Q

GT-R วิ่งเร็วกว่า Supra หรือไม่

โดยทั่วไปแล้ว Nissan GT-R มักจะเร็วกว่ารถ Toyota Supra ในด้านสมรรถนะเครื่องยนต์ GT-R ติดตั้งเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.8 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุดถึง 555 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 632 นิวตันเมตร ขณะที่ Supra ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบเรียง ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 340 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ซึ่ง GT-R มีทั้งแรงม้าและแรงบิดที่สูงกว่า ในเรื่องของอัตราเร่ง GT-R ทำความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ภายในประมาณ 2.7 วินาที ขณะที่ Supra ใช้เวลาประมาณ 4.1 วินาที ความเร็วสูงสุดของ GT-R อยู่ที่ราว 315 กม./ชม. ส่วน Supra อยู่ที่ประมาณ 250 กม./ชม. อย่างไรก็ตาม ในการขับขี่จริง ความเร็วยังขึ้นอยู่กับสภาพถนน เทคนิคการขับขี่ และปัจจัยอื่น ๆ นอกจากนี้ ทั้งสองรุ่นยังมีจุดเด่นในด้านการควบคุมและความปลอดภัยที่แตกต่างกัน จึงไม่สามารถตัดสินได้เพียงแค่ความเร็วว่าใครดีกว่ากันครับ
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
GT-R และ GT-R Pro มีความแตกต่างอย่างไร
Nissan GT-R กับ GT-R Pro มีความแตกต่างกันหลัก ๆ ในด้านการปรับจูนสมรรถนะ การควบคุมการขับขี่ และความเหมาะสมในการใช้งานในสนามแข่ง แม้ทั้งสองรุ่นจะใช้เครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบ ขนาด 3.8 ลิตรเหมือนกัน แต่ GT-R Pro ได้รับการอัปเกรดช่วงล่างด้วยโช้กอัพ Bilstein แบบปรับค่าแรงหน่วงได้ ระบบเบรกเซรามิกคาร์บอน และชุดแอร์โรไดนามิกที่ดุดันยิ่งขึ้น เช่น สปอยเลอร์หน้า-หลัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ระดับสูง ภายในห้องโดยสารยังมีการลดน้ำหนักโดยใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์มากขึ้น พร้อมเบาะนั่งสปอร์ตจาก Recaro เพื่อมอบประสบการณ์ขับขี่ที่มั่นคงในความเร็วสูง อย่างไรก็ตาม ความสะดวกสบายของ GT-R Pro จะน้อยกว่ารุ่นปกติ เนื่องจากเน้นสมรรถนะเป็นหลัก จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการรถสำหรับขับในสนามแข่งหรือขับขี่แบบเร้าใจ ขณะที่ GT-R รุ่นมาตรฐานจะเหมาะกับการขับใช้งานในชีวิตประจำวันและขับทางไกลได้สบายกว่า สำหรับผู้บริโภคในประเทศไทย หากคุณมองหารถสมรรถนะสูงที่ขับได้ทุกวัน GT-R รุ่นมาตรฐานคือทางเลือกที่ดี แต่ถ้าคุณเป็นสายสนามตัวจริง GT-R Pro จะตอบโจทย์ได้มากกว่า
Q
ความแตกต่างระหว่าง GT C และ GT-R คืออะไร
GT C และ GT-R เป็นรถสมรรถนะสูงจากคนละค่าย โดยมีจุดเด่นที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน GT-R จาก Nissan เป็นรถสปอร์ตระดับตำนานของญี่ปุ่น มาพร้อมเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.8 ลิตร ทวินเทอร์โบ ขับเคลื่อนสี่ล้อ เซตช่วงล่างแบบสนามแข่ง เน้นความแม่นยำในการควบคุม เหมาะกับคนที่ชอบขับขี่แบบดุดันและเน้นสมรรถนะล้วนๆ ส่วน GT C ซึ่งมักหมายถึง Mercedes-AMG GT C เป็นรถสปอร์ตจากฝั่งเยอรมันที่ผสานความแรงและความหรูหราเข้าไว้ด้วยกัน ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ มีระบบช่วงล่างปรับได้ ดีไซน์หรู ภายในสบาย เหมาะกับการเดินทางไกลสไตล์ Grand Touring ในตลาดประเทศไทย GT-R ได้รับความนิยมในหมู่คนรักความเร็วและสนามแข่ง ขณะที่ AMG GT C เหมาะกับผู้ที่ต้องการรถสปอร์ตหรูที่ให้ทั้งสมรรถนะและความสะดวกสบาย ดังนั้นหากคุณชอบอารมณ์ดิบแบบรถญี่ปุ่น GT-R คือคำตอบ แต่หากคุณต้องการความหรูหราแบบเยอรมัน GT C ก็อาจเหมาะกว่า
Q
ความแตกต่างระหว่าง GT T และ GT-R คืออะไร
คุณอาจกำลังถามถึงความแตกต่างระหว่าง “GT-R T-spec” กับ “GT-R Premium Luxury” ราคาของ “GT-R T-spec” อยู่ที่ 12,200,000 บาท ส่วน “GT-R Premium Luxury” ราคา 10,700,000 บาท นอกจากราคาที่ต่างกันแล้ว ทั้งสองรุ่นมีสเปกหลักที่ใกล้เคียงกัน โดยใช้เครื่องยนต์ขนาด 3799 ซีซี ระบบส่งกำลัง และขนาดตัวถังเหมือนกัน คือ ความยาว 4710 มม. ความกว้าง 1895 มม. ความสูง 1370 มม. ฐานล้อ 2780 มม. มี 2 ประตู และ 4 ที่นั่ง อย่างไรก็ตาม “GT-R T-spec” อาจมาพร้อมกับอุปกรณ์ วัสดุ หรือการปรับแต่งที่เหนือระดับและเป็นเอกลักษณ์มากกว่า เพื่อสร้างความแตกต่างและเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าได้มากขึ้น
Q
GT-R และ GT-R NISMO มีความแตกต่างกันอย่างไร
GT-R กับ GT-R NISMO มีความแตกต่างในหลายด้าน โดย GT-R NISMO เป็นรุ่นอัพเกรดของ GT-R ซึ่งพัฒนาโดยแผนกสมรรถนะสูงของนิสสัน ทำให้มีพละกำลังสูงกว่า GT-R รุ่นปกติ ด้วยการปรับแต่งเครื่องยนต์และระบบต่าง ๆ เพื่อให้กำลังขับเคลื่อนดียิ่งขึ้น ในด้านชุดแต่งตัวถัง GT-R NISMO ใช้วัสดุน้ำหนักเบา เช่น คาร์บอนไฟเบอร์ ช่วยลดน้ำหนักรถ ส่งผลให้ความเร็วและการควบคุมรถดีขึ้น โดยเฉพาะในการเร่งและเข้าโค้ง ส่วนระบบช่วงล่าง GT-R NISMO ติดตั้งช่วงล่างเวอร์ชันพรีเมียม สามารถรองรับสภาพถนนที่ซับซ้อนและการขับขี่ที่รุนแรงได้ดี ให้การหนุนรับและความมั่นคงสูงขณะขับด้วยความเร็วสูงหรือเข้าโค้งอย่างรวดเร็ว สรุปคือ GT-R NISMO เป็นการอัพเกรดแบบครบวงจรจาก GT-R เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการสมรรถนะและประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือชั้นกว่า
Q
Tesla มันเร็วกว่า GT-R หรือไม่
ไม่สามารถสรุปได้ง่าย ๆ ว่าเทสล่าจะเร็วกว่าหรือช้ากว่า GT-R เพราะประสิทธิภาพการเร่งความเร็วและความเร็วสูงสุดขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่นของรถ GT-R เป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสูงของนิสสัน ที่มักติดตั้งเครื่องยนต์ V6 3.8 ลิตร เทอร์โบคู่ มีสมรรถนะแรงม้าโดดเด่น เช่น บางรุ่นทำเวลาเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ประมาณ 2.7 วินาที และความเร็วสูงสุดถึง 315 กม./ชม. ขณะที่เทสล่ามีหลายรุ่น เช่น Model S P100D ที่ทำเวลาเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ราว 2.5 วินาที ซึ่งในด้านการเร่งความเร็ว อาจเร็วกว่าบางรุ่นของ GT-R แต่การเปรียบเทียบความเร็วยังขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพแวดล้อมการขับขี่ น้ำหนักบรรทุก และทักษะผู้ขับขี่ ดังนั้นในสถานการณ์และเงื่อนไขที่แตกต่างกัน สมรรถนะความเร็วของทั้งสองรถอาจแตกต่างกัน จึงไม่สามารถตัดสินได้ว่าเทสล่าจะเร็วกว่า GT-R เสมอไป
Q
GT-R มีเทอร์โบคู่หรือไม่
ใช่ครับ Nissan GT-R ติดตั้งระบบเทอร์โบคู่ เครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.8 ลิตร รุ่น VR38DETT ซึ่งพัฒนามาจากเครื่องยนต์ VQ ของนิสสันที่ได้รับคำชื่นชมอย่างกว้างขวาง ระบบเทอร์โบคู่ช่วยให้เครื่องยนต์สามารถรีดกำลังสูงสุดได้ที่ 6400 รอบต่อนาที และให้แรงบิดสูงในช่วงรอบเครื่องยนต์ 3200 ถึง 6000 รอบต่อนาที เทคโนโลยีเทอร์โบคู่ช่วยเพิ่มสมรรถนะทั้งกำลังและแรงบิดของเครื่องยนต์ ส่งผลให้ GT-R มีสมรรถนะการเร่งความเร็วที่โดดเด่นและแรงขับเคลื่อนที่ทรงพลัง ไม่ว่าจะขับขี่ในชีวิตประจำวันหรือในสนามแข่ง ก็สามารถแสดงศักยภาพของรถสปอร์ตระดับสูงได้อย่างเต็มที่ มอบประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่างและเร้าใจแก่ผู้ขับขี่ครับ
Q
GT-R ดีต่อการใช้แก๊สหรือไม่
Nissan GT-R รถสปอร์ตสมรรถนะสูงรุ่นนี้แนะนำให้ใช้น้ำมันเบนซิน 95 หรือสูงกว่าเพื่อรับประกันสมรรถนะและความน่าเชื่อถือของเครื่องยนต์ แม้ว่าจะสามารถใช้น้ำมันเบนซิน 91 ได้ในระยะสั้น แต่เมื่อใช้งานในประเทศไทยระยะยาวควรเลือกใช้น้ำมันเบนซินที่มีเลขออกเทนสูงเพื่อป้องกันการน็อกของเครื่องยนต์และรักษาระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ ปั๊มน้ำมันในประเทศไทยโดยทั่วไปมีน้ำมันเบนซิน 95 เช่น PTT 95 หรือ Bangchak E20 Gasohol รวมทั้งน้ำมันแก๊สโซฮอล์และดีเซล แต่เครื่องยนต์เทอร์โบที่มีอัตราส่วนการอัดสูงของ GT-R ไม่เหมาะกับน้ำมัน E20 หรือดีเซล ดังนั้นควรเลือกใช้น้ำมันเบนซิน 95 หรือ 98 ที่บริสุทธิ์เพื่อลดผลกระทบจากเอทานอลต่อระบบเชื้อเพลิง หากต้องการเพิ่มสมรรถนะ บางอู่แต่งรถในไทยยังแนะนำให้น้ำมันเชื้อเพลิงสูตรแข่งหรือสารเติมแต่งเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการเผาไหม้ แต่ควรปฏิบัติตามคำแนะนำในคู่มือรถเพื่อให้รถมีประสิทธิภาพและเสถียรภาพในระยะยาว
Q
GT-R จะใช้งานได้นานเท่าไหร่
Nissan GT-R ไม่มีระยะเวลาการใช้งานที่แน่นอน เพราะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รุ่นปัจจุบันคือรุ่น R35 ซึ่งเปิดตัวในปี 2007 และมีอายุการใช้งานประมาณ 17 ปีจนถึงปัจจุบัน โดย Nissan ยืนยันว่าการผลิตรุ่น R35 จะสิ้นสุดในเดือนตุลาคม 2024 หากใช้งานตามปกติและดูแลรักษาอย่างดี รถ GT-R สามารถใช้งานได้ประมาณ 10 ถึง 15 ปี เช่น การบำรุงรักษาตามระยะเวลาที่กำหนด เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรองอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงซ่อมแซมปัญหาเล็กน้อยที่เกิดขึ้นทันเวลา จะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าใช้งานในสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย มีนิสัยการขับขี่ที่ไม่ดี และขาดการดูแลรักษาที่เหมาะสม อายุการใช้งานอาจลดลงอย่างมาก อาจเริ่มมีปัญหาและส่งผลต่อการใช้งานภายใน 5 ถึง 8 ปีเท่านั้น
Q
Nissan GT-R เป็นรถซูเปอร์คาร์หรือไม่
ใช่ครับ Nissan GT-R คือรถซูเปอร์คาร์รุ่นหนึ่งที่ผลิตโดย Nissan GT-R เป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสูงที่มีความน่าเชื่อถือและมีกำลังแรงม้าสูง ซึ่งเดิมเป็นรุ่นท็อปของซีรีส์ Skyline RV ของ Nissan และปัจจุบันได้กลายเป็นรุ่นรถยนต์แยกต่างหาก GT-R ติดตั้งเครื่องยนต์ขนาด 3.8 ลิตรที่ให้กำลังแรงและแรงบิดสูง ช่วยให้เร่งความเร็วได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีสมรรถนะการควบคุมที่ยอดเยี่ยม ด้วยจุดศูนย์ถ่วงต่ำและระบบช่วงล่างที่ปรับแต่งอย่างดีเยี่ยม ทำให้มีความมั่นคงขณะเข้าโค้ง การออกแบบอากาศพลศาสตร์ช่วยให้รูปลักษณ์ดุดันและเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ด้วยความเร็วสูง GT-R ได้ฝากผลงานที่โดดเด่นในวงการแข่งรถและได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มผู้ชื่นชอบรถยนต์ ยืนยันตำแหน่งซูเปอร์คาร์ของมันอย่างมั่นคง
Q
GT-R มีความเร็วสูงสุดเท่าไหร่
Nissan GT-R สามารถวิ่งได้เร็วอย่างมากด้วยหลายปัจจัยหลัก ประการแรก รถรุ่นนี้ติดตั้งระบบขับเคลื่อนที่ทรงพลัง ด้วยเครื่องยนต์ VR38DETT ขนาด 3.8 ลิตร V6 แบบเทอร์โบคู่ ซึ่งสามารถปลดปล่อยพลังและแรงบิดได้อย่างมหาศาล ให้แรงขับเคลื่อนที่แข็งแกร่ง ช่วยให้รถมีสมรรถนะเร่งความเร็วที่ยอดเยี่ยม ประการที่สอง GT-R มีการออกแบบอากาศพลศาสตร์ที่ดีเยี่ยม มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศเพียง 0.27 เส้นสายตัวถังที่ลื่นไหลช่วยลดแรงต้านอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้รถมีความมั่นคงขณะวิ่งด้วยความเร็วสูง นอกจากนี้ GT-R ยังติดตั้งระบบส่งกำลังและช่วงล่างประสิทธิภาพสูง ใช้เกียร์ดูอัลคลัตช์ GR6 ที่เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็วและนุ่มนวล ช่วงล่างผ่านการปรับเซ็ตอย่างละเอียดเพื่อให้รถมีการควบคุมและความมั่นคงที่ดีขณะขับขี่ความเร็วสูงและเลี้ยวโค้ง ช่วยเปลี่ยนพลังงานให้กลายเป็นความเร็วได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สุดท้าย การออกแบบตัวถังให้มีน้ำหนักเบายังช่วยเพิ่มสมรรถนะความเร็ว โดยลดน้ำหนักรวมของรถ ทำให้การส่งกำลังมีประสิทธิผลมากขึ้น ส่งผลให้ความเร็วของรถดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน

ข้อดี

หน้าตาหล่อและมีอิทธิพล มีกระจกไซส์ใหญ่ ไฟหน้าและไฟหมอกแบบกีฬาฯ ล้อกีฬาขนาด 20 นิ้วสีดำ ท่อไอเสียสังกะสีที่สามารถปรับเสียงได้ 4 ท่อ และแถบ V-motion
อินเทอริอร์ที่หรูหราและสบาย อุปกรณ์ชั่นใหม่ แผงระบบบังคับด้วยมือสัมผัสที่ห่อด้วยหนัง แผงควบคุมใหม่ แผงควบคุมแคร์บอนไมโครติค ที่นั่งหนังที่ปรับไฟฟ้า ปุ่มกำลังไหมพรมใหม่และการเปลี่ยนเกียร์
เครื่องยนต์ที่แรงกว่า 3.8 ลิตร V6 เทคโนโลยีดับเบิลชาร์จท์ เทอร์โบ 24 วาล์ว กำลังสูงสุด 555 ม้า สูงสุดขอภาพยนต์ 632 นิวตันเมตร ระบบเกียร์ 6 ระดับ ดับเบิลคลัทช์ อัตราการเร่งที่รวดเร็ว ความเร็วในช่วงกลางและปลายที่คล่องแคล่ว สามารถเร็วถึง 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง ด้วยความทนทานของรถ
ชุดล่างที่แข็งแรง ไฟรอง หน้าเป็นแผ่นสองชั้น และมัลติลิงค์ท้าย ร่วมกับล้อขนาด 20 นิ้วและยางรถยนต์ที่ค่อนข้างใหม่ มีพลังจับแน่น

ข้อเสีย

ราคาสูง นำเข้ารถทั้งคัน ภาษีสูง ราคารถเองก็สูง
ค่าซ่อมบำรุงสูง ค่าตรวจซ่อมศูนย์ใช้หน่วยพันเป็นหลัก มากกว่ารถธรรมดา
มาตรฐานพลังงานของประเทศไทยต่ำกว่าประเทศอื่นๆ เนื่องจากต้องปรับตัวเข้ากับน้ำมันแก๊ส 95 ของประเทศไทย กำลังได้รับการขับเคลื่อนในประเทศไทยเป็น 555 แรงม้า ส่วนต่างประเทศเป็น 570 แรงม้า
เมื่อเปรียบเทียบกับแบรนด์รถซูเปอร์คาร์อื่นๆ การออกแบบมีความแตกต่าง โดยเฉพาะที่เส้นหน้าและรายละเอียดของตัวรถ

Q&A ล่าสุด

Q
Jaecoo J7 เติมน้ำมันเต็มถังวิ่งได้กี่กิโลเมตร?
สำหรับรถ SUV อย่าง Jaecoo J7 ที่ออกแบบมาสำหรับการเดินทางในเมือง ระยะทางเต็มถังจะขึ้นอยู่กับสภาพถนนในไทย นิสัยการขับขี่ และคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง โดยทั่วไปในสภาพการขับขี่แบบผสมผสานในเมือง ด้วยความจุถังเชื้อเพลิงประมาณ 50-55 ลิตร และประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันของเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5T คาดว่าระยะทางเต็มถังจะอยู่ที่ประมาณ 500-600 กิโลเมตร แต่แนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลอย่างเป็นทางการจากผลทดสอบมาตรฐาน TCOS ที่ประกาศในประเทศไทย สำหรับผู้ใช้ในไทย สภาพการจราจรที่ติดขัดบ่อยในกรุงเทพฯ อาจทำให้ระยะทางจริงน้อยกว่าที่ระบุไว้ ส่วนการขับขี่ทางไกลบนทางหลวงอาจประหยัดน้ำมันมากกว่า ข้อควรระวังคือในสภาพอากาศร้อนของไทย ควรตรวจสอบความแน่นหนาของระบบเชื้อเพลิงเป็นประจำเพื่อป้องกันปัญหาอากาศในท่อน้ำมันที่อาจส่งผลต่อระยะทาง และควรใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเกรด 95 ขึ้นไปเพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุดของเครื่องยนต์ หากต้องการเพิ่มระยะทางให้มากขึ้น สามารถทำได้โดยรักษาความดันลมยางที่เหมาะสม (ในสภาพอากาศร้อนของไทยแนะนำให้ต่ำกว่าค่ามาตรฐาน 0.1-0.2 บาร์) และหลีกเลี่ยงการเร่งเครื่องอย่างรุนแรง ซึ่งเทคนิคเหล่านี้สำคัญเป็นพิเศษเมื่อขับขี่ในพื้นที่ที่มีทางลาดชันเช่นเชียงใหม่หรือภูเขาที่ภูเก็ต
Q
ความเร็วสูงสุดของ JAECOO J7 คือเท่าไร?
JAECOO J7 เป็น SUV ที่เน้นสมรรถนะสปอร์ต ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 200 กม./ชม. ซึ่งถือว่าโดดเด่นในรุ่นเดียวกัน ช่วยตอบโจทย์คนไทยที่ชอบการขับขี่ความเร็วสูง ไม่ว่าจะเป็นบนทางด่วนรอบกรุงเทพฯ หรือเส้นทางคดเคี้ยวในเชียงใหม่ ก็ให้กำลังส่งที่มั่นคงได้อย่างดี เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ 1.6T คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ ไม่เพียงให้กำลังแรงเท่านั้น แต่ยังประหยัดน้ำมัน เหมาะสมกับสภาพถนนและการจราจรที่หลากหลายของไทย แถมยังมีโหมดขับขี่ให้เลือกหลากหลาย ทั้งโหมดสปอร์ต โหมดประหยัด และโหมดมาตรฐาน ช่วยให้ปรับการขับขี่ตามสภาพถนนได้อย่างคล่องตัว เพิ่มความสนุกในการขับขี่ อีกทั้งระบบระบายความร้อนที่ออกแบบมาอย่างมีประสิทธิภาพของ JAECOO J7 ยังช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพแม้ต้องขับเร็วเป็นเวลานานในสภาพอากาศร้อนของไทย สำหรับคนไทยที่มองหารถสมรรถนะดีแต่ยังคงความใช้งานได้จริง JAECOO J7 นับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะนอกจากความเร็วสูงแล้ว ยังมาพร้อมความปลอดภัยและความสบายที่ครบครัน
Q
Jaecoo 7 มีเบาะที่นั่งแบบปรับอุณหภูมิได้หรือไม่?
สำหรับรถ Jaecoo 7 นั้น ในข้อมูลสเปคอย่างเป็นทางการระบุว่ามีระบบทำความร้อนเบาะหน้าให้ในรุ่นท็อป ซึ่งฟีเจอร์นี้จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่โดยเฉพาะเมื่อต้องไปในเขตพื้นที่ภูเขาที่อากาศเย็นหรือช่วงฤดูฝนของไทย แต่แนะนำให้ผู้ซื้อตรวจสอบสเปครุ่นที่เลือกซื้อกับตัวแทนจำหน่ายอีกครั้งเพราะแต่ละรุ่นอาจมีฟีเจอร์แตกต่างกัน ปัจจุบันระบบทำความร้อนเบาะถือเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรถ SUV หลายรุ่น โดยเฉพาะรุ่นระดับพรีเมี่ยม หลักการทำงานคือใช้ลวดความร้อนที่ฝังในเบาะซึ่งสามารถทำให้ร้อนถึงอุณหภูมิที่เหมาะสมภายในไม่กี่นาที นอกจากนี้สำหรับคนไทยอาจจะสนใจฟีเจอร์เบาะระบายอากาศที่ช่วยเพิ่มความสบายในสภาพอากาศร้อนด้วย แนะนำให้ลองทดสอบการใช้งานจริงระหว่างทดลองขับรถ และพิจารณาตามความต้องการใช้งานรวมถึงงบประมาณที่มี เพราะฟีเจอร์เหล่านี้จะช่วยยกระดับประสบการณ์การขับขี่ได้อย่างมาก
Q
"ระยะทางไฟฟ้าบริสุทธิ์ของ Jaecoo 7 คือเท่าไหร่?
Jaecoo 7 เป็น SUV แบบปลั๊กอินไฮบริดรุ่นใหม่ที่มาแรง ในโหมดไฟฟ้าสามารถวิ่งได้ประมาณ 80-100 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนเมืองในไทยโดยเฉพาะ ช่วยแก้ปัญหารถติดในกรุงเทพฯ เพราะการเดินทางระยะสั้นๆ ในเมืองใช้โหมดไฟฟ้าล้วนก็เพียงพอ ทั้งประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่ต้องระวังเรื่องอากาศร้อนของไทยที่อาจส่งผลต่อแบตเตอรี่ แนะนำให้จอดรถในที่ร่มหรือใต้ตึกเพื่อรักษาประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ให้ดีที่สุด ตอนนี้รถไฮบริดกำลังเป็นที่นิยมในไทย เพราะให้ความรู้สึกสงบเรียบเหมือนรถไฟฟ้า แถมยังไม่ต้องกังวลเรื่องสถานีชาร์จเวลาทำทางไกล โดยเฉพาะการเดินทางระหว่างเมืองอย่างจากกรุงเทพไปพัทยา โหมดไฮบริดจะช่วยลดการใช้น้ำมันได้มาก ที่สำคัญ รัฐบาลไทยกำลังสนับสนุนรถพลังงานสะอาดอย่างเต็มที่ ถ้าซื้อ PHEV แบบ Jaecoo 7 ก็จะได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ส่วนสถานีชาร์จก็มีเพียบ ทั้งในห้างสรรพสินค้าและปั๊มน้ำมัน ถือเป็นข่าวดีสำหรับคนที่กำลังมองหารุ่นนี้อยู่
Q
Jaecoo 7 มีเบาะนั่งที่ปรับความจำได้หรือไม่?
สำหรับข้อมูลเรื่อง Jaecoo 7 ที่มีฟังก์ชันความจำตำแหน่งเบาะหรือไม่ ตอนนี้ข้อมูลทางการระบุว่ารุ่นท็อปมาพร้อมกับที่นั่งหน่วยความจำที่เบาะคนขับ สามารถบันทึกการตั้งค่าตำแหน่งได้หลายแบบ ช่วยให้ปรับท่านั่งได้รวดเร็วเมื่อเปลี่ยนคนขับ ซึ่งเหมาะมากสำหรับการใช้รถร่วมกันในครอบครัวใหญ่แบบบ้านเรา ส่วนมากแล้วฟังก์ชันนี้จะทำงานร่วมกับการปรับเบาะไฟฟ้าและปรับกระจกมองหลังอัตโนมัติ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายเวลาใช้รถ โดยเฉพาะคนที่ต้องสลับขับกันบ่อยๆ แถมในเมืองร้อนแบบไทย บางรุ่นแพ็คเกจสูงอาจมีระบบเชื่อมโยงกับแอร์ในรถ ให้ปรับทุกอย่างอัตโนมัติตามที่ตั้งไว้ตั้งแต่แรก เวลาขึ้นรถมาก็เจอสภาพแวดล้อมที่สบายๆ แนะนำให้คนไทยที่สนใจเช็คข้อมูลสเปกแบบละเอียดในเว็บ Jaecoo ประเทศไทย หรือไม่ก็ไปทดลองขับที่ตัวแทนจำหน่ายใกล้บ้าน ฟังก์ชันนี้ช่วยเพิ่มความสบายเวลาเดินทางไกลได้ชัดเจน แต่ต้องดูให้ดีว่ารุ่นที่ซื้อมีระบบนี้หรือเปล่า เพราะแต่ละเวอร์ชันอาจต่างกัน อีกเรื่องที่ควรสนใจคือความทนทานของมอเตอร์ที่นั่งหน่วยความจำ และการใช้งานจริงในสภาพอากาศร้อนชื้นแบบไทย ควรทดสอบให้แน่ใจว่าใช้ไปนานๆ แล้วยังทำงานลื่นไหลเหมือนเดิม
ดูเพิ่มเติม