Q

ฮอนด้าแจ๊ส gd เป็นปีอะไร

Honda Jazz GD ในประเทศไทยวางจำหน่ายในช่วงปี 2003 ถึงปี 2007
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ข้อเสียของ Honda Jazz คืออะไร
Honda Jazz ในฐานะรถยนต์แฮทช์แบ็กขนาดกะทัดรัดที่ได้รับความนิยมในตลาดไทยนั้น จุดด้อยหลัก ๆ อยู่ที่พื้นที่ภายในและสมรรถนะของเครื่องยนต์ แม้ว่า Jazz จะมีการออกแบบที่โดดเด่นด้วยฟังก์ชัน Magic Seat แต่ในสภาพอากาศร้อนของไทย พื้นที่ขาเบาะหลังอาจรู้สึกคับแคบสำหรับผู้โดยสารที่สูงโดยเฉพาะเมื่อเดินทางไกล นอกจากนี้ เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร แบบดูดอากาศธรรมชาติ เมื่อใช้งานในเส้นทางภูเขาหรือเมื่อต้องบรรทุกเต็มที่ การเร่งความเร็วอาจรู้สึกไม่เพียงพอ โดยเฉพาะเวลาที่เปิดแอร์เต็มกำลังจะเห็นการลดทอนของพละกำลังและอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ส่วนเรื่องการเก็บเสียงเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง เสียงลมและเสียงยางจะค่อนข้างเด่น ซึ่งอาจทำให้ผู้บริโภคที่เน้นความเงียบสงบรู้สึกไม่เต็มที่ อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดเหล่านี้เป็นเรื่องที่พิจารณาในบริบทของการจัดวางตำแหน่งรถยนต์รุ่นนี้ โดยเมื่อพิจารณาถึงความคล่องตัวในการขับขี่ในเมืองและความประหยัดน้ำมัน รวมถึงสภาพการจราจรที่หนาแน่นในไทย Jazz ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการใช้งานในเมือง ผู้บริโภคในไทยสามารถชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียตามความต้องการส่วนตัว หากต้องการรถที่เหมาะกับการเดินทางแบบครอบครัวหรือสมรรถนะที่แรงขึ้น อาจพิจารณารถรุ่นอื่นในระดับเดียวกันเป็นทางเลือกเพิ่มเติมได้
Q
Honda Jazz อยู่ในกลุ่มตลาดรถยนต์ขนาดเล็ก
Honda Jazz ในตลาดรถยนต์ของประเทศไทยจัดอยู่ในกลุ่ม B-Segment หรือที่เรียกว่ารถยนต์ขนาดเล็ก (Subcompact Car) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เน้นการใช้งานในเมืองและครอบครัวในชีวิตประจำวัน โดยมีจุดเด่นที่ขนาดตัวถังกะทัดรัด ประหยัดน้ำมัน และออกแบบพื้นที่ใช้สอยได้อย่างลงตัว Honda Jazz มีฟังก์ชัน Magic Seat ที่ช่วยเพิ่มความหลากหลายในการจัดเก็บสัมภาระ เหมาะอย่างยิ่งกับการขับขี่ในเมืองใหญ่ที่การจราจรหนาแน่น เช่น กรุงเทพฯ ขณะที่เครื่องยนต์ i-VTEC ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังขับเคลื่อนที่นุ่มนวลและเหมาะสมกับสภาพถนนของไทย กลุ่ม B-Segment ในไทยยังมีคู่แข่งที่ได้รับความนิยมอย่าง Toyota Yaris และ Mazda2 ซึ่งเน้นความประหยัดและใช้งานได้จริง ผู้บริโภคจึงมักเลือกตามความชอบในแบรนด์ ฟีเจอร์ และบริการหลังการขาย ความต้องการรถยนต์ขนาดเล็กในไทยยังคงสูงเนื่องจากราคาที่เข้าถึงได้ง่าย ต้นทุนการบำรุงรักษาต่ำ และเหมาะกับถนนที่ค่อนข้างแคบ Honda Jazz จึงเป็นตัวเลือกยอดนิยมในกลุ่มนี้ด้วยความน่าเชื่อถือและอัตราการเก็บมูลค่าที่ดี
Q
มูลค่าการขายต่อของ Honda Jazz คืออะไร
ในตลาดประเทศไทย Honda Jazz ถือเป็นรถมือสองที่มีอัตราการคงมูลค่อนข้างดี โดยมีปัจจัยสนับสนุนคือคุณภาพที่เชื่อถือได้ ความประหยัดน้ำมัน และภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์ Honda ในประเทศไทย จากข้อมูลในอุตสาหกรรมพบว่า Jazz ที่มีอายุไม่เกิน 3 ปีมักมีอัตราการคงมูลอยู่ที่ประมาณ 60% - 70% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพรถ ระดับอุปกรณ์ และประวัติการบำรุงรักษา สำหรับประเทศไทยซึ่งมีถนนในเมืองที่แออัดและราคาน้ำมันสูง รถยนต์ขนาดเล็กประหยัดพลังงานอย่าง Jazz จึงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการที่ Honda มีฐานการผลิตในประเทศ ทำให้ชิ้นส่วนอะไหล่หาได้ง่ายและค่าบำรุงรักษาไม่สูง จึงช่วยเพิ่มมูลค่าของรถมือสองได้อีกทาง หนึ่งในแนวโน้มสำคัญคือ Jazz รุ่นไฮบริดเริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในไทย ซึ่งมักมีมูลค่าขายต่อสูงกว่ารุ่นเครื่องยนต์เบนซินแบบธรรมดา แนะนำให้เจ้าของรถเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการอย่างสม่ำเสมอและเก็บเอกสารประวัติการบำรุงรักษาไว้ให้ครบถ้วน เพราะสามารถช่วยเพิ่มราคาขายต่อได้ นอกจากนี้ ผู้บริโภคชาวไทยมักนิยมรถสีโทนกลางอย่างสีขาวหรือสีเงิน ซึ่งขายต่อได้ง่ายกว่า หากต้องการทราบราคาประเมินที่แม่นยำมากขึ้น ควรอ้างอิงจากคู่มือราคารถมือสองของสมาคมรถยนต์ในประเทศไทย หรือปรึกษากับตัวแทนจำหน่ายรถมือสองที่เชื่อถือได้ในพื้นที่
Q
ฮอนด้า แจ๊ส มีกี่ซีซี
Honda Jazz ที่วางจำหน่ายในตลาดประเทศไทยส่วนใหญ่ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินแบบดูดอากาศธรรมดาขนาด 1.5 ลิตร มีปริมาตรกระบอกสูบ 1497 ซีซี โดยเครื่องยนต์รุ่นนี้ขึ้นชื่อเรื่องประสิทธิภาพสูงและความประหยัดน้ำมัน เหมาะกับสภาพการจราจรในเมืองที่มีการหยุด-เคลื่อนบ่อยครั้งในประเทศไทย อีกทั้งยังจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ที่ช่วยให้การขับขี่ลื่นไหลยิ่งขึ้น Jazz ถือเป็นรถยนต์ขนาดเล็กที่คุ้มค่าและได้รับความนิยมอย่างมากในไทย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการรถสำหรับใช้งานในครอบครัวหรือเดินทางในเมือง จุดเด่นของรุ่นนี้อยู่ที่ขนาดตัวรถที่คล่องตัวแต่ภายในกว้างขวาง นอกจากนี้ผู้บริโภคยังควรพิจารณาเทคโนโลยีเครื่องยนต์เพิ่มเติม เช่น ระบบ i-VTEC ของ Honda ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการส่งกำลังและประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น ทั้งนี้มาตรฐานมลพิษในไทย เช่น Euro 5 ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ผู้ซื้อควรตรวจสอบ รวมถึงต้นทุนการใช้งานในระยะยาว ซึ่งมีผลต่อประสบการณ์การขับขี่และค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษารถยนต์
Q
เครื่องยนต์ใน Honda Jazz คืออะไร
Honda Jazz ในตลาดประเทศไทยส่วนใหญ่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร i-VTEC แบบดูดอากาศธรรมดา มาพร้อมเทคโนโลยี VTEC อันเป็นเอกลักษณ์ของ Honda ให้กำลังสูงสุดประมาณ 120 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่ขึ้นชื่อเรื่องความนุ่มนวลและประหยัดน้ำมัน เหมาะอย่างยิ่งกับการขับขี่ในสภาพการจราจรติดขัดของกรุงเทพฯ รุ่น RS ที่วางจำหน่ายในไทยยังได้รับการจูนให้ตอบสนองเร็วขึ้นแต่ยังคงประหยัดน้ำมันที่ประมาณ 5.5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร สำหรับสภาพอากาศร้อนในไทย เครื่องยนต์รุ่นนี้มาพร้อมระบบระบายความร้อนที่ได้รับการปรับปรุงโดยเฉพาะ และระบบปรับอากาศที่ปรับให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมเขตร้อน ช่วยให้การขับขี่ในระยะทางไกลมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น จุดเด่นอีกอย่างคือห้องเครื่องของ Jazz ออกแบบให้กะทัดรัดเพื่อเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสาร ตอบโจทย์ผู้ใช้ชาวไทยที่ให้ความสำคัญกับความกว้างขวางภายในรถ ซึ่งสะท้อนแนวคิด MM หรือ “Man-Maximum, Machine-Minimum” ของ Honda ได้อย่างชัดเจน แม้ว่าในอนาคตอาจมีการแนะนำรุ่น e:HEV ไฮบริดตามนโยบายส่งเสริมรถพลังงานสะอาดของรัฐบาลไทย แต่ในปัจจุบัน รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ยังคงเป็นทางเลือกหลักที่ได้รับความนิยมสูง ด้วยความทนทานและค่าบำรุงรักษาต่ำ เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางในเมือง
Q
ประเภทระบบเกียร์ของ Honda Jazz คืออะไร
ประเภทระบบเกียร์ของ Honda Jazz ในตลาดประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามรุ่นและปีที่ผลิต โดยทั่วไปแล้วรุ่นที่พบได้บ่อยที่สุดคือระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ซึ่งมีจุดเด่นด้านความนุ่มนวลในการเปลี่ยนเกียร์และความประหยัดน้ำมัน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับสภาพการจราจรที่แออัดในเมืองของไทย นอกจากนี้ยังมีบางรุ่นเก่าที่ใช้ระบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ซึ่งตอบโจทย์ผู้ขับขี่ที่ชื่นชอบความรู้สึกในการควบคุมรถ ระบบเกียร์ CVT ทำงานด้วยหลักการส่งกำลังแบบไร้ขั้นตอน ช่วยลดอาการกระตุกของเกียร์แบบเดิม และเมื่อรวมกับเทคโนโลยี Earth Dreams ของ Honda ก็ยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดเชื้อเพลิงมากยิ่งขึ้น เหมาะกับสภาพอากาศร้อนของไทยและการขับขี่แบบหยุด–ไปบ่อย ๆ อีกทั้งยังได้รับการปรับจูนให้ส่งแรงบิดได้ดีที่รอบต่ำ รองรับการใช้งานบนถนนแคบหรือทางลาดชันได้ดี การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ CVT อย่างสม่ำเสมอและหลีกเลี่ยงการขับขี่ที่ใช้โหลดหนักต่อเนื่องจะช่วยยืดอายุการใช้งานของระบบเกียร์ โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่ร้อนและชื้นของประเทศไทย
Q
PCD ขนาดเท่าไรของ Honda Jazz
สำหรับรถฮอนด้า แจ๊ส ในตลาดไทยจะมีขนาด PCD (ระยะวงกลมรูสลักล้อ) แบบ 4x100 หมายความว่าจากรูสลักล้อ 4 รู โดยจุดศูนย์กลางของรูแต่ละรูจะอยู่บนเส้นรอบวงที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 100 มิลลิเมตร ซึ่งสเปคนี้ใช้ร่วมกับรถยนต์ประเภทเอкономี่คาร์และคอมแพคต์คาร์หลายรุ่นในไทย ทำให้เวลาจะเปลี่ยนหรืออัพเกรดล้อ เจ้าของรถมีตัวเลือกที่เข้ากันได้หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะในไทยเราจะพบผู้ผลิตล้อท้องถิ่นและร้านแต่งรถหลายแห่งที่รองรับล้อแบบ 4x100 PCD โดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพหรือเชียงใหม่ หาล้อที่เหมาะกับแจ๊สได้ไม่ยาก นอกจาก PCD แล้ว เวลาเลือกล้อต้องดูเรื่องขนาดรูกลางล้อ (CB) และระยะออฟเซ็ต (ET) ด้วย เพื่อให้ล้อที่ติดตั้งแล้วทำงานได้สมบูรณ์กับระบบช่วงล่างและโครงสร้างตัวรถ ป้องกันปัญหาเวลาขับอย่างการสั่นหรือสึกหรอเร็ว ส่วนสภาพอากาศไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุก แนะนำให้เลือกวัสดุล้อที่ทั้งเบาและระบายความร้อนดี เช่น อลูมิเนียม จะช่วยประหยัดน้ำมันและช่วยระบายความร้อนให้เบรกได้ดีขึ้น
Q
รถฮอนด้า แจ๊ส มี Apple CarPlay หรือไม่
สำหรับรถฮอนด้า Jazz รุ่นล่าสุดที่วางขายในตลาดไทย (บางตลาดอาจเรียกว่า Fit) แบบรุ่นท็อปนั้นมีการติดตั้งระบบ Apple CarPlay มาให้ด้วย ซึ่งฟีเจอร์นี้ได้รับความนิยมมากในหมู่ผู้บริโภคชาวไทย เพราะช่วยให้เชื่อมต่อกับ iPhone ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งระบบนำทาง ฟังเพลง หรือโทรศัพท์ แต่ต้องระวังว่ารุ่นและปีการผลิตที่ต่างกันอาจมีสเปกไม่เหมือนกัน แนะนำให้ตรวจสอบรายละเอียดกับโชว์รูมฮอนด้าในไทยก่อนซื้อจริง สำหรับคนไทยแล้ว Apple CarPlay ถือเป็นตัวช่วยชั้นดี โดยเฉพาะในเมืองติดรถติดอย่างกรุงเทพฯ ที่สามารถใช้เสียงสั่งงานผ่าน Siri ลดการเสียสมาธิขณะขับรถได้ ถ้าหากรุ่นของคุณไม่มี CarPlay ติดตั้งมาแต่แรก ในไทยก็มีอู่ติดตั้งรถยนต์มาตรฐานที่สามารถเพิ่มเติมระบบนี้ได้ แต่ควรเลือกอุปกรณ์ที่ผ่านมาตรฐานกฎหมายการขนส่งไทยเพื่อความปลอดภัย นอกจาก CarPlay แล้ว รถใหม่ๆ ในตลาดไทยตอนนี้หลายรุ่นยังรองรับ Android Auto ด้วย ตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้ iPhone และ Android โดยฟังก์เจอร์เชื่อมต่อสมาร์ทเหล่านี้กำลังกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่คนรุ่นใหม่ในไทยใช้ตัดสินใจเลือกซื้อรถเลยทีเดียว
Q
ยี่ห้อยางรถยนต์ของ Honda Jazz คืออะไร
ยางติดรถจากโรงงานของ Honda Jazz ในตลาดประเทศไทยจะแตกต่างกันตามปีรุ่นและระดับการตกแต่ง โดยทั่วไปจะใช้ยี่ห้อญี่ปุ่นที่พบได้บ่อย เช่น Bridgestone Dunlop หรือ Yokohama ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีความนิยมสูงในไทยและเหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศ เช่น ยางซีรีส์ ECOPIA ของ Bridgestone ที่เน้นความประหยัดน้ำมันและทนทาน เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมือง ผู้ใช้รถในไทยควรพิจารณาสภาพอากาศที่มีฝนตกบ่อย โดยแนะนำให้ตรวจสอบค่าการยึดเกาะบนถนนเปียก เช่น ระดับ Traction จากมาตรฐาน UTQG และเนื่องจากสภาพถนนในไทยมีความหลากหลาย จึงควรเลือกยางที่มีความแข็งแรงของแก้มยางที่เหมาะสม หากต้องการเปลี่ยนยางที่ไม่ใช่ของเดิมจากโรงงาน แนะนำให้ตรวจสอบสัญลักษณ์รับรองมาตรฐาน TISI จากกรมการขนส่งทางบก เพื่อให้มั่นใจว่ายางนั้นปลอดภัยต่อการใช้งานในประเทศไทย ยางแบรนด์ระดับสากล เช่น Michelin ที่มีการผลิตในไทยก็เป็นทางเลือกที่ดี ทั้งในด้านความคุ้มค่าและการบริการหลังการขาย
Q
รถฮอนด้า แจ๊ซ เป็นรถที่ดีหรือไม่ เรียนรู้ข้อดีและข้อเสียที่นี่
รถฮอนด้า แจ๊ส เป็นรถขนาดเล็กที่ขายดีในตลาดไทย ด้วยขนาดตัวรถที่คล่องตัวเหมาะกับสภาพการจราจรติดขัดในเมืองอย่างกรุงเทพฯ เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร i-VTEC ประหยัดน้ำมันเหมาะกับราคาน้ำมันที่ค่อนข้างสูงในไทย แถมยังใช้แนวคิด MM (ย่อมากสุด ใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด) ทำให้มีพื้นที่เก็บของเยอะกว่าเพื่อนร่วมรุ่น โดยเฉพาะระบบเก้าอี้แบบ Magic Seat ที่ปรับได้ตามต้องการสำหรับของชิ้นใหญ่ ข้อเสียคือเวลาขับเร็วเสียงรบกวนค่อนข้างได้ยินชัด และเมื่อเทียบกับคู่แข่งบางรุ่นอาจขาดฟีเจอร์เทคโนโลยีไปบ้าง สำหรับสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย แนะนำให้ตรวจสอบระบบแอร์เป็นประจำเพื่อประสิทธิภาพการทำความเย็น และเนื่องจากถนนไทยค่อนข้างหลากหลายควรระวังเรื่องการป้องกันช่วงล่าง ส่วนเรื่องค่าขายต่อรถฮอนด้าแจ๊สถือว่าคงตัวดี มีศูนย์บริการครอบคลุมทั่วประเทศ สำหรับครอบครัวที่มีงบประมาณประมาณ 6-8 แสนบาทนับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ก่อนซื้อแนะนำให้ลองเปรียบเทียบกับรุ่นอื่นๆ ในระดับเดียวกันและลองทดลองขับดูให้เหมาะกับความต้องการจริงๆ ของคุณ

ข้อดี

มีลักษณะทางการเคลื่อนไหวที่เหมาะสมสำหรับคนรุ่นใหม่
ราคาขายมีความทนทาน, ค่าซ่อมบำรุงไม่สูง
ประหยัดน้ำมัน

ข้อเสีย

กำลังการขับขี่ค่อนข้างอ่อนและไม่เสถียร โดยเฉพาะในการขับขี่ความเร็วสูง
การควบคุมทั่วไปเท่านั้น ความรู้สึกทั้งหมดของชั้นล่างไม่ค่อยแข็งแรง

Q&A ล่าสุด

Q
2020 Yaris เป็นรถยนต์แบบ 3 หรือ 4 สูบ?
รถยนต์โตโยต้า Yaris รุ่นปี 2020 ที่วางขายในตลาดไทยใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.2 ลิตร 4 สูบแบบแถวเรียง รหัส 3NR-FE ให้กำลังสูงสุด 86 แรงม้า คู่กับเกียร์ CVT เครื่องยนต์ตัวนี้ขึ้นชื่อในเรื่องความทนทานและประหยัดน้ำมัน เหมาะมากกับการใช้งานในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ที่ต้องเจอกับการจราจรที่ต้องหยุดและเคลื่อนตัวบ่อยๆ ที่น่าสนใจคือบางตลาดต่างประเทศอาจใช้เครื่องยนต์ 3 สูบเทอร์โบ แต่สำหรับรุ่นไทยยังคงเป็นเครื่องยนต์ 4 สูบเพื่อตอบโจทย์ความนิยมของคนไทยที่ชอบความเรียบและสะดวกในการดูแลรักษา สำหรับผู้บริโภคไทยควรทราบว่าในปี 2020 ทางโตโยต้ายังมี Yaris อีกรุ่นที่ใช้แพลตฟอร์มของ Mazda2 (รหัส YP210) ซึ่งเป็นระบบไฮบริดที่ใช้ชุดขับเคลื่อนต่างออกไป สำหรับคนไทยที่ต้องการประหยัดงบประมาณ การเลือกเครื่องยนต์ 4 สูบแบบธรรมดาจะดูแลรักษาง่ายและหาอะไหล่สะดวก ส่วนใครที่ต้องการประหยัดน้ำมันมากขึ้นอาจรอเลือกรุ่นไฮบริดที่ออกมาทีหลัง ควรระวังเรื่องการตรวจสอบระบบระบายความร้อนและระดับน้ำมันเครื่องบ่อยๆ โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนของไทย เพราะเครื่องยนต์ขนาดเล็กแบบนี้เมื่อต้องทำงานหนักต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจมีปัญหาเรื่องความร้อนได้
Q
ความเร็วสูงสุดของ Toyota Yaris 2020 คือเท่าไร
รถยนต์โตโยต้า Yaris รุ่นปี 2020 ที่วางขายในตลาดไทยมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 170-180 กม./ชม. แต่ตัวเลขที่แท้จริงอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นเครื่องยนต์และระบบเกียร์ เช่น รุ่นเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร แบบดูดธรรมดาคู่กับเกียร์ CVT ในสภาพอากาศร้อนและสภาพถนนในเมืองของไทยอาจทำความเร็วสูงสุดได้ต่ำกว่าค่ามาตรฐานเล็กน้อย แต่ก็ยังตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปทั้งในเมืองและบนทางหลวงได้อย่างดี อย่างไรก็ตาม กฎหมายจราจรไทยกำหนดให้ความเร็วบนถนนทั่วไปอยู่ที่ 80-120 กม./ชม. ส่วนทางหลวงสูงสุดไม่เกิน 120 กม./ชม. ดังนั้นถึงรถจะทำความเร็วได้มากกว่าก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย สำหรับคนไทยแล้ว จุดเด่นของ Yaris อยู่ที่ความประหยัดน้ำมันและการขับขี่ที่คล่องตัว โดยเฉพาะในเมืองติดขัดอย่างกรุงเทพฯ เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร พร้อมโหมด ECO ของโตโยต้าช่วยลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้ดี ขนาดตัวรถที่กะทัดรัดยังเหมาะกับการขับเคลื่อนในซอยแคบๆ อีกด้วย ถ้าอยากได้สมรรถนะ更高ขึ้น ลองดูรุ่น GR Sport ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ซึ่งให้พลังมากขึ้น แต่ต้องระวังผลกระทบจากอากาศร้อนของไทยต่อการทำงานของเครื่องยนต์ในช่วงเวลานานๆ ควรดูแลระบบหล่อเย็นให้ดีเป็นพิเศษ
Q
โตโยต้า ยาริส 2020 คือกี่ลิตร
รถยนต์โตโยต้า Yaris รุ่นปี 2020 ที่วางจำหน่ายในตลาดประเทศไทยมาพร้อมกับตัวเลือกเครื่องยนต์ 2 แบบ ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ แบบดูดธรรมดา ขนาด 1.2 ลิตร และ 1.5 ลิตร โดยรุ่น 1.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 86 แรงม้า ส่วนรุ่น 1.5 ลิตร ทำกำลังได้ถึง 107 แรงม้า ทั้งคู่ใช้เกียร์ CVT ที่ช่วยประหยัดน้ำมันและตอบโจทย์การขับขี่ในชีวิตประจำวันได้ดี เหมาะสมกับสภาพถนนทั้งในเมืองและนอกเมืองของไทยเป็นอย่างยิ่ง สำหรับตลาดไทยแล้ว Yaris ได้รับความนิยมจากความทนทานและค่าบำรุงรักษาที่ไม่สูง โดยรุ่น 1.2 ลิตร เหมาะกับผู้ที่ต้องการประหยัดงบ ส่วนรุ่น 1.5 ลิตร จะให้พลังการขับเคลื่อนที่มากขึ้นกว่า อย่างไรก็ดี รายละเอียดการแต่งรถอาจแตกต่างกันไปในแต่ละปีและแต่ละพื้นที่ ดังนั้นควรสอบถามตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่เพื่อข้อมูลที่ถูกต้อง Yaris ถือเป็นรถขนาดเล็กขายดีระดับโลกที่ได้รับความนิยมในไทยเช่นกัน ด้วยขนาดตัวรถที่คล่องตัวและความน่าเชื่อถือของโตโยต้า ทำให้มันเป็นตัวเลือกเหมาะๆ สำหรับการเดินทางในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ที่การจราจรหนาแน่น
Q
รถโตโยต้ายาริสปี 2020 เป็นรถที่เชื่อถือได้ไหม
Toyota Yaris 2020 ในตลาดไทยเป็นรถที่เชื่อถือได้และคุ้มค่า เครื่องยนต์ 12 ลิตรแบบดูดอากาศธรรมชาติมีเทคโนโลยีที่ผ่านการพิสูจน์แล้ว จับคู่กับเกียร์ CVT ขับขี่ได้ดีแม้ถนนกรุงเทพติดขัด ประหยัดน้ำมัน เหมาะกับการเดินทางในเมืองไทย รถสืบทอดความทนทานตามแบบ Toyota สภาพอากาศร้อนชื้นและฝนตกไม่ส่งผลต่อระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือการกันสนิม การบำรุงรักษาสะดวก มีเครือข่าย 4S ครอบคลุมพร้อมอะไหล่เพียงพอและราคาสมเหตุสมผล อัตราการคืนทุนในตลาดมือสองสูง รุ่นไทยปรับปรุงระบบปรับอากาศให้รองรับอุณหภูมิสูงและช่วงล่างปรับแต่งให้เหมาะกับถนนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การใช้พื้นที่ภายในและการจัดเก็บเหมาะกับครอบครัว เช่น เบาะหลังปรับได้หลายรูปแบบเหมาะกับการท่องเที่ยววันหยุด โดยรวม Yaris เป็นรถขนาดเล็กประหยัดน้ำมันที่เหมาะกับผู้บริโภค
Q
กล่องเกียร์ประเภทใดคือ Toyota Yaris 2020
รุ่น Toyota Yaris ปี 2020 ที่วางขายในตลาดไทยมีระบบเกียร์ที่แตกต่างกันไปตามรุ่นย่อย โดยรุ่นเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร แบบดูดธรรมดาจะใช้เกียร์ CVT (รุ่น K120) ที่โดดเด่นในเรื่องการเปลี่ยนเกียร์ที่ลื่นไหลและช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ดี เหมาะสมกับการขับขี่ในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ที่ต้องหยุดและสตาร์ทบ่อยครั้ง เกียร์ CVT นี้ทำงานผ่านระบบสายพานเหล็กที่ช่วยเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้เครื่องยนต์ทำงานอยู่ในรอบที่เหมาะสมเสมอ เมื่อเทียบกับเกียร์ออโตเมติกแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ระบบระบายความร้อนยังได้รับการปรับแต่งให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนของไทยเพื่อความทนทาน ส่วนรุ่นแข่งอย่าง Honda City และ Nissan Almera ก็ใช้เทคโนโลยี CVT เช่นกัน แต่แต่ละแบรนด์จะมีการตั้งค่าอัตราทดเกียร์และความ responsive ของคันเร่งที่แตกต่างกันไป สำหรับคนไทยแล้ว เกียร์ CVT นั้นดูแลรักษาง่าย เพราะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์แค่ทุก 6 หมื่นกิโลเมตร (แนะนำให้ใช้น้ำมันเกียร์มาตรฐาน Toyota ATF-WS) และเข้ากันได้ดีกับน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ แต่ถ้าชอบความรู้สึกการขับขี่ที่สมจริงมากกว่านี้ อาจต้องมองหาเกียร์แบบคลัตช์คู่หรือเกียร์มือในบางรุ่นของแบรนด์อื่น เพราะ Yaris ในไทยไม่มีตัวเลือกเหล่านี้ให้เลือก
ดูเพิ่มเติม