Q

อันไหนดีกว่ากัน รถ Corolla ปี 2024 หรือ Camry?

รถโครอลลา 2024 กับแคมรีต่างก็เป็นรุ่นยอดนิยมของโตโยต้า แต่ถ้าจะเลือกซื้อในตลาดไทยต้องดูความต้องการจริงๆนะครับ โครอลลาเป็นรถเก๋งคอมแพคต์ ขับเคลื่อนคล่องตัวเหมาะกับสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ ประหยัดน้ำมันมาก แถมราคาย่อมเยาว์ เหมาะกับครอบครัวที่งบจำกัดหรือใช้ขับรถไปทำงานประจำวัน ส่วนแคมรีเป็นรถเก๋งขนาดกลาง มีพื้นที่กว้างขวางกว่าโดยเฉพาะช่วงขาหลังและกระโปรงหลัง ระบบไฮบริด 2.5L ให้ความรู้สึกการขับขี่ที่ลื่นไหลเวลาวิ่งทางไกล เหมาะกับคนที่ต้องขับทางไกลบ่อยๆหรือต้องการความสบายเป็นหลัก ทั้งสองรุ่นมาพร้อมระบบความปลอดภัย TSS 3.0 ล่าสุดจากโตโยต้า มีฟังก์ชันเตือนการชนและช่วยควบคุมเลน ช่วยให้การขับขี่มั่นใจได้แม้ในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย ที่สำคัญรัฐบาลไทยมีมาตรการลดภาษีสำหรับรถประหยัดพลังงาน รุ่นไฮบริดจึงคุ้มค่ากว่า แถมเครือข่ายศูนย์บริการโตโยต้าในไทยก็ครอบคลุม หาง่ายไม่ต่างกันครับ แนะนำให้ลองขับดูก่อนตัดสินใจครับ ถ้าอยากประหยัดก็โครอลลา แต่ถ้าอยากได้พื้นที่กว้างและความหรูก็ต้องแคมรีครับ
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ความเร็วสูงสุดของ Toyota Corolla 2024 คือเท่าไหร่?
รถโตโยต้า โคโรลลา รุ่นปี 2024 ในประเทศไทยมีความเร็วสูงสุดที่แตกต่างกันไปตามรุ่นและแบบเครื่องยนต์ โดยรุ่นเครื่องยนต์เบนซินจะทำความเร็วสูงสุดได้ประมาณ 180-200 กม./ชม. ส่วนรุ่นไฮบริดที่เน้นการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงจะมีความเร็วสูงสุดน้อยกว่าประมาณ 180 กม./ชม. ทั้งนี้ความเร็วจริงอาจได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศร้อนของไทย สภาพถนน หรือน้ำหนักบรรทุก ในตลาดไทย โคโรลลาเป็นรถยอดนิยมโดยเฉพาะรุ่นเครื่องยนต์ 1.8L และ 1.6L ที่เหมาะกับการใช้งานในเมือง ส่วนระบบไฮบริดจะช่วยประหยัดน้ำมันได้ชัดเจนในสภาพการจราจรติดขัดอย่างในกรุงเทพฯ ควรระวังว่ากฎหมายไทยกำหนดความเร็วสูงสุดไว้ที่ 120 กม./ชม. การขับขี่เกินความเร็วกำหนดไม่เพียงแต่เสี่ยงอันตรายแต่ยังอาจถูกปรับหนัก นอกจากนี้ระบบ Toyota Safety Sense ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ ซึ่งเป็นประโยชน์มากในสภาพถนนทั้งในเมืองและต่างจังหวัดของไทยที่หลากหลาย หากต้องการสมรรถนะ更高อาจพิจารณารุ่น Corolla Altis ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ 2.0L แต่ต้องคำนึงว่าภาษีรถยนต์เครื่องยนต์ขนาดใหญ่ในไทยจะสูงกว่า
Q
ยางขนาดเท่าไหร่ที่ติดตั้งใน Toyota Corolla ปี 2024?
สำหรับรถโตโยต้า Corolla รุ่นปี 2024 ที่วางขายในตลาดไทย ขนาดยางที่ทางผู้ผลิตจัดให้นั้นจะแตกต่างกันไปตามรุ่นและระดับเครื่องยนต์ โดยขนาดยางที่พบได้บ่อยจะมี 2 แบบคือ 195/65 R15 และ 205/55 R16 ซึ่งแบบแรกมักจะใช้กับรุ่นพื้นฐาน ส่วนแบบหลังนั้นจะเจอในรุ่นท็อปหรือรุ่นสปอร์ต ตัวเลขขนาดยางเหล่านี้มีความหมายคือ ความกว้างของหน้ายาง (หน่วยเป็นมิลลิเมตร) อัตราส่วนความสูงของแก้มยางต่อความกว้างหน้ายาง (เป็นเปอร์เซ็นต์) และเส้นผ่านศูนย์กลางของล้อ (หน่วยเป็นนิ้ว) การเลือกขนาดยางที่เหมาะสมจะมีผลต่อการควบคุมรถ ความนุ่มสบาย และประหยัดน้ำมันด้วย ในสภาพอากาศเมืองไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุก แนะนำให้เลือกยางที่มีร่องดอกยางดีเพื่อระบายน้ำได้มีประสิทธิภาพ จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยเวลาขับตอนฝนตก นอกจากนี้ควรตรวจสอบสภาพยางและลมยางเป็นประจำ เพื่อป้องกันปัญหายางระเบิดจากความร้อนที่ทำให้ลมยางเพิ่มความดันสูงเกินไป ส่วนใครที่คิดจะอัพเกรดขนาดยาง ต้องระวังเรื่องกฎหมายด้วยนะ เพราะไทยเรามีข้อกำหนดเรื่องการเปลี่ยนขนาดยาง ต้องไม่เกินขอบเขตที่ผู้ผลิตอนุญาตไว้ เดี๋ยวจะเกิดปัญหาเวลาตรวจสภาพรถหรือทำประกันได้
Q
แรงดันลมยางที่เหมาะสมสำหรับรถ Toyota Corolla ปี 2024 คือเท่าไร?
ตามคำแนะนำอย่างเป็นทางการจากโตโยต้า มาตรฐานความดันลมยางสำหรับ Toyota Corolla รุ่นปี 2024 จะระบุไว้บนสติกเกอร์ที่กรอบประตูหรือในคู่มือผู้ใช้ สำหรับสภาพอากาศร้อนแบบประเทศไทย แนะนำให้ปรับความดันลมยางเมื่อยางเย็นอยู่ที่ 32 psi (2.2 bar) สำหรับล้อหน้า และ 30 psi (2.1 bar) สำหรับล้อหลัง หากมีการบรรทุกหนักเป็นประจำสามารถปรับตามค่าที่แนะนำบนสติกเกอร์ได้ สภาพอากาศร้อนในไทยจะทำให้ความดันลมยางเพิ่มขึ้นขณะขับขี่ ดังนั้นควรตรวจสอบความดันลมยางอย่างน้อยเดือนละครั้ง ควรตรวจในช่วงเช้าหรือในที่ร่มจะดีที่สุด ต้องระวังว่าความดันลมยางสูงเกินไปจะทำให้การยึดเกาะถนนลดลง ส่วนความดันต่ำเกินไปจะเพิ่มการสิ้นเปลืองน้ำมันและเสี่ยงยางระเบิดได้ ในช่วงฤดูฝนอาจลดความดันลง 1-2 psi เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่บนถนนเปียก แต่ไม่ควรปรับค่าแตกต่างจากมาตรฐานโรงงานเกิน 10% สำหรับสภาพถนนในกรุงเทพฯและเมืองใหญ่ที่ค่อนข้างซับซ้อน แนะนำให้เลือกรุ่นที่มาพร้อมระบบตรวจสอบความดันลมยาง (TPMS) โดยในไทยปั๊มน้ำมันและอู่ซ่อมรถส่วนใหญ่มีบริการตรวจความดันลมยางฟรี ควรตรวจสอบให้แน่ใจก่อนเดินทางไกล ยางแต่ละยี่ห้อเช่นมิชลินหรือบริจสโตนอาจมีค่ามาตรฐานแตกต่างกันเล็กน้อย หลังเปลี่ยนยางใหม่ควรตรวจสอบค่ามาตรฐานอีกครั้ง
Q
วิธีตรวจสอบว่าล้อไหนลมยางอ่อนใน Toyota Corolla ปี 2024
ถ้าจะตรวจสอบว่ายางล้อไหนของ Toyota Corolla รุ่นปี 2024 มีลมยางไม่พอ วิธีที่ง่ายที่สุดคือใช้ระบบตรวจสอบความดันลมยาง (TPMS) ที่มากับรถเป็นมาตรฐานอยู่แล้ว พอความดันลมยางต่ำกว่าค่ามาตรฐาน ไฟเตือนสีเหลืองบนแผงหน้าปัดจะสขึ้นพร้อมบอกตำแหน่งล้อนั้นๆ ช่วงอากาศร้อนๆแบบไทยๆเนี่ยลมยางขึ้นลงง่าย แนะนำให้ตรวจเช็คลมยางด้วยตัวเองอย่างน้อยเดือนละครั้ง จะใช้เครื่องวัดลมยางแบบดิจิตอลตามปั๊มหรืออู่ก็ได้ ต้องเช็คตอนยางเย็นเท่านั้น แล้วเทียบกับค่ามาตรฐานที่ติดอยู่บนกรอบประตูด้านคนขับ (ปกติล้อหน้าจะอยู่ที่ 220kPa ล้อหลัง 210kPa) ถ้าลมยางผิดปกติต้องปรับให้ตรงอย่าปล่อยทิ้งไว้ โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนถนนไทยๆมักลื่น การรักษาลมยางให้พอดีจะช่วยให้เบรกทำงานปกติและประหยัดน้ำมันด้วย ยางลมอ่อนนานๆนอกจากจะสึกเร็วยังเสี่ยงยางระเบิดเวลาเดินทางไกลตอนแดดจัดๆอีก ส่วนวิธีสังเกตแบบคร่าวๆให้ดูว่ายางแตะพื้นเท่ากันทุกด้านหรือเปล่า แต่วิธีนี้ไม่แม่นเท่าใช้เครื่องวัดนะ
Q
รถ Toyota Corolla ปี 2024 ใช้น้ำมันเครื่องชนิดไหน?
สำหรับรถโตโยต้า Corolla รุ่นปี 2024 ที่จำหน่ายในประเทศไทย แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องชนิดสังเคราะห์เต็มรูปแบบที่มีความหนืด 0W-16 หรือ 5W-20 เพราะทั้งสองเกรดนี้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนของไทยและช่วยปกป้องเครื่องยนต์ได้ดี อย่างไรก็ตามควรตรวจสอบคู่มือผู้ใช้หรือสติกเกอร์ที่ฝากล่องน้ำมันเครื่องเพื่อดูเกรดที่ผู้ผลิตระบุไว้เป็นหลัก สภาพแวดล้อมของไทยที่มีทั้งความร้อนและความชื้นสูงต้องการน้ำมันเครื่องคุณภาพดีที่ได้มาตรฐาน API SP หรือ ILSAC GF-6A เพื่อความสะอาดของเครื่องยนต์และช่วยประหยัดน้ำมัน ที่สำคัญคือในสภาพอากาศร้อนแบบไทยๆ ควรตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องเป็นประจำและเปลี่ยนตามระยะเวลาที่กำหนดทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน (แล้วแต่อย่างไหนถึงก่อน) แต่ถ้าต้องเผชิญกับการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ บ่อยๆ อาจต้องเปลี่ยนถี่ขึ้นกว่านั้น สำหรับรุ่นเทอร์โบหรือไฮบริด ต้องใช้น้ำมันเครื่องตามที่โตโยต้ากำหนดเท่านั้นเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งศูนย์บริการโตโยต้าในไทยมีน้ำมันเครื่องต้นฉบับที่ได้มาตรฐานพร้อมบริการครบวงจร อีกเรื่องที่ควรรู้คือสภาพพื้นที่เป็นภูเขาของไทยอาจทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้น การเลือกน้ำมันเครื่องที่มีคุณสมบัติป้องกันการเสื่อมสภาพจากความร้อนสูงจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยยืดอายุเครื่องยนต์ได้ดีขึ้น
Q
ราคาที่ยุติธรรมสำหรับรถ Toyota Corolla ปี 2024 ควรจะเป็นเท่าไหร่?
รถโตโยต้า โคโรลลา รุ่นปี 2024 ในประเทศไทยน่าจะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 800,000 ถึง 1,200,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่าย โดยรุ่นพื้นฐาน 1.6L แบบเบนซินจะราคาถูกกว่า ส่วนรุ่นไฮบริดแบบเต็มอุปกรณ์จะใกล้เคียงกับราคาสูงสุด นอกจากนี้ราคาจริงอาจรวมค่าประกัน ภาษี และอุปกรณ์เสริมต่างๆ ด้วย ตลาดไทยให้ความนิยมโคโรลลามาอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นรถที่ทนทานและประหยัดน้ำมัน โดยเฉพาะในสภาพการจราจรติดขัดอย่างในกรุงเทพฯ รุ่นไฮบริดยิ่งช่วยลดค่าน้ำมันลงไปอีก ก่อนซื้อแนะนำให้เปรียบเทียบราคาจากหลายๆ โชว์รูม เพราะโตโยต้ามีเครือข่ายจำหน่ายทั่วไทยและบริการหลังการขายค่อนข้างดี บางครั้งอาจมีโปรโมชั่นพิเศษ เช่น ผ่อนสบายๆ ดอกเบี้ยต่ำหรือบริการฟรีๆ ที่ช่วยลดต้นทุนในการใช้รถในระยะยาว ส่วนเรื่องค่าซื้อคืนกลับ โคโรลลาก็ทำได้ดีเหมือนกัน แม้ใช้ไปนานก็ยังคงมูลค่าได้ค่อนข้างดี
Q
รถ Toyota Corolla Cross ปี 2024 จะใช้งานได้นานแค่ไหน?
รถโตโยต้า Corolla Cross รุ่นปี 2024 ในประเทศไทยโดยทั่วไปสามารถใช้งานได้นาน 15-20 ปี หรือระยะทางเกิน 3 แสนกิโลเมตร ขึ้นอยู่กับการบำรุงรักษาและนิสัยการขับขี่ รถรุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์ 2.0L แบบดูดธรรมดาและเกียร์ CVT ที่มีชื่อเรื่องความทนทาน พร้อมด้วยระบบไฮบริด (แบบ HEV) ที่ได้รับการพัฒนามาอย่างดีของโตโยต้า ซึ่งทำงานได้ดีในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย แนะนำให้เปลี่ยนน้ำหล่อเย็นและน้ำมันเกียร์อย่างสม่ำเสมอเพื่อรับมือกับอุณหภูมิสูง และควรดูแลป้องกันสนิมบริเวณช่วงล่างโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน สำหรับคนไทยแล้ว Corolla Cross มีอะไหล่พร้อมและค่าซ่อมบำรุงไม่แพง นอกจากนี้ยังเป็นรถที่ทรงตัวดีในตลาดมือสอง หากทำตามคำแนะนำของผู้ผลิตในการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุก 1 หมื่นกิโลเมตรและใช้อะไหล่แท้ จะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถได้อีก ที่สำคัญคือสภาพถนนในไทยมีความหลากหลาย จึงควรตรวจสอบระบบช่วงล่างทุก 2 ปี โดยเฉพาะถ้าต้องขับบนถนนชนบทบ่อยๆ การดูแลรายละเอียดเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความเชื่อถือได้ในการใช้งานระยะยาวอย่างเห็นได้ชัด
Q
รถ Toyota Corolla Cross รุ่นปี 2024 เป็นรถที่ดีหรือไม่?
สำหรับตลาดไทย 2024 Toyota Corolla Cross นับเป็น SUV ที่น่าจับตามอง เพราะยังคงความน่าเชื่อถือและใช้งานได้จริงแบบฉบับโตโยต้า มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร แบบธรรมดาหรือระบบไฮบริดที่ให้กำลังส่งเรียบๆ แต่ประหยัดน้ำมันสุดๆ เหมาะทั้งขับในเมืองที่รถติดเยอะหรือจะไปทริปยาวๆ ก็ไหว ที่นั่งด้านหลังกว้างขวาง พับเก็บได้ตามต้องการ ช่วยเรื่องขนของหรือไปเที่ยวกับครอบครัว แถมยังติดตั้ง Toyota Safety Sense ระบบช่วยความปลอดภัยที่มีทั้งแจ้งเตือนก่อนชนและช่วยควบคุมเลน ช่วยให้ขับขี่ปลอดภัยขึ้น ส่วนเรื่องอากาศร้อนๆ แบบไทยๆ แอร์ของรุ่นนี้เย็นฉ่ำ แถมช่วงล่างก็ปรับแต่งมาได้ดีทั้งนุ่มและกระชับ รับได้ทุกสภาพถนน ถ้าจะให้เปรียบเทียบกับรุ่นอื่นในตลาดอย่าง Honda HR-V หรือ Mazda CX-30 ที่แต่ละรุ่นก็มีจุดเด่นต่างกัน แต่จุดแข็งของ Corolla Cross อยู่ที่เครือข่ายบริการหลังการขายของโตโยต้าที่ครอบคลุมและมูลค่ารถคงเหลือสูง ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนไทยมาก
Q
คะแนนของ Toyota Corolla Cross 2024 คือเท่าไร?
รถโตโยต้า คอร์โรลลา ครอส รุ่นปี 2024 ในไทยทำผลงานด้านความปลอดภัยได้ดีมาก ได้รับการรับรองระดับ 5 ดาวจากอาเซียน NCAP พร้อมระบบ Toyota Safety Sense ที่มาพร้อมฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น ระบบเตือนการชนและช่วยรักษาเลน เหมาะสมกับสภาพถนนทั้งในเมืองและต่างจังหวัดของไทยที่ค่อนข้างซับซ้อน ส่วนด้านสมรรถนะมีทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตรและไฮบริด 1.8 ลิตร โดยรุ่นไฮบริดให้ประหยัดน้ำมันถึงประมาณ 23 กม./ลิตรในสภาพการจราจรติดขัดของกรุงเทพฯ ส่วนระบบช่วงล่างก็ถูกปรับแต่งให้เหมาะกับถนนไทย ทั้งความนุ่มนวลและการทรงตัว ความโดดเด่นในตลาดไทยยังมาจากราคาที่เหมาะสมเพราะผลิตในประเทศและเครือข่ายบริการหลังการขายที่ครอบคลุม สำหรับคนไทยที่กำลังมองหารถในระดับเดียวกัน อาจเปรียบเทียบกับฮอนด้า เอชอาร์-วี หรือมาสด้า ซีเอ็กซ์-30 ก่อนตัดสินใจ แนะนำให้ไปทดลองขับที่โชว์รูมในกรุงเทพฯหรือเชียงใหม่ และอย่าลืมเช็กโปรโมชั่นลดภาษีสำหรับรถ Eco Car จากรัฐบาลไทยเพื่อช่วยในการตัดสินใจที่คุ้มค่าที่สุด
Q
คุณจะต้องจ่ายเท่าไรสำหรับรถ Toyota Corolla Cross ปี 2024?
ราคารถ Toyota Corolla Cross รุ่นปี 2024 ในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามระดับเครื่องยนต์และโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่าย โดยรุ่นพื้นฐานเริ่มต้นที่ประมาณ 950,000 - 1,100,000 บาท ส่วนรุ่นไฮบริดแบบเต็มสูบอาจสูงถึง 1,200,000 - 1,400,000 บาท แนะนำให้ติดต่อตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการเพื่อสอบถามราคาล่าสุดและข้อเสนอพิเศษ Corolla Cross เป็นที่นิยมในตลาดไทยเพราะประหยัดน้ำมันและความทนทาน เหมาะกับการขับขี่ในเมืองและการใช้งานในครอบครัว โดยเฉพาะรุ่นไฮบริดที่ช่วยประหยัดน้ำมันได้มากขึ้นอีก เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม นอกจากราคาแล้ว ควรพิจารณาบริการหลังการขาย นโยบายการรับประกันและค่าประกันรถด้วย เพราะสิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายในระยะยาว รัฐบาลไทยมีนโยบายลดภาษีสำหรับรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การเลือกรุ่นไฮบริดอาจได้รับสิทธิประโยชน์บางอย่าง ควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนตัดสินใจ ซ้ำยังมีจุดแข็งเรื่องเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายของโตโยต้าที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้สะดวกในเรื่องบริการหลังการขาย นี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่หลายคนเลือก Corolla Cross

Q&A ล่าสุด

Q
ราคาของToyota Hiace คือเท่าไหร่
ราคารถ Toyota Hiace ในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามรุ่น การจัดแต่ง จำนวนที่นั่ง และระบบขับเคลื่อน โดยรุ่นพื้นฐานจะมีราคาประมาณ 1-1.5 ล้านบาท ส่วนรุ่นสูงหรืองานปรับแต่งพิเศษอาจสูงถึง 2 ล้านบาทขึ้นไป ในตลาดไทย Hiace เป็นที่นิยมทั้งในกลุ่มผู้ใช้เชิงพาณิชย์และครอบครัว ด้วยความทนทาน พื้นที่กว้างขวาง และประหยัดน้ำมัน โดยเฉพาะเหมาะสำหรับการเดินทางไกลหรือรับส่งเชิงธุรกิจ นอกจากราคารถแล้ว ผู้บริโภคไทยยังต้องคำนึงถึงเรื่องภาษี ประกันภัย รวมถึงบริการหลังการขายและนโยบายการรับประกันที่ตัวแทนจำหน่ายเสนอให้ อีกทั้งตลาดมือสองของ Hiace ในไทยก็คึกคัก มีอัตราการรักษามูลค่าสูง ทำให้เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า Toyota ยังมีเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายทั่วไทย ทำให้สะดวกในเรื่องการซ่อมบำรุง ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่หลายคนเลือก Hiace หากสนใจรายละเอียดการจัดแต่งหรือโปรโมชั่น แนะนำให้ติดต่อตัวแทนจำหน่าย Toyota ในพื้นที่เพื่อขอข้อมูลล่าสุดโดยตรง
Q
Ford Everest มีรุ่นอะไรบ้าง
Ford Everest ในตลาดไทยมีหลายรุ่นให้เลือกตามความต้องการ โดยปัจจุบันมี 3 รุ่นหลักคือ Trend Titanium+ และ Platinum ทุกรุ่นใช้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อมาตรฐาน รุ่น Trend เป็นรุ่นเริ่มต้นเน้นการใช้งานจริง พ่วงล้ออลูมิเนียม 18 นิ้วและระบบความบันเทิง SYNC 4 ส่วน Titanium+ เพิ่มความหรูหราด้วยหลังคากระจกพาโนรามาและประตูท้ายไฟฟ้า สุดยอดที่รุ่น Platinum ที่เน้นเทคโนโลยีครบครัน ทั้งระบบเสียง B&O กล้องรอบคันและเบาะหนังพิเศษ สำหรับสภาพเส้นทางไทย มีระบบการจัดการภูมิประเทศมาตรฐานทุกระบบ (แบบขับบนทราย/โคลน/หิมะ) และความสามารถลุยน้ำสูง 800 มม. เหมาะกับฤดูฝนและถนนชนบท แถมโบนัสเฉพาะตลาดไทยคือปรับระบบแอร์ให้เย็นฉับไวขึ้น และมีตัวเลือกระบบความบันเทิงด้านหลัง ซึ่งเป็นจุดขายที่ครอบครัวไทยชอบมาก เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Toyota Fortuner และ Mitsubishi Pajero Sport แล้ว Everest ยังได้เปรียบเรื่องระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ ระบบเบรกฉุกเฉินแบบอัตโนมัติ Adaptive Cruise และระบบเบรกฉุกเฉินแบบอัตโนมัติ (Automatic Emergency Brake) เป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่ใช้งานได้จริงสำหรับการขับขี่ทางไกลในประเทศไทยหรือสภาพถนนที่ติดขัดในกรุงเทพฯ
Q
Ford Everest เติมน้ำมันอะไร
สำหรับรถ Ford Everest ในตลาดไทย แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องชนิดเต็มสังเคราะห์เกรด 5W-30 หรือ 10W-40 โดยเลือกให้เหมาะกับปีรถ รุ่นเครื่องยนต์ และสภาพอากาศในพื้นที่ เช่น ในไทยที่อากาศร้อน เกรด 10W-40 จะช่วยปกป้องเครื่องยนต์ได้ดีกว่าเพราะมีความหนืดสูงที่อุณหภูมิสูง ควรเช็กคู่มือรถหรือใช้เครื่องมือค้นหาการบริการในเว็บไซต์ Ford Thailand เพื่อดูสเปกที่เหมาะสม นอกจากนี้ การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะ (แนะนำทุก 10,000 กม. หรือ 6 เดือน) เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ เพื่อความทนทานของเครื่องยนต์ และในช่วงฤดูฝนของไทย ต้องระวังน้ำเข้าไปผสมกับน้ำมันเครื่อง หากขับบ่อยบนถนนลูกรัง อาจต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องบ่อยขึ้น สำหรับรุ่นดีเซลของ Everest ต้องเลือกน้ำมันเครื่องเกรด Low SAPS ที่ได้มาตรฐาน Ford WSS-M2C934-B เพื่อลดความเสี่ยงการอุดตันใน DPF การดูแลรายละเอียดเหล่านี้จะช่วยปกป้องรถของคุณได้ดีขึ้นในสภาพถนนที่หลากหลายของไทย
Q
Ford Everest ควรใช้ช็อกอะไรดี
Ford Everest เป็น SUV ที่ตอบโจทย์ทั้งการขับขี่ออฟโรดและในเมือง ซึ่งในสภาพถนนที่หลากหลายของไทย ไม่ว่าจะเป็นถนนติดขัดในกรุงเทพฯ หรือเส้นทางภูเขาในเชียงใหม่ การเลือกโช้คจึงต้องคำนึงถึงทั้งความทนทานและความสบายในการขับขี่ โช้คที่มากับรถจากโรงงานอาจเหมาะกับการใช้งานทั่วไป แต่ถ้าคุณต้องบรรทุกของบ่อยๆ หรือชอบขับออฟโรด อาจต้องอัพเกรดเป็นโช้คแบบไฮดรอลิก-แก๊ส เช่น KYB Excel-G หรือ Monroe OESpectrum ที่ออกแบบมาเพื่อทนต่ออากาศร้อนของไทย มีระบบระบายความร้อนที่ดีขึ้น ช่วยให้รถทรงตัวได้มั่นคงขึ้น และลดแรงสะเทือนบนถนนขรุขระ ส่วนใครที่ต้องการสมรรถนะสูงขึ้นไปอีก แบรนด์แต่งท้องถิ่นอย่าง SSP หรือ Zpeed ก็มีโช้คแบบไนโตรเจนที่ปรับความนุ่ม-แข็งได้ เหมาะสำหรับทริปยาวหรือการขับออฟโรดระดับเบา แต่ต้องอย่าลืมบำรุงรักษาเป็นประจำ นอกจากนี้ช่วงฤดูฝนของไทยที่มีน้ำท่วมขังบ่อยๆ แนะนำให้เลือกโช้คที่มีการเคลือบกันสนิมเพื่อยืดอายุการใช้งาน สุดท้ายนี้ไม่ว่าคุณจะเลือกโช้คแบบไหน ควรซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้และให้ช่างผู้เชี่ยวชาญติดตั้งให้ เพื่อให้เข้ากับระบบช่วงล่างของ Everest และไม่ไปรบกวนการทำงานของระบบอิเล็กทรอนิกส์อย่าง ESP
Q
วิธีปิดเสียงเตือน Ford Everest
ถ้าจะปิดเสียงสัญญาณเตือนของรถ Ford Everest ก่อนอื่นลองกดปุ่มปลดล็อคบนกุญแจรถค้างไว้เกิน 3 วินาที นี่เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ใช้บ่อยที่สุด ถ้าวิธีนี้ไม่ได้ผล ให้เปิดประตูรถแล้วสอดกุญแจเข้าไปในช่องสวิตช์จุดระเบิด หมุนไปที่ตำแหน่ง "ON" (ไม่ต้องสตาร์ทรถ) รอประมาณ 10 วินาที ระบบเตือนภัยจะรีเซ็ตเอง โดยสภาพอากาศร้อนๆ ในประเทศไทย บางครั้งแรงดันไฟฟ้าแบตเตอรี่รถยนต์ไม่เสถียรอาจทำให้สัญญาณเตือนผิดพลาด แนะนำให้ตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่เป็นประจำ ส่วนรุ่นที่ติดตั้งระบบ Ford Pass Connect ยังสามารถปิดเสียงเตือนผ่านแอพบนมือถือได้เลย ต้องระวังนิดนึงว่ารุ่น Everest ที่ขายในไทยแต่ละปี แต่ละแบบอาจมีรายละเอียดระบบเตือนภัยต่างกันบ้าง ถ้าทำทุกวิธีแล้วยังไม่หาย แนะนำให้ติดต่อศูนย์บริการของ Ford ไทยโดยตรง พวกเขารู้จักรถแต่ละรุ่นดีอยู่แล้ว จะได้ช่วยแก้ปัญหาให้ถูกจุด ปกติควรศึกษาคู่มือรถในส่วนที่เกี่ยวกับระบบความปลอดภัยให้ละเอียด จะได้เข้าใจการตั้งค่าต่างๆของรถคุณ จะช่วยลดปัญหากวนใจได้เยอะเลย
ดูเพิ่มเติม