Q

พื้นที่เก็บของของ Toyota Sienta คืออะไร นี่คือความจุของพื้นที่เก็บสัมภาระ

รถโตโยต้า ซีเอนต้าเป็นเอ็มพีวีคอมแพคต์ที่ขายดีในตลาดไทย โดยมีการออกแบบพื้นที่กระโปรงหลังที่ทั้งใช้งานได้หลากหลายและให้ความสะดวกจริงๆ เวลาใช้งานแถวที่นั่งที่สาม พื้นที่เก็บของจะอยู่ที่ประมาณ 170 ลิตร ซึ่งเหมาะสำหรับใส่ถุงช้อปปิ้งหรือกระเป๋าเดินทางขนาดเล็ก แต่ถ้าพับแถวที่นั่งที่สามลง พื้นที่ก็จะขยายไปถึง 535 ลิตร รับรองของชิ้นใหญ่หรือสัมภาระเวลาไปเที่ยวกับครอบครัวได้สบายๆ แถมถ้ายกแถวที่นั่งที่สองลงด้วยก็จะได้พื้นที่เพิ่มอีกเยอะเลย สภาพอากาศไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุก ซีเอนต้าออกแบบมาให้ปากกระโปรงหลังต่ำและพื้นเรียบ ทำให้ยกของหนักหรือของที่เปียกน้ำขึ้นลงง่าย แถมระบบพับที่นั่งที่ทำได้เร็วๆ ก็เหมาะมากเวลาเจอฝนตกกระทันหันแถวกรุงเทพฯ แล้วต้องรีบเก็บร่มหรือเสื้อกันฝน ถ้าเทียบกับรุ่นอื่นในระดับเดียวกัน อย่างฮอนด้า ฟรีด จะมีพื้นที่กระโปรงหลังประมาณ 260 ลิตรเมื่อใช้งานแถวที่นั่งที่สาม ส่วนมิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์จะอยู่ที่ 440 ลิตรเมื่อพับแถวที่นั่งที่สามลง เพราะฉะนั้นเวลาจะเลือกซื้อควรดูว่าต้องใช้งานขนของบ่อยแค่ไหน และมีคนนั่งกี่คน แนะนำให้ไปทดลองของจริงที่หน้าร้านจะดีที่สุด โดยเฉพาะลองเอาของที่ใช้บ่อยในไทยอย่างรถเข็นเด็กหรือหมวกกันน็อคขึ้นดูว่าสะดวกไหม และอาจเสริมแผ่นรองกันน้ำของแท้จากศูนย์เพื่อใช้งานช่วงฤดูฝน ซึ่งรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้มักทำให้การใช้ชีวิตประจำวันสะดวกขึ้นมากกว่าการดูตัวเลขความจุอย่างเดียว
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ข้อเสียของ Toyota Sienta คืออะไร
รถโตโยต้า ซีเอนทาในตลาดไทยเป็นเอ็มพีวีที่หลายครอบครัวเลือกใช้เพราะดีไซน์ประหยัดน้ำมันและจัดวางห้องโดยสารได้อย่างยืดหยุ่น แต่ก็มีจุดอ่อนบางอย่าง เช่น แถวที่นั่งสามที่ค่อนข้างคับ แม้จะนั่งได้แต่ผู้ใหญ่อาจรู้สึกอึดอัดหากต้องนั่งนาน ส่วนพื้นที่เก็บของด้านหลังก็เหลือน้อยเมื่อบรรทุกเต็มคัน ส่วนวัสดุภายในทำจากพลาสติกแข็งทำให้ความรู้สึกในการสัมผัสและความหรูหราดูไม่ค่อยดี รวมถึงระบบกันเสียงที่ยังมีช่องว่างให้พัฒนาเมื่อขับบนทางด่วน ในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย บางเจ้าของรถยังรายงานว่าแอร์ทำงานไม่เต็มที่เมื่อรถเต็มคัน และเมื่อเจอลมข้างที่แรงๆจะรู้สึกว่าตัวรถสูงทำให้การทรงตัวไม่ค่อยดีเท่าที่ควร แต่สิ่งที่คนไทยให้ความสำคัญคือความทนทานและค่าดูแลรักษา ซึ่งซีเอนทามีค่าบำรุงพอรับได้ แต่ราคาอะไหล่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆในระดับเดียวกัน เวลาซื้อเอ็มพีวีในไทยนอกจากเรื่องพื้นที่และประหยัดน้ำมันแล้ว ยังต้องดูเรื่องความสูงของรถว่าเหมาะกับถนนชนบทหรือไม่ รวมถึงระบบแอร์ที่ต้องใช้งานได้ดีแม้อากาศร้อนจัด นี่คือความต้องการพื้นฐานของการใช้รถในเขตร้อนแบบไทยๆ
Q
Toyota Sienta อยู่ในกลุ่ม Segment ใด
รถโตโยต้า ซีเอนตาในตลาดไทยจัดอยู่ในกลุ่มรถเอ็มพีวีขนาดเล็กหรือ Compact MPV ที่เน้นกลุ่มครอบครัวและคนเมืองที่ต้องการความคล่องตัวในการใช้งาน ด้วยขนาดตัวรถที่กำลังดี มาพร้อมการจัดวางเก้าอี้ 3 แถว เหมาะทั้งการขับขี่ในเมืองและการเดินทางช่วงวันหยุด ช่วยแก้ปัญหาเรื่องการจราจรที่ติดขัดในกรุงเทพฯ และยังตอบโจทย์การใช้งานแบบหลายคนได้เป็นอย่างดี ซีเอนต้ามีทั้งรุ่นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร แบบปกติและรุ่นไฮบริด ที่ให้ทั้งความประหยัดและสมรรถนะที่เพียงพอ ตรงกับความต้องการของคนไทยที่นิยมรถประหยัดน้ำมัน รถกลุ่มนี้ในไทยได้รับความนิยมสูงเพราะใช้งานได้จริงกว่าซีดาน และคล่องตัวกว่ารถเอ็มพีวีขนาดใหญ่ จอดง่ายกว่า ในตลาดยังมีรุ่นคู่แข่งอย่างฮอนด้า ฟรีดและซูซูกิ เออร์ติก้า ให้เลือกตามความชอบแบรนด์ งบประมาณและความต้องการของผู้ซื้อ เมื่อเมืองในไทยขยายตัวและโครงสร้างครอบครัวเปลี่ยนไป คาดว่าความต้องการรถ Compact MPV จะยังเติบโตต่อเนื่อง เพราะเป็นรถที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องพื้นที่ ประหยัดน้ำมัน และราคาไม่สูงเกินไป โดยเฉพาะสำหรับครอบครัวคนชั้นกลางไทยที่มองหารถใช้งานในชีวิตประจำวัน
Q
มูลค่าการขายต่อของ Toyota Sienta คืออะไร
ในตลาดรถมือสองของไทย โตโยต้า เอสเซนต้า ถือว่ามีอัตราการรักษามูลค่ารถได้ค่อนข้างดี สำหรับเอ็มพีวีขนาดกะทัดรัดที่เน้นความประหยัดและตอบโจทย์ครอบครัว ด้วยจุดเด่นเรื่องความประหยัดน้ำมัน ความทนทาน และพื้นที่ใช้งานที่ยืดหยุ่น ทำให้เป็นที่นิยมในหมู่คนไทย โดยเฉพาะรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ที่ค่าบำรุงรักษาถูกและเหมาะกับการใช้งานในเมือง มักจะมีมูลค่าคงเหลือสูงกว่ารุ่นไฮบริด จากข้อมูลในตลาดไทยพบว่า เอสเซนต้าที่ใช้งานไม่เกิน 3 ปี จะสามารถรักษามูลค่าได้ประมาณ 60%-65% ของราคาเดิม แต่ถ้ารถสภาพดีและไมล์สะสมต่ำกว่าปีละ 20,000 กิโลเมตร อาจได้ราคาสูงกว่านั้น สำหรับสภาพอากาศร้อนของไทย แนะนำให้ตรวจสอบระบบแอร์และอาการเสื่อมของยางเป็นพิเศษ เพราะสิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อราคาขายต่อได้ นอกจากนี้เครือข่ายศูนย์บริการและอะไหล่ของโตโยต้าที่มีอยู่ทั่วไทยยังช่วยให้การดูแลรักษาเอสเซนต้าง่ายขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อมูลค่าคงเหลือในระยะยาว ถ้าคิดจะใช้รถนาน แนะนำให้เลือกสีพื้นฐานเช่นขาวหรือเงินจะขายต่อได้ง่ายกว่า และควรเก็บประวัติการซ่อมบำรุงจากศูนย์บริการให้ครบถ้วนเพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้ซื้อ อย่างไรก็ตามนโยบายสนับสนุนรถพลังงานสะอาดของรัฐบาลไทยในช่วงหลังอาจส่งผลต่อมูลค่ารถเบนซินเล็กน้อย แต่เอสเซนต้าก็ยังคงความน่าสนใจในตลาดรถครอบครัว ทำให้อัตราการรักษามูลค่าในระยะสั้นยังแข่งขันได้ดี
Q
Toyota Sienta มีกี่ซีซี
รถโตโยต้า Sienta ที่วางจำหน่ายในตลาดไทยส่วนใหญ่จะใช้เครื่องยนต์เบนซินแบบธรรมชาติขนาด 1.5 ลิตร ความจุ 1,496 ซีซี เครื่องยนต์รุ่นนี้ขึ้นชื่อเรื่องการส่งกำลังที่เนียนและประหยัดน้ำมัน เหมาะมากกับสภาพการจราจรติดขัดในเมืองไทยและการขับขี่ที่ต้องหยุดบ่อยๆ นอกจากนี้ในรุ่นที่ขายในไทยอาจมีระบบไฮบริด 1.5 ลิตรให้เลือกด้วย ช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น สำหรับคนไทยแล้ว Sienta ถือว่าเหมาะกับการใช้งานในครอบครัวเพราะตัวรถกะทัดรัดแต่จัดวางพื้นที่ภายในได้อย่างคล่องตัว โดยเฉพาะการขับในซอยแคบๆในกรุงเทพฯ ส่วนในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย Sienta ก็มีการปรับปรุงระบบแอร์และการป้องกันสนิมให้เหมาะสมกับสภาพอากาศที่นี่ อย่างไรก็ดี รุ่นแต่ละปีอาจมีการปรับเปลี่ยนสเปคเครื่องยนต์บ้าง แนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์ทางการของโตโยต้าไทยหรือตัวแทนจำหน่ายก่อนซื้อ ส่วนเรื่องราคาก็ต้องคำนึงถึงนโยบายภาษีของไทยด้วย เพราะเครื่องยนต์ขนาดเล็กจะได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ทำให้ Sienta เป็นรถที่คุ้มค่าเงินในไทย
Q
เครื่องยนต์ใน Toyota Sienta คืออะไร
รถโตโยต้า Sienta ในตลาดไทยส่วนใหญ่จะใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร 2NR-FE แบบ 4 สูบ แบบดูดธรรมชาติ ที่มาพร้อมเทคโนโลยี DOHC และระบบ VVT-i ที่ช่วยปรับช่วงเวลาการเปิดปิดวาล์วได้อย่างอัจฉริยะ ให้กำลังสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 107 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 140 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์ CVT ที่ช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้ดีมาก เหมาะสมกับสภาพการจราจรติดขัดในเมืองและการใช้ชีวิตประจำวันของครอบครัวไทย ที่พิเศษคือเครื่องยนต์รุ่นนี้ได้รับการปรับแต่งเฉพาะสำหรับตลาดไทยให้สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพแม้ในสภาพอากาศร้อนจัดและคุณภาพน้ำมันบ้านเรา แถมยังดูแลรักษาไม่ยาก ตรงกับความต้องการของคนไทยที่เน้นความทนทานและประหยัดค่าใช้จ่าย นอกจากรุ่นเบนซินแล้ว ในไทยยังมี Sienta รุ่นไฮบริดที่ใช้ระบบขับเคลื่อน 1.5 ลิตร ไฮบริด ที่ช่วยประหยัดน้ำมันได้ดีขึ้นอีก เป็นทางเลือกยอดนิยมตามนโยบายส่งเสริมรถรักษ์สิ่งแวดล้อมของรัฐบาลไทย ไม่ว่าจะเลือกรุ่นเบนซินหรือไฮบริด เครื่องยนต์ของ Sienta ก็ยังคงความน่าเชื่อถือแบบฉบับโตโยต้า ที่คนไทยไว้วางใจสำหรับการใช้งานยาวๆ เรียกได้ว่าถ้าเลือก Sienta นอกจากจะได้รถที่ใช้งานสะดวกทุกสถานการณ์ทั้งขับทำงานประจำหรือพาครอบครัวเที่ยวยังได้ระบบขับเคลื่อนที่ผ่านการทดสอบมาแล้วว่าคุ้มค่าและมั่นใจได้จริง
Q
เกียร์แบบใดคือเกียร์ของ Toyota Sienta
รถโตโยต้า Sienta ในตลาดไทยมาพร้อมกับเกียร์ 2 แบบหลักๆ คือ เกียร์ CVT (สำหรับรุ่นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร) และเกียร์ออโต้ 6 สปีด (สำหรับรุ่น 1.8 ลิตร) เกียร์ CVT ให้ความรู้สึกเร่งนุ่มเนียนและประหยัดน้ำมันสุดๆ เหมาะกับสภาพรถติดในเมืองไทย ส่วนเกียร์ 6 สปีดจะตอบสนองการขับขี่ได้ตรงกว่า สำหรับคนที่ชอบอารมณ์สปอร์ตเล็กๆ ทั้งสองแบบได้รับการปรับแต่งให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย โดยเฉพาะระบบระบายความร้อนที่ออกแบบมาเพื่อทนทานต่ออุณหภูมิสูง ต้องบอกว่าเกียร์ CVT กำลังมาแรงในไทยเพราะเข้ากับสภาพรถติดๆ ขยับๆ ได้ดี แถมช่วยประหยัดน้ำมัน ซึ่งตรงกับความต้องการของคนไทยที่เน้นความประหยัดและใช้งานจริง ไม่ว่าจะขับไปทำงานประจำหรือพาครอบครัวเที่ยว Sienta ก็ตอบโจทย์การใช้งานได้ทุกสไตล์
Q
PCD ขนาดเท่าไรของ Toyota Sienta
รถโตโยต้า Sienta ที่ขายในตลาดไทยมีขนาด PCD (ระยะวงกลมรูสลัก) เป็น 5x114.3 มิลลิเมตร หมายความว่าวงกลมที่เกิดจากรูสลักทั้งห้าบนล้อมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 114.3 มิลลิเมตร ซึ่งขนาดนี้ตรงกับรุ่นอื่นๆ ของโตโยต้าที่นิยมในไทย เช่น Corolla Altis และ Camry ทำให้เจ้าของรถสามารถเปลี่ยนหรืออัพเกรดล้อได้สะดวก ในไทยมีร้านแต่งรถและศูนย์บริการยางหลายแห่งที่พร้อมล้อขนาดนี้ไว้ให้เลือกตามความชอบ ทั้งในแง่ดีไซน์และวัสดุที่ใช้ อย่างไรก็ตามเวลาจะเปลี่ยนล้อ นอกจากเรื่อง PCD แล้ว ต้องดูเรื่องขนาดรูกลางล้อ (CB) และค่าโอฟเซ็ต (ET) ด้วย เพื่อให้ล้อเข้ากับรถได้พอดีและรักษาความมั่นคงขณะขับขี่ สภาพอากาศของไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุกทำให้ล้อและยางต้องทนทานเป็นพิเศษ แนะนำให้เลือกผลิตภัณฑ์คุณภาพที่มีการรับรอง และตรวจสอบความดันลมยางกับความแน่นของสลักล้อเป็นประจำเพื่อความปลอดภัย ส่วนเรื่องกฎหมายไทยมีการควบคุมการแต่งรถอยู่ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนจะโมดิฟายรถเพื่อเลี่ยงปัญหาตอนตรวจสภาพหรือเคลมประกัน
Q
โตโยต้า เอสเซนต้ามี Apple Carplay ไหม
การที่ Toyota Sienta ในตลาดประเทศไทยจะรองรับฟังก์ชัน Apple CarPlay หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับปีรุ่นและระดับการตกแต่งของรถตามข้อมูลจากเว็บไซต์ทางการของ Toyota ประเทศไทยรุ่นปี 2023 บางรุ่นที่มีอุปกรณ์ครบครันเช่น 15V และ 15HV มาพร้อมระบบอินโฟเทนเมนต์หน้าจอสัมผัสที่รองรับ Apple CarPlay ในขณะที่รุ่นเริ่มต้นเช่น 15G อาจไม่มีฟังก์ชันนี้ติดตั้งมาให้จากโรงงานแนะนำให้ผู้บริโภคตรวจสอบข้อมูลล่าสุดผ่านเว็บไซต์ทางการของ Toyota ประเทศไทยหรือไปสัมผัสรถจริงที่โชว์รูมโดยตรง สำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือรถบางรุ่นในตลาดไทยยังรองรับ Android Auto ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกในการนำทางและฟังเพลงโดยเฉพาะในเมืองที่มีการจราจรติดขัดเช่นกรุงเทพฯ อย่างไรก็ตามเนื่องจากสภาพอากาศร้อนของประเทศไทยอาจส่งผลต่ออายุการใช้งานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในรถจึงควรตรวจสอบหน้าจอและพอร์ตเชื่อมต่อทุกครั้งเมื่อเข้ารับการบำรุงรักษาหากรถของท่านไม่มีฟังก์ชันนี้มาตั้งแต่ต้นร้านติดตั้งอุปกรณ์เสริมในประเทศมีบริการอัปเกรดระบบมัลติมีเดียที่หลากหลายแต่ควรเลือกใช้อุปกรณ์ที่ได้รับการรับรองจาก Toyota เพื่อคงสิทธิ์ในการรับประกันรถยนต์ทั้งนี้กฎหมายจราจรของไทยมีข้อกำหนดชัดเจนเกี่ยวกับการใช้งานหน้าจอในขณะขับขี่จึงควรควบคุมระบบผ่านคำสั่งเสียงหรือใช้งานในขณะที่รถจอดเพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง
Q
ยี่ห้อยางรถยนต์ของ Toyota Sienta คืออะไร
ยางติดรถจากโรงงานของ Toyota Sienta ในตลาดประเทศไทยอาจแตกต่างกันไปตามปีรุ่นและระดับการตกแต่ง รุ่นที่พบได้บ่อยคือยางจากแบรนด์ระดับสากล เช่น Bridgestone Dunlop หรือ Yokohama ซึ่งทั้งหมดมีฐานการผลิตในประเทศไทยและออกแบบมาให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นและสภาพถนนที่หลากหลาย เช่น ยางที่เน้นความทนทานและการยึดเกาะบนถนนเปียก สำหรับผู้ใช้รถในไทยเมื่อต้องการเปลี่ยนยางนอกจากพิจารณายี่ห้อเดิมที่มากับรถแล้วยังสามารถเลือกยางที่คุ้มค่าจากผู้ผลิตในประเทศ เช่น Debica หรือ Cordiant ซึ่งผ่านมาตรฐานความปลอดภัยในประเทศและรองรับขนาดล้อของ Sienta ได้เช่นกัน ควรตรวจสอบความดันลมยางและความลึกของดอกยางอย่างสม่ำเสมอโดยเฉพาะก่อนเข้าสู่ฤดูฝนเพื่อให้มั่นใจว่ายางยังสามารถรีดน้ำได้ดีตามกฎหมายไทยกำหนดให้ดอกยางต้องมีความลึกไม่น้อยกว่า 16 มิลลิเมตรหากใช้รถเดินทางไกลหรือขึ้นเขาเป็นประจำอาจพิจารณาเปลี่ยนเป็นยางแบบออลเทอร์เรนเพื่อเพิ่มความสามารถในการยึดเกาะถนนทุกสภาพพื้นผิว
Q
รถโตโยต้า Sienta เป็นรถที่ดีหรือไม่ เรียนรู้ข้อดีและข้อเสียที่นี่
โตโยต้า ซีเอนตาในฐานะรถเอ็มพีวีขนาดกะทัดรัดที่เน้นความใช้งานได้จริง ในตลาดประเทศไทยทำผลงานได้อย่างมั่นคง จุดเด่นอยู่ที่การจัดวางพื้นที่ภายในที่ยืดหยุ่นและประหยัดน้ำมันดีมาก เหมาะสมกับการใช้งานในชีวิตประจำวันของครอบครัวไทยและการเดินทางในเมือง ระบบเครื่องยนต์ 1.5L ร่วมกับเกียร์ CVT ช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้ดีแม้บนถนนกรุงเทพฯที่รถติด ขนาดตัวรถที่พอดียังช่วยให้จอดในซอยแคบๆได้สะดวก อย่างไรก็ตามพื้นที่เบาะแถวสามค่อนข้างจำกัด เหมาะสำหรับเด็กหรือการเดินทางระยะสั้น ในสภาพอากาศร้อนของไทยแนะนำให้เลือกรุ่นที่ติดตั้งแอร์อัตโนมัติและช่องลมหลังเพื่อความสะดวกสบายมากขึ้น ควรสังเกตว่ารุ่นประเทศไทยเป็นพวงมาลัยขวาและผลิตในประเทศ ทำให้หาอะไหล่และค่าซ่อมบำรุงได้ง่ายกว่ารถนำเข้า ในระดับเดียวกัน ซีเอนตายังมีอัตราการรักษามูลค่าอยู่ในระดับดี แต่ผู้บริโภคควรพิจารณาความต้องการจริง หากต้องใช้รถเต็มความจุ 7 คนบ่อยๆสำหรับการเดินทางไกล อาจต้องมองหารุ่นที่มีขนาดใหญ่กว่า โดยรวมแล้ว ซีเอนตาเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าในตลาดประเทศไทย

ข้อดี

ห้องนั่งกว้างขวางเพื่อรถโดยสารที่สบาย
ประหยัดน้ำมันช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายน้ำมัน
คุณภาพของยุคโตโยต้าที่เชื่อถือได้เพื่อสุขสันติสุขใจ
การตั้งค่าการนั่งแบบยืดหยุ่นเพื่อความหลากหลาย
ดีไซน์ที่สวยงามที่ชอบใจหลายคน

ข้อเสีย

กำลังการผลิตที่จำกัดสำหรับความต้องการบางอย่าง
แถวที่สามอาจขาดความสบายเพียงพอ
ห้องเก็บของขนาดเล็กสำหรับบรรทุกสิ่งมวลขนาดใหญ่
ระบบไฮบริดอาจต้องการการปรับปรุง

Q&A ล่าสุด

Q
น้ำหนักของ BMW M5 รุ่นใหม่คือเท่าไหร่
จากข้อมูลทางการล่าสุด รุ่นใหม่ล่าสุดของ BMW M5 มีน้ำหนักประมาณ 2,345 กิโลกรัม ตัวเลขนี้คำนึงถึงระบบไฮบริดและชิ้นส่วนเสริมสมรรถนะที่ติดตั้งมา ซึ่งทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า แต่มีการกระจายน้ำหนักที่สมดุลขึ้นกว่าเดิม สำหรับตลาดไทยแล้ว สภาพอากาศร้อนและถนนที่หลากหลายต้องการระบบระบายความร้อนและช่วงล่างที่เสถียรเป็นพิเศษ ซึ่ง M5 ตอบโจทย์ด้วยโครงสร้างอลูมิเนียมน้ำหนักเบาและระบบช่วงล่างแอคทีฟที่ช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ระบบปลั๊กอินไฮบริดยังช่วยให้สามารถขับเคลื่อนด้วยโหมดไฟฟ้า 100% ในสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ เพื่อประหยัดน้ำมันได้อีกด้วย ที่น่าสนใจคือ M5 ที่นำเข้าเข้ามาในไทยจะติดตั้งระบบแอร์ประสิทธิภาพสูงและสารเคลือบป้องกันการกัดกร่อนเป็นมาตรฐาน แม้ว่าออปชั่นเหล่านี้จะเพิ่มน้ำหนักรถเล็กน้อย แต่ก็ช่วยให้เหมาะกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมท้องถิ่นมากขึ้น สำหรับคนไทยที่ชื่นชอบความแรง M5 ยังคงรักษาสมดุลน้ำหนัก 50:50 ระหว่างเพลาหน้าและหลัง พร้อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive ที่ช่วยให้การควบคุมยังคงแม่นยำแม้ในวันที่ถนนลื่นช่วงฤดูฝน ส่วนน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นก็ไม่ได้ส่งผลต่อความแรง เพราะ M5 สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.4 วินาที ด้วยพลังรวมสูงสุด 725 แรงม้า จากเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบชาร์จ 4.4 ลิตร ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า
Q
BMW M5 Competition วิ่งเร็วแค่ไหร่
BMW M5 Competition คือรถซูเปอร์ซีดานหรูระดับสูงที่มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 4.4 ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่ ให้กำลังสูงสุดถึง 625 แรงม้า แรงบิดพีค 750 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์ 8 สปีด M Steptronic และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive ที่ทำให้เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.3 วินาที ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 305 กม./ชม. แต่ถ้าเปิดลิมิตเตอร์ออกก็ไปได้เร็วกว่านี้ ในไทยอาจไม่มีถนนให้ขับถึงความเร็วสุดๆ เพราะกฎหมายและสภาพถนนไม่เอื้อ แต่พลังอันทรงพลังและการควบคุมที่แม่นยำของ M5 Competition ก็ยังให้ประสบการณ์การขับที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะบนทางด่วนหรือสนามแข่ง นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีล้ำๆ เช่นระบบช่วงล่างปรับได้ Active Differential ที่ช่วยให้สมดุลระหว่างความสบายและสมรรถนะ สำหรับคนไทยแล้ว M5 Competition ไม่ใช่แค่รถเร็วแต่เป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและความหรูหรา เหมาะกับคนที่ต้องการทั้งความแรงและความใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน ข้อควรระวังคือสภาพอากาศร้อนๆ ของไทยอาจส่งผลต่อระบบระบายความร้อนและยางรถ ควรดูแลรักษาเป็นประจำและใช้น้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพสูงเพื่อให้รถแสดงศักยภาพได้เต็มที่
Q
BMW M5 Competition เร็วขนาดไหน
BMW M5 Competition คือรถซูเปอร์ซีดานระดับหรูที่มาพร้อมสมรรถนะสูง ติดตั้งเครื่องยนต์ V8 4.4 ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่ ให้กำลังสูงสุดถึง 625 แรงม้า แรงบิดพีค 750 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์ 8 สปีด M Steptronic และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive ที่ทำให้เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.3 วินาที ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม. แต่ถ้าเลือกแพ็คเกจ M Driver’s Package จะเพิ่มความเร็วสูงสุดไปได้ถึง 305 กม./ชม. ซึ่งสมรรถนะระดับนี้สามารถตอบโจทย์ทั้งการขับขี่บนทางด่วนหรือถนนในเมืองของไทยได้อย่างสมบูรณ์แบบ แม้ในสภาพอากาศร้อนของไทย ระบบระบายความร้อนและยางประสิทธิภาพสูงของ M5 Competition ก็ยังทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพ ส่วนภายในห้องโดยสารที่หรูหราพร้อมเทคโนโลยีอันทันสมัยก็เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน สำหรับคนไทยที่ชื่นชอบรถสปอร์ตแล้ว M5 Competition ไม่ใช่แค่จักรกลความเร็วเท่านั้น แต่ยังเป็นรถซีดานหรูที่ครบครันด้วยประโยชน์ใช้สอยและความสะดวกสบาย ที่แสดงให้เห็นถึงสมรรถนะและการควบคุมที่เหนือกว่า ไม่ว่าจะเป็นถนนที่แออัดในกรุงเทพฯ หรือถนนโล่งในเขตชานเมือง
Q
เครื่องยนต์ใน BMW M5 Competition คืออะไร
BMW M5 Competition มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 4.4 ลิตร เทอร์โบคู่ ที่แม้ในสภาพอากาศร้อนของไทยก็ยังคงแสดงประสิทธิภาพได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยกำลังสูงสุดถึง 617 แรงม้า แรงบิดพีค 750 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์ 8 สปีด M Steptronic และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive ที่ทำให้การเร่งและควบคุมทรงตัวได้อย่างมั่นใจ ทั้งในสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ หรือเส้นทางคดเคี้ยวบนภูเขา เครื่องยนต์รุ่นนี้ใช้เทคโนโลยีเช่นท่อไอเสียแบบครอสและอินเตอร์คูลเลอร์แบบน้ำ ช่วยลดอาการลากรถได้ดี เหมาะสมกับสภาพการขับขี่ที่ต้องหยุดและบ่อยครั้งในไทย ที่พิเศษไปกว่านั้น รุ่น Competition ยังอัพเกรดระบบจัดการเครื่องยนต์และระบบไอเสียจากรุ่นมาตรฐาน ทำให้เสียงเครื่องมีความดุดันยิ่งขึ้น สำหรับแฟนรถไทย เครื่องยนต์นี้ไม่เพียงตอบโจทย์การขับขี่ทั่วไป แต่ยังแสดงศักยภาพบนสนามแข่งได้อย่างเต็มที่ พร้อมกับบริการดูแลจากผู้จำหน่าย BMW ในไทยที่ช่วยให้เครื่องยนต์สมรรถนะสูงนี้ทำงานได้อย่างสมบูรณ์แม้ในสภาพแวดล้อมที่ร้อนชื้น
Q
เครื่องยนต์ของ BMW M5 คืออะไร
BMW M5 มาพร้อมเครื่องยนต์ 4.4 ลิตร V8 เทอร์โบชาร์จคู่ประสิทธิภาพสูง ที่โดดเด่นด้วยพลังขับเคลื่อนอันทรงพลังและการตั้งค่าที่แม่นยำ แม้ในสภาพอากาศร้อนของไทยก็ยังคงแสดงความสามารถที่เสถียร โดยให้กำลังสูงสุดกว่า 600 แรงม้าและแรงบิดพีคสูงถึง 750 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด M Steptronic ที่ให้อัตราเร่งอันรุนแรง สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.4 วินาที สำหรับคนไทยแล้ว BMW M5 ไม่เพียงขับเคลื่อนในเมืองได้ดี แต่ยังโชว์ศักยภาพบนทางหลวงได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมกับการตั้งค่าซัสเพนชันที่ลงตัวระหว่างสปอร์ตและความสบาย เหมาะกับสภาพถนนหลากหลายในไทย ที่สำคัญเครื่องยนต์ยังใช้เทคโนโลยี M TwinPower Turbo ของ BMW ผ่านเทอร์โบชาร์จเจอร์แบบทวิน์สโครลและระบบ Valvetronic ที่ช่วยเพิ่มความตอบสนองและประหยัดน้ำมัน แม้ในสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ นอกจากนี้ BMW M5 ยังมาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive ที่เพิ่มแรงยึดเกาะบนถนนลื่นหรือในช่วงฤดูฝน จึงเหมาะอย่างยิ่งกับสภาพอากาศของไทย
ดูเพิ่มเติม