Q
GT-R วิ่งเร็วกว่า BMW หรือไม่
ไม่สามารถตัดสินได้ง่ายๆ ว่า GT-R เร็วกว่ารถ BMW หรือไม่ เพราะความเร็วของรถยนต์ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สมรรถนะของเครื่องยนต์ น้ำหนักตัวรถ และค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ โดย Nissan GT-R มีหลายรุ่น เช่น 2021 Nissan GT-R Premium Luxury และ 2021 Nissan GT-R T-spec ซึ่งติดตั้งเครื่องยนต์ขนาด 38 ลิตร และมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 12 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ขณะที่ BMW ก็มีรถหลากหลายประเภทตั้งแต่รถขนาดเล็กไปจนถึงรถสปอร์ตสมรรถนะสูง ส่งผลให้สมรรถนะของแต่ละรุ่นแตกต่างกัน หากนำ GT-R รุ่นสมรรถนะสูงไปเปรียบเทียบกับ BMW รุ่นใช้งานทั่วไป GT-R มักจะเร็วกว่าชัดเจน แต่ถ้าเทียบกับ BMW รุ่นสปอร์ตสมรรถนะสูง ผลลัพธ์ก็จะขึ้นอยู่กับข้อมูลจำเพาะของแต่ละรุ่นและสภาพแวดล้อมในการทดสอบจริง ไม่ว่าจะเป็นสนามที่ใช้ทดสอบหรือรูปแบบการขับขี่ก็ล้วนส่งผลต่อสมรรถนะด้านความเร็วของรถทั้งสองคัน
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
GT-R และ GT-R Pro มีความแตกต่างอย่างไร
Nissan GT-R กับ GT-R Pro มีความแตกต่างกันหลัก ๆ ในด้านการปรับจูนสมรรถนะ การควบคุมการขับขี่ และความเหมาะสมในการใช้งานในสนามแข่ง แม้ทั้งสองรุ่นจะใช้เครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบ ขนาด 3.8 ลิตรเหมือนกัน แต่ GT-R Pro ได้รับการอัปเกรดช่วงล่างด้วยโช้กอัพ Bilstein แบบปรับค่าแรงหน่วงได้ ระบบเบรกเซรามิกคาร์บอน และชุดแอร์โรไดนามิกที่ดุดันยิ่งขึ้น เช่น สปอยเลอร์หน้า-หลัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ระดับสูง ภายในห้องโดยสารยังมีการลดน้ำหนักโดยใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์มากขึ้น พร้อมเบาะนั่งสปอร์ตจาก Recaro เพื่อมอบประสบการณ์ขับขี่ที่มั่นคงในความเร็วสูง อย่างไรก็ตาม ความสะดวกสบายของ GT-R Pro จะน้อยกว่ารุ่นปกติ เนื่องจากเน้นสมรรถนะเป็นหลัก จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการรถสำหรับขับในสนามแข่งหรือขับขี่แบบเร้าใจ ขณะที่ GT-R รุ่นมาตรฐานจะเหมาะกับการขับใช้งานในชีวิตประจำวันและขับทางไกลได้สบายกว่า สำหรับผู้บริโภคในประเทศไทย หากคุณมองหารถสมรรถนะสูงที่ขับได้ทุกวัน GT-R รุ่นมาตรฐานคือทางเลือกที่ดี แต่ถ้าคุณเป็นสายสนามตัวจริง GT-R Pro จะตอบโจทย์ได้มากกว่า
Q
ความแตกต่างระหว่าง GT C และ GT-R คืออะไร
GT C และ GT-R เป็นรถสมรรถนะสูงจากคนละค่าย โดยมีจุดเด่นที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน GT-R จาก Nissan เป็นรถสปอร์ตระดับตำนานของญี่ปุ่น มาพร้อมเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.8 ลิตร ทวินเทอร์โบ ขับเคลื่อนสี่ล้อ เซตช่วงล่างแบบสนามแข่ง เน้นความแม่นยำในการควบคุม เหมาะกับคนที่ชอบขับขี่แบบดุดันและเน้นสมรรถนะล้วนๆ ส่วน GT C ซึ่งมักหมายถึง Mercedes-AMG GT C เป็นรถสปอร์ตจากฝั่งเยอรมันที่ผสานความแรงและความหรูหราเข้าไว้ด้วยกัน ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ มีระบบช่วงล่างปรับได้ ดีไซน์หรู ภายในสบาย เหมาะกับการเดินทางไกลสไตล์ Grand Touring ในตลาดประเทศไทย GT-R ได้รับความนิยมในหมู่คนรักความเร็วและสนามแข่ง ขณะที่ AMG GT C เหมาะกับผู้ที่ต้องการรถสปอร์ตหรูที่ให้ทั้งสมรรถนะและความสะดวกสบาย ดังนั้นหากคุณชอบอารมณ์ดิบแบบรถญี่ปุ่น GT-R คือคำตอบ แต่หากคุณต้องการความหรูหราแบบเยอรมัน GT C ก็อาจเหมาะกว่า
Q
ความแตกต่างระหว่าง GT T และ GT-R คืออะไร
คุณอาจกำลังถามถึงความแตกต่างระหว่าง “GT-R T-spec” กับ “GT-R Premium Luxury” ราคาของ “GT-R T-spec” อยู่ที่ 12,200,000 บาท ส่วน “GT-R Premium Luxury” ราคา 10,700,000 บาท นอกจากราคาที่ต่างกันแล้ว ทั้งสองรุ่นมีสเปกหลักที่ใกล้เคียงกัน โดยใช้เครื่องยนต์ขนาด 3799 ซีซี ระบบส่งกำลัง และขนาดตัวถังเหมือนกัน คือ ความยาว 4710 มม. ความกว้าง 1895 มม. ความสูง 1370 มม. ฐานล้อ 2780 มม. มี 2 ประตู และ 4 ที่นั่ง อย่างไรก็ตาม “GT-R T-spec” อาจมาพร้อมกับอุปกรณ์ วัสดุ หรือการปรับแต่งที่เหนือระดับและเป็นเอกลักษณ์มากกว่า เพื่อสร้างความแตกต่างและเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าได้มากขึ้น
Q
GT-R และ GT-R NISMO มีความแตกต่างกันอย่างไร
GT-R กับ GT-R NISMO มีความแตกต่างในหลายด้าน โดย GT-R NISMO เป็นรุ่นอัพเกรดของ GT-R ซึ่งพัฒนาโดยแผนกสมรรถนะสูงของนิสสัน ทำให้มีพละกำลังสูงกว่า GT-R รุ่นปกติ ด้วยการปรับแต่งเครื่องยนต์และระบบต่าง ๆ เพื่อให้กำลังขับเคลื่อนดียิ่งขึ้น ในด้านชุดแต่งตัวถัง GT-R NISMO ใช้วัสดุน้ำหนักเบา เช่น คาร์บอนไฟเบอร์ ช่วยลดน้ำหนักรถ ส่งผลให้ความเร็วและการควบคุมรถดีขึ้น โดยเฉพาะในการเร่งและเข้าโค้ง ส่วนระบบช่วงล่าง GT-R NISMO ติดตั้งช่วงล่างเวอร์ชันพรีเมียม สามารถรองรับสภาพถนนที่ซับซ้อนและการขับขี่ที่รุนแรงได้ดี ให้การหนุนรับและความมั่นคงสูงขณะขับด้วยความเร็วสูงหรือเข้าโค้งอย่างรวดเร็ว สรุปคือ GT-R NISMO เป็นการอัพเกรดแบบครบวงจรจาก GT-R เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการสมรรถนะและประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือชั้นกว่า
Q
Tesla มันเร็วกว่า GT-R หรือไม่
ไม่สามารถสรุปได้ง่าย ๆ ว่าเทสล่าจะเร็วกว่าหรือช้ากว่า GT-R เพราะประสิทธิภาพการเร่งความเร็วและความเร็วสูงสุดขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่นของรถ GT-R เป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสูงของนิสสัน ที่มักติดตั้งเครื่องยนต์ V6 3.8 ลิตร เทอร์โบคู่ มีสมรรถนะแรงม้าโดดเด่น เช่น บางรุ่นทำเวลาเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ประมาณ 2.7 วินาที และความเร็วสูงสุดถึง 315 กม./ชม. ขณะที่เทสล่ามีหลายรุ่น เช่น Model S P100D ที่ทำเวลาเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ราว 2.5 วินาที ซึ่งในด้านการเร่งความเร็ว อาจเร็วกว่าบางรุ่นของ GT-R แต่การเปรียบเทียบความเร็วยังขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพแวดล้อมการขับขี่ น้ำหนักบรรทุก และทักษะผู้ขับขี่ ดังนั้นในสถานการณ์และเงื่อนไขที่แตกต่างกัน สมรรถนะความเร็วของทั้งสองรถอาจแตกต่างกัน จึงไม่สามารถตัดสินได้ว่าเทสล่าจะเร็วกว่า GT-R เสมอไป
Q
GT-R วิ่งเร็วกว่า Supra หรือไม่
โดยทั่วไปแล้ว Nissan GT-R มักจะเร็วกว่ารถ Toyota Supra ในด้านสมรรถนะเครื่องยนต์ GT-R ติดตั้งเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.8 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุดถึง 555 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 632 นิวตันเมตร ขณะที่ Supra ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบเรียง ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 340 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ซึ่ง GT-R มีทั้งแรงม้าและแรงบิดที่สูงกว่า ในเรื่องของอัตราเร่ง GT-R ทำความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ภายในประมาณ 2.7 วินาที ขณะที่ Supra ใช้เวลาประมาณ 4.1 วินาที ความเร็วสูงสุดของ GT-R อยู่ที่ราว 315 กม./ชม. ส่วน Supra อยู่ที่ประมาณ 250 กม./ชม. อย่างไรก็ตาม ในการขับขี่จริง ความเร็วยังขึ้นอยู่กับสภาพถนน เทคนิคการขับขี่ และปัจจัยอื่น ๆ นอกจากนี้ ทั้งสองรุ่นยังมีจุดเด่นในด้านการควบคุมและความปลอดภัยที่แตกต่างกัน จึงไม่สามารถตัดสินได้เพียงแค่ความเร็วว่าใครดีกว่ากันครับ
Q
GT-R มีเทอร์โบคู่หรือไม่
ใช่ครับ Nissan GT-R ติดตั้งระบบเทอร์โบคู่ เครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.8 ลิตร รุ่น VR38DETT ซึ่งพัฒนามาจากเครื่องยนต์ VQ ของนิสสันที่ได้รับคำชื่นชมอย่างกว้างขวาง ระบบเทอร์โบคู่ช่วยให้เครื่องยนต์สามารถรีดกำลังสูงสุดได้ที่ 6400 รอบต่อนาที และให้แรงบิดสูงในช่วงรอบเครื่องยนต์ 3200 ถึง 6000 รอบต่อนาที เทคโนโลยีเทอร์โบคู่ช่วยเพิ่มสมรรถนะทั้งกำลังและแรงบิดของเครื่องยนต์ ส่งผลให้ GT-R มีสมรรถนะการเร่งความเร็วที่โดดเด่นและแรงขับเคลื่อนที่ทรงพลัง ไม่ว่าจะขับขี่ในชีวิตประจำวันหรือในสนามแข่ง ก็สามารถแสดงศักยภาพของรถสปอร์ตระดับสูงได้อย่างเต็มที่ มอบประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่างและเร้าใจแก่ผู้ขับขี่ครับ
Q
GT-R ดีต่อการใช้แก๊สหรือไม่
Nissan GT-R รถสปอร์ตสมรรถนะสูงรุ่นนี้แนะนำให้ใช้น้ำมันเบนซิน 95 หรือสูงกว่าเพื่อรับประกันสมรรถนะและความน่าเชื่อถือของเครื่องยนต์ แม้ว่าจะสามารถใช้น้ำมันเบนซิน 91 ได้ในระยะสั้น แต่เมื่อใช้งานในประเทศไทยระยะยาวควรเลือกใช้น้ำมันเบนซินที่มีเลขออกเทนสูงเพื่อป้องกันการน็อกของเครื่องยนต์และรักษาระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ ปั๊มน้ำมันในประเทศไทยโดยทั่วไปมีน้ำมันเบนซิน 95 เช่น PTT 95 หรือ Bangchak E20 Gasohol รวมทั้งน้ำมันแก๊สโซฮอล์และดีเซล แต่เครื่องยนต์เทอร์โบที่มีอัตราส่วนการอัดสูงของ GT-R ไม่เหมาะกับน้ำมัน E20 หรือดีเซล ดังนั้นควรเลือกใช้น้ำมันเบนซิน 95 หรือ 98 ที่บริสุทธิ์เพื่อลดผลกระทบจากเอทานอลต่อระบบเชื้อเพลิง หากต้องการเพิ่มสมรรถนะ บางอู่แต่งรถในไทยยังแนะนำให้น้ำมันเชื้อเพลิงสูตรแข่งหรือสารเติมแต่งเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการเผาไหม้ แต่ควรปฏิบัติตามคำแนะนำในคู่มือรถเพื่อให้รถมีประสิทธิภาพและเสถียรภาพในระยะยาว
Q
GT-R จะใช้งานได้นานเท่าไหร่
Nissan GT-R ไม่มีระยะเวลาการใช้งานที่แน่นอน เพราะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รุ่นปัจจุบันคือรุ่น R35 ซึ่งเปิดตัวในปี 2007 และมีอายุการใช้งานประมาณ 17 ปีจนถึงปัจจุบัน โดย Nissan ยืนยันว่าการผลิตรุ่น R35 จะสิ้นสุดในเดือนตุลาคม 2024 หากใช้งานตามปกติและดูแลรักษาอย่างดี รถ GT-R สามารถใช้งานได้ประมาณ 10 ถึง 15 ปี เช่น การบำรุงรักษาตามระยะเวลาที่กำหนด เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรองอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงซ่อมแซมปัญหาเล็กน้อยที่เกิดขึ้นทันเวลา จะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าใช้งานในสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย มีนิสัยการขับขี่ที่ไม่ดี และขาดการดูแลรักษาที่เหมาะสม อายุการใช้งานอาจลดลงอย่างมาก อาจเริ่มมีปัญหาและส่งผลต่อการใช้งานภายใน 5 ถึง 8 ปีเท่านั้น
Q
Nissan GT-R เป็นรถซูเปอร์คาร์หรือไม่
ใช่ครับ Nissan GT-R คือรถซูเปอร์คาร์รุ่นหนึ่งที่ผลิตโดย Nissan GT-R เป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสูงที่มีความน่าเชื่อถือและมีกำลังแรงม้าสูง ซึ่งเดิมเป็นรุ่นท็อปของซีรีส์ Skyline RV ของ Nissan และปัจจุบันได้กลายเป็นรุ่นรถยนต์แยกต่างหาก GT-R ติดตั้งเครื่องยนต์ขนาด 3.8 ลิตรที่ให้กำลังแรงและแรงบิดสูง ช่วยให้เร่งความเร็วได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีสมรรถนะการควบคุมที่ยอดเยี่ยม ด้วยจุดศูนย์ถ่วงต่ำและระบบช่วงล่างที่ปรับแต่งอย่างดีเยี่ยม ทำให้มีความมั่นคงขณะเข้าโค้ง การออกแบบอากาศพลศาสตร์ช่วยให้รูปลักษณ์ดุดันและเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ด้วยความเร็วสูง GT-R ได้ฝากผลงานที่โดดเด่นในวงการแข่งรถและได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มผู้ชื่นชอบรถยนต์ ยืนยันตำแหน่งซูเปอร์คาร์ของมันอย่างมั่นคง
Q&A ล่าสุด
Q
สเปกของ Tesla Model 3 มีอะไรบ้าง?
Tesla Model 3 เป็นรถยนต์ไฟฟ้ายอดนิยมที่เหมาะกับการใช้งานในไทยมาก รุ่นมาตรฐานสามารถวิ่งได้จริงประมาณ 350-400 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม ส่วนรุ่นระยะไกลจะวิ่งได้เกิน 500 กิโลเมตร ถือว่าเหมาะทั้งการขับขี่ในเมืองและเดินทางข้ามจังหวัด สำหรับระบบขับเคลื่อนมีทั้งแบบล้อหลังและแบบทุกล้อขับเคลื่อน AWD โดยรุ่น Performance สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้เร็วเพียง 3.3 วินาที ในสภาพอากาศร้อนของไทย แบตเตอรี่ของ Model 3 มีระบบจัดการความร้อนที่ทันสมัยช่วยรักษาความเสถียรภาพ การชาร์จเร็ว 250kW สามารถเติมพลังงานได้ประมาณ 270 กิโลเมตรในเวลาเพียง 15 นาที ซึ่งตอบโจทย์โครงข่ายสถานีชาร์จของไทยที่กำลังขยายตัว ภายในรถออกแบบเรียบหรูด้วยจอสัมผัสขนาด 15.4 นิ้วที่ควบคุมทุกอย่าง แถมยังมีประกันแบตเตอรี่ยาวถึง 8 ปีหรือ 160,000 กิโลเมตร ทำให้เจ้าของรถมั่นใจได้มากขึ้น นโยบายส่งเสริมรถ EV ของรัฐบาลไทยช่วยให้ Model 3 ที่มาพร้อมสมรรถนะและเทคโนโลยีครบครัน กำลังกลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมในตลาดรถไฟฟ้าระดับกลางถึงสูงของไทย อย่างไรก็ตาม ก่อนตัดสินใจซื้อผู้ใช้ในไทยควรพิจารณาความครอบคลุมของสถานีชาร์จและความต้องการใช้งานจริงให้ดี
Q
รถ Tesla Model 3 ราคาเท่าไหร่?
ราคารถ Tesla Model 3 ในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามรุ่นและอุปกรณ์ที่เลือก โดยรุ่นพื้นฐาน Rear-Wheel Drive เริ่มต้นที่ประมาณ 1.7 ล้านบาท ส่วนรุ่นพรีเมียม Performance All-Wheel Drive ราคาจะสูงถึง 2.3 ล้านบาท ทั้งนี้อาจมีการปรับเปลี่ยนราคาตามอุปกรณ์เสริมที่เลือก โปรโมชั่น หรือการผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ในตลาดไทย Model 3 เป็นรถไฟฟ้าที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากรัฐบาล เช่น การลดภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต ทำให้ราคาจริงถูกกว่าหรือแข่งกับรถหรูที่ใช้น้ำมันแบบเดิมได้
Model 3 ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคไทยเนื่องจากมีระยะขับขี่ที่ยอดเยี่ยม (ประมาณ 400-500 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม) และระบบขับขี่อัจฉริยะที่ครบครัน เหมาะสำหรับใช้ในเมืองอย่างกรุงเทพฯที่มีการจราจรติดขัด นอกจากนี้เครือข่ายสถานี Supercharger ยังขยายตัวในเมืองใหญ่และเขตท่องเที่ยวหลักของไทย ทำให้การชาร์จไฟสะดวกขึ้นเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้สภาพอากาศร้อนของไทยจะไม่ส่งผลกระทบต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่มากนัก แต่ก็ควรตรวจสอบระบบระบายความร้อนของแบตเตอรี่เป็นประจำเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด และควรวางแผนเส้นทางล่วงหน้าก่อนเดินทางไกลเนื่องจากบางจังหวัดอาจยังมีสถานีชาร์จไม่ครอบคลุม
Q
Tesla Model 3 มีสีอะไรบ้าง? คุณชอบสีไหน?
Tesla Model 3 ในตลาดประเทศไทยมีตัวเลือกสีที่หลากหลายและดูทันสมัย ได้แก่ สีเทาสเตลท์ (Stealth Grey), สีขาวมุกมัลติโค้ท (Pearl White Multi-Coat), สีน้ำเงินเข้มเมทัลลิก (Deep Blue Metallic), สีดำไดมอนด์แบล็ค (Diamond Black), สีเงินควิกซิลเวอร์ (Quicksilver) และสีแดงอัลตรา (Ultra Red)
Q
Tesla Model 3 มีขนาดเท่าไหร่?
Tesla Model 3 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดกลาง ที่มีขนาดตัวถังยาว 4,720 มม. กว้าง 1,848 มม. สูง 1,441 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,875 มม. ซึ่งถือว่าเป็นขนาดที่เหมาะมากสำหรับการขับขี่ในถนนเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นถนนแคบหรือในเมืองที่รถติด ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างคล่องตัว และยังมีพื้นที่ภายในรถที่กว้างขวาง เหมาะกับการใช้งานของครอบครัว
พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง (ท้ายรถ) ของ Model 3 อยู่ที่ 425 ลิตร และยังมีพื้นที่เก็บของเพิ่มเติมที่ด้านหน้าอีกด้วย เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนไทยที่ชอบขับรถเที่ยววันหยุดหรือไปช้อปปิ้ง
ในสภาพอากาศร้อนแบบไทย Model 3 มาพร้อมกับหลังคากระจกทั้งบานที่ช่วยป้องกันรังสี UV และยังให้ความรู้สึกโปร่งโล่งขณะขับขี่ ภายในรถจึงเย็นสบายแม้ในวันที่แดดแรง
นอกจากนี้ ตัวรถที่มีขนาดกระทัดรัดและจุดศูนย์ถ่วงต่ำตามแบบฉบับรถไฟฟ้า ช่วยให้ควบคุมรถง่าย แม้ในสภาพจราจรติดขัดของกรุงเทพฯ และยังจอดรถในที่แคบได้สะดวก
สำหรับผู้บริโภคชาวไทยที่กำลังพิจารณารถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ลงตัวระหว่างความสะดวกในการใช้งานในเมืองและความสามารถในการเดินทางไกลอย่างสบายใจ
Q
ค่าผ่อนรายเดือนของ Tesla Model 3 อยู่ที่ประมาณเท่าไหร่?
การผ่อนรายเดือนสำหรับ Tesla Model 3 ในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามรุ่นรถ ระยะเวลาผ่อน เงินดาวน์ และนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารหรือสถาบันการเงิน โดยทั่วไปหากเป็นรุ่นพื้นฐานแบบขับเคลื่อนล้อหลัง หากเลือกจ่ายดาวน์ 20% และผ่อน 5 ปี ค่าผ่อนต่อเดือนจะอยู่ที่ประมาณ 25,000-35,000 บาท แต่ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามดอกเบี้ยและโปรโมชั่นในช่วงนั้น รัฐบาลไทยมีมาตรการสนับสนุนรถไฟฟ้า เช่น การลดภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต ซึ่งช่วยลดต้นทุนการซื้อรถได้อย่างมาก แนะนำให้สอบถามราคาและโปรแกรมผ่อนล่าสุดจาก Tesla โดยตรงหรือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้เครือข่ายสถานีชาร์จในไทยกำลังขยายตัวเร็ว โดยมีสถานีชาร์จเร็วครอบคลุมในเมืองใหญ่และตามทางด่วน ค่าใช้จ่ายในการชาร์จถูกกว่าการเติมน้ำมันมาก ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว สำหรับคนที่มีงบจำกัด อาจพิจารณารถไฟฟ้าที่ประกอบในประเทศไทยหรือยี่ห้ออื่นอย่าง BYD หรือ MG ที่ได้รับสิทธิประโยชน์จากรัฐบาลและมีราคาแข่งขันกว่า
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

Nissan รุ่นต่อไปของ GT-R จะใช้ระบบพลังงานผสม ภายใน 3-5 ปีจะเข้าตลาด
ธนวัฒน์Apr 23, 2025

Nissan ปิดการสั่งซื้อ GT-R R35 รถแข่งญี่ปุ่นกำลังสูญเสียในยุคของรถยนต์ไฟฟ้า
สุรเดชMar 5, 2025

การกลับมาของรุ่นคลาสสิค: นิสสัน GTR T-Spec เปิดตัวในมหกรรมยานยนต์ในกรุงเทพฯ
AshleyMar 20, 2024

Nissanรวมไลน์ผลิตในไทย จะรองรับรถต่างแพลตฟอร์มกว่า 4 รุ่น
ธนวัฒน์Jun 26, 2025

Nissan เปิดตัว LEAF เจเนอเรชันที่ 3 เปลี่ยนโฉมจากรถแฮทช์แบ็กเป็น SUV คาดอาจนำเข้าไทยเร็ว ๆ นี้
LienJun 19, 2025
ดูเพิ่มเติม
ข้อดี
ข้อเสีย