Q

ความแตกต่างระหว่าง Toyota Crown ปี 2024 และ 2025 คืออะไร

รุ่นปี 2024 และ 2025 ของ Toyota Crown นั้นมีความแตกต่างกันเล็กน้อย โดยรุ่นปี 2025 ได้รับการอัปเกรดในบางส่วน ด้านหน้าต่าง รุ่น 2025 มีสีตัวถังเพิ่มมา 2 สีให้เลือก พร้อมกับการออกแบบกริลหน้าที่ดีขึ้น ส่วนภายในห้องโดยสาร รุ่น 2025 ได้เพิ่มขนาดจอกลางจากเดิมเป็น 12.3 นิ้ว และติดตั้งระบบมัลติมีเดียเวอร์ชันล่าสุด ในส่วนของระบบขับเคลื่อนยังคงเหมือนเดิม แต่รุ่น 2025 ได้ปรับปรุงระบบจัดการพลังงานของระบบไฮบริดเพื่อให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น ด้านความปลอดภัย รุ่น 2025 ติดตั้งระบบ TSS 3.0 ที่เป็นเวอร์ชันอัปเกรดให้เป็นมาตรฐานในทุกรุ่น สำหรับคนไทยแล้ว ทั้งสองรุ่นนี้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนของเรา เพราะระบบแอร์มีความเย็นแรงเท่ากัน และโครนามรุ่นที่ขายในไทยยังได้รับการปรับระบบช่วงล่างให้เข้ากับถนนไทยโดยเฉพาะ ส่วนรุ่น 2025 ยังเสริมการป้องกันสนิมที่ใต้ท้องรถเป็นพิเศษเพื่อรับมือกับความชื้นในช่วงฤดูฝนของไทย ที่สำคัญต้องบอกว่า Toyota Crown ในไทยขึ้นชื่อเรื่องความทนทานและมูลค่าการขายต่อที่สูงมาก ไม่ว่าจะเป็นรุ่น 2024 หรือ 2025 ก็ยังคงความเด่นนี้ไว้เหมือนเดิม แนะนำให้คนไทยเลือกตามงบประมาณและความต้องการ ถ้าอยากได้เทคโนโลยีล่าสุดก็เลือกรุ่น 2025 แต่ถ้าคิดถึงความคุ้มค่า รุ่น 2024 ก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดีเหมือนกัน
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
รถยนต์ Toyota Crown ทุกรุ่นเป็นไฮบริดหรือไม่?
ไม่ใช่ทุกรุ่นของ Toyota Crown จะเป็นแบบไฮบริด เพราะว่า Toyota Crown มีหลายรุ่น หลายรุ่นย่อยในแต่ละตลาด แต่ละรุ่นก็จะมีระบบขับเคลื่อนที่แตกต่างกันไป ทั้งแบบเครื่องยนต์เบนซินทั่วไปและระบบไฮบริด ซึ่งขึ้นอยู่กับรุ่นและสเปคของรถด้วย สำหรับตลาดไทยแล้ว Toyota Crown ส่วนใหญ่จะเป็นรุ่นไฮบริดเป็นหลัก เช่น รุ่นที่ 15 (Crown S220) และรุ่นล่าสุดอย่างรุ่นที่ 16 (Crown Crossover) ที่มาพร้อมกับระบบไฮบริดประสิทธิภาพสูง ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยที่อยากประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แถมยังได้ประโยชน์จากภาษีที่ถูกกว่าอีกด้วย เพราะรัฐบาลไทยมีนโยบายสนับสนุนรถไฮบริดและรถไฟฟ้า Toyota จึงเน้นเปิดตัวรุ่นไฮบริดในไทยมากเป็นพิเศษ ระบบไฮบริดของคราวน์นั้นผสมผสานระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ปกติ ทำให้ไม่เพียงประหยัดน้ำมัน แต่ยังคงสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม เหมาะกับทั้งการขับขี่ในเมืองและทางไกลในไทย ถ้าสนใจรายละเอียดของแต่ละรุ่น แนะนำให้สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่โชว์รูม Toyota ใกล้บ้านได้เลย
Q
"Toyota Crown ขายได้ทั้งหมดกี่คันในปี 2024"
ณ สิ้นปี 2024 ทาง Toyota ยังไม่ได้เปิดเผยตัวเลขยอดขายอย่างเป็นทางการของ Toyota Crown ในตลาดไทย แต่ต้องยอมรับว่ารุ่นนี้สร้างความสนใจไม่น้อยในตลาดรถซีดานระดับกลางถึงสูงของไทย ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นและเทคโนโลยีไฮบริดที่มาพร้อมประสิทธิภาพ สำหรับ Toyota Crown รุ่นปี 2024 ที่วางขายในไทย ได้ปรับสเปคให้ตอบโจทย์คนไทยมากขึ้น ทั้งระบบปรับอากาศที่ออกแบบมาสำหรับสภาพอากาศร้อน และรุ่นไฮบริดที่เหมาะกับการขับขี่ในเมือง ช่วยประหยัดน้ำมันได้ดีแต่ยังคงความแรงไว้อยู่ ในตลาดไทย Crown มีคู่แข่งหลักอย่าง Honda Accord และ Nissan Teana แต่จุดแข็งที่ทำให้ Crown ได้รับความนิยมในกลุ่มนักธุรกิจและครอบครัวรายได้สูงคือการตกแต่งภายในที่หรูหราพร้อมความน่าเชื่อถือของแบรนด์ Toyota ถ้าสนใจรถรุ่นนี้ แนะนำให้ติดตามช่องทางทางการของ Toyota ไทยหรือไปทดลองขับที่ตัวแทนจำหน่ายเพื่อสัมผัสประสบการณ์จริง โดยเฉพาะระบบ T-Connect ที่ช่วยอำนวยความสะดวกเวลาติดรถติดในกรุงเทพฯ
Q
Toyota Crown 2024 ราคาเท่าไหร่?
ราคาของ Toyota Crown รุ่นปี 2024 ในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามรุ่นและอุปกรณ์ โดยรุ่นเริ่มต้นราคาเริ่มที่ประมาณ 1.59 ล้านบาท ส่วนรุ่นไฮบริดสุดหรูราคาอาจสูงกว่า 2 ล้านบาท แนะนำให้ติดต่อตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่เพื่อขอราคาล่าสุดเพราะอาจมีการเปลี่ยนแปลง รถรุ่นนี้ในตลาดไทยมาพร้อมตัวเลือกเครื่องยนต์ทั้งแบบเบนซินทั่วไปและไฮบริด ที่โดดเด่นคือระบบไฮบริดช่วยประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เหมาะสมกับสภาพการจราจรติดขัดในเมืองและมาตรฐานการปล่อยมลพิษที่เข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ Toyota Crown ในฐานะรถยนต์เรือธงของ Toyota ดีไซน์หรู มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยและความสะดวกสบายในการขับขี่ จึงได้รับความนิยมในกลุ่มคนไทยโดยเฉพาะนักธุรกิจและครอบครัวรายได้สูง จุดเด่นที่ต้องพูดถึงคือมาตรการสนับสนุนรถยนต์พลังงานสะอาดของรัฐบาลไทย ที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับรถไฮบริด ทำให้รุ่น Crown ไฮบริดมีความคุ้มค่ามากขึ้น แถม Toyota ยังมีเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายและบริการหลังการขายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ มั่นใจได้เลยว่าจะได้รับความสะดวกสบายและความมั่นใจในการใช้งานอย่างเต็มที่
Q
Crown เปรียบเทียบกับ Camry อย่างไร?
รถ Toyota Crown และ Camry เป็นรถเก๋งขนาดกลางถึงใหญ่ที่ขายดีมากในตลาดไทย แต่ทั้งสองรุ่นมีความแตกต่างกันในเรื่องของกลุ่มเป้าหมายและจุดขาย Crown ซึ่งเป็นรุ่นพรีเมียมของโตโยต้าจะเน้นความหรูหราและเทคโนโลยีมากกว่า ใช้วัสดุภายในห้องโดยสารคุณภาพสูง พร้อมระบบช่วยขับขี่อันทันสมัย เหมาะกับคนที่มองหาความสบายและคุณภาพชีวิต ส่วน Camry จะตอบโจทย์การใช้งานครอบครัวหรือธุรกิจมากกว่า ด้วยพื้นที่กว้างขวาง ประหยัดน้ำมัน ค่าบำรุงรักษาไม่สูง และมีจำนวนรถวิ่งบนถนนมากกว่าในไทย ทำให้คุ้มค่ากว่าในแง่ราคา ในส่วนของเครื่องยนต์ Crown ตัวเลือกไฮบริดสำหรับคนที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ส่วน Camry รุ่นเบนซินนั้นผ่านการทดสอบมาแล้วว่าทนทานต่อสภาพอากาศร้อนของไทย ทั้งสองรุ่นได้รับการปรับเซตติ้งช่วงล่างให้เหมาะกับถนนไทย แต่ Crown จะเน้นระบบช่วงล่างที่เน้นความนุ่มสบายเป็นหลัก ส่วน Camry นั้นได้สมดุลระหว่างการควบคุมและความสบายได้ดีกว่า สำหรับคนไทยถ้ามีงบประมาณพอและต้องการประสบการณ์การขับขี่ระดับพรีเมียม Crown คือคำตอบที่ดีกว่า แต่ถ้าคิดถึงความประหยัดและประโยชน์ใช้สอยจริงจัง Camry ก็จะเป็นตัวเลือกที่สมเหตุสมผลมากกว่า ต้องบอกว่าสภาพอากาศไทยที่ทั้งร้อนและชื้นนั้นต้องการระบบแอร์ที่แรงและสีรถที่ทนทาน ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้ได้รับการออกแบบมาเฉพาะสำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว
Q
2024 Crown เป็นรถหรูหรือไม่?
รถ Toyota Crown รุ่นปี 2024 ในตลาดไทยถูกวางตำแหน่งเป็นรถระดับพรีเมียม แต่การจะบอกว่าเป็นรถหรูหรือไม่ต้องดูจากมาตรฐานของไทยเป็นหลัก รุ่นนี้มาพร้อมระบบไฮบริด จอสัมผัส 12.3 นิ้ว ระบบเสียง JBL หลังคาพาโนรามิก และใช้วัสดุชั้นดีเช่นหนังนุ่มและเส้นโครเมี่ยม โดยออกแบบมาเฉพาะสำหรับสภาพอากาศร้อนของไทย ทั้งระบบแอร์และเบาะระบายอากาศ เมื่อเทียบกับรถหรูยอดนิยมในไทยอย่าง Mercedes E-Class หรือ BMW 5 ซีรี่ย์ Crown ราคาจับต้องได้กว่าแต่มีเทคโนโลยีและความสะดวกสบายใกล้เคียงรถหรู สำหรับคนไทยต้องเข้าใจว่ารถหรูมักมาพร้อมบริการหลังการขายระดับพิเศษและราคาที่สูงจากแบรนด์ ในขณะที่ Crown เน้นความคุ้มค่าและประโยชน์ใช้สอยจริง ที่สำคัญระบบไฮบริดของ Crown ช่วยประหยัดน้ำมันได้ดีในสภาพการจราจรติดขัดแบบกรุงเทพฯ ก่อนตัดสินใจซื้อแนะนำให้เปรียบเทียบกับรถอย่าง Lexus ES ฯลฯ เพราะในตลาดไทยคำว่า "รถหรู" มักเน้นที่ภาพลักษณ์แบรนด์มากกว่าข้อกำหนดทางเทคนิค
Q
รถ Toyota Crown ปี 2024 เป็นรถไฟฟ้าหรือไม่?
รุ่นปี 2024 ของ Toyota Crown ในตลาดไทยมีเฉพาะรุ่นไฮบริดเท่านั้น โดยยังไม่เปิดตัวรุ่นไฟฟ้า 100% ระบบไฮบริด THS II ที่ใช้คู่กับเครื่องยนต์ 2.5 ลิตรและมอเตอร์ไฟฟ้านั้นช่วยประหยัดน้ำมันได้ดีมากในสภาพการจราจรติดขัดของเมืองไทย โดยเฉพาะสภาพแวดล้อมการขับขี่ในกรุงเทพฯ ที่มีการสตาร์ต-ดับเครื่องบ่อยครั้ง ส่วนรถไฟฟ้าล้วนที่โตโยต้าเน้นขายในไทยตอนนี้จะเป็นซีรีส์ bZ ส่วน Crown ในฐานะรถเรือธงยังคงใช้เทคโนโลยีไฮบริดเป็นหลัก ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมรถพลังงานสะอาดของรัฐบาลไทย ที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกับรถไฮบริดบ้าง สำหรับคนไทยที่สนใจรถไฟฟ้าล้วน สามารถรอติดตาม Toyota bZ4X ที่กำลังจะเข้ามา ซึ่งวิ่งได้ไกลถึง 500 กม. เหมาะกับการขับทางไกลในไทยมากกว่า แต่ต้องบอกว่าสถานีชาร์จในไทยยังคงอยู่ในช่วงพัฒนาการ ดังนั้นรถไฮบริดยังเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยทั้งในแง่สิ่งแวดล้อมและความสะดวกใช้งาน ส่วนเรื่องอะไหล่และการบริการหลังการขายนั้นไม่ต้องห่วง เพราะ Toyota มีระบบการผลิตภายในประเทศที่พร้อมสนับสนุน Crown รุ่นไฮบริดอย่างเต็มที่
Q
ความแตกต่างระหว่าง Toyota Crown ปี 2025 และปี 2024 คืออะไร?
รุ่น Toyota Crown ปี 2025 นี้มีการอัปเกรดทั้งด้านดีไซน์ สเปค และระบบขับเคลื่อนเมื่อเทียบกับรุ่นปี 2024 ที่ตอบโจทย์ตลาดไทยมากขึ้นครับ ด้านหน้าตาแบบใหม่จะดูเฉียบคมขึ้นด้วยกริลล์หน้าและชุดไฟ LED ที่ออกแบบมาให้สปอร์ตกว่าเดิม ส่วนภายในก็อัปเกรดหน้าจอกลางให้ใหญ่ขึ้น พร้อมระบบมัลติมีเดียที่รองรับคำสั่งเสียงภาษาไทยและแอปพลิเคชันท้องถิ่นได้ดียิ่งขึ้น ส่วนระบบส่งกำลัง รุ่น 2025 ในตลาดไทยมีแนวโน้มยังคงนำเสนอตัวเลือกไฮบริด 2.5 ลิตร ควบคู่ไปกับการนำเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันซึ่งเป็นข่าวดีสำหรับต้นทุนรถยนต์ที่ผู้บริโภคไทยกังวล ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ TSS 3.0 รุ่นปี 2025 มาพร้อมระบบแจ้งเตือนการชนก่อนชนและระบบรักษาเลนที่แม่นยำยิ่งขึ้นซึ่งสามารถใช้งานได้จริงในสภาพแวดล้อมในเมืองที่มีการจราจรสลับซับซ้อนอย่างกรุงเทพฯ สำหรับลูกค้าชาวไทยที่สนใจ อย่าลืมสอบถามข้อมูลเรื่องสิทธิ์ลดหย่อนภาษีสำหรับรถไฮบริด และตรวจสอบเครือข่ายบริการหลังการขายในพื้นที่ของคุณด้วย อย่างไรก็ตาม สเปคและรายละเอียดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ทางที่ดีควรติดตามข้อมูลอย่างเป็นทางการจากโฟล์คไทยหรือสอบถามตัวแทนจำหน่ายโดยตรงจะได้ข้อมูลที่อัปเดตที่สุด
Q
Crown ใหญ่กว่า Camry ไหม?
ใช่แล้วToyota Crown ถือว่าใหญ่และสูงกว่าระดับกว่า Camry ทั้งในเรื่องขนาดตัวถังและการวางตำแหน่งรถ โดย Crown ที่เป็นหนึ่งในรถยนต์เรือธงของ Toyota นั้น โดยทั่วไปจะมีความยาวตัวถังเกิน 4,900 มม. และระยะฐานล้อมากกว่า 2,850 มม. ส่วน Camry ในฐานะรถยนต์ซีดานขนาดกลาง จะมีความยาวตัวถังอยู่ที่ประมาณ 4,885 มม. และระยะฐานล้อประมาณ 2,825 มม. ทั้งสองรุ่นในตลาดไทยมีให้เลือกทั้งแบบเบนซินและไฮบริด แต่ Crown จะเน้นไปที่ความหรูหราและความสะดวกสบายเป็นหลัก เช่น บางรุ่นจะมีระบบกันสะเทือนแบบอากาศและระบบความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารเบาะหลัง เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาระดับความสบายระดับธุรกิจ ในขณะที่ Camry จะเน้นความสมดุลในฐานะรถครอบครัวที่มีความคุ้มค่ามากกว่า ที่น่าสนใจคือตลาดไทยให้การยอมรับรถ Toyota ทั้งสองรุ่นนี้ค่อนข้างสูง และเครือข่ายบริการหลังการขายก็ครอบคลุมทั่วถึง ถือเป็นตัวเลือกที่น่าเชื่อถือทั้งคู่ ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจเลือกได้ตามงบประมาณและความต้องการ เช่น ถ้าต้องการพื้นที่กว้างขวางและความหรูหราก็ควรเลือก Crown แต่ถ้าชอบความประหยัดและความใช้งานได้จริง คัมรี่ก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า
Q
ราคา 2024 Toyota Crown เท่าไหร่?
รถ Toyota Crown รุ่นปี 2024 ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยมีราคาแตกต่างกันตามระดับเครื่องยนต์และอุปกรณ์เสริม โดยรุ่นพื้นฐานเริ่มต้นที่ประมาณ 1.59 ล้านบาท ส่วนรุ่นไฮบริดสุดหรูอาจสูงถึง 2.39 ล้านบาท แต่แนะนำให้สอบถามราคาโปรโมชั่นล่าสุดจากตัวแทนจำหน่ายท้องถิ่นเพื่อความชัดเจน รุ่นนี้โดดเด่นในเรื่องความหรูหราและเทคโนโลยีครบครัน พร้อมระบบขับเคลื่อนทั้งแบบเครื่องยนต์ 2.5L ไฮบริดและ 2.4L เทอร์โบชาร์จ อุปกรณ์ภายในรถรวมถึงจอแสดงผล 12.3 นิ้ว และระบบความปลอดภัย TSS 3.0 ที่ตอบโจทย์ทั้งการขับขี่ในเมืองและบนทางไกล ต้องบอกว่า Crown ในฐานะรถยนต์เรือธงของ Toyota มีจุดแข็งด้านความน่าเชื่อถือในตลาดไทย โดยเฉพาะรุ่นไฮบริดที่ช่วยประหยัดน้ำมันได้ดีในสภาพการจราจรติดขัดอย่างกรุงเทพฯ นอกจากนี้ผู้ซื้อยังควรศึกษาข้อมูลเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับรถยนต์พลังงานสะอาดซึ่งอาจช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย
Q
รถโตโยต้า คราวน์ 2024 มีกล้อง 360 องศาหรือไม่
ใช่แล้ว รุ่น Toyota Crown 2024 ในบางรุ่นระดับสูงได้ติดตั้งระบบกล้องรอบคัน 360 องศา ซึ่งเทคโนโลยีนี้สามารถถ่ายภาพรอบตัวรถแบบเรียลไทม์ผ่านกล้องหลายตัว และแสดงผลภาพพาโนราม่าที่ประมวลแล้วบนหน้าจอกลางของรถ ระบบนี้เหมาะมากสำหรับการใช้ในประเทศไทย โดยเฉพาะในซอยแคบๆ หรือลานจอดรถที่คับคั่ง ช่วยให้ผู้ขับขี่ประเมินสภาพแวดล้อมรอบตัวได้ง่ายขึ้น ลดความเสี่ยงในการเกิดรอยขีดข่วน กล้อง 360 องศามีประโยชน์อย่างมากในสภาพการจราจรของเมืองไทย เช่น ในซอยแคบของกรุงเทพฯ หรือลานจอดรถใต้ดินของห้างสรรพสินค้า ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ได้อย่างชัดเจน นอกจากระบบกล้องรอบคันแล้ว Toyota Crown 2024 ยังมาพร้อมกับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อื่นๆ ที่ทันสมัย เช่น ระบบเตือนจุดบอด ระบบจอดรถอัตโนมัติ ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้จะช่วยอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมในสภาพถนนที่ซับซ้อนของประเทศไทย หากคุณกำลังพิจารณาซื้อรถรุ่นนี้ในประเทศไทย แนะนำให้ไปสอบถามรายละเอียดการจัดสรรอุปกรณ์ที่ตัวแทนจำหน่ายท้องถิ่น เพราะรุ่นรถในแต่ละพื้นที่อาจมีความแตกต่างกัน นอกจากนี้เครือข่ายบริการหลังการขายของโตโยต้าในประเทศไทยค่อนข้างครอบคลุม และสามารถให้การสนับสนุนทางเทคนิคและบริการบำรุงรักษาที่น่าเชื่อถือให้กับเจ้าของรถได้
  • รถยอดนิยม

  • รุ่นปีรถยนต์

  • เปรียบเทียบรถยนต์

  • รูปภาพรถ

ข้อดี

คุณภาพที่เชื่อถือได้ ให้ความมั่นใจ
ห้องยืดหยุ่น ทำให้การเดินทางสบาย
การใช้เชื้อเพลิงประหยัด เส้นทางการเดินทางยาวขึ้น
การออกแบบด้านนอกที่สไตล์ สามารถดึงดูดความสนใจ
โครงสร้างที่นั่งยืดหยุ่น เพื่อตอบสนองความต้องการต่างๆ

ข้อเสีย

ที่นั่งแถวที่สามอาจไม่สบายเพียงพอ
พื้นที่กันน้ำมันอาจค่อนข้างเล็ก
กำลังขับเคลื่อนอาจขาดประสิทธิภาพ
การออกแบบภายในอาจดูธรรมดาเล็กน้อย

Q&A ล่าสุด

Q
รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ C-Class ประหยัดน้ำมันไหม?
Mercedes-Benz C-Class ให้ประสิทธิภาพด้านประหยัดน้ำมันที่ดี โดยเฉพาะรุ่น C 200 ที่ติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5 ลิตร มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงรวมอยู่ที่ประมาณ 6-7 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองและการเดินทางไกล ช่วยลดต้นทุนการใช้รถในสภาพแวดล้อมที่ราคาน้ำมันในประเทศค่อนข้างสูง หากเลือกรุ่นปลั๊กอินไฮบริดอย่าง C 300 e จะสามารถวิ่งได้ระยะทาง 50-60 กิโลเมตรโดยใช้พลังงานไฟฟ้าล้วน ทำให้การเดินทางระยะสั้นไม่ต้องใช้น้ำมันเลย ช่วยประหยัดค่าน้ำมันได้มากขึ้น นอกจากนี้เทคโนโลยี EQ Boost ยังช่วยเสริมการทำงานของเครื่องยนต์ในช่วงเร่งและออกตัว ทำให้ประสิทธิภาพการใช้น้ำมันดีขึ้น อย่างไรก็ตาม อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจริงจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่ สภาพถนน และการดูแลรักษารถ การบริการอย่างสม่ำเสมอและการขับขี่อย่างนุ่มนวลจะช่วยรักษาประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันให้ดีที่สุด เมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน C-Class ประหยัดน้ำมันกว่าคู่แข่งบางรุ่น แต่ยังสู้รถหรูญี่ปุ่นที่เน้นประหยัดน้ำมันเป็นพิเศษไม่ได้ หากต้องขับบ่อยในกรุงเทพฯ ที่การจราจรหนาแน่น แนะนำให้เปิดโหมดขับขี่ประหยัด ระบบจะปรับการตอบสนองของคันเร่งและเกียร์เพื่อลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงให้เหมาะกับสภาพการจราจร
Q
ถังน้ำมันเชื้อเพลิงของรถ C-Class รุ่นปี 2024 มีขนาดเท่าไร?
รถรุ่น C-Class ปี 2024 มีความจุถังน้ำมัน 66 ลิตร ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทั้งการเดินทางในชีวิตประจำวันและการขับขี่ระยะไกล ถังน้ำมันขนาดนี้เมื่อเติมเต็มจะให้ระยะทางประมาณ 700-800 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับสไตล์การขับและสภาพถนน สำหรับคนที่ต้องเจอรถติดบ่อยๆในกรุงเทพฯ ถังน้ำมันขนาดใหญ่จะช่วยลดความยุ่งยากในการเติมน้ำมันบ่อยๆ ส่วนเวลาขับบนทางหลวงก็มั่นใจได้ว่าจะไปได้ไกลกว่า นอกจากนี้ C-Class ยังมาพร้อมระบบจัดการน้ำมันเชื้อเพลิงประสิทธิภาพสูง ช่วยประหยัดน้ำมันและลดค่าใช้จ่ายลงได้อีก ถ้าอยากได้ประหยัดน้ำมันยิ่งกว่านั้น ก็อาจจะเลือกรุ่น Hybrid ที่ประหยัดน้ำมันกว่าในส่วนนี้ สำหรับการใช้รถในชีวิตประจำวัน แนะนำให้ตรวจสอบถังน้ำมันและระบบเชื้อเพลิงอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้แน่ใจว่าอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดในขณะที่วางแผนเวลาในการเติมน้ำมันอย่างเหมาะสมและหลีกเลี่ยงปริมาณน้ำมันที่ต่ำเกินไปที่จะส่งผลกระทบต่อการขับขี่
Q
Mercedes C Class 2024 ใช้น้ำมันกี่ไมล์ต่อแกลลอน?
สำหรับรุ่น Mercedes-Benz C-Class ปี 2024 อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงจะแตกต่างกันไปตามระบบขับเคลื่อนและประเภทเครื่องยนต์ จากข้อมูลทางการ รุ่น C 200 ที่ใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเทอร์โบชาร์จ 4 สูบ พร้อมระบบไฮบริด 48V จะให้ระยะทางประมาณ 10-12 กม./ลิตรในเมือง (หรือประมาณ 28-32 ไมล์/แกลลอน) และบนทางหลวงจะทำได้ถึง 14-16 กม./ลิตร (ประมาณ 38-42 ไมล์/แกลลอน) ส่วนรุ่น C 300 ที่ใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรเทอร์โบชาร์จกับระบบไฮบริดจะสิ้นเปลืองมากกว่านิดหน่อยคือประมาณ 1-2 กม./ลิตร ทั้งนี้ตัวเลขจริงอาจแตกต่างไปขึ้นอยู่กับสไตล์การขับขี่ สภาพถนน และการใช้แอร์ ถ้าในเมืองแบบกรุงเทพฯที่รถติดบ่อย การสตาร์ท-หยุดบ่อยๆจะทำให้กินน้ำมันมากขึ้น แนะนำให้ใช้โหมด Eco และใช้ระบบสตาร์ท-หยุดอัตโนมัติอย่างเหมาะสมเพื่อประหยัดน้ำมัน ส่วนรุ่นปลั๊กอินไฮบริดอย่าง C 300 e ถ้าใช้โหมดไฟฟ้าล้วนจะวิ่งได้ประมาณ 100 กม. เหมาะกับการขับระยะสั้นๆ ช่วยลดการใช้น้ำมันได้มาก แถมการดูแลรักษารถอย่างสม่ำเสมอ เช่น เปลี่ยนฟิลเตอร์อากาศและใช้น้ำมันเครื่องเกรดที่เหมาะสมก็ช่วยให้รถประหยัดน้ำมันได้ดีขึ้นด้วย
Q
ความเร็วสูงสุดของ C-Class ปี 2024 คือเท่าไร?
รุ่นปี 2024 ของ Mercedes-Benz C-Class มีความเร็วสูงสุดที่แตกต่างกันไปตามการตั้งค่าพลังงาน โดยรุ่น C 300 ที่ใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรเทอร์โบชาร์จ จะถูกจำกัดความเร็วไว้ที่ 250 กม./ชม. ส่วนรุ่นสมรรถนะสูง AMG C 43 ที่ใช้เครื่องยนต์ V6 3.0 ลิตร Twin-Turbo สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 265 กม./ชม. และหากเลือกติดตั้ง AMG Driving Package จะเพิ่มความเร็วสูงสุดเป็น 270 กม./ชม. ในสภาพอากาศร้อนแบบบ้านเรา แนะนำให้ระวังเรื่องความดันลมยางและสภาพระบบระบายความร้อนเวลาขับเร็วๆ โดยเฉพาะเวลาขับทางไกลควรเช็คประสิทธิภาพการระบายความร้อนให้ดี รุ่น C-Class มาตรฐานจะมีระบบช่วยขับขี่อย่างฟังก์ชันจำกัดความเร็วที่ปรับตัวอัตโนมัติตามป้ายจำกัดความเร็ว 120 กม./ชม. บนทางด่วน ส่วนเกียร์ 9 จังหวะนั้นช่วยประหยัดน้ำมันในขณะที่ยังตอบสนองการเร่งได้ทันใจอยู่ สำหรับใครที่ต้องการสมรรถนะมากขึ้น ลองดูอุปกรณ์เสริมของซีรีส์ AMG อย่าง Dynamic Engine Mounts และระบบไอเสียสปอร์ตที่จะช่วยเพิ่มความมั่นคงและประสบการณ์การขับขี่เวลาใช้ความเร็วสูงได้อีก
Q
รถ C-Class รุ่นปี 2024 ราคาเท่าไหร่?
รถยนต์ Mercedes-Benz C-Class รุ่นปี 2024 ราคาเริ่มต้นในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 2.8 ล้านบาท แต่ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับระดับความประณีตของรุ่น ออปชั่นเสริมที่เลือก รวมถึงโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่ายด้วย รุ่นพื้นฐาน C 200 ใช้ระบบเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ 1.5 ลิตร ผสมผสานเทคโนโลยี Hybrid ส่วนรุ่น C 300 จะใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ที่ให้สมรรถนะการขับขี่ที่แรงกว่า มาตรฐานของรถคันนี้มาพร้อมกับระบบความบันเทิง MBUX ล่าสุด ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ และวัสดุตกแต่งภายในระดับพรีเมียม ส่วนรุ่นสูงกว่ายังสามารถเลือกเพิ่มระบบกันสะเทือนแบบอากาศและระบบเสียงเบอร์ลินได้ ข้อควรท้ายคือ ราคารถยนต์หรูในประเทศไทยมักรวมภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิตแล้ว จึงทำให้ราคาสูงกว่าต้นทางประมาณ 30-40% เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง BMW 3 Series และ Audi A4 ที่อยู่ในช่วงราคาใกล้เคียงกัน แต่แต่ละรุ่นมีจุดเด่นต่างกัน เช่น 3 Series จะเน้นความสนุกในการขับขี่ ส่วน A4 จะโดดเด่นด้านเทคโนโลยี สำหรับผู้ที่ต้องการใช้รถในระยะยาว แนะนำให้พิจารณาชุดบริการรักษาตามระยะทางและบริการรับประกันที่ทางศูนย์บริการนำเสนอ ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้ นอกจากนี้บางตัวแทนอาจมีโปรโมชั่นพิเศษ เช่น ดอกเบี้ยต่ำหรือประกันปีแรกฟรี ก่อนตัดสินใจซื้อควรเปรียบเทียบราคาจากหลายๆ เจ้าด้วย
ดูเพิ่มเติม