Q

รถยนต์ Lexus ES ปี 2025 จะมีเครื่องยนต์ V6 หรือไม่?

จากข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน คาดว่า Lexus ES รุ่นปี 2025 จะไม่ใช้เครื่องยนต์ V6 แต่จะยังคงใช้ระบบไฮบริด 2.5 ลิตร 4 สูบที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า ซึ่งการกำหนดค่ากำลังนี้เหมาะอย่างยิ่งกับตลาดไทย เนื่องจากรัฐบาลไทยมีนโยบายลดภาษีสำหรับรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รถไฮบริดไม่เพียงช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง แต่ยังได้รับประโยชน์จากนโยบายดังกล่าวอีกด้วย Lexus ได้ลดการใช้เครื่องยนต์ V6 ลงเรื่อยๆ ในตลาดโลกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หันมาเน้นเทคโนโลยีเทอร์โบชาร์จและระบบไฮบริดมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานการปล่อยมลพิษที่เข้มงวดขึ้น สำหรับผู้บริโภคไทย ระบบไฮบริดของ Lexus ES นั้นไม่เพียงให้ประสบการณ์การขับขี่ที่ลื่นไหลเท่านั้น แต่ยังช่วยประหยัดค่าน้ำมันได้อย่างมากในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นอย่างกรุงเทพฯ หากคุณต้องการสมรรถนะที่สูงขึ้น อาจพิจารณารุ่น Lexus IS หรือ LS ที่ยังคงมีตัวเลือกเครื่องยนต์ V6 หรือ V8 แต่สำหรับรุ่น ES นั้นเน้นความสบายและประหยัดน้ำมัน เหมาะสำหรับการเดินทางประจำวันและการขับขี่ระยะไกล ตลาดไทยเริ่มยอมรับรถไฮบริดมากขึ้นเรื่อยๆ และตำแหน่งของ Lexus ES ก็สอดคล้องกับแนวโน้มนี้อย่างดี
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ความเร็วสูงสุดของ Lexus ES คือเท่าไร?
ความเร็วสูงสุดของรถยนต์ Lexus ES นั้นขึ้นอยู่กับรุ่นและการกำหนดค่าพลังงาน โดยหากยกตัวอย่างรุ่น ES 350 ที่ใช้เครื่องยนต์ 3.5 ลิตร V6 แบบดูดอากาศธรรมชาติ จะมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 230 กม./ชม. ส่วนรุ่นไฮบริด ES 300h ที่มีการปรับแต่งระบบขับเคลื่อนและข้อจำกัดของแบตเตอรี่ จะมีความเร็วสูงสุดที่ต่ำกว่าเล็กน้อยคือประมาณ 180 กม./ชม. ในประเทศไทย ด้วยสภาพการจราจรที่ติดขัดในเมืองและข้อจำกัดความเร็วบนทางด่วน (ส่วนใหญ่จำกัดที่ 120 กม./ชม.) ทำให้ความสามารถในเรื่องความเร็วสูงไม่ใช่จุดเด่นในการใช้งานประจำวัน แต่จุดแข็งของเลกซัส ES อยู่ที่ประสบการณ์การขับขี่ที่ลื่นไหลและห้องโดยสารหรูหรา ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเดินทางในเมืองอย่างกรุงเทพฯ นอกจากนี้ สภาพอากาศร้อนของไทยยังต้องการระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเลกซัส ES ออกแบบระบบระบายความร้อนมาเพื่อรับมือกับสภาพนี้ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะรุ่นไฮบริดที่ช่วยประหยัดน้ำมันได้ดีในสภาพการจราจรติดขัด หากคุณต้องการสมรรถนะที่สูงขึ้น อาจพิจารณารุ่นที่ติดตั้ง F SPORT ซึ่งมีการปรับแต่งระบบช่วงล่างและพวงมาลัยให้สมรรถนะการขับขี่ด้านกีฬามากขึ้น แต่ควรคำนึงถึงสภาพถนนในไทยที่อาจส่งผลต่อการขับขี่ด้วย
Q
รถยนต์รุ่น ES 2025 รุ่นใดประหยัดน้ำมันที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Lexus?
รุ่นใหม่ล่าสุดของ Lexus ES Series ปี 2025 นี้ รุ่น ES 300h Hybrid คาดว่าจะเป็นรุ่นที่ประหยัดน้ำมันที่สุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ ด้วยระบบขับเคลื่อนไฮบริด 2.5 ลิตร 4 สูบ ที่ผสานเทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนรุ่นใหม่ ทำให้สามารถทำระยะทางได้ถึง 25-28 กิโลเมตรต่อลิตรในสภาพการขับขี่แบบผสมผสานทั้งในเมืองและทางหลวงของไทย ซึ่งเหมาะมากกับการใช้งานในกรุงเทพฯ ที่มีการจราจรหนาแน่นและต้องหยุด-เริ่มบ่อยครั้ง ที่พิเศษไปกว่านั้น ES 300h ยังมาพร้อมระบบปรับอากาศที่ออกแบบมาสำหรับภูมิอากาศร้อนชื้นโดยเฉพาะ และยางรถยนต์ที่มีแรงต้านการหมุนต่ำ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานให้เหมาะกับการใช้งานในไทย สำหรับคนไทยแล้ว รถไฮบริดไม่เพียงช่วยประหยัดค่าน้ำมันได้อย่างชัดเจน แต่ยังได้รับสิทธิประโยชน์จากการลดภาษีสำหรับยานพาหนะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย เทคโนโลยีไฮบริดของ Lexus ที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่องหลายรุ่น ได้รับการรับรองแล้วว่าแบตเตอรี่สามารถทนต่อสภาพอากาศร้อนชื้นของตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ความเงียบสงบและความสบายในการขับขี่ของ ES Series ก็ตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยที่มองหารถยนต์หรูได้อย่างลงตัว หากคุณต้องขับรถเป็นระยะทางไกลในชีวิตประจำวัน ES 300h จะช่วยประหยัดค่าน้ำมันได้มากถึง 30% เมื่อเทียบกับรุ่นที่ใช้น้ำมันเพียงอย่างเดียว แถมยังมีช่วงเวลาการบำรุงรักษาเหมือนรถทั่วไปทุกประการ
Q
การเปลี่ยนแปลงของ Lexus ES ปี 2025 มีอะไรบ้าง?
รุ่นปี 2025 ของ Lexus ES ที่วางจำหน่ายในตลาดไทยมีการอัปเกรดที่น่าสนใจหลายจุด โดยเฉพาะด้านดีไซน์ที่ปรับให้คมชัดขึ้นทั้งกรอบหน้ากากหน้าและชุดไฟหน้า LED แบบใหม่ พร้อมเพิ่มสีตัวถังอีก 2 สีให้เลือกตามความนิยมของคนไทย ส่วนภายในปรับปรุงวัสดุให้ดูพรีเมียมยิ่งขึ้น และติดตั้งระบบมัลติมีเดีย Lexus Interface รุ่นล่าสุดที่รองรับการควบคุมด้วยเสียงภาษาไทยและระบบนำทางที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับประเทศไทย ด้านเครื่องยนต์ยังคงใช้ตัวเลือกเดิมทั้งแบบ 2.5 ลิตร 4 สูบและ 3.5 ลิตร V6 แต่ปรับปรุงเรื่องประหยัดน้ำมันให้เหมาะกับการใช้งานในเมืองไทยที่รถติดบ่อย ระบบความปลอดภัยมาพร้อม Lexus Safety System+ 3.0 ในทุกรุ่น โดยเพิ่มฟังก์ชันช่วยเลี่ยงการชนกรณีที่มีรถจักรยานยนต์แทรกบ่อย สำหรับคนไทยแล้ว Lexus ES รุ่นนี้ยังคงความหรูหราและนั่งสบายเหมือนเดิม โดยเฉพาะรุ่นไฮบริดที่ช่วยประหยัดน้ำมันได้ชัดเจนในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ควรระวังเรื่องภาษีรถยนต์ของไทยที่คำนวณตามขนาดเครื่องยนต์ แนะนำให้สอบถามรายละเอียดกับตัวแทนจำหน่ายก่อนซื้อ ส่วนบริการหลังการขายของ Lexus ในไทยมีความพร้อมทั้งเครือข่ายศูนย์บริการและอะไหล่แท้ พร้อมทีมช่างมืออาชีพที่ดูแลลูกค้าได้อย่างเต็มที่เวลานัดเข้าตรวจเช็คระยะ
Q
รถยนต์ Lexus ES ทุกรุ่นจำเป็นต้องใช้แก๊สพรีเมียมหรือไม่?
การเลือกใช้น้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์รุ่น Lexus ES ที่จำหน่ายในตลาดไทยว่าจะต้องใช้ Premium Gas หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับรุ่นเครื่องยนต์เป็นหลัก อย่างเช่นรุ่น ES 250 ที่ใช้เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร แนะนำให้ใช้น้ำมันที่มีออกเทน 95 ขึ้นไปเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ส่วนรุ่น ES 300h แบบไฮบริดสามารถใช้น้ำมันออกเทน 91 ปกติได้ เพราะเครื่องยนต์แบบ Atkinson Cycle ไม่ต้องการออกเทนสูง ในประเทศไทยมีน้ำมันให้เลือกทั้งแบบ 91 95 และ E20 แนะนำให้ดูป้ายแนะนำในฝาถังน้ำมันหรือคู่มือการใช้รถฉบับไทยเพื่อความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม การใช้น้ำมันที่มีออกเทนต่ำกว่าเป็นเวลานานอาจทำให้เครื่องยนต์น็อคหรือสมรรถนะลดลง แต่หากเติมปนบ้างเป็นครั้งคราวก็ไม่ส่งผลมากนัก สภาพอากาศร้อนของไทยทำให้น้ำมันออกเทนสูงมีข้อได้เปรียบเรื่องป้องกันการน็อค โดยเฉพาะเมื่อขับในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ที่รถติดบ่อยหรือในเส้นทางภูเขา แม้ว่า Lexus จะออกแบบเครื่องยนต์ให้เหมาะกับน้ำมันเชื้อเพลิงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว แต่การปฏิบัติตามคำแนะนำของบริษัทจะช่วยให้รถแสดงสมรรถนะสูงสุดและยืดอายุเครื่องยนต์ได้ดีที่สุด
Q
ถังน้ำมันของ Lexus ES 2025 มีความจุเท่าไหร่?
รุ่น 2025 ของ Lexus ES มีความจุถังน้ำมัน 17.7 แกลลอน (ประมาณ 67 ลิตร) ซึ่งการออกแบบนี้เหมาะกับตลาดไทยมาก เพราะช่วยให้ขับทางไกลได้สบายๆ ไม่ต้องแวะเติมน้ำมันบ่อยๆ ตัวอย่างเช่น ถ้าขับจากกรุงเทพไปเชียงใหม่ระยะทางประมาณ 700 กิโลเมตร ก็สามารถทำได้แบบไม่ต้องหยุดเติมน้ำมันเลย ในสภาพอากาศร้อนๆ ของไทย ระบบไฮบริดของ ES ยังช่วยประหยัดน้ำมันได้ดีมาก ถ้ารวมกับถังน้ำมันขนาดใหญ่แบบนี้ ก็ยิ่งลดจำนวนครั้งที่ต้องแวะปั๊มลงไปอีก สิ่งที่ต้องระวังคือ ปั๊มน้ำมันในไทยส่วนใหญ่จะมีทั้งเบนซิน 91/95 และแก๊สโซฮอล์ E20 แต่ Lexus ES แนะนำให้ใช้เบนซิน 95 ขึ้นไปเพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด สำหรับใครที่ชอบขับรถเที่ยวหรือเดินทางบ่อยระหว่างกรุงเทพและเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ถังน้ำมันขนาดนี้ถือว่าคุ้มค่าและใช้งานได้จริง แถมเครือข่ายบริการหลังการขายของ Lexus ในไทยก็ครอบคลุมดี มีศูนย์บริการมืออาชีพในเมืองหลักๆ ทั้งกรุงเทพ เชียงใหม่ และอื่นๆ มั่นใจได้เลยว่าจะได้รับการดูแลอย่างแน่นอน
Q
2025 Lexus ES ใช้แก๊สชนิดใด?
สำหรับรถยนต์รุ่น Lexus ES ปี 2025 ที่วางจำหน่ายในตลาดไทย แนะนำให้ใช้เชื้อเพลิงแบบไร้สารตะกั่ว 95 ขึ้นไป เพื่อประสิทธิภาพและการประหยัดน้ำมันที่ดีที่สุดของเครื่องยนต์ โดยทั่วไปในประเทศไทยจะมีตัวเลือกเชื้อเพลิงเช่น 91 95 และ E20 (เชื้อเพลิงผสมเอทานอล 20%) แต่สำหรับเครื่องยนต์ที่มีอัตราส่วนการอัดสูงอย่างรุ่น ES ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ 2.5L 4 สูบ หรือ 3.5L V6 ควรใช้น้ำมันที่มีค่าออกเทนสูงเพื่อป้องกันการน็อคของเครื่องยนต์ นอกจากนี้สภาพอากาศร้อนของประเทศไทยอาจทำให้เกิดการสะสมของคาร์บอนในระบบเชื้อเพลิงได้ง่าย จึงควรตรวจสอบความสะอาดของระบบเชื้อเพลิงเป็นประจำ หากจำเป็นต้องใช้ E20 เป็นครั้งคราว ควรตรวจสอบความเข้ากันได้กับรถยนต์ แต่การใช้งานในระยะยาวอาจส่งผลต่ออายุการใช้งานของเครื่องยนต์ ทาง Lexus แนะนำให้ปฏิบัติตามมาตรฐานเชื้อเพลิงที่ระบุในคู่มือผู้ใช้เพื่อรักษาสิทธิ์การรับประกัน และควรเลือกเติมน้ำมันจากปั๊มที่น่าเชื่อถือเพื่อให้ได้น้ำมันที่มีคุณภาพ เจ้าของรถยนต์ชาวไทยควรให้ความสำคัญกับการเลือกสถานีบริการน้ำมันที่มีชื่อเสียง เพื่อรับประกันคุณภาพของน้ำมันเครื่อง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเครื่องยนต์หัวฉีดตรง ขณะเดียวกัน การบำรุงรักษาไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างสม่ำเสมอก็ช่วยปกป้องระบบหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแรงดันสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน
Q
เครื่องยนต์ Lexus ในปี 2025 จะเป็นรุ่นไหน?
รุ่นปี 2025 ของ Lexus ในตลาดไทยมาพร้อมกับตัวเลือกเครื่องยนต์หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตรที่ประหยัดน้ำมัน ระบบไฮบริด 2.5 ลิตร หรือรุ่นสมรรถนะสูง V6 ไฮบริด 3.5 ลิตร ที่โดดเด่นทั้งในเรื่องการประหยัดและพลังขับเคลื่อน เหมาะสมทั้งสำหรับการขับขี่ในเมืองที่การจราจรหนาแน่นและการเดินทางไกลในประเทศไทย เทคโนโลยีไฮบริดของ Lexus ตอบโจทย์ตลาดไทยเป็นพิเศษ เพราะช่วยประหยัดค่าน้ำมันและลดการปล่อยมลพิษ ซึ่งไม่เพียงช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าแต่ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้เครือข่ายบริการหลังการขายของ Lexus ในไทยยังครอบคลุมและได้มาตรฐาน ทำให้เจ้าของรถสามารถเข้าถึงบริการดูแลรักษาและซ่อมแซมได้อย่างสะดวกสบาย การเลือก Lexus สำหรับคนไทยไม่ใช่แค่ได้รถที่ขับขี่มั่นใจ แต่ยังได้สัมผัสความหรูหราและเทคโนโลยีล้ำสมัย อย่างระบบช่วยเหลือผู้ขับขั้นสูงและห้องโดยสารที่ออกแบบมาเพื่อความสบายเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางประจำวันหรือทริปครอบครัว Lexus รุ่นปี 2025 ก็พร้อมตอบสนองทุกความต้องการได้อย่างยอดเยี่ยม
Q
สีของ Lexus ES 2025 มีอะไรบ้าง?
สำหรับรุ่นปี 2025 ของ Lexus ES ในส่วนของสีภายนอกนั้น มีให้เลือกหลากหลายโทนสีที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นโทนสี Sonic Titanium Sonic Chrome Sonic Iridium Red Mica Crystal Shine Ice Ecr Sunlight Green Deep Blue Mica Sonic Quartz Black และ Graphite Black Glass Flake ที่แต่ละสีล้วนดึงดูดสายตาไม่เหมือนกัน ส่วนสีภายในห้องโดยสารก็มีให้เลือกเช่นกัน ทั้งโทนสี Black Semi Aniline Leather Black Smooth Leather Hazel Semi Aniline Leather และ Hazel Smooth Leather ที่ให้ความรู้สึกหรูหราและน่าสัมผัสในแบบฉบับของ Lexus
Q
2025 Lexus IS เป็นรถยนต์แบบ 4 สูบหรือไม่?
รุ่นปี 2025 ของ Lexus IS บางรุ่นมาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบ โดยรถคันนี้มีตัวเลือกเครื่องยนต์ให้เลือกหลากหลาย โดยรุ่น IS 300 จะใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ 4 สูบ ที่ให้กำลัง 241 แรงม้าและแรงบิด 258 ปอนด์-ฟุต นอกจากรุ่นเครื่องยนต์ 4 สูบแล้ว เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ที่ชอบความแรงอย่างแท้จริง อย่างรุ่น IS 500 F SPORT Performance จะใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.0 ลิตร ที่ให้กำลังสูงถึง 472 แรงม้าและแรงบิด 395 ปอนด์-ฟุต ส่วนรุ่น IS 350 จะใช้เครื่องยนต์ V6 3.5 ลิตร ด้วยตัวเลือกเครื่องยนต์ที่หลากหลายแบบนี้ ผู้ซื้อสามารถเลือกรุ่นที่เหมาะกับสไตล์การขับขี่ของตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็นรุ่น 4 สูบที่ประหยัดน้ำมันและใช้งานในชีวิตประจำวัน หรือถ้าชอบความแรงและอารมณ์สปอร์ตก็สามารถเลือกรุ่น V6 และ V8 ได้ตามใจชอบ
Q
รถยนต์ Lexus รุ่นปี 2025 รุ่นใดบ้างที่มีเครื่องยนต์ 6 สูบ?
รุ่นปี 2025 ของ Lexus IS 500 จะมาพร้อมเครื่องยนต์ V6 5.0 ลิตร แบบสูบธรรมชาติ ที่ให้กำลังสูงถึง 472 แรงม้า การขับเคลื่อนล้อหลังทำให้การควบคุมสมรรถนะเต็มไปด้วยความสนุก โดยเฉพาะบนเส้นทางคดเคี้ยวในภูเขาหรือทางด่วนในเมืองของไทย ที่สำคัญเครื่องยนต์รุ่นนี้ยังคงความคลาสสิกด้วยการเร่งที่ลื่นไหลและเสียงเครื่องที่เป็นเอกลักษณ์ เวลาขับในกรุงเทพฯ แล้วดูโดดเด่นมากๆ สำหรับตลาดไทยแล้ว เครื่องยนต์ 6 สูบแบบนี้ขายดีเพราะคนไทยชอบความนุ่มนวลและความทนทานของเครื่อง ต้องบอกว่าในยุคที่ตลาดรถหันไปทางไฟฟ้า รถเครื่องใหญ่แบบนี้เริ่มหายากแล้ว ถ้าสนใจแนะนำให้ติดตามข้อมูลสเปกและราคาจากโชว์รูม Lexus ในไทย นอกจาก IS 500 แล้ว Lexus ยังมีรุ่นเรือธงอย่าง LC 500 ที่ใช้เครื่อง V8 แต่ถ้าคิดถึงเรื่องภาษีนำเข้าที่ค่อนข้างสูงในไทย IS 500 น่าจะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่า

ข้อดี

การออกแบบยานพาหนะสวยงามและสอดคล้องกัน มีเส้นทางที่ตัดสินใจ ด้านหน้าและด้านหลังโดดเด่น แสดงคุณภาพของผู้บริหารสมัยใหม่
การกำหนดค่าความปลอดภัยมากมาย ใช้งานด้วยความมั่นใจและความสบายใจมากขึ้น
ความสบายภายในรถเป็นจุดแข็ง การออกแบบที่นั่งสอดคล้องกับวิทยาศาสตร์มนุษย์ชนิด การเดินทางสบาย คุณภาพเสียงดี ระดับเสียงภายในรถต่ำ
แม้ว่าจะมีขนาดใหญ่ แต่ประหยัดน้ำมันอย่างยอดเยี่ยม การใช้งานประจำวันสามารถทำได้ถึง 20 กิโลเมตร/ลิตร

ข้อเสีย

ราคาสูงกว่าผลิตภัณฑ์ที่แข่งขันในระดับเดียวกันเนื่องจากการนำเข้ารถทั้งคันจากญี่ปุ่น
ไม่มีรถแบบสปอร์ต ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ชอบรูปลักษณ์ที่แสนกระหายใจ
เครื่องยนต์ที่ใช้ร่วมกับรถยนต์จากแบรนด์อื่นๆ ทำให้ภาพลักษณ์ดูแย่ลง และมีประเภทที่เลือกได้ไม่หลากหลาย
ผู้แข่งขันได้รับการอัปเกรด การตั้งค่าและรูปลักษณ์บางส่วนของ ES 300h ไม่ได้ทันสมัยเท่ากับผลิตภัณฑ์ที่แข่งขัน

Q&A ล่าสุด

Q
การหางานที่ Toyota Tsusho ยากไหม?
การสมัครงานที่ Toyota Tsusho นั้นถือว่าค่อนข้างยากพอสมควร เพราะเป็นบริษัทการค้าขนาดใหญ่ภายใต้กลุ่มโตโยต้าที่มีชื่อเสียงระดับโลก มาตรฐานการรับสมัครมักจะเข้มงวด โดยเฉพาะในตลาดไทยที่แบรนด์โตโยต้ามีส่วนแบ่งการตลาดสูงและได้รับการยอมรับดี การแข่งขันจึงค่อนข้างสูง ผู้สมัครส่วนใหญ่จำเป็นต้องมีพื้นฐานทางวิชาการที่เกี่ยวข้อง เช่น วิศวกรรมยานยนต์ การค้าระหว่างประเทศ หรือการจัดการธุรกิจ รวมถึงทักษะภาษาอังกฤษหรือภาษาญี่ปุ่นที่คล่องแคล่วก็จะเป็นจุดเด่น เพราะบริษัทมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความร่วมมือระหว่างประเทศ ในประเทศไทย Toyota Tsusho ไม่เพียงแต่ทำธุรกิจด้านการขายรถยนต์เท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงการจัดหาอะไหล่ โลจิสติกส์ และบริการหลังการขาย จึงต้องการผู้สมัครที่มีความสามารถรอบด้าน สำหรับคนที่สนใจควรศึกษาวัฒนธรรมองค์กรล่วงหน้า และหาประสบการณ์ผ่านการฝึกงานหรือทำงานในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มความได้เปรียบ นอกจากนี้ Toyota ยังได้จัดตั้งระบบการฝึกอบรมที่ครอบคลุมในประเทศไทย หลังจากประสบความสำเร็จในการจ้างงานแล้ว โอกาสในการพัฒนาอาชีพจะเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านยานยนต์พลังงานใหม่และการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นแนวโน้มสำคัญในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในอนาคต
Q
Toyota Corolla Altis ใช้ยางประเภทไหน?
ยางมาตรฐานของ Toyota Altis ในตลาดไทยจะมีความแตกต่างกันไปตามปีรถและระดับเครื่องยนต์ โดยถ้าเป็นรุ่นที่ 12 (ปี 2023) ส่วนใหญ่จะใช้ยางขนาด 205/55 R16 หรือ 225/45 R17 ซึ่งสามารถตรวจสอบขนาดยางที่แน่นอนได้จากสติกเกอร์ที่กรอบประตูหรือคู่มือการใช้งาน เนื่องจากประเทศไทยมีอากาศร้อนและฝนชุก แนะนำให้เลือกยางยี่ห้อที่มีประสิทธิภาพในการขับขี่บนถนนเปียกได้ดี เช่น Bridgestone Turanza T005A หรือ Michelin Primacy 4 เพราะดอกยางเหล่านี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในช่วงฤดูฝน ต้องระวังเรื่องกฎหมายด้วยนะครับ กรมการขนส่งทางบกไทยมีข้อกำหนดเคร่งครัดเกี่ยวกับยางรถยนต์ ต้องเลือกยางที่ได้มาตรฐาน E-mark และต้องติดตั้งยางแบบเดียวกันบนเพลาคู่หน้า-หลัง หากคุณกำลังเปลี่ยนขนาดล้อ ควรตรวจสอบให้เส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกของยางโดยรวมไม่เกิน ±3% ของข้อมูลจากโรงงาน เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อความแม่นยำของมาตรวัดระยะทาง การตรวจสอบแรงดันลมยางเป็นประจำก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ในสภาพอากาศที่มีอุณหภูมิสูงในประเทศไทย ขอแนะนำให้ตรวจสอบแรงดันลมยางทุกเดือน โปรดดูแรงดันลมยางที่ผู้ผลิตแนะนำที่ด้านในฝาถังน้ำมันเชื้อเพลิง โดยทั่วไปควรให้แรงดันลมยางอยู่ที่ 32 ปอนด์ต่อตารางนิ้วสำหรับล้อหน้า และ 30 ปอนด์ต่อตารางนิ้วสำหรับล้อหลัง นอกจากนี้ บางจังหวัดในประเทศไทยมีสภาพถนนที่ซับซ้อน หากคุณขับรถบนถนนชนบทบ่อยครั้ง ควรพิจารณาใช้ยางที่มีแก้มยางหนาขึ้น (เช่น อัตราส่วน 55) เพื่อเพิ่มความทนทานต่อแรงกระแทก
Q
Toyota Tiger D4D มีกี่รุ่น
Toyota Tiger D4D เป็นรถกระบะที่ขายดีมากในตลาดไทย มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล D4D ที่ขึ้นชื่อเรื่องความทนทานและประสิทธิภาพ แบ่งออกหลายรุ่นให้เลือกตามความต้องการ ทั้งรุ่นมาตรฐาน รุ่นสูง และรุ่นรถทำงานสำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะ บางรุ่นยังมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในพื้นที่ทุรกันดารของไทย รถคันนี้โดดเด่นเรื่องความแข็งแรงและค่าบำรุงรักษาที่ไม่สูง จึงเป็นที่นิยมทั้งในกลุ่มผู้ใช้ทั่วไปและเชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะคนที่ต้องขับบ่อยในชนบทหรือเส้นทางขรุขระ นอกจากนี้เทคโนโลยีเครื่องยนต์ D4D ของโตโยต้ายังประหยัดน้ำมันและลดมลพิษ ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์รักษ์สิ่งแวดล้อมในไทย ที่สำคัญเครือข่ายบริการหลังการขายของโตโยต้าในไทยก็พร้อมให้การดูแลอย่างเต็มที่ ทำให้เจ้าของรถมั่นใจได้ว่าจะได้รับการซ่อมบำรุงที่สะดวกและรวดเร็ว ไม่ว่าจะใช้ในเมืองหรือการเดินทางทางไกล Toyota Tiger D4D ก็เป็นตัวเลือกที่น่าจับตามองจริงๆ
Q
เครื่องยนต์ของ Toyota Corolla Cross มีขนาดใหญ่แค่ไหน?
รถยนต์ Toyota Corolla Cross ในตลาดไทยมีตัวเลือกเครื่องยนต์ 2 แบบให้เลือกใช้ คือ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.8 ลิตร แบบธรรมดา (รหัส 2ZR-FBE) และระบบไฮบริด 1.8 ลิตร (รหัส 2ZR-FXE) โดยเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร แบบเบนซินให้กำลังสูงสุด 140 แรงม้า ส่วนรุ่นไฮบริดให้กำลังรวม 122 แรงม้า เครื่องยนต์ทั้งสองแบบนี้ขึ้นชื่อในเรื่องความทนทานและประหยัดน้ำมัน เหมาะกับสภาพการจราจรติดขัดในเมืองและการเดินทางไกลของไทย คนไทยให้ความสำคัญกับความประหยัดและความคุ้มค่าของรถเป็นพิเศษ ดีไซน์เครื่องยนต์ของ Toyota Corolla Cross ออกแบบมาเพื่อสภาพอากาศร้อนได้เป็นอย่างดี ระบบระบายความร้อนทำงานได้ดีเยี่ยม แถมยังเติมน้ำมันเบนซิน 92 ก็เพียงพอ ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย ที่น่าสนใจคือรุ่นไฮบริดจะช่วยประหยัดน้ำมันได้มากในเมืองติดขัดอย่างกรุงเทพฯ และรัฐบาลไทยยังมีมาตรการลดภาษีสำหรับรถพลังงานสะอาด ทำให้ดึงดูดผู้ซื้อมากขึ้น Toyota Corolla Cross กลายเป็นที่นิยมในหมู่ครอบครัวไทยเพราะความเหมาะสมของขนาดเครื่องยนต์และความน่าเชื่อถือ โดยเทคโนโลยีเครื่องยนต์ผ่านการทดสอบมานาน มีศูนย์บริการกระจายทั่วประเทศ อะไหล่ก็หาง่าย สิ่งเหล่านี้ทำให้เจ้าของรถในไทยใช้รถได้อย่างสบายใจไร้กังวล
Q
ฉันควรใช้ยางแบบใดในรถยนต์ Toyota Cross?
สำหรับคำถามที่ว่ายางแบบใดดีที่สุดสำหรับ Toyota Cross ในประเทศไทย ขอแนะนำให้เลือกรุ่นยางที่เหมาะสมกับสภาพอากาศและสภาพถนนในพื้นที่นั้นๆ เนื่องจากประเทศไทยมีสภาพอากาศร้อนและมีฝนตก การเลือกยางที่มีประสิทธิภาพการระบายน้ำที่ดีและทนต่ออุณหภูมิสูงจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เช่น Bridgestone Turanza T005A หรือ Michelin Primacy 4 ยางเหล่านี้มีประสิทธิภาพดีเยี่ยมบนถนนเปียก พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สบาย ในฐานะรถ SUV สำหรับใช้งานในเมือง Toyota Cross มักถูกใช้เพื่อการเดินทางในชีวิตประจำวันและการเดินทางในเขตชานเมืองเป็นครั้งคราว ดังนั้นยางที่คำนึงถึงทั้งความเงียบและความทนทานต่อการสึกหรอจึงมีความเหมาะสมในการใช้งานมากกว่า สภาพถนนในประเทศไทยมีความหลากหลาย ตั้งแต่ถนนยางมะตอยในเมืองไปจนถึงถนนลูกรังในชนบท ดังนั้นความสามารถในการปรับตัวและความทนทานของยางจึงเป็นสิ่งสำคัญ หากคุณขับรถในพื้นที่ที่มีฝนตกหนักบ่อยครั้ง คุณสามารถเลือกยางที่มีดอกยางลึกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนน นอกจากนี้ การตรวจสอบแรงดันลมยางและการสึกหรอของยางเป็นประจำก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยในการขับขี่ ยางแต่ละยี่ห้อให้ความสำคัญกับสมรรถนะที่แตกต่างกัน ขอแนะนำให้เลือกยางตามพฤติกรรมการขับขี่ส่วนบุคคลและงบประมาณ ตัวแทนจำหน่ายโตโยต้าในประเทศไทยมักให้คำแนะนำเกี่ยวกับยางที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม คุณสามารถขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญได้
ดูเพิ่มเติม