นยางที่มีการวิ่งที่สม่ำเสมอ สามารถปรับตัวกับทุกสภาพถนน ระบบโช็คอัพภายในมีประสิทธิภาพดี
ระบบพลังงานผสมที่ตัวเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ไฟฟ้า มีประสิทธิภาพในการเร่งและการส่งพลังงานต่อเนื่อง การกระจายพลังงานที่ยอดเยี่ยม

ข้อเสีย

ในรถหรูแบรนด์ไม่โดดเด่นเท่ากับ Mercedes-Benz และ Jaguar
พื้นที่ภายในรถแคบ ดีไซน์แผงควบคุมกว้างเกินไป พื้นที่ขาด้านหลังเล็ก
พื้นที่ในท้ายรถเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ในระดับเดียวกันเล็กลง
ระบบบันเทิงและข้อมูลยากต่อการใช้งาน เป็นมิตรกับผู้ใช้ที่ไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยี หน้าจอทัชไม่ราบรื่น บางส่วนของเทคโนโลยีไม่ทันสมัย ดำเนินการช้า
ส่วนของอะไหล่และวัสดุบางอย่างสึกหรอง่าย เช่น หลอดไฟของรถเปลี่ยนสีง่าย ดิสก์เบรกสึกหรอง่ายและราคาของอะไหล่ไม่ถูก

Q&A ล่าสุด

Q
ขนาดของ BYD Sealion 7 คือเท่าไหร่ มันมีขนาดใหญ่เท่าไหร่
BYD Sealion 7 จัดอยู่ในกลุ่มรถยนต์ขนาด D-Segment โดยมีขนาดตัวรถ ยาว 4,830 มม. กว้าง 1,925 มม. สูง 1,620 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,930 มม. ซึ่งถือว่าเป็นมิติตัวถังที่ค่อนข้างใหญ่และให้ความรู้สึกโปร่งสบาย ด้วยขนาดแบบนี้ ภายในห้องโดยสารจึงมีพื้นที่กว้าง ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่ด้านหน้าหรือผู้โดยสารด้านหลัง ต่างก็มีพื้นที่ศีรษะและช่วงขาอย่างเหลือเฟือ ทำให้การนั่งโดยสารรู้สึกสบายมากขึ้นในการเดินทางระยะไกล ขนาดตัวรถที่ใหญ่ยังช่วยให้ห้องเก็บของด้านท้ายมีความจุถึง 500 ลิตร สามารถใส่กระเป๋าเดินทางหลายใบหรือของใช้ในชีวิตประจำวันได้สบาย รองรับการใช้งานทั้งในเมืองและเวลาไปเที่ยว นอกจากนี้ ระยะฐานล้อที่ยาวยังช่วยเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่ ไม่ว่าจะเข้าโค้งหรือขับด้วยความเร็วสูง ตัวรถยังคงนิ่งและมั่นคง ช่วยให้ขับขี่ปลอดภัยและนั่งสบายตลอดทางค่ะ
Q
BYD Sealion 7 คืออะไร นี่คือการแนะนำทั้งหมดสำหรับคุณ
0BYD Sealion 7 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าระดับ D มีให้เลือก 2 รุ่นคือ Premium RWD ขับหลัง และ Performance AWD ขับสี่ รุ่นขับหลังเร่ง 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 6 จุด 7 วินาที ความเร็วสูงสุด 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังรวม 230 กิโลวัตต์ วิ่งได้ 567 กิโลเมตร ราคา 1249900 บาท รุ่นขับสี่เร่ง 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 4 จุด 5 วินาที กำลังรวม 390 กิโลวัตต์ วิ่งได้ 542 กิโลเมตร ราคา 1399900 บาท ตัวรถยาว 4830 กว้าง 1925 สูง 1620 ระยะฐานล้อ 2930 มิลลิเมตร ภายในกว้างขวาง ใช้มอเตอร์แม่เหล็กถาวรชนิดซิงโครนัส รุ่นขับหลังติดมอเตอร์เดี่ยวด้านหลัง รุ่นขับสี่ใช้มอเตอร์คู่หน้าและหลัง ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมฟอสเฟตขนาด 82 จุด 5 กิโลวัตต์ชั่วโมง รองรับการชาร์จเร็วภายใน 0 จุด 53 ชั่วโมง มาพร้อมระบบความปลอดภัยและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบ เช่น ถุงลมนิรภัย 7 จุด ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว หน้าจอแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า เครื่องปรับอากาศหลัง แบรนด์ลำโพง DYNAUDIO จำนวน 12 ตัว มอบประสบการณ์การขับขี่ที่น่าพอใจ
Q
วิธีคำนวณน้ำหนักบรรทุกของ BYD Sealion 7 ทำความเข้าใจได้ที่นี่
น้ำหนักบรรทุกของรถหมายถึงน้ำหนักสูงสุดของผู้โดยสารหรือสิ่งของที่รถสามารถรับได้อย่างปลอดภัยต่อหนึ่งครั้ง การคำนวณน้ำหนักบรรทุกของ BYD Sealion 7 ต้องทราบน้ำหนักตัวรถเปล่าก่อน แล้วนำไปหักลบกับน้ำหนักรวมสูงสุดของรถหรือ GVWR ซึ่งคือน้ำหนักรวมของตัวรถ ผู้โดยสาร สัมภาระ และของเหลวทั้งหมด น้ำหนักบรรทุกของ BYD Sealion 7 อาจแตกต่างกันตามรุ่นและอุปกรณ์ที่ติดตั้ง ควรหลีกเลี่ยงการบรรทุกเกินน้ำหนักที่กำหนดเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่และการทำงานของตัวรถ
Q
ความเร็วสูงสุดของ BYD Sealion 7 คือเท่าไหร่ ?
BYD Sealion 7 ทำความเร็วสูงสุดได้ 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งรุ่นขับหลังและขับสี่ล้อล้วนสามารถทำความเร็วระดับนี้ได้ ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีเมื่อเทียบกับรถในกลุ่มเดียวกัน รองรับความต้องการของผู้ที่ชื่นชอบความเร็ว โดยเฉพาะบนทางด่วนหรือถนนที่มีสภาพดี ความเร็วสูงสุดที่มากนี้สะท้อนถึงสมรรถนะของระบบขับเคลื่อนที่แข็งแกร่ง มอเตอร์แม่เหล็กถาวรชนิดซิงโครนัสให้พละกำลังสูง ช่วยให้รถทำความเร็วได้ดี ด้านการออกแบบและการจูนระบบต่างๆ เช่น ระบบกันสะเทือนและระบบเบรก ยังช่วยเพิ่มความมั่นคงและปลอดภัยขณะขับขี่ที่ความเร็วสูง
Q
ผ่อน BYD Sealion 7 ตกเดือนละเท่าไหร่? ดูรายละเอียด
BYD Sealion 7 มีหลายรุ่นให้เลือก และราคาจะแตกต่างกันไป เช่น รุ่น Premium RWD ปี 2025 ราคาอยู่ที่ 1,249,900 บาท ส่วนรุ่น Performance AWD ปี 2025 ราคาอยู่ที่ 1,399,900 บาท อย่างไรก็ตาม ค่างวดรายเดือนจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น จำนวนเงินดาวน์ ระยะเวลาผ่อน และอัตราดอกเบี้ยที่เลือก หากวางเงินดาวน์มาก ค่างวดต่อเดือนก็จะน้อยลง ส่วนถ้าเลือกผ่อนระยะยาว ค่างวดจะเบาลงแต่ดอกเบี้ยรวมอาจจะสูงขึ้น ตอนนี้มีโปรโมชั่นให้เลือกหลายแบบ เช่น • ดาวน์เริ่มต้น 0 บาท • ผ่อนนานสูงสุด 5 ปี • หรือเลือกรูปแบบดาวน์ 50% ผ่อน 24 งวดแบบไม่เสียดอกเบี้ย แนะนำให้ติดต่อโชว์รูมหรือดีลเลอร์ใกล้บ้าน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ช่วยคำนวณค่างวดรายเดือนตามเงื่อนไขของคุณ จะได้ตัวเลขที่ชัดเจนและตรงกับความสามารถในการผ่อนค่ะ
ดูเพิ่มเติม