Q
GT-R ดีต่อการใช้แก๊สหรือไม่
Nissan GT-R รถสปอร์ตสมรรถนะสูงรุ่นนี้แนะนำให้ใช้น้ำมันเบนซิน 95 หรือสูงกว่าเพื่อรับประกันสมรรถนะและความน่าเชื่อถือของเครื่องยนต์ แม้ว่าจะสามารถใช้น้ำมันเบนซิน 91 ได้ในระยะสั้น แต่เมื่อใช้งานในประเทศไทยระยะยาวควรเลือกใช้น้ำมันเบนซินที่มีเลขออกเทนสูงเพื่อป้องกันการน็อกของเครื่องยนต์และรักษาระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ ปั๊มน้ำมันในประเทศไทยโดยทั่วไปมีน้ำมันเบนซิน 95 เช่น PTT 95 หรือ Bangchak E20 Gasohol รวมทั้งน้ำมันแก๊สโซฮอล์และดีเซล แต่เครื่องยนต์เทอร์โบที่มีอัตราส่วนการอัดสูงของ GT-R ไม่เหมาะกับน้ำมัน E20 หรือดีเซล ดังนั้นควรเลือกใช้น้ำมันเบนซิน 95 หรือ 98 ที่บริสุทธิ์เพื่อลดผลกระทบจากเอทานอลต่อระบบเชื้อเพลิง หากต้องการเพิ่มสมรรถนะ บางอู่แต่งรถในไทยยังแนะนำให้น้ำมันเชื้อเพลิงสูตรแข่งหรือสารเติมแต่งเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการเผาไหม้ แต่ควรปฏิบัติตามคำแนะนำในคู่มือรถเพื่อให้รถมีประสิทธิภาพและเสถียรภาพในระยะยาว
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
GT-R และ GT-R Pro มีความแตกต่างอย่างไร
Nissan GT-R กับ GT-R Pro มีความแตกต่างกันหลัก ๆ ในด้านการปรับจูนสมรรถนะ การควบคุมการขับขี่ และความเหมาะสมในการใช้งานในสนามแข่ง แม้ทั้งสองรุ่นจะใช้เครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบ ขนาด 3.8 ลิตรเหมือนกัน แต่ GT-R Pro ได้รับการอัปเกรดช่วงล่างด้วยโช้กอัพ Bilstein แบบปรับค่าแรงหน่วงได้ ระบบเบรกเซรามิกคาร์บอน และชุดแอร์โรไดนามิกที่ดุดันยิ่งขึ้น เช่น สปอยเลอร์หน้า-หลัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ระดับสูง ภายในห้องโดยสารยังมีการลดน้ำหนักโดยใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์มากขึ้น พร้อมเบาะนั่งสปอร์ตจาก Recaro เพื่อมอบประสบการณ์ขับขี่ที่มั่นคงในความเร็วสูง อย่างไรก็ตาม ความสะดวกสบายของ GT-R Pro จะน้อยกว่ารุ่นปกติ เนื่องจากเน้นสมรรถนะเป็นหลัก จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการรถสำหรับขับในสนามแข่งหรือขับขี่แบบเร้าใจ ขณะที่ GT-R รุ่นมาตรฐานจะเหมาะกับการขับใช้งานในชีวิตประจำวันและขับทางไกลได้สบายกว่า สำหรับผู้บริโภคในประเทศไทย หากคุณมองหารถสมรรถนะสูงที่ขับได้ทุกวัน GT-R รุ่นมาตรฐานคือทางเลือกที่ดี แต่ถ้าคุณเป็นสายสนามตัวจริง GT-R Pro จะตอบโจทย์ได้มากกว่า
Q
ความแตกต่างระหว่าง GT C และ GT-R คืออะไร
GT C และ GT-R เป็นรถสมรรถนะสูงจากคนละค่าย โดยมีจุดเด่นที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน GT-R จาก Nissan เป็นรถสปอร์ตระดับตำนานของญี่ปุ่น มาพร้อมเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.8 ลิตร ทวินเทอร์โบ ขับเคลื่อนสี่ล้อ เซตช่วงล่างแบบสนามแข่ง เน้นความแม่นยำในการควบคุม เหมาะกับคนที่ชอบขับขี่แบบดุดันและเน้นสมรรถนะล้วนๆ ส่วน GT C ซึ่งมักหมายถึง Mercedes-AMG GT C เป็นรถสปอร์ตจากฝั่งเยอรมันที่ผสานความแรงและความหรูหราเข้าไว้ด้วยกัน ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ มีระบบช่วงล่างปรับได้ ดีไซน์หรู ภายในสบาย เหมาะกับการเดินทางไกลสไตล์ Grand Touring ในตลาดประเทศไทย GT-R ได้รับความนิยมในหมู่คนรักความเร็วและสนามแข่ง ขณะที่ AMG GT C เหมาะกับผู้ที่ต้องการรถสปอร์ตหรูที่ให้ทั้งสมรรถนะและความสะดวกสบาย ดังนั้นหากคุณชอบอารมณ์ดิบแบบรถญี่ปุ่น GT-R คือคำตอบ แต่หากคุณต้องการความหรูหราแบบเยอรมัน GT C ก็อาจเหมาะกว่า
Q
ความแตกต่างระหว่าง GT T และ GT-R คืออะไร
คุณอาจกำลังถามถึงความแตกต่างระหว่าง “GT-R T-spec” กับ “GT-R Premium Luxury” ราคาของ “GT-R T-spec” อยู่ที่ 12,200,000 บาท ส่วน “GT-R Premium Luxury” ราคา 10,700,000 บาท นอกจากราคาที่ต่างกันแล้ว ทั้งสองรุ่นมีสเปกหลักที่ใกล้เคียงกัน โดยใช้เครื่องยนต์ขนาด 3799 ซีซี ระบบส่งกำลัง และขนาดตัวถังเหมือนกัน คือ ความยาว 4710 มม. ความกว้าง 1895 มม. ความสูง 1370 มม. ฐานล้อ 2780 มม. มี 2 ประตู และ 4 ที่นั่ง อย่างไรก็ตาม “GT-R T-spec” อาจมาพร้อมกับอุปกรณ์ วัสดุ หรือการปรับแต่งที่เหนือระดับและเป็นเอกลักษณ์มากกว่า เพื่อสร้างความแตกต่างและเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าได้มากขึ้น
Q
GT-R และ GT-R NISMO มีความแตกต่างกันอย่างไร
GT-R กับ GT-R NISMO มีความแตกต่างในหลายด้าน โดย GT-R NISMO เป็นรุ่นอัพเกรดของ GT-R ซึ่งพัฒนาโดยแผนกสมรรถนะสูงของนิสสัน ทำให้มีพละกำลังสูงกว่า GT-R รุ่นปกติ ด้วยการปรับแต่งเครื่องยนต์และระบบต่าง ๆ เพื่อให้กำลังขับเคลื่อนดียิ่งขึ้น ในด้านชุดแต่งตัวถัง GT-R NISMO ใช้วัสดุน้ำหนักเบา เช่น คาร์บอนไฟเบอร์ ช่วยลดน้ำหนักรถ ส่งผลให้ความเร็วและการควบคุมรถดีขึ้น โดยเฉพาะในการเร่งและเข้าโค้ง ส่วนระบบช่วงล่าง GT-R NISMO ติดตั้งช่วงล่างเวอร์ชันพรีเมียม สามารถรองรับสภาพถนนที่ซับซ้อนและการขับขี่ที่รุนแรงได้ดี ให้การหนุนรับและความมั่นคงสูงขณะขับด้วยความเร็วสูงหรือเข้าโค้งอย่างรวดเร็ว สรุปคือ GT-R NISMO เป็นการอัพเกรดแบบครบวงจรจาก GT-R เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการสมรรถนะและประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือชั้นกว่า
Q
Tesla มันเร็วกว่า GT-R หรือไม่
ไม่สามารถสรุปได้ง่าย ๆ ว่าเทสล่าจะเร็วกว่าหรือช้ากว่า GT-R เพราะประสิทธิภาพการเร่งความเร็วและความเร็วสูงสุดขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่นของรถ GT-R เป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสูงของนิสสัน ที่มักติดตั้งเครื่องยนต์ V6 3.8 ลิตร เทอร์โบคู่ มีสมรรถนะแรงม้าโดดเด่น เช่น บางรุ่นทำเวลาเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ประมาณ 2.7 วินาที และความเร็วสูงสุดถึง 315 กม./ชม. ขณะที่เทสล่ามีหลายรุ่น เช่น Model S P100D ที่ทำเวลาเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ราว 2.5 วินาที ซึ่งในด้านการเร่งความเร็ว อาจเร็วกว่าบางรุ่นของ GT-R แต่การเปรียบเทียบความเร็วยังขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพแวดล้อมการขับขี่ น้ำหนักบรรทุก และทักษะผู้ขับขี่ ดังนั้นในสถานการณ์และเงื่อนไขที่แตกต่างกัน สมรรถนะความเร็วของทั้งสองรถอาจแตกต่างกัน จึงไม่สามารถตัดสินได้ว่าเทสล่าจะเร็วกว่า GT-R เสมอไป
Q
GT-R วิ่งเร็วกว่า Supra หรือไม่
โดยทั่วไปแล้ว Nissan GT-R มักจะเร็วกว่ารถ Toyota Supra ในด้านสมรรถนะเครื่องยนต์ GT-R ติดตั้งเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.8 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุดถึง 555 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 632 นิวตันเมตร ขณะที่ Supra ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบเรียง ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 340 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ซึ่ง GT-R มีทั้งแรงม้าและแรงบิดที่สูงกว่า ในเรื่องของอัตราเร่ง GT-R ทำความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ภายในประมาณ 2.7 วินาที ขณะที่ Supra ใช้เวลาประมาณ 4.1 วินาที ความเร็วสูงสุดของ GT-R อยู่ที่ราว 315 กม./ชม. ส่วน Supra อยู่ที่ประมาณ 250 กม./ชม. อย่างไรก็ตาม ในการขับขี่จริง ความเร็วยังขึ้นอยู่กับสภาพถนน เทคนิคการขับขี่ และปัจจัยอื่น ๆ นอกจากนี้ ทั้งสองรุ่นยังมีจุดเด่นในด้านการควบคุมและความปลอดภัยที่แตกต่างกัน จึงไม่สามารถตัดสินได้เพียงแค่ความเร็วว่าใครดีกว่ากันครับ
Q
GT-R มีเทอร์โบคู่หรือไม่
ใช่ครับ Nissan GT-R ติดตั้งระบบเทอร์โบคู่ เครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.8 ลิตร รุ่น VR38DETT ซึ่งพัฒนามาจากเครื่องยนต์ VQ ของนิสสันที่ได้รับคำชื่นชมอย่างกว้างขวาง ระบบเทอร์โบคู่ช่วยให้เครื่องยนต์สามารถรีดกำลังสูงสุดได้ที่ 6400 รอบต่อนาที และให้แรงบิดสูงในช่วงรอบเครื่องยนต์ 3200 ถึง 6000 รอบต่อนาที เทคโนโลยีเทอร์โบคู่ช่วยเพิ่มสมรรถนะทั้งกำลังและแรงบิดของเครื่องยนต์ ส่งผลให้ GT-R มีสมรรถนะการเร่งความเร็วที่โดดเด่นและแรงขับเคลื่อนที่ทรงพลัง ไม่ว่าจะขับขี่ในชีวิตประจำวันหรือในสนามแข่ง ก็สามารถแสดงศักยภาพของรถสปอร์ตระดับสูงได้อย่างเต็มที่ มอบประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่างและเร้าใจแก่ผู้ขับขี่ครับ
Q
GT-R จะใช้งานได้นานเท่าไหร่
Nissan GT-R ไม่มีระยะเวลาการใช้งานที่แน่นอน เพราะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รุ่นปัจจุบันคือรุ่น R35 ซึ่งเปิดตัวในปี 2007 และมีอายุการใช้งานประมาณ 17 ปีจนถึงปัจจุบัน โดย Nissan ยืนยันว่าการผลิตรุ่น R35 จะสิ้นสุดในเดือนตุลาคม 2024 หากใช้งานตามปกติและดูแลรักษาอย่างดี รถ GT-R สามารถใช้งานได้ประมาณ 10 ถึง 15 ปี เช่น การบำรุงรักษาตามระยะเวลาที่กำหนด เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรองอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงซ่อมแซมปัญหาเล็กน้อยที่เกิดขึ้นทันเวลา จะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าใช้งานในสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย มีนิสัยการขับขี่ที่ไม่ดี และขาดการดูแลรักษาที่เหมาะสม อายุการใช้งานอาจลดลงอย่างมาก อาจเริ่มมีปัญหาและส่งผลต่อการใช้งานภายใน 5 ถึง 8 ปีเท่านั้น
Q
Nissan GT-R เป็นรถซูเปอร์คาร์หรือไม่
ใช่ครับ Nissan GT-R คือรถซูเปอร์คาร์รุ่นหนึ่งที่ผลิตโดย Nissan GT-R เป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสูงที่มีความน่าเชื่อถือและมีกำลังแรงม้าสูง ซึ่งเดิมเป็นรุ่นท็อปของซีรีส์ Skyline RV ของ Nissan และปัจจุบันได้กลายเป็นรุ่นรถยนต์แยกต่างหาก GT-R ติดตั้งเครื่องยนต์ขนาด 3.8 ลิตรที่ให้กำลังแรงและแรงบิดสูง ช่วยให้เร่งความเร็วได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีสมรรถนะการควบคุมที่ยอดเยี่ยม ด้วยจุดศูนย์ถ่วงต่ำและระบบช่วงล่างที่ปรับแต่งอย่างดีเยี่ยม ทำให้มีความมั่นคงขณะเข้าโค้ง การออกแบบอากาศพลศาสตร์ช่วยให้รูปลักษณ์ดุดันและเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ด้วยความเร็วสูง GT-R ได้ฝากผลงานที่โดดเด่นในวงการแข่งรถและได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มผู้ชื่นชอบรถยนต์ ยืนยันตำแหน่งซูเปอร์คาร์ของมันอย่างมั่นคง
Q
GT-R มีความเร็วสูงสุดเท่าไหร่
Nissan GT-R สามารถวิ่งได้เร็วอย่างมากด้วยหลายปัจจัยหลัก ประการแรก รถรุ่นนี้ติดตั้งระบบขับเคลื่อนที่ทรงพลัง ด้วยเครื่องยนต์ VR38DETT ขนาด 3.8 ลิตร V6 แบบเทอร์โบคู่ ซึ่งสามารถปลดปล่อยพลังและแรงบิดได้อย่างมหาศาล ให้แรงขับเคลื่อนที่แข็งแกร่ง ช่วยให้รถมีสมรรถนะเร่งความเร็วที่ยอดเยี่ยม ประการที่สอง GT-R มีการออกแบบอากาศพลศาสตร์ที่ดีเยี่ยม มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศเพียง 0.27 เส้นสายตัวถังที่ลื่นไหลช่วยลดแรงต้านอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้รถมีความมั่นคงขณะวิ่งด้วยความเร็วสูง นอกจากนี้ GT-R ยังติดตั้งระบบส่งกำลังและช่วงล่างประสิทธิภาพสูง ใช้เกียร์ดูอัลคลัตช์ GR6 ที่เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็วและนุ่มนวล ช่วงล่างผ่านการปรับเซ็ตอย่างละเอียดเพื่อให้รถมีการควบคุมและความมั่นคงที่ดีขณะขับขี่ความเร็วสูงและเลี้ยวโค้ง ช่วยเปลี่ยนพลังงานให้กลายเป็นความเร็วได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สุดท้าย การออกแบบตัวถังให้มีน้ำหนักเบายังช่วยเพิ่มสมรรถนะความเร็ว โดยลดน้ำหนักรวมของรถ ทำให้การส่งกำลังมีประสิทธิผลมากขึ้น ส่งผลให้ความเร็วของรถดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน
Q&A ล่าสุด
Q
Lamborghini Huracan น่าจะหายากไหม?
การมองหา Lamborghini Huracán ไม่ใช่เรื่องยาก เนื่องจากมีหลายรุ่นที่ยังคงวางจำหน่ายอยู่ในขณะนี้ เช่น Huracán Sterrato V10 5.2L NA 2023, Huracán Tecnica V10 5.2 NA 2022 และ Lamborghini Huracán STO ปี 2021 ซึ่งทั้งหมดอยู่ในสถานะพร้อมจำหน่าย ในประเทศไทย Lamborghini มีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการกระจายอยู่ในเมืองหลัก ผู้สนใจสามารถติดต่อหรือเดินทางไปยังโชว์รูมเหล่านี้เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรุ่น Huracán ทั้งในเรื่องของรถที่มีในสต็อก ออปชันที่เลือกได้ และราคา นอกจากนี้ เว็บไซต์ทางการของ Lamborghini ยังแสดงข้อมูลรุ่น Huracán อย่างครบถ้วน ทั้งรายละเอียดทางเทคนิค อุปกรณ์มาตรฐาน รวมถึงช่องทางติดต่อกับดีลเลอร์ในพื้นที่ ช่วยให้คุณสามารถวางแผนและสอบถามเพิ่มเติมได้สะดวกยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ในกรณีของรุ่นพิเศษหรือรุ่นลิมิเต็ดที่มีจำนวนผลิตจำกัด อาจต้องใช้เวลาในการค้นหา แต่หากมีการติดตามและพูดคุยกับผู้จำหน่ายอย่างสม่ำเสมอ ก็ยังมีโอกาสที่จะได้รับรถรุ่นที่ต้องการเช่นกัน
Q
Tesla รวดเร็วกว่า Lamborghini Huracan หรือไม่?
Tesla จะเร็วกว่า Lamborghini Huracán หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับ รุ่นที่นำมาเปรียบเทียบ และ เกณฑ์ที่ใช้วัดความเร็ว Tesla มีหลายรุ่น เช่น Model S Plaid ซึ่งมีกำลังสูงสุดถึง 1,020 แรงม้า และสามารถเร่งจาก 0–100 กม./ชม. ได้ภายในประมาณ 2 วินาที ในขณะที่ Lamborghini Huracán ก็มีหลายเวอร์ชันเช่นกัน เช่น Huracán STO ที่ทางการระบุว่าเร่งจาก 0–100 กม./ชม. ได้ใน ประมาณ 3 วินาที หากพิจารณาเฉพาะอัตราเร่ง 0–100 กม./ชม. จะพบว่า Tesla บางรุ่นสามารถทำความเร็วได้ดีกว่า Huracán บางรุ่น แต่หากดูในด้าน ความเร็วสูงสุด เช่น Huracán Sterrato V10 สามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 260 กม./ชม. ในขณะที่รถ Tesla หลายรุ่นมีความเร็วสูงสุดต่ำกว่านั้น สรุปคือ ไม่สามารถตัดสินได้อย่างชัดเจนว่า Tesla เร็วกว่าหรือช้ากว่า Lamborghini Huracán ทั้งนี้ต้องพิจารณาแต่ละรุ่นที่เปรียบเทียบ รวมถึงปัจจัยด้านสมรรถนะ เช่น อัตราเร่ง ความเร็วสูงสุด และลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันของทั้งสองแบรนด์
Q
รอคอย Lamborghini Huracan นานเท่าไหร่?
ระยะเวลารอรับรถ Lamborghini Huracán ไม่ได้กำหนดตายตัวและขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย หากโชว์รูมมีรถพร้อมส่งมอบ ผู้ซื้ออาจได้รับรถภายใน ประมาณ 1–2 สัปดาห์ แต่โดยทั่วไปแล้ว Lamborghini ในฐานะซูเปอร์คาร์แบรนด์ มักต้องใช้วิธี สั่งผลิตตามคำสั่งจอง ในกรณีที่ต้องสั่งผลิต ระยะเวลารอโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3–6 เดือน หรืออาจนานกว่านั้น ทั้งนี้เนื่องจากกระบวนการผลิตของ Lamborghini มีความซับซ้อน และรถทุกคันต้องผ่านขั้นตอนการตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด หากมีการเลือก ออปชันพิเศษหรือการตกแต่งแบบเฉพาะบุคคล เช่น สีตัวถังแบบพิเศษ วัสดุตกแต่งภายในแบบเฉพาะ หรือการติดตั้งอุปกรณ์เฉพาะทาง จะทำให้ระยะเวลาการผลิตยืดออกไปอีก นอกจากนี้ ภาวะอุปสงค์และอุปทานของตลาด ก็มีผล หากช่วงใดมีความต้องการ Huracán สูง ระยะเวลารอรับรถอาจเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
Q
Lamborghini Huracan ที่ช้าที่สุดคืออะไร?
ในบรรดารถตระกูล Lamborghini Huracán รุ่นที่มีความเร็วต่ำที่สุดเมื่อเทียบกันภายในซีรีส์คือ Lamborghini Huracán Sterrato V10 5.2L NA 2023 โดยมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 260 กม./ชม. และอัตราเร่งจาก 0–100 กม./ชม. ตามข้อมูลทางการอยู่ที่ 3.4 วินาที รถรุ่นนี้มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 26,690,000 บาท จัดอยู่ในประเภทสปอร์ตคาร์ ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) ติดตั้งเครื่องยนต์ V10 ขนาด 5.2 ลิตร แบบไร้ระบบอัดอากาศ ให้กำลังสูงสุด 449 กิโลวัตต์ และแรงบิดสูงสุด 560 นิวตันเมตร แม้ Huracán Sterrato จะไม่ใช่รุ่นที่เร็วที่สุดในซีรีส์ แต่ยังคงถ่ายทอด ดีเอ็นเอด้านสมรรถนะของ Lamborghini ได้อย่างครบถ้วน โดยรถตระกูล Huracán มีรุ่นย่อยหลายแบบ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้ขับในแง่มุมต่าง ๆ ทั้งด้านความเร็ว ความสนุกในการขับขี่ และเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแต่ละรุ่น
Q
Urus หรือ Huracan ไหนเร็วกว่า?
Urus และ Huracán มีสมรรถนะที่แตกต่างกันในด้านอัตราเร่งและความเร็วสูงสุด จึงไม่สามารถตัดสินได้อย่างชัดเจนว่ารุ่นใดเร็วกว่า ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ที่ใช้เปรียบเทียบ โดย Lamborghini Urus ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบวางหน้า ให้กำลังสูงสุด 650 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0–100 กม./ชม. อยู่ที่ 3.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 330 กม./ชม. ส่วน Huracán มีหลายรุ่นย่อยที่สมรรถนะต่างกัน เช่น Huracán STO ใช้เครื่องยนต์ V10 ไร้อัดอากาศ 640 แรงม้า อัตราเร่ง 0–100 กม./ชม. อยู่ที่ 3.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 310 กม./ชม. ขณะที่ Huracán Tecnica รุ่นพิเศษฉลอง 60 ปี เร่งจาก 0–100 กม./ชม. ได้ใน 3.2 วินาที โดยรวมแล้ว Huracán บางรุ่นเร่งได้เร็วกว่า Urus แต่ในด้านความเร็วสูงสุด Urus ทำได้ดีกว่า ทั้งสองรุ่นต่างสะท้อนศักยภาพทางเทคนิคและสมรรถนะระดับสูงของ Lamborghini ในแบบที่แตกต่างกัน
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

Nissan รุ่นต่อไปของ GT-R จะใช้ระบบพลังงานผสม ภายใน 3-5 ปีจะเข้าตลาด
ธนวัฒน์Apr 23, 2025

Nissan ปิดการสั่งซื้อ GT-R R35 รถแข่งญี่ปุ่นกำลังสูญเสียในยุคของรถยนต์ไฟฟ้า
สุรเดชMar 5, 2025

การกลับมาของรุ่นคลาสสิค: นิสสัน GTR T-Spec เปิดตัวในมหกรรมยานยนต์ในกรุงเทพฯ
AshleyMar 20, 2024

Nissan Almera มอบส่วนลดพิเศษ 90,000 บาท โดยมีราคาต่ำสุดเพียง 499,000 บาท
LienJun 11, 2025

NISSAN X-Trail e-POWER จะเปิดตัวในประเทศไทยภายในสิ้นปี 2025
วิรุฬห์Jun 6, 2025
ดูเพิ่มเติม
ข้อดี
ข้อเสีย