Q
Tesla มันเร็วกว่า GT-R หรือไม่
ไม่สามารถสรุปได้ง่าย ๆ ว่าเทสล่าจะเร็วกว่าหรือช้ากว่า GT-R เพราะประสิทธิภาพการเร่งความเร็วและความเร็วสูงสุดขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่นของรถ GT-R เป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสูงของนิสสัน ที่มักติดตั้งเครื่องยนต์ V6 3.8 ลิตร เทอร์โบคู่ มีสมรรถนะแรงม้าโดดเด่น เช่น บางรุ่นทำเวลาเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ประมาณ 2.7 วินาที และความเร็วสูงสุดถึง 315 กม./ชม. ขณะที่เทสล่ามีหลายรุ่น เช่น Model S P100D ที่ทำเวลาเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ราว 2.5 วินาที ซึ่งในด้านการเร่งความเร็ว อาจเร็วกว่าบางรุ่นของ GT-R แต่การเปรียบเทียบความเร็วยังขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพแวดล้อมการขับขี่ น้ำหนักบรรทุก และทักษะผู้ขับขี่ ดังนั้นในสถานการณ์และเงื่อนไขที่แตกต่างกัน สมรรถนะความเร็วของทั้งสองรถอาจแตกต่างกัน จึงไม่สามารถตัดสินได้ว่าเทสล่าจะเร็วกว่า GT-R เสมอไป
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
GT-R และ GT-R Pro มีความแตกต่างอย่างไร
Nissan GT-R กับ GT-R Pro มีความแตกต่างกันหลัก ๆ ในด้านการปรับจูนสมรรถนะ การควบคุมการขับขี่ และความเหมาะสมในการใช้งานในสนามแข่ง แม้ทั้งสองรุ่นจะใช้เครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบ ขนาด 3.8 ลิตรเหมือนกัน แต่ GT-R Pro ได้รับการอัปเกรดช่วงล่างด้วยโช้กอัพ Bilstein แบบปรับค่าแรงหน่วงได้ ระบบเบรกเซรามิกคาร์บอน และชุดแอร์โรไดนามิกที่ดุดันยิ่งขึ้น เช่น สปอยเลอร์หน้า-หลัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ระดับสูง ภายในห้องโดยสารยังมีการลดน้ำหนักโดยใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์มากขึ้น พร้อมเบาะนั่งสปอร์ตจาก Recaro เพื่อมอบประสบการณ์ขับขี่ที่มั่นคงในความเร็วสูง อย่างไรก็ตาม ความสะดวกสบายของ GT-R Pro จะน้อยกว่ารุ่นปกติ เนื่องจากเน้นสมรรถนะเป็นหลัก จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการรถสำหรับขับในสนามแข่งหรือขับขี่แบบเร้าใจ ขณะที่ GT-R รุ่นมาตรฐานจะเหมาะกับการขับใช้งานในชีวิตประจำวันและขับทางไกลได้สบายกว่า สำหรับผู้บริโภคในประเทศไทย หากคุณมองหารถสมรรถนะสูงที่ขับได้ทุกวัน GT-R รุ่นมาตรฐานคือทางเลือกที่ดี แต่ถ้าคุณเป็นสายสนามตัวจริง GT-R Pro จะตอบโจทย์ได้มากกว่า
Q
ความแตกต่างระหว่าง GT C และ GT-R คืออะไร
GT C และ GT-R เป็นรถสมรรถนะสูงจากคนละค่าย โดยมีจุดเด่นที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน GT-R จาก Nissan เป็นรถสปอร์ตระดับตำนานของญี่ปุ่น มาพร้อมเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.8 ลิตร ทวินเทอร์โบ ขับเคลื่อนสี่ล้อ เซตช่วงล่างแบบสนามแข่ง เน้นความแม่นยำในการควบคุม เหมาะกับคนที่ชอบขับขี่แบบดุดันและเน้นสมรรถนะล้วนๆ ส่วน GT C ซึ่งมักหมายถึง Mercedes-AMG GT C เป็นรถสปอร์ตจากฝั่งเยอรมันที่ผสานความแรงและความหรูหราเข้าไว้ด้วยกัน ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ มีระบบช่วงล่างปรับได้ ดีไซน์หรู ภายในสบาย เหมาะกับการเดินทางไกลสไตล์ Grand Touring ในตลาดประเทศไทย GT-R ได้รับความนิยมในหมู่คนรักความเร็วและสนามแข่ง ขณะที่ AMG GT C เหมาะกับผู้ที่ต้องการรถสปอร์ตหรูที่ให้ทั้งสมรรถนะและความสะดวกสบาย ดังนั้นหากคุณชอบอารมณ์ดิบแบบรถญี่ปุ่น GT-R คือคำตอบ แต่หากคุณต้องการความหรูหราแบบเยอรมัน GT C ก็อาจเหมาะกว่า
Q
ความแตกต่างระหว่าง GT T และ GT-R คืออะไร
คุณอาจกำลังถามถึงความแตกต่างระหว่าง “GT-R T-spec” กับ “GT-R Premium Luxury” ราคาของ “GT-R T-spec” อยู่ที่ 12,200,000 บาท ส่วน “GT-R Premium Luxury” ราคา 10,700,000 บาท นอกจากราคาที่ต่างกันแล้ว ทั้งสองรุ่นมีสเปกหลักที่ใกล้เคียงกัน โดยใช้เครื่องยนต์ขนาด 3799 ซีซี ระบบส่งกำลัง และขนาดตัวถังเหมือนกัน คือ ความยาว 4710 มม. ความกว้าง 1895 มม. ความสูง 1370 มม. ฐานล้อ 2780 มม. มี 2 ประตู และ 4 ที่นั่ง อย่างไรก็ตาม “GT-R T-spec” อาจมาพร้อมกับอุปกรณ์ วัสดุ หรือการปรับแต่งที่เหนือระดับและเป็นเอกลักษณ์มากกว่า เพื่อสร้างความแตกต่างและเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าได้มากขึ้น
Q
GT-R และ GT-R NISMO มีความแตกต่างกันอย่างไร
GT-R กับ GT-R NISMO มีความแตกต่างในหลายด้าน โดย GT-R NISMO เป็นรุ่นอัพเกรดของ GT-R ซึ่งพัฒนาโดยแผนกสมรรถนะสูงของนิสสัน ทำให้มีพละกำลังสูงกว่า GT-R รุ่นปกติ ด้วยการปรับแต่งเครื่องยนต์และระบบต่าง ๆ เพื่อให้กำลังขับเคลื่อนดียิ่งขึ้น ในด้านชุดแต่งตัวถัง GT-R NISMO ใช้วัสดุน้ำหนักเบา เช่น คาร์บอนไฟเบอร์ ช่วยลดน้ำหนักรถ ส่งผลให้ความเร็วและการควบคุมรถดีขึ้น โดยเฉพาะในการเร่งและเข้าโค้ง ส่วนระบบช่วงล่าง GT-R NISMO ติดตั้งช่วงล่างเวอร์ชันพรีเมียม สามารถรองรับสภาพถนนที่ซับซ้อนและการขับขี่ที่รุนแรงได้ดี ให้การหนุนรับและความมั่นคงสูงขณะขับด้วยความเร็วสูงหรือเข้าโค้งอย่างรวดเร็ว สรุปคือ GT-R NISMO เป็นการอัพเกรดแบบครบวงจรจาก GT-R เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการสมรรถนะและประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือชั้นกว่า
Q
GT-R วิ่งเร็วกว่า Supra หรือไม่
โดยทั่วไปแล้ว Nissan GT-R มักจะเร็วกว่ารถ Toyota Supra ในด้านสมรรถนะเครื่องยนต์ GT-R ติดตั้งเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.8 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุดถึง 555 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 632 นิวตันเมตร ขณะที่ Supra ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบเรียง ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 340 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ซึ่ง GT-R มีทั้งแรงม้าและแรงบิดที่สูงกว่า ในเรื่องของอัตราเร่ง GT-R ทำความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ภายในประมาณ 2.7 วินาที ขณะที่ Supra ใช้เวลาประมาณ 4.1 วินาที ความเร็วสูงสุดของ GT-R อยู่ที่ราว 315 กม./ชม. ส่วน Supra อยู่ที่ประมาณ 250 กม./ชม. อย่างไรก็ตาม ในการขับขี่จริง ความเร็วยังขึ้นอยู่กับสภาพถนน เทคนิคการขับขี่ และปัจจัยอื่น ๆ นอกจากนี้ ทั้งสองรุ่นยังมีจุดเด่นในด้านการควบคุมและความปลอดภัยที่แตกต่างกัน จึงไม่สามารถตัดสินได้เพียงแค่ความเร็วว่าใครดีกว่ากันครับ
Q
GT-R มีเทอร์โบคู่หรือไม่
ใช่ครับ Nissan GT-R ติดตั้งระบบเทอร์โบคู่ เครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.8 ลิตร รุ่น VR38DETT ซึ่งพัฒนามาจากเครื่องยนต์ VQ ของนิสสันที่ได้รับคำชื่นชมอย่างกว้างขวาง ระบบเทอร์โบคู่ช่วยให้เครื่องยนต์สามารถรีดกำลังสูงสุดได้ที่ 6400 รอบต่อนาที และให้แรงบิดสูงในช่วงรอบเครื่องยนต์ 3200 ถึง 6000 รอบต่อนาที เทคโนโลยีเทอร์โบคู่ช่วยเพิ่มสมรรถนะทั้งกำลังและแรงบิดของเครื่องยนต์ ส่งผลให้ GT-R มีสมรรถนะการเร่งความเร็วที่โดดเด่นและแรงขับเคลื่อนที่ทรงพลัง ไม่ว่าจะขับขี่ในชีวิตประจำวันหรือในสนามแข่ง ก็สามารถแสดงศักยภาพของรถสปอร์ตระดับสูงได้อย่างเต็มที่ มอบประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่างและเร้าใจแก่ผู้ขับขี่ครับ
Q
GT-R ดีต่อการใช้แก๊สหรือไม่
Nissan GT-R รถสปอร์ตสมรรถนะสูงรุ่นนี้แนะนำให้ใช้น้ำมันเบนซิน 95 หรือสูงกว่าเพื่อรับประกันสมรรถนะและความน่าเชื่อถือของเครื่องยนต์ แม้ว่าจะสามารถใช้น้ำมันเบนซิน 91 ได้ในระยะสั้น แต่เมื่อใช้งานในประเทศไทยระยะยาวควรเลือกใช้น้ำมันเบนซินที่มีเลขออกเทนสูงเพื่อป้องกันการน็อกของเครื่องยนต์และรักษาระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ ปั๊มน้ำมันในประเทศไทยโดยทั่วไปมีน้ำมันเบนซิน 95 เช่น PTT 95 หรือ Bangchak E20 Gasohol รวมทั้งน้ำมันแก๊สโซฮอล์และดีเซล แต่เครื่องยนต์เทอร์โบที่มีอัตราส่วนการอัดสูงของ GT-R ไม่เหมาะกับน้ำมัน E20 หรือดีเซล ดังนั้นควรเลือกใช้น้ำมันเบนซิน 95 หรือ 98 ที่บริสุทธิ์เพื่อลดผลกระทบจากเอทานอลต่อระบบเชื้อเพลิง หากต้องการเพิ่มสมรรถนะ บางอู่แต่งรถในไทยยังแนะนำให้น้ำมันเชื้อเพลิงสูตรแข่งหรือสารเติมแต่งเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการเผาไหม้ แต่ควรปฏิบัติตามคำแนะนำในคู่มือรถเพื่อให้รถมีประสิทธิภาพและเสถียรภาพในระยะยาว
Q
GT-R จะใช้งานได้นานเท่าไหร่
Nissan GT-R ไม่มีระยะเวลาการใช้งานที่แน่นอน เพราะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รุ่นปัจจุบันคือรุ่น R35 ซึ่งเปิดตัวในปี 2007 และมีอายุการใช้งานประมาณ 17 ปีจนถึงปัจจุบัน โดย Nissan ยืนยันว่าการผลิตรุ่น R35 จะสิ้นสุดในเดือนตุลาคม 2024 หากใช้งานตามปกติและดูแลรักษาอย่างดี รถ GT-R สามารถใช้งานได้ประมาณ 10 ถึง 15 ปี เช่น การบำรุงรักษาตามระยะเวลาที่กำหนด เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรองอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงซ่อมแซมปัญหาเล็กน้อยที่เกิดขึ้นทันเวลา จะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าใช้งานในสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย มีนิสัยการขับขี่ที่ไม่ดี และขาดการดูแลรักษาที่เหมาะสม อายุการใช้งานอาจลดลงอย่างมาก อาจเริ่มมีปัญหาและส่งผลต่อการใช้งานภายใน 5 ถึง 8 ปีเท่านั้น
Q
Nissan GT-R เป็นรถซูเปอร์คาร์หรือไม่
ใช่ครับ Nissan GT-R คือรถซูเปอร์คาร์รุ่นหนึ่งที่ผลิตโดย Nissan GT-R เป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสูงที่มีความน่าเชื่อถือและมีกำลังแรงม้าสูง ซึ่งเดิมเป็นรุ่นท็อปของซีรีส์ Skyline RV ของ Nissan และปัจจุบันได้กลายเป็นรุ่นรถยนต์แยกต่างหาก GT-R ติดตั้งเครื่องยนต์ขนาด 3.8 ลิตรที่ให้กำลังแรงและแรงบิดสูง ช่วยให้เร่งความเร็วได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีสมรรถนะการควบคุมที่ยอดเยี่ยม ด้วยจุดศูนย์ถ่วงต่ำและระบบช่วงล่างที่ปรับแต่งอย่างดีเยี่ยม ทำให้มีความมั่นคงขณะเข้าโค้ง การออกแบบอากาศพลศาสตร์ช่วยให้รูปลักษณ์ดุดันและเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ด้วยความเร็วสูง GT-R ได้ฝากผลงานที่โดดเด่นในวงการแข่งรถและได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มผู้ชื่นชอบรถยนต์ ยืนยันตำแหน่งซูเปอร์คาร์ของมันอย่างมั่นคง
Q
GT-R มีความเร็วสูงสุดเท่าไหร่
Nissan GT-R สามารถวิ่งได้เร็วอย่างมากด้วยหลายปัจจัยหลัก ประการแรก รถรุ่นนี้ติดตั้งระบบขับเคลื่อนที่ทรงพลัง ด้วยเครื่องยนต์ VR38DETT ขนาด 3.8 ลิตร V6 แบบเทอร์โบคู่ ซึ่งสามารถปลดปล่อยพลังและแรงบิดได้อย่างมหาศาล ให้แรงขับเคลื่อนที่แข็งแกร่ง ช่วยให้รถมีสมรรถนะเร่งความเร็วที่ยอดเยี่ยม ประการที่สอง GT-R มีการออกแบบอากาศพลศาสตร์ที่ดีเยี่ยม มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศเพียง 0.27 เส้นสายตัวถังที่ลื่นไหลช่วยลดแรงต้านอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้รถมีความมั่นคงขณะวิ่งด้วยความเร็วสูง นอกจากนี้ GT-R ยังติดตั้งระบบส่งกำลังและช่วงล่างประสิทธิภาพสูง ใช้เกียร์ดูอัลคลัตช์ GR6 ที่เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็วและนุ่มนวล ช่วงล่างผ่านการปรับเซ็ตอย่างละเอียดเพื่อให้รถมีการควบคุมและความมั่นคงที่ดีขณะขับขี่ความเร็วสูงและเลี้ยวโค้ง ช่วยเปลี่ยนพลังงานให้กลายเป็นความเร็วได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สุดท้าย การออกแบบตัวถังให้มีน้ำหนักเบายังช่วยเพิ่มสมรรถนะความเร็ว โดยลดน้ำหนักรวมของรถ ทำให้การส่งกำลังมีประสิทธิผลมากขึ้น ส่งผลให้ความเร็วของรถดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน
Q&A ล่าสุด
Q
Jaecoo J6 EV ราคาเท่าไหร่?
สำหรับราคาของ Jaecoo J6 EV ในประเทศไทย ขณะนี้ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการจากทางบริษัท แนะนำให้ติดตามข้อมูลจากตัวแทนจำหน่ายในไทยหรือเว็บไซต์ทางการของแบรนด์เพื่ออัปเดตความเคลื่อนไหวล่าสุด
ในฐานะที่เป็นรถยนต์ SUV พลังงานไฟฟ้าล้วน J6 EV คาดว่าจะมาพร้อมเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่ทันสมัยและระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นในตลาดไทย โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่มีการจราจรหนาแน่นอย่างกรุงเทพฯ ด้วยจุดเด่นเรื่องการปล่อยไอเสียเป็นศูนย์ จึงสอดรับกับนโยบายส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลไทย
ผู้บริโภคในไทยที่สนใจรถ EV นอกจากพิจารณาราคาแล้ว ยังควรคำนึงถึงความสะดวกในการชาร์จไฟ ปัจจุบันเครือข่ายสถานีชาร์จในเมืองใหญ่ของไทยกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทั้งตามห้างสรรพสินค้าและปั๊มน้ำมันบางแห่งที่มีบริการชาร์จด่วน
เมื่อเทียบกับรถ EV ในระดับเดียวกัน J6 EV อาจชูจุดเด่นเรื่องความคุ้มค่า แต่รายละเอียดด้านอุปกรณ์และระยะทางวิ่งต่อการชาร์จหนึ่งครั้งยังต้องรอข้อมูลจากทางบริษัทเพิ่มเติม ทั้งนี้ รถนำเข้า EV ในไทยยังได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีนำเข้า ซึ่งอาจทำให้ราคาจำหน่ายจริงของ J6 EV ค่อนข้างน่าสนใจ แนะนำให้เปรียบเทียบแพ็กเกจรับประกันและเครือข่ายบริการหลังการขายของแต่ละแบรนด์ก่อนตัดสินใจซื้อ.
Q
Jaecoo J6 EV ใช้แบตเตอรี่แบบไหน?
รถยนต์ไฟฟ้า Jaecoo J6 EV ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมที่ออกแบบโดย CATL (宁德时代) มีความจุแบตเตอรี่ 69.8kWh ซึ่งช่วยให้พลังงานไฟฟ้าที่เสถียรสำหรับการขับขี่ แบตเตอรี่ชนิดนี้มีข้อดีหลายอย่างเมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ทั่วไป คือมีความหนาแน่นพลังงานสูงกว่า ทำให้มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบากว่าในความจุเท่ากัน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและระยะทางการขับขี่ของรถได้ดี นอกจากนี้แบตเตอรี่ลิเธียมยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ลดความยุ่งยากและค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตเตอรี่บ่อยๆ สำหรับรุ่นมอเตอร์เดี่ยว Jaecoo J6 EV ที่ใช้แบตเตอรี่นี้สามารถวิ่งได้ไกลถึง 500 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง เพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตประจำวันและการเดินทางใกล้ไกลระดับกลาง ช่วยให้ผู้ขับขี่มีความสะดวกสบายมากขึ้น
Q
Jaecoo J6 EV มีขนาดตัวถังเท่าไหร่?
Jaecoo J6 EV มีขนาดตัวถังความยาว 4,406 มม. ความกว้าง 1,910 มม. ความสูง 1,715 มม. และระยะฐานล้อ 2,715 มม. ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่ม SUV ขนาดคอมแพกต์ที่เน้นการใช้งานได้ทั้งในเมืองและลุยทางออฟโรด ตัวรถมีความยาวพอดี เหมาะกับการใช้งานในเมืองและหาที่จอดได้ง่าย ความกว้างของตัวรถช่วยเพิ่มพื้นที่ภายในให้รู้สึกโปร่ง นั่งสบายในแนวขวาง ความสูงของรถช่วยให้มุมมองในการขับขี่ชัดเจน พร้อมพื้นที่เหนือศีรษะที่ไม่อึดอัด ส่วนระยะฐานล้อยาว ช่วยให้รถทรงตัวดีเมื่อต้องวิ่งทางไกลหรือถนนขรุขระ โดยรวมแล้ว Jaecoo J6 EV ถูกออกแบบให้ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานประจำวันและการขับขี่แบบลุย ๆ ได้ในคันเดียว.
Q
Jaecoo J6 EV ชาร์จเร็วแค่ไหน?
สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า Jaecoo J6 ในตลาดไทย ความเร็วในการชาร์จถือว่าคุ้มค่าและใช้งานได้ดี จากข้อมูลทางการ เมื่อใช้ระบบชาร์จเร็ว DC สามารถชาร์จไฟจาก 30% ถึง 80% ได้ภายในเวลาเพียง 30 นาที ซึ่งเหมาะกับสถานีชาร์จแบบเร็วที่พบได้ทั่วไปในไทย เช่น ในสถานีบริการทางด่วนหรือศูนย์การค้าย่านกลางเมืองกรุงเทพฯ ส่วนการชาร์จแบบช้า AC ที่บ้านจะใช้เวลาประมาณ 6-8 ชั่วโมงในการชาร์จเต็ม เหมาะสำหรับการชาร์จตอนกลางคืนหรือเมื่อจอดรถทิ้งไว้เป็นเวลานาน สภาพอากาศร้อนของไทยมีผลกระทบต่อประสิทธิภาพแบตเตอรี่ไม่มาก แต่ควรหลีกเลี่ยงการชาร์จเร็วในช่วงกลางวันที่อากาศร้อนจัดเพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ สำหรับผู้ใช้ในไทย ความเร็วในการชาร์จยังขึ้นอยู่กับความเสถียรของระบบไฟฟ้าในพื้นที่ เช่น ในกรุงเทพฯ จะชาร์จไฟได้เร็วกว่าในพื้นที่ห่างไกล ถ้าคิดจะเดินทางไกล แนะนำให้วางแผนเส้นทางล่วงหน้าผ่านแอปแผนที่ชาร์จไฟในไทย เช่น ELECTRICITY หรือ PlugShare ซึ่งจะแสดงสถานะสถานีชาร์จและข้อมูลกำลังไฟแบบเรียลไทม์ ควรระวังว่าเวลาชาร์จจริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอุณหภูมิแบตเตอรี่ กำลังไฟของสถานีชาร์จ (ในไทยส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 50-150kW) หรือระบบจัดการแบตเตอรี่ของรถ แนะนำให้ลองทดสอบการชาร์จจริงที่ตัวแทนจำหน่ายท้องถิ่นก่อนตัดสินใจซื้อรถ
Q
Jaecoo J6 EV ระยะใต้ท้องรถเท่าไหร่?
ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับระยะความสูงจากพื้นรถ (Ground Clearance) ของ Jaecoo J6 EV ที่เปิดตัวโดยบริษัท แต่ด้วยการออกแบบที่เป็น SUV ไฟฟ้าล้วน มักจะเน้นทั้งการใช้งานในเมืองและเส้นทางลุยๆ แบบเบาๆ คาดว่าระยะความสูงจากพื้นน่าจะอยู่ที่ 160-180 มม. ซึ่งเพียงพอสำหรับสภาพถนนทั่วไปในไทย ทั้งในเมืองและเส้นทางลูกรังในชนบท เช่น ถนนมีน้ำขังในช่วงฤดูฝนหรือทางดินในต่างจังหวัด สำหรับคนไทยที่กำลังมองหา EV นอกเหนือจากระยะความสูงจากพื้นรถ ยังควรดูเกณฑ์ป้องกันน้ำของแบตเตอรี่ (อย่างระดับ IP67 ที่เหมาะกับสภาพอากาศแบบมีฝนชุก) การตั้งค่าตัวถัง (โดยเฉพาะความนุ่มสบายสำหรับการเดินทางไกล) และเครือข่ายสถานีชาร์จ (โดยเฉพาะจุดชาร์จเร็วในกรุงเทพและเมืองท่องเที่ยวหลัก) แนะนำให้ผู้สนใจติดต่อช่องทางทางการเพื่อขอข้อมูลการทดสอบจริงหรือนัดทดลองขับเพื่อประเมินความสามารถในการขับขี่บนเส้นทางต่างๆ นอกจากนี้ สภาพอากาศร้อนชื้นของไทยยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อระบบจัดการความร้อนของแบตเตอรี่ หาก J6 EV มีระบบทำความเย็นแบบแอคทีฟก็จะช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้ดีขึ้น ควรพิจารณารายละเอียดเหล่านี้ให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจซื้อ
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

Nissan รุ่นต่อไปของ GT-R จะใช้ระบบพลังงานผสม ภายใน 3-5 ปีจะเข้าตลาด
ธนวัฒน์Apr 23, 2025

Nissan ปิดการสั่งซื้อ GT-R R35 รถแข่งญี่ปุ่นกำลังสูญเสียในยุคของรถยนต์ไฟฟ้า
สุรเดชMar 5, 2025

การกลับมาของรุ่นคลาสสิค: นิสสัน GTR T-Spec เปิดตัวในมหกรรมยานยนต์ในกรุงเทพฯ
AshleyMar 20, 2024

Nissanวางแผนเปิดตัว N7 ในตลาดอาเซียน ตลาดไทยอาจได้ต้อนรับรถรุ่นใหม่นี้
Kevin WongJul 23, 2025

เนื่องจากอัตราการใช้กำลังการผลิตต่ำ Nissan วางแผนที่จะปิดโรงงาน Civac ในเม็กซิโกก่อนเดือนมีนาคมปีหน้า
ธนวัฒน์Jul 22, 2025
ดูเพิ่มเติม
ข้อดี
ข้อเสีย