Q

ราคา Nissan Leaf 2017 คือเท่าไหร่?

รถยนต์ไฟฟ้า Nissan Leaf รุ่นปี 2017 ในตลาดไทยมีราคาอยู่ที่ประมาณ 1.2 - 1.5 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับระดับความประณีตของแต่ละแบบ โดยราคาสุดท้ายอาจแตกต่างกันตามโปรโมชั่นของตัวแทนจำหน่าย ความแตกต่างของแต่ละพื้นที่ และช่วงเวลาที่มีการจัดแคมเปญลดราคา รถพลังงานสะอาดรุ่นนี้ได้รับความนิยมจากคนไทยเพราะความประหยัดและใช้งานจริง โดยเฉพาะในเมืองติดรถติดอย่างกรุงเทพฯ ที่จุดเด่นเรื่องการไม่ปล่อยมลพิษและค่าใช้จ่ายในการใช้งานที่ต่ำช่วยดึงดูดผู้บริโภค ที่น่าสนใจคือรัฐบาลไทยมีนโยบายลดภาษีสำหรับรถยนต์พลังงานสะอาด ซึ่งอาจทำให้ราคาจริงถูกลงกว่าที่คิด Nissan Leaf ถือเป็นหนึ่งในรถไฟฟ้ารุ่นแรกๆ ที่เข้ามาในประเทศไทย โดยแบตเตอรี่ความจุประมาณ 30kWh สามารถวิ่งได้ประมาณ 250 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน สำหรับสภาพอากาศร้อนของไทย แนะนำให้ตรวจสอบระบบระบายความร้อนของแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ และสามารถชาร์จไฟได้ตามจุดชาร์จในศูนย์การค้าทั่วไป ตอนนี้ในตลาดมือสองก็เริ่มมี Nissan Leaf รุ่นปี 2017 วางขายแล้ว โดยรถสภาพดีจะอยู่ที่ประมาณ 60-70% ของราคารถใหม่ ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากลองใช้รถไฟฟ้าแต่มีงบจำกัด
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
จะเกิดอะไรขึ้นถ้ารถ Nissan Leaf แบตเตอรี่หมด?
ถ้า Nissan Leaf หมดแบตเตอรี่ขณะขับขี่ในไทย รถจะค่อยๆ ลดความเร็วลงจนหยุดสนิท ในกรณีนี้ต้องเรียกบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนถนนหรือใช้บริการชาร์จเคลื่อนที่ ที่ไทยมีศูนย์บริการรับรองจากนิสสันในเมืองหลักอย่างกรุงเทพหรือเชียงใหม่ที่ให้บริการช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง แนะนำให้เจ้าของรถดาวน์โหลดแอป NissanConnect EV ไว้ตรวจสอบระดับแบตเตอรี่แบบเรียลไทม์ สภาพอากาศร้อนที่ไทยทำให้แอร์กินไฟเร็ว ถ้าเดินทางไกลแนะนำให้แวะชาร์จไฟที่สถานีชาร์จเร็วแบบ CHAdeMO ตามปั๊ม PTT ในจุดพักรถ ส่วนระบบนำทางของ Leaf จะแสดงตำแหน่งสถานีชาร์จและคำนวณไฟที่เหลือให้ด้วย ถ้าต้องใช้รถในพื้นที่ห่างไกลบ่อยๆ อาจพกเครื่องชาร์จแบบพกพาติดรถไว้ ไฟฟ้าในไทยเป็น 220V ซึ่งใช้กับ Leaf ได้ แต่การชาร์จกับปลั๊กบ้านจะช้ามาก (ชาร์จได้แค่ 10-15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) การใช้งานประจำวันแนะนำให้รักษาระดับแบตเตอรี่ไว้ที่ 20% ขึ้นไปเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ ส่วนช่วงฤดูฝนต้องระวังระดับน้ำสูงไม่เกิน 30 ซม. เพื่อความปลอดภัยของแบตเตอรี่
Q
“รถ Nissan Leaf มีแบตเตอรี่สองก้อนไหม?”
รถยนต์ Nissan Leaf จริงๆ แล้วมีแบตเตอรี่สองชุด แบตเตอรี่หลักคือชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแรงดันสูง ทำหน้าที่ขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าและให้พลังงานที่จำเป็นสำหรับการขับขี่ ในสภาพอากาศร้อนของไทย แบตเตอรี่รุ่นนี้ใช้ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติเพื่อความมั่นคง นอกจากนี้ยังมีแบตเตอรี่แรงดันต่ำ 12V สำหรับสตาร์ทรถและจ่ายไฟให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในรถ การออกแบบแบตเตอรี่คู่นี้เป็นเรื่องปกติในรถยนต์ไฟฟ้า 100% สำหรับผู้ใช้ในไทย ต้องระวังเรื่องแบตเตอรี่ 12V อาจเสื่อมสภาพหากจอดรถไว้นานเกินไป แนะนำให้ตรวจสอบเป็นประจำ ส่วนเครือข่ายสถานีชาร์จในบางจังหวัดของไทยยังอยู่ระหว่างการพัฒนา แต่ฟังก์ชันชาร์จเร็วของ Leaf ใช้สะดวกในเมืองใหญ่เช่นกรุงเทพฯ แบตเตอรี่ Leaf มีความจุต่างกันไปตามปีรุ่น รุ่นใหม่ๆ จะวิ่งได้ไกลกว่า เหมาะกับการเดินทางในเมืองของไทย นโยบายสนับสนุนรถ EV ของรัฐบาลไทยยังทำให้ Leaf มีความคุ้มค่าเพิ่มขึ้น การรักษาระดับแบตเตอรี่ระหว่าง 20%-80% จะช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ ซึ่งเข้ากับพฤติกรรมการขับขี่ระยะสั้นของคนไทยได้ดี
Q
ฉันสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่สำหรับ Nissan Leaf ได้ไหม?
ใช่แล้ว คุณสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ให้กับ Nissan Leaf ของคุณได้ ในประเทศไทยสามารถทำได้ที่ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Nissan หรือศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาต โดยทั่วไปตัวแทนจำหน่าย Nissan ในประเทศไทยจะให้บริการเปลี่ยนแบตเตอรี่แท้จากโรงงาน ซึ่งมั่นใจได้ว่าแบตเตอรี่จะทำงานได้ดีกับรถของคุณและยังได้รับประกันจากทางบริษัทอีกด้วย ตอนนี้ในตลาดประเทศไทยมีแบตเตอรี่ Leaf ให้เลือกสองขนาดหลักๆ คือ 40kWh และ 62kWh ขึ้นอยู่กับว่ารถคุณเป็นรุ่นปีไหนและต้องการระยะทางขับขี่แบบไหน แต่อย่าลืมว่าอากาศร้อนของไทยอาจส่งผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่ แนะนำให้ตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่เป็นประจำและหลีกเลี่ยงการจอดรถตากแดดจัดเป็นเวลานานๆ นอกจากนี้รัฐบาลไทยกำลังผลักดันเรื่องโครงสร้างพื้นฐานสำหรับรถไฟฟ้า ทั้งสถานีชาร์จและจุดรับคืนแบตเตอรี่ใช้แล้ว ทำให้ในอนาคตการเปลี่ยนแบตเตอรี่และการรีไซเคิลจะสะดวกขึ้นมาก ถ้าคุณกำลังคิดจะเปลี่ยนแบตเตอรี่ แนะนำให้ติดต่อตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ล่วงหน้าเพื่อสอบถามราคาล่าสุดและระยะเวลารอรับบริการ เพราะสต็อกแบตเตอรี่อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความต้องการ และอย่าลืมถามเกี่ยวกับโปรโมชั่นหรือส่วนลดจากทางรัฐบาลที่อาจช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ด้วย
Q
Nissan Leaf อัพเกรดแบตเตอรี่ในปีใด
Nissan Leaf ในปี 2018 ได้รับการอัปเกรดแบตเตอรี่ โดยรุ่นใหม่มาพร้อมกับแบตเตอรี่ลิเธียมขนาด 40kWh ซึ่งเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมที่ใช้แบตเตอรี่ 30kWh ทำให้ระยะทางการขับขี่เพิ่มขึ้นจาก 250 กิโลเมตรเป็นประมาณ 300 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ใช้ในไทยเพราะอากาศร้อนแอร์ต้องใช้บ่อย แบตเตอรี่ความจุมากขึ้นจะช่วยให้ตอบโจทย์การเดินทางในชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น ที่น่าสนใจคือรัฐบาลไทยมีนโยบายส่งเสริมรถ EV เช่น ลดภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต ทำให้ Leaf ในตลาดไทยมีความคุ้มค่ามากขึ้น นอกจากนี้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ของ Leaf ใช้ระบบระบายความร้อนด้วยอากาศ แม้ในสภาพอากาศร้อนของไทยอาจไม่ประสิทธิภาพเท่าระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ แต่ก็ยังใช้งานได้มั่นใจได้ในชีวิตประจำวัน ถ้าคุณกำลังมองหาซื้อ Leaf มือสอง แนะนำให้เลือกรุ่นปี 2018 เป็นต้นไปเพราะอายุแบตเตอรี่และระยะทางเมวะอย่างยิ่งกับสภาพถนนไทย โครงสร้างพื้นฐานการชาร์จในไทยกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยในกรุงเทพฯ มีสถานีชาร์จค่อนข้างมาก และ โปรโตคอล CHADEMO Fast Charge ของ Leaf ยังพบได้ทั่วไปในประเทศไทยและสามารถชาร์จไฟได้ถึง 80% ภายใน 30 นาทีซึ่งเหมาะสำหรับการเดินทางระยะสั้นในเมือง
Q
ข้อเสียของ Nissan Leaf คืออะไร?
รถยนต์ไฟฟ้า Nissan Leaf เมื่อวางตลาดในไทยจะมีจุดอ่อนหลักๆ อยู่ที่ระยะขับขี่และสถานีชาร์จ โดยรุ่นมาตรฐานตามมาตรฐาน NEDC จะวิ่งได้ประมาณ 270 กิโลเมตร แต่เมื่อใช้จริงในเมืองอาจลดลงเหลือแค่ 200 กิโลเมตร ซึ่งไม่สะดวกสำหรับการเดินทางข้ามจังหวัดหรือผู้ใช้ที่ไม่มีจุดชาร์จที่บ้าน โดยเฉพาะสภาพอากาศร้อนของไทยที่ทำให้การใช้พลังงานแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นประมาณ 10-15% และปัจจุบันสถานีชาร์จเร็วในไทยยังกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ ส่วนจังหวัดอื่นๆ ยังมีไม่ทั่วถึง นอกจากนี้พื้นที่ด้านหลังของรถยังค่อนข้างคับแคบ ซึ่งอาจไม่ตอบโจทย์การใช้งานแบบนั่งหลายคนที่นิยมในไทย แบตเตอรี่ยังมีแนวโน้มเสื่อมสภาพเร็วกว่าในเขตอากาศอบอุ่นเนื่องจากความร้อนสูง แนะนำให้เจ้าของรถในไทยจอดรถในที่ร่มและหลีกเลี่ยงการชาร์จเร็วบ่อยๆเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ ที่น่าสนใจคือรัฐบาลไทยมีมาตรการลดภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิตสำหรับรถไฟฟ้า แต่ Leaf ในฐานะรถนำเข้ายังมีราคาสูกว่ารถยนต์น้ำมันระดับเดียวกันประมาณ 3-4 แสนบาท ต้องคำนวณดูว่าคุ้มค่าในระยะยาวหรือไม่จากระยะทางใช้งานจริง ข้อมูลจากกระทรวงพลังงานไทยแสดงว่า ค่าไฟต่อกิโลเมตรของรถไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ 0.8 บาท ซึ่งเป็นเพียง 1/3 ของรถน้ำมัน แต่ก็ต้องคำนึงถึงค่าเปลี่ยนแบตเตอรี่ในอนาคตด้วย
Q
“รถยนต์ Nissan Leaf จำเป็นต้องได้รับการบำรุงรักษาหรือไม่?”
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า Nissan Leaf ที่ใช้งานในประเทศไทย ก็จำเป็นต้องมีการดูแลรักษาตามระยะเหมือนกัน แต่ถ้าเทียบกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันแล้ว การดูแลรักษาง่ายกว่าเยอะ แค่เน้นไปที่การตรวจสอบระบบแบตเตอรี่ ระบบเบรก และระบบแอร์ก็พอ โดยสภาพอากาศร้อนๆ แบบประเทศไทย แนะนำให้ตรวจเช็คพื้นฐานทุก 1 หมื่นกิโลเมตรหรือทุก 12 เดือนครับ โดยเฉพาะระบบระบายความร้อนของแบตเตอรี่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันไม่ให้ความร้อนส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน ส่วนสภาพแวดล้อมที่ฝนตกบ่อยๆ ของไทย ก็ต้องคอยตรวจสอบระบบเบรกเป็นประจำเพื่อป้องกันความชื้นด้วย รถ EV ไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง หรือหัวเทียนเหมือนรถทั่วไป ทำให้ประหยัดค่าบำรุงไปได้ส่วนหนึ่ง แต่ก็ยังต้องคอยตรวจสอบสภาพยางรถและผ้าเบรกตามระยะอยู่ดี โชคดีที่ศูนย์บริการของนิสสันในไทยหลายๆ แห่งมีอุปกรณ์ตรวจเช็ครถ EV โดยเฉพาะ สามารถให้บริการตรวจสอบสุขภาพแบตเตอรี่ได้อย่างมืออาชีพ แนะนำให้เจ้าของรถทำตามคู่มือการดูแลรักษาอย่างเคร่งครัด เพื่อยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ตอนนี้รัฐบาลไทยก็มีมาตรการสนับสนุนรถ EV ทั้งลดภาษีและให้สิทธิพิเศษต่างๆ การมีประวัติการบำรุงรักษาที่ครบถ้วนยังช่วยให้รถมีมูลค่าสูงขึ้นเวลาขายมือสองด้วย ส่วนในชีวิตประจำวันก็ควรหลีกเลี่ยงการจอดตากแดดนานๆ หรือชาร์จไฟเร็วบ่อยเกินไป แค่นี้ก็ช่วยให้รถอยู่ในสภาพดีที่สุดแล้วล่ะ
Q
ประกันภัยของ Nissan Leaf มีราคาสูงไหม?
ในประเทศไทย Nissan Leaf ในฐานะรถยนต์ไฟฟ้า 100% มักจะมีค่าเบี้ยประกันที่สูงกว่ารถยนต์เชื้อเพลิงทั่วไปในระดับเดียวกัน สาเหตุหลักมาจากค่าแบตเตอรี่ของรถไฟฟ้าที่สูงกว่า และเทคโนโลยีการซ่อมบำรุงที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง อย่างไรก็ตาม เบี้ยประกันจริงจะแตกต่างกันไปตามประวัติการขับขี่ของเจ้าของรถ พื้นที่ใช้งาน (เช่นในกรุงเทพอาจมีเบี้ยประกันสูงกว่าภูมิภาค) และนโยบายของบริษัทประกัน ดังนั้นก่อนซื้อรถควรสอบถามราคาจากหลายบริษัทเพื่อเปรียบเทียบ นอกจากนี้ รัฐบาลไทยมีนโยบายลดภาษีและให้สิทธิประโยชน์สนับสนุนรถไฟฟ้า ซึ่งอาจส่งผลต่อกลยุทธ์การกำหนดราคาประกันทางอ้อม ที่น่าสนใจคือค่าใช้จ่ายประจำวันของรถไฟฟ้า เช่นค่าไฟและค่าบำรุงรักษามักจะถูกกว่ารถน้ำมัน เมื่อมองในระยะยาวสามารถชดเชยส่วนต่างค่าเบี้ยประกันได้บ้าง ตลาดรถไฟฟ้าในไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีที่ผ่านมา บริษัทประกันก็กำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ทำให้ในอนาคตอาจมีแผนประกันรถไฟฟ้าที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น
Q
ทำไม Nissan ถึงหยุดผลิตรถยนต์รุ่น Leaf?
Nissan ตัดสินใจหยุดผลิต Leaf เพื่อมุ่งเน้นทรัพยากรในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่เป็นหลัก โดย Leaf ในฐานะรถไฟฟ้ารุ่นแรกของโลกที่ผลิตจำนวนมากตั้งแต่เปิดตัวปี 2010 ได้สร้างชื่อเสียงในตลาดเช่นไทย แต่ด้วยเทคโนโลยีรถไฟฟ้าที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้สมรรถนะการขับขี่และความเร็วในการชาร์จเริ่มล้าหลังเมื่อเทียบกับรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Ariya ที่ Nissan เพิ่งเปิดตัว ซึ่งมาพร้อมแบตเตอรี่และแพลตฟอร์มที่ทันสมัยกว่า พร้อมระยะขับขี่เกิน 500 กิโลเมตร เหมาะกับความต้องการปัจจุบัน โดยเฉพาะในประเทศร้อนอย่างไทยที่รถไฟฟ้าต้องการระบบจัดการความร้อนและความทนทานของแบตเตอรี่ที่สูงกว่า ซึ่งรุ่นใหม่ๆก็พัฒนาจุดนี้ได้ดีขึ้น การหยุดผลิต Leaf เป็นเรื่องปกติของวงการยานยนต์ที่เทคโนโลยีต้องอัพเกรดอยู่เสมอ อนาคต Nissan วางแผนจะเปิดตัวรถไฟฟ้าหลายรุ่นที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับตลาดอาเซียน และด้วยที่ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ในภูมิภาคนี้ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่รุ่นใหม่ๆเหล่านี้จะถูกผลิตในไทย ซึ่งเป็นข่าวดีสำหรับผู้บริโภคไทยที่จะมีตัวเลือกมากขึ้น ขณะที่นโยบายอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลไทยก็จะเร่งความนิยมของเทคโนโลยีใหม่
Q
คุณควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ของ Nissan Leaf บ่อยแค่ไหน?
แบตเตอรี่ของ Nissan Leaf โดยทั่วไปจะมีอายุการใช้งานประมาณ 8-10 ปี ระยะเวลาในการเปลี่ยนจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้งานและสภาพอากาศในประเทศไทย ซึ่งอากาศที่ร้อนชื้นของไทยอาจส่งผลต่ออายุแบตเตอรี่บ้าง แต่ Leaf มีระบบจัดการความร้อนในแบตเตอรี่ที่ช่วยลดผลกระทบจากอุณหภูมิ extremes ได้ดี แนะนำให้เจ้าของรถตรวจสอบสุขภาพแบตเตอรี่เป็นประจำที่ศูนย์บริการของ Nissan เมื่อความจุแบตเตอรี่ลดลงเหลือต่ำกว่า 70% ก็สามารถพิจารณาเปลี่ยน การใช้งานประจำวันควรหลีกเลี่ยงการชาร์จเร็วบ่อยครั้งและการใช้งานจนแบตเตอรี่หมดสนิท เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ ปัจจุบันรัฐบาลไทยกำลังส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานสำหรับรถ EV ทั้งเพิ่มสถานีชาร์จและบริการรีไซเคิลแบตเตอรี่ ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้เจ้าของ Leaf ได้มาก อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ยังค่อนข้างสูง แต่ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น ราคาแบตเตอรี่ก็มีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ รวมถึงไทยยังมีนโยบายสนับสนุนรถ EV ที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้เจ้าของรถได้บ้าง
Q
ค่าใช้จ่ายในการชาร์จ Nissan Leaf รุ่นปี 2020 เท่าไหร่?
ค่าใช้จ่ายในการชาร์จรถ Nissan Leaf รุ่นปี 2020 ในประเทศไทยส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับวิธีการชาร์จและอัตราค่าไฟฟ้าในพื้นที่ หากใช้การชาร์จแบบช้าที่บ้าน (7kW) ค่าใช้จ่ายในการชาร์จแบตเตอรี่ขนาด 40kWh ให้เต็มจะอยู่ที่ประมาณ 160-240 บาท (คิดตามอัตราค่าไฟฟ้าที่ 4-6 บาทต่อหน่วย) ส่วนสถานีชาร์จเร็วสาธารณะ (เช่น EA Anywhere หรือ EV Station Thailand) จะมีราคาสูงกว่านิดหน่อยประมาณ 200-300 บาท แต่สามารถชาร์จได้ถึง 80% ในเวลาเพียง 30 นาที รัฐบาลไทยกำลังส่งเสริมให้คนใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น โดยบางห้างสรรพสินค้าและสถานีชาร์จมีบริการชาร์จฟรี แนะนำให้เจ้าของรถใช้แอปพลิเคชันเช่น PlugShare เพื่อหาจุดชาร์จที่มีโปรโมชัน ที่น่าสนใจคือค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษารถไฟฟ้าจะถูกกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันประมาณ 30%-40% แถมประเทศไทยยังมีการลดภาษีนำเข้าและภาษีถนนสำหรับรถพลังงานใหม่ ทำให้ใช้ไปยาวๆ แล้วคุ้มค่ากว่า นอกจากนี้ระบบ e-Pedal หรือระบบเหยียบแป้นเดียวของ Leaf ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บพลังงานเมื่อขับในเส้นทางติดขัดในกรุงเทพฯ ทำให้ระยะทางจริงที่วิ่งได้ใกล้เคียง 270 กิโลเมตร (จากมาตรฐาน NEDC ที่ 311 กิโลเมตร) เหมาะกับการขับขี่ในเมือง แนะนำให้ตรวจสอบสุขภาพแบตเตอรี่เป็นประจำและหลีกเลี่ยงการชาร์จเร็วเป็นเวลานานในที่อุณหภูมิสูง เพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่

ข้อดี

ภายในรถกว้างขวาง
การขับขี่สบายและประหยัดค่าน้ำมัน เพราะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ค่าใช้จ่ายในการชาร์จต่ำกว่าการใช้น้ำมัน ต้นทุนการชาร์จหลังจากนั้นประมาณ 200 บาท
ไม่มีการปล่อยสารพัดผสม ไม่มีก๊าซไอเสีย ช่วยปรับปรุงคุณภาพแอร์ และคุณสามารถเปิดแอร์ในรถได้โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับก๊าซไอเสีย
ผลิตภัณฑ์มีประสิทธิภาพสูง รุ่นที่ขายในประเทศไทยมีพลังงานและโมเมนต์มากกว่าเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมัน ความสูงสุดคือ 110 กิโลวัตต์ (ประมาณ 150 แรงม้า) โมเมนต์สูงสุดคือ 320 นิวตันเมตร การเร่งรวดเร็วและคงที่ การแสดงผลของชาซีดี
มีเทคโนโลยี e-Pedal ที่สามารถควบคุมความเร็วและเบรกด้วยเพดาลแก๊สเดียว วงเลียบบังคับลักษณะเส้นfeatherweight การควบคุมง่าย
ราคาการบำรุงรักษาต่ำ เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าขั้นต้นนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงทันท่วงทีและระบบขับเคลื่อนของรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิงแบบดั้งเดิม การลดอุปกรณ์ภายในลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา

ข้อเสีย

รถภายในดูเก่าๆ ราคาสูง ราคาเริ่มต้นที่ 199 ล้านบาท
ไม่สามารถปรับระยะห่างภายในวงล้อ
ที่นั่งสูง วิธีปรับที่นั่งแถวหน้าจำกัด
จุดชาร์จในประเทศไทยไม่ค่อยแพร่หลาย การเดินทางระยะไกลไม่สะดวก ต้องวางแผนการเดินทางล่วงหน้า
ไม่มีการสนับสนุนในศูนย์บริการหลังการขาย การบำรุงรักษาแตกต่างจากรถที่ใช้น้ำมันดั้งเดิม ไม่มีช่างซ่อมที่เชี่ยวชาญในประเทศไทย

Q&A ล่าสุด

Q
คุณควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องใน Mazda 3 ปี 2022 บ่อยแค่ไหน?
ตามคำแนะนำอย่างเป็นทางการจาก Mazda รุ่น Mazda 3 ปี 2022 ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก 10,000 กิโลเมตร หรือทุก 12 เดือน แล้วแต่อย่างไหนถึงก่อน ในกรณีที่ขับบ่อยในสภาพอากาศร้อน ฝุ่นมาก หรือรถติดบ่อย แนะนำให้เปลี่ยนถี่ขึ้นเป็นทุก 5,000 กิโลเมตร หรือทุก 6 เดือน เวลาเลือกน้ำมันเครื่อง แนะนำให้ใช้แบบสังเคราะห์เต็มสูตร 0W-20 ตามที่ทางโรงงานกำหนดไว้ เพราะความหนืดระดับนี้เหมาะกับสภาพอากาศร้อน ช่วยปกป้องเครื่องยนต์และประหยัดน้ำมันได้ดี การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามกำหนดไม่เพียงแต่ช่วยยืดอายุเครื่องยนต์ แต่ยังรักษาสภาพรถให้ทำงานได้เต็มที่ แนะนำให้เปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่องไปพร้อมกันทุกครั้งเพื่อประสิทธิภาพในการกรองที่สมบูรณ์ ข้อควรระวังคือ การใช้น้ำมันเครื่องคุณภาพต่ำหรือเปลี่ยนไม่ตรงเวลาอาจทำให้เกิดคราบเขม่า เสียน้ำมันมากขึ้น หรือแม้กระทั่งเครื่องยนต์สึกหรอเร็ว ดังนั้นการเข้าศูนย์ตามนัดจึงสำคัญมาก เจ้าของรถสามารถตั้งการแจ้งเตือนผ่านระบบในรถหรือแอปพลิเคชันบนมือถือเพื่อไม่ให้ลืมกำหนดการบำรุงรักษาได้
Q
รถ Mazda 3 ปี 2022 มีความน่าเชื่อถือไหม?
รถ Mazda 3 รุ่นปี 2022 นี่เรื่องความน่าเชื่อถือถือว่าทำงานได้ดีเลยครับ เครื่องยนต์ Skyactiv-G และระบบเกียร์ Skyactiv-Drive ที่ผ่านการทดสอบจากตลาดมานั้นให้ความมั่นใจได้เรื่องความเสถียร แถมยังเจอปัญหาน้อยเวลาขับขี่ประจำวัน โดยเฉพาะการใช้งานในเมืองหรือเดินทางไกล โครงสร้างตัวรถใช้เหล็กความแข็งแรงสูง เรื่องความปลอดภัยถือว่าอยู่ในระดับดีเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ในคลาสเดียวกัน แถมยังออกแบบมาให้ทนต่อสภาพอากาศและความชื้นในไทยได้เป็นอย่างดี ภายในห้องโดยสารทำออกมาได้ละเอียดและครบเครื่อง พร้อมระบบ i-Activsense ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยเวลาขับขี่ แต่อย่างไรก็ตามค่าบำรุงรักษาของมาสด้าจะสูงกว่ารถญี่ปุ่นบางยี่ห้ออยู่หน่อย แต่ถ้าเข้าศูนย์บริการตามกำหนดก็ช่วยให้รถสภาพดีได้ในระยะยาว ส่วนเรื่องค่าซื้อขายต่อนั้น Mazda 3 ในตลาดบ้านเราค่อนข้างทรงตัว ถ้าเป็นรถอายุ 3 ปีจะอยู่ที่ประมาณ 60% ของราคาใหม่ สำหรับคนที่ชอบความสนุกในการขับและต้องการความน่าเชื่อถือด้วย รุ่นนี้นับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แนะนำให้ลองทดลองขับดูก่อนตัดสินใจ เพราะระบบบังคับเลี้ยวที่แม่นยำของมันนี่แหละที่ทำให้การขับขี่สนุกมาก
Q
Mazda 3 รุ่นปี 2022 ควรใช้น้ำมันชนิดใด
สำหรับ Mazda 3 รุ่นปี 2022 ทางผู้ผลิตแนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องเกรดความหนืด SAE 0W-20 ซึ่งเป็นน้ำมันเครื่องความหนืดต่ำที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันเครื่องยนต์ขณะสตาร์ทเครื่องตอนเย็นและประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ดี เหมาะสมเป็นพิเศษกับการขับขี่ในสภาพอากาศร้อนที่มีการสตาร์ทเครื่องบ่อยครั้ง แต่หากรถของคุณมีระยะทางใช้งานเกิน 80,000 กิโลเมตรหรือพบปัญหาน้ำมันเครื่องลดลงเล็กน้อย อาจพิจารณาอัพเกรดไปใช้เกรด 5W-30 เพื่อเพิ่มการป้องกันเครื่องยนต์ในอุณหภูมิสูง แนะนำให้เลือกน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ (ทั้งแบบเต็มสังเคราะห์และกึ่งสังเคราะห์) เนื่องจากทนทานต่อการเกิดออกซิเดชันในอุณหภูมิสูงได้ดีกว่าน้ำมันเครื่องแร่ ควรเลือกน้ำมันเครื่องคุณภาพสูงที่ได้การรับรองมาตรฐาน API SP หรือ ILSAC GF-6 ยี่ห้อที่หาซื้อได้ทั่วไปในประเทศไทยเช่น เชลล์ เฮลิกซ์ อัลตรา มอบบิล 1 หรืออิเดมิตสึ ZEPRO ก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ระยะเวลาการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องควรอยู่ที่ทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 12 เดือน (แล้วแต่อย่างไหนมาถึงก่อน) แต่หากขับขี่ในสภาพรถติดนานหรือขับแบบอัดอาจลดระยะเหลือ 8,000 กิโลเมตร ควรตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องเป็นประจำและหากพบสัญญาณไฟเตือนสีเหลืองที่หน้าปัดควรรีบเติมน้ำมันเครื่องทันที เมื่อทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ควรเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่องแบบเดิมของผู้ผลิตไปพร้อมกันเพื่อประสิทธิภาพการกรองที่ดีที่สุด และไม่ควรผสมน้ำมันเครื่องต่างยี่ห้อกัน หากต้องการเปลี่ยนยี่ห้อควรล้างระบบน้ำมันเครื่องให้สะอาดก่อนเสมอ
Q
มูลค่าขายต่อของ Mazda 3 ปี 2022 คือเท่าไร?
ในตลาดมือสองท้องถิ่น รถ Mazda 3 รุ่นปี 2022 มีอัตราการรักษามูลค่าค่อนข้างคงที่ โดยขึ้นอยู่กับสภาพรถ ระยะทาง และระดับอุปกรณ์ ส่วนใหญ่จะรักษามูลค่าได้ประมาณ 65%-75% ของราคารถใหม่ โดยเฉพาะรุ่นระดับกลางถึงสูงที่ติดตั้งเครื่องยนต์ Skyactiv-G 2.0L อย่างรุ่น Carbon Edition นั้นเป็นที่นิยมมากกว่า เพราะมีอุปกรณ์มาตรฐานเช่น ไฟ LED พวงมาลัยหนัง ทำให้เวลาขายต่อจะเสียมูลค่าน้อยกว่ารุ่นพื้นฐานประมาณ 5%-8% สีแดง Soul Red Crystal แม้จะต้องจ่ายเพิ่มตอนซื้อรถใหม่ แต่เวลาขายมือสองจะรักษามูลค่าได้มากกว่าสีอื่นประมาณ 3%-5% ปัจจัยสำคัญที่ช่วยรักษามูลค่าคือการมีประวัติการบริการจากตัวแทนจำหน่ายอย่างสม่ำเสมอ และการติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัยจากโรงงานเช่น ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจเวลาขายต่อได้มาก เมื่อเทียบกับรถระดับเดียวกัน Mazda 3 ได้รับความนิยมในตลาดมือสองอย่างต่อเนื่องเนื่องจากเทคโนโลยี Skyactiv ที่ช่วยให้ประหยัดน้ำมันและขับเคลื่อนดี แนะนำว่าก่อนขายควรเปรียบเทียบราคาในแพลตฟอร์มขายมือสองชั้นนำ และเตรียมประวัติการซ่อมบำรุงให้ครบถ้วนเพื่อให้ได้ราคาดีที่สุด
Q
รถ Mazda CX-3 ปี 2022 ใช้น้ำมันเครื่องชนิดไหน?
สำหรับรถ Mazda CX-3 รุ่นปี 2022 แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องชนิดสังเคราะห์เต็มรูปแบบที่มีความหนืด 0W-20 หรือ 5W-20 เพราะน้ำมันเครื่องเกรดนี้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนในประเทศไทย ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างราบรื่นแม้อุณหภูมิจะสูง แถมยังตอบโจทย์เทคโนโลยี Skyactiv ที่ต้องการความแม่นยำของเครื่องยนต์ ควรเลือกน้ำมันเครื่องที่ได้มาตรฐาน API SN หรือ SP เพื่อการปกป้องที่ดีที่สุด เวลาเข้าศูนย์บริการก็เน้นใช้น้ำมันเครื่องแบรนด์ Mazda ของทางศูนย์ไปเลยจะดีที่สุด เพราะผ่านการทดสอบมาแล้วว่าเข้ากับรถของไทยได้ดี แต่ถ้าจะใช้แบรนด์อื่นก็ต้องเช็คให้ชัวร์ว่าได้มาตรฐาน Mazda Moly บางคนอาจคิดจะใช้น้ำมันเครื่องความหนืด 5W-30 แทน แต่ถ้าไม่ใช่กรณีพิเศษอะไร ก็ไม่แนะนำให้เปลี่ยนความหนืดเองเพราะอาจทำให้ประหยัดน้ำมันน้อยลงและเครื่องยนต์ตอบสนองช้าลงได้ เวลาเปลี่ยนน้ำมันเครื่องอย่าลืมเปลี่ยนไส้กรองไปด้วย ควรเปลี่ยนทุก 10,000 กิโลเมตรหรือ 12 เดือน แต่ถ้าต้องเจอรถติดหรือขับระยะสั้นบ่อยๆ อาจต้องเปลี่ยนถี่ขึ้นเป็นทุก 8,000 กิโลเมตร แม้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์เต็มรูปแบบจะราคาสูง แต่ความสามารถในการต้านทานออกซิเดชันและความคงตัวในอุณหภูมิสูงนั้นคุ้มค่า โดยเฉพาะกับเครื่องยนต์เทอร์โบ ช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้เยอะเลย
ดูเพิ่มเติม