Q

ราคานิสสันลีฟปี 2017 คือเท่าไหร่?

ราคาของ Nissan Leaf ปี 2017 ในประเทศไทยอาจแตกต่างกันไปตามสภาพรถ อุปกรณ์ที่ติดตั้ง และปัจจัยด้านอุปสงค์และอุปทานในตลาด โดยทั่วไปแล้ว ราคาจะมีผันผวนอยู่ในช่วงหนึ่ง หากเป็นรุ่นที่สภาพดีและมีอุปกรณ์ครบ ราคาก็อาจจะสูงกว่า ในทางกลับกัน หากสภาพรถทั่วไปหรืออุปกรณ์น้อย ราคาก็อาจจะต่ำกว่า ช่วงราคาที่พบบ่อยจะอยู่ที่ประมาณ 1,000,000 ถึง 1,300,000 บาท
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
นี่คือระดับการชาร์จสำหรับแบตเตอรี่ของ Nissan Leaf
ระดับการชาร์จแบตเตอรี่ของ Nissan Leaf อาจแตกต่างกันไปตามรุ่นและอุปกรณ์ที่ติดตั้ง โดยทั่วไปแล้ว รุ่นมาตรฐานรองรับการชาร์จได้หลายรูปแบบ ทั้งแบบชาร์จปกติ (ชาร์จช้า) และแบบชาร์จเร็ว สำหรับการชาร์จแบบช้า มักใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะชาร์จเต็ม ในขณะที่การชาร์จแบบเร็วสามารถเติมพลังงานเข้าสู่แบตเตอรี่ได้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาและประสิทธิภาพในการชาร์จจะขึ้นอยู่กับประเภทของสถานีชาร์จและสภาพแวดล้อมด้วย
Q
Nissan Leaf มีระยะทางอย่างไร
ระยะทางในการขับขี่ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งของ Nissan Leaf ในประเทศไทยอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นและสภาพการใช้งาน โดยทั่วไปแล้ว รุ่นที่พบได้บ่อยจะมีระยะทางราว 250 ถึง 350 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ทั้งนี้ สมรรถนะของระยะทางดังกล่าวยังขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น พฤติกรรมการขับขี่ สภาพถนน และอุณหภูมิของสภาพแวดล้อมด้วยเช่นกัน
Q
ความยาวประกันของนิสสันลีฟคืออะไร
ระยะเวลารับประกันของ นิสสัน ลีฟ ในประเทศไทยโดยปกติอยู่ที่ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร แล้วแต่อย่างใดถึงก่อน อย่างไรก็ตาม นโยบายการรับประกันอาจแตกต่างกันไปตามช่องทางการซื้อและโปรโมชันต่าง ๆ
Q
ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ของ nissan leaf คือเท่าไหร่
ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ของ Nissan Leaf ในประเทศไทยอาจแตกต่างกันไปตามหลายปัจจัย โดยทั่วไปแล้ว ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 100,000 ถึง 200,000 บาท อย่างไรก็ตาม ราคาจริงอาจขึ้นอยู่กับรุ่นของแบตเตอรี่ สภาวะตลาด และศูนย์บริการที่เลือกใช้ด้วยเช่นกัน
Q
วิธีตรวจสอบสุขภาพแบตเตอรี่ Nissan Leaf
ในประเทศไทย หากต้องการตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่ของ Nissan Leaf สามารถดูข้อมูลได้จากระบบคอมพิวเตอร์ภายในรถ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว Nissan Leaf หลายรุ่นจะมีระบบจัดการแบตเตอรี่ที่แสดงข้อมูลพื้นฐาน เช่น ปริมาณแบตเตอรี่คงเหลือ จำนวนรอบการชาร์จ และค่าดัชนีสุขภาพโดยรวมของแบตเตอรี่ นอกจากนี้ ยังสามารถนำรถเข้าตรวจเช็กที่ศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถที่มีอุปกรณ์สำหรับวิเคราะห์แบตเตอรี่โดยเฉพาะ เพื่อประเมินประสิทธิภาพและสภาพของแบตเตอรี่ได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น หากพบว่าระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จลดลงอย่างเห็นได้ชัด หรือเวลาชาร์จนานกว่าปกติ อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงปัญหาด้านสุขภาพของแบตเตอรี่
Q
แบตเตอรี่ Nissan Leaf ปี 2013 ใช้งานได้นานเท่าไหร่
ระยะทางขับขี่ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งของ Nissan Leaf รุ่นปี 2013 อาจได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย เช่น พฤติกรรมการขับขี่ สภาพถนน และสภาพอากาศ โดยทั่วไปแล้ว ในสภาพการใช้งานที่เหมาะสม ระยะทางที่สามารถวิ่งได้จะอยู่ที่ประมาณ 100 ถึง 150 กิโลเมตร อย่างไรก็ตามในการใช้งานจริงระยะทางอาจจะลดลง
Q
เมื่อ Nissan Leaf ได้รับการขยายระยะทาง
ระยะทางขับขี่ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งของ Nissan Leaf ในตลาดประเทศไทยอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นและอุปกรณ์ที่ติดตั้ง โดยทั่วไปแล้ว รุ่นที่พบได้บ่อยจะมีระยะทางประมาณ 300 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง
Q
นิสสันลีฟเปิดตัวเมื่อไหร่
ช่วงเวลาวางจำหน่ายของ Nissan Leaf ในประเทศไทยอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นและกลยุทธ์ทางการตลาด โดยโดยทั่วไปแล้ว Nissan Leaf ได้เปิดตัวในตลาดไทยมาหลายปีแล้ว การเข้ามาของรุ่นนี้ช่วยเพิ่มทางเลือกใหม่ให้กับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย
Q
แบตเตอรี่ Nissan Leaf ใช้งานได้นานเท่าไหร่
ระยะทางแบตเตอรี่ของ Nissan Leaf อาจแตกต่างกันไปตามหลายปัจจัย เช่น ลักษณะการขับขี่ สภาพถนน และสภาพอากาศ โดยทั่วไปแล้ว รุ่นที่พบได้บ่อยจะมีระยะทางวิ่งหลังชาร์จเต็มอยู่ที่ประมาณ 200 ถึง 300 กิโลเมตร
Q
นิสสันลีฟสามารถวิ่งได้กี่ไมล์
ระยะทางขับเคลื่อนของ Nissan Leaf ในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามรุ่นย่อยและเงื่อนไขการใช้งาน โดยทั่วไป รุ่นที่พบได้บ่อยจะมีระยะทางต่อการชาร์จอยู่ที่ประมาณ 200 ถึง 300 กิโลเมตร ทั้งนี้ สมรรถนะของแบตเตอรี่ยังขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่ สภาพถนน และอุณหภูมิของสภาพแวดล้อมอีกด้วย

ข้อดี

ภายในรถกว้างขวาง
การขับขี่สบายและประหยัดค่าน้ำมัน เพราะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ค่าใช้จ่ายในการชาร์จต่ำกว่าการใช้น้ำมัน ต้นทุนการชาร์จหลังจากนั้นประมาณ 200 บาท
ไม่มีการปล่อยสารพัดผสม ไม่มีก๊าซไอเสีย ช่วยปรับปรุงคุณภาพแอร์ และคุณสามารถเปิดแอร์ในรถได้โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับก๊าซไอเสีย
ผลิตภัณฑ์มีประสิทธิภาพสูง รุ่นที่ขายในประเทศไทยมีพลังงานและโมเมนต์มากกว่าเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมัน ความสูงสุดคือ 110 กิโลวัตต์ (ประมาณ 150 แรงม้า) โมเมนต์สูงสุดคือ 320 นิวตันเมตร การเร่งรวดเร็วและคงที่ การแสดงผลของชาซีดี
มีเทคโนโลยี e-Pedal ที่สามารถควบคุมความเร็วและเบรกด้วยเพดาลแก๊สเดียว วงเลียบบังคับลักษณะเส้นfeatherweight การควบคุมง่าย
ราคาการบำรุงรักษาต่ำ เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าขั้นต้นนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงทันท่วงทีและระบบขับเคลื่อนของรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิงแบบดั้งเดิม การลดอุปกรณ์ภายในลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา

ข้อเสีย

รถภายในดูเก่าๆ ราคาสูง ราคาเริ่มต้นที่ 199 ล้านบาท
ไม่สามารถปรับระยะห่างภายในวงล้อ
ที่นั่งสูง วิธีปรับที่นั่งแถวหน้าจำกัด
จุดชาร์จในประเทศไทยไม่ค่อยแพร่หลาย การเดินทางระยะไกลไม่สะดวก ต้องวางแผนการเดินทางล่วงหน้า
ไม่มีการสนับสนุนในศูนย์บริการหลังการขาย การบำรุงรักษาแตกต่างจากรถที่ใช้น้ำมันดั้งเดิม ไม่มีช่างซ่อมที่เชี่ยวชาญในประเทศไทย

Q&A ล่าสุด

Q
ราคาบริการของ Honda City Hatchback คือเท่าไหร่ ดูที่นี่ก่อนดีกว่า
ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษารถ Honda City Hatchback ในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามบริการและตัวแทนจำหน่ายที่เป็นทางการ โดยบริการพื้นฐานอย่างการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและเปลี่ยนไส้กรองอากาศจะอยู่ที่ประมาณ 2,500-4,500 บาท อย่างไรก็ตามเพื่อความแม่นยำแนะนำให้ติดต่อสอบถามราคากับทางอู่ Honda 4S ที่ใกล้ที่สุด ในไทยเรามีเครือข่ายบริการหลังการขายที่ครอบคลุม ทำให้เจ้าของรถสามารถรับบริการจากช่างมืออาชีพได้อย่างสะดวกสบาย แถมการเข้าศูนย์บริการเป็นประจำยังช่วยรักษาประสิทธิภาพของรถและยืดอายุการใช้งานอีกด้วย พูดถึง Honda City Hatchback ในตลาดไทยต้องบอกว่าเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมไม่น้อย ด้วยความประหยัดและการใช้งานที่ตอบโจทย์ ทำให้ค่าบำรุงรักษาก็ถือว่าสมเหตุสมผล เหมาะกับการใช้งานประจำวันเป็นอย่างดี และถ้าเลือกใช้เฉพาะอะไหล่แท้จากศูนย์บริการอย่างถูก渠道 นอกจากจะได้ความมั่นใจแล้ว ยังช่วยรักษาสิทธิ์การรับประกันไม่ให้เสียหายอีกด้วย จริงๆ แล้วในระยะยาวนี่คือทางเลือกที่คุ้มค่าและน่าเชื่อถือที่สุดแล้วล่ะ
Q
ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถ Honda City Hatchback คือเท่าไหร่ ดูรายละเอียดที่นี่
รถฮอนด้า ซีตี้ แฮทช์แบคในไทยมีค่าใช้สอยเรื่องการดูแลรักษาที่สมเหตุสมผล เหมาะกับคนที่อยากประหยัด โดยการบริการครั้งแรกจะทำเมื่อขับถึง 1,000 กิโลเมตร ค่าใช้จ่ายประมาณ 1,500-2,000 บาท รวมค่าถ่ายน้ำมันเครื่องและเปลี่ยนไส้กรองอากาศ ส่วนการบริการตามระยะจะทำทุก 1 หมื่นกิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน ค่าบริการปกติประมาณ 2,500-3,000 บาท ส่วนการบริการใหญ่จะทำเมื่อขับถึงประมาณ 4 หมื่นกิโลเมตร ค่าใช้จ่ายอาจสูงถึง 5,000-7,000 บาท ขึ้นอยู่กับว่าต้องเปลี่ยนอะไหล่อะไรบ้าง ในไทยฮอนด้ามีศูนย์บริการกระจายอยู่ทั่วประเทศ หาไม่ยาก แถมสะดวกด้วย นอกจากนี้ควรตรวจสอบยางและเบรกเป็นประจำเพราะอากาศร้อนชื้นของไทยอาจทำให้ชิ้นส่วนเหล่านี้เสื่อมเร็วขึ้น ถ้าอยากประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น ลองซื้อแพ็กเกจบริการของฮอนด้า ซึ่งมักจะมีส่วนลดให้ ที่สำคัญการดูแลรักษาตามคู่มือแนะนำไม่เพียงแต่ช่วยยืดอายุรถ แต่ยังช่วยรักษามูลค่าเวลาขายต่อ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากในตลาดรถมือสองของไทย
Q
ขนาดล้อของ Honda City Hatchback คือเท่าไหร่
สำหรับ Honda City Hatchback ในเรื่องของขนาดล้อ ยกเว้นรุ่นสูงสุด RS ที่มาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วแบบเฉพาะแล้ว รุ่นอื่นๆ ทุกรุ่นจะใช้ล้อขนาด 15 นิ้วตามมาตรฐาน การที่แต่ละรุ่นมีขนาดล้อแตกต่างกันนี่เป็นผลจากการออกแบบโดยคำนึงถึงสมรรถนะโดยรวมของรถเป็นหลัก ล้อขนาดใหญ่กว่าอย่างล้อ 16 นิ้วในรุ่น RS จะช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะและความมั่นคงให้กับรถ ทำให้การควบคุมรถดีขึ้น เหมาะกับสไตล์การขับแบบสปอร์ตที่รุ่น RS เน้นเป็นพิเศษ ส่วนล้อ 15 นิ้วนั้นถูกออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายและประหยัดน้ำมัน เหมาะกับการใช้งานทั่วไปในเมืองและการขับขี่ประจำวันของผู้ใช้ส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นล้อขนาดไหนก็ผ่านการปรับแต่งมาเป็นอย่างดีเพื่อให้ทำงานเข้ากันได้ดีกับระบบช่วงล่างและระบบอื่นๆ ของรถ เพื่อให้ได้สมดุลระหว่างประสบการณ์การขับขี่และสมรรถนะของรถอย่างลงตัว
Q
รุ่นที่แตกต่างกันของ Honda City Hatchback มีอะไรบ้าง
ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็กในตลาดไทยมีหลายรุ่นให้เลือกตามความต้องการของผู้ใช้หลักๆ แล้วจะมี 4 เวอร์ชันคือ S, V, SV และ RS รุ่น S เป็นรุ่นเริ่มต้น มาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยพื้นฐานเช่นถุงลมนิรภัย 2 ตัวและระบบเบรก ABS เหมาะสำหรับคนที่ต้องการใช้รถในงบจำกัด ส่วนรุ่น V จะเพิ่มความสะดวกขึ้นมาอีกหน่อยด้วยกุญแจอัจฉริยะและกล้องถอยหลัง ช่วยอำนวยความสะดวกเวลาใช้งานในชีวิตประจำวัน รุ่น SV จะอัพเกรดทั้งวัสดุภายในห้องโดยสารและเทคโนโลยี เช่น จอสัมผัสขนาดใหญ่ขึ้นและถุงลมนิรภัยเพิ่มเติม เหมาะสำหรับครอบครัวที่มองหาความคุ้มค่า สุดท้ายรุ่น RS ที่เป็นรุ่นสปอร์ตสุดพิเศษ มาพร้อมกับชุดแต่งเอกลักษณ์ เบาะสปอร์ตและระบบช่วยขับขี่ขั้นสูง ดึงดูดกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นที่ชอบความสปอร์ต ในตลาดไทย ซิตี้ แฮทช์แบ็กคันนี้ขายดีเพราะขับง่ายและประหยัดน้ำมัน โดยเฉพาะในสภาพการจราจรติดขัดอย่างในกรุงเทพฯ แถมฮอนด้ายังมีสีรถให้เลือกหลายเฉดและโปรแกรมผ่อนชำระที่ตอบโจทย์คนไทยอีกด้วย ที่สำคัญคือรุ่นไทยยังได้รับการปรับปรุงระบบแอร์ให้เย็นฉ่ำในอากาศร้อนแบบบ้านเรา และเพิ่มความสูงของช่วงล่างเพื่อให้เหมาะกับสภาพถนนบางพื้นที่ นี่คือการออกแบบเฉพาะสำหรับตลาดไทยที่แสดงให้เห็นว่าฮอนด้าใส่ใจลูกค้าชาวไทยจริงๆ
Q
ฮอนด้าซิตี้แฮทช์แบคหนักเท่าไหร่
Honda City Hatchback ซึ่งเป็นรถยนต์แฮทช์แบ็กรุ่นยอดนิยมในตลาดประเทศไทย มีน้ำหนักตัวรถแตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่น โดยอยู่ในช่วงประมาณ 1,100 ถึง 1,200 กิโลกรัม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขุมพลังที่เลือกใช้ เช่น เครื่องยนต์เทอร์โบ 1.0 ลิตร หรือเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร แบบไม่มีระบบอัดอากาศ รวมถึงอุปกรณ์เสริมต่างๆ เช่น หลังคาซันรูฟ หรือระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียม น้ำหนักที่เบากว่าช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น และเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับสภาพจราจรที่ติดขัดและการขับขี่ที่ต้องหยุด-ออกตัวบ่อยในเมืองไทย นอกจากนี้ การกระจายน้ำหนักของตัวรถยังเป็นสิ่งที่วิศวกรฮอนด้าให้ความสำคัญ โดยมีการออกแบบแชสซีและเลือกใช้วัสดุอย่างเหมาะสม เพื่อให้รถมีความมั่นคงในขณะเข้าโค้ง และให้ความนุ่มนวลขณะโดยสาร จุดเด่นเหล่านี้ทำให้ City Hatchback มีสมรรถนะที่ดีบนถนนที่มีโค้งมากหรือพื้นถนนเปียกในเมืองไทย สำหรับผู้บริโภคชาวไทย การเลือกใช้รถที่มีน้ำหนักพอดี ไม่มากเกินไป ไม่เบาเกินไป ถือเป็นทางเลือกที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน พร้อมทั้งให้ความสนุกในการขับขี่และความปลอดภัย ซึ่ง Honda City Hatchback คือหนึ่งในตัวเลือกที่ตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ได้อย่างลงตัว
ดูเพิ่มเติม