Q

Nissan 2024 มีความน่าเชื่อถือแค่ไหน

รถยนต์ Nissan รุ่นปี 2024 ในประเทศไทยน่าจับตามองเรื่องความทนทาน เพราะยังคงความแข็งแกร่งแบบฉบับ Nissan ที่เราคุ้นเคย โดยเฉพาะการออกแบบมาเพื่อสภาพอากาศร้อนชื้นแบบไทยๆ อย่างระบบระบายความร้อนและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่กันน้ำได้ดี เหมาะกับทั้งอากาศร้อนและฝนตกชุก แถมระบบขับขี่อัจฉริยะ ProPILOT ยังช่วยลดความเหนื่อยล้าเวลาเจอรถติดในกรุงเทพฯ ส่วนเครื่องยนต์ตระกูล HR ที่ปรับแต่งมาเฉพาะสำหรับไทยนั้น ทั้งประหยัดน้ำมันและใช้งานได้ดีกับน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ ถ้าอยากรู้เรื่องความทนทาน ลองดูรายงานของ J.D. Power ในไทยก็ได้ ซึ่งชี้ให้เห็นว่ารถ Nissan มีอัตราเสียหายน้อยกว่าค่าเฉลี่ยในตลาดอาเซียน และที่สำคัญ ทุกรุ่นของ Nissan ปี 2024 ผ่านมาตรฐาน TISI ที่เข้มงวดแล้ว ซึ่งครอบคลุมกว่า 30 ข้อ ทั้งเรื่องการปล่อยมลพิษและความปลอดภัย แนะนำให้เจ้าของรถในไทยบริการรักษารถที่ศูนย์บริการมาตรฐานของ Nissan อย่างสม่ำเสมอ และควรใช้อะไหล่แท้จากศูนย์เพื่อรักษาสภาพรถ โดยเฉพาะการเปลี่ยนไส้กรองอากาศบ่อยๆ เพื่อรับมือกับถนนที่มีฝุ่นเยอะแบบบ้านเรา
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ความเร็วสูงสุดของ Toyota Corolla 2024 คือเท่าไหร่?
รถโตโยต้า โคโรลลา รุ่นปี 2024 ในประเทศไทยมีความเร็วสูงสุดที่แตกต่างกันไปตามรุ่นและแบบเครื่องยนต์ โดยรุ่นเครื่องยนต์เบนซินจะทำความเร็วสูงสุดได้ประมาณ 180-200 กม./ชม. ส่วนรุ่นไฮบริดที่เน้นการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงจะมีความเร็วสูงสุดน้อยกว่าประมาณ 180 กม./ชม. ทั้งนี้ความเร็วจริงอาจได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศร้อนของไทย สภาพถนน หรือน้ำหนักบรรทุก ในตลาดไทย โคโรลลาเป็นรถยอดนิยมโดยเฉพาะรุ่นเครื่องยนต์ 1.8L และ 1.6L ที่เหมาะกับการใช้งานในเมือง ส่วนระบบไฮบริดจะช่วยประหยัดน้ำมันได้ชัดเจนในสภาพการจราจรติดขัดอย่างในกรุงเทพฯ ควรระวังว่ากฎหมายไทยกำหนดความเร็วสูงสุดไว้ที่ 120 กม./ชม. การขับขี่เกินความเร็วกำหนดไม่เพียงแต่เสี่ยงอันตรายแต่ยังอาจถูกปรับหนัก นอกจากนี้ระบบ Toyota Safety Sense ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ ซึ่งเป็นประโยชน์มากในสภาพถนนทั้งในเมืองและต่างจังหวัดของไทยที่หลากหลาย หากต้องการสมรรถนะ更高อาจพิจารณารุ่น Corolla Altis ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ 2.0L แต่ต้องคำนึงว่าภาษีรถยนต์เครื่องยนต์ขนาดใหญ่ในไทยจะสูงกว่า
Q
ยางขนาดเท่าไหร่ที่ติดตั้งใน Toyota Corolla ปี 2024?
สำหรับรถโตโยต้า Corolla รุ่นปี 2024 ที่วางขายในตลาดไทย ขนาดยางที่ทางผู้ผลิตจัดให้นั้นจะแตกต่างกันไปตามรุ่นและระดับเครื่องยนต์ โดยขนาดยางที่พบได้บ่อยจะมี 2 แบบคือ 195/65 R15 และ 205/55 R16 ซึ่งแบบแรกมักจะใช้กับรุ่นพื้นฐาน ส่วนแบบหลังนั้นจะเจอในรุ่นท็อปหรือรุ่นสปอร์ต ตัวเลขขนาดยางเหล่านี้มีความหมายคือ ความกว้างของหน้ายาง (หน่วยเป็นมิลลิเมตร) อัตราส่วนความสูงของแก้มยางต่อความกว้างหน้ายาง (เป็นเปอร์เซ็นต์) และเส้นผ่านศูนย์กลางของล้อ (หน่วยเป็นนิ้ว) การเลือกขนาดยางที่เหมาะสมจะมีผลต่อการควบคุมรถ ความนุ่มสบาย และประหยัดน้ำมันด้วย ในสภาพอากาศเมืองไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุก แนะนำให้เลือกยางที่มีร่องดอกยางดีเพื่อระบายน้ำได้มีประสิทธิภาพ จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยเวลาขับตอนฝนตก นอกจากนี้ควรตรวจสอบสภาพยางและลมยางเป็นประจำ เพื่อป้องกันปัญหายางระเบิดจากความร้อนที่ทำให้ลมยางเพิ่มความดันสูงเกินไป ส่วนใครที่คิดจะอัพเกรดขนาดยาง ต้องระวังเรื่องกฎหมายด้วยนะ เพราะไทยเรามีข้อกำหนดเรื่องการเปลี่ยนขนาดยาง ต้องไม่เกินขอบเขตที่ผู้ผลิตอนุญาตไว้ เดี๋ยวจะเกิดปัญหาเวลาตรวจสภาพรถหรือทำประกันได้
Q
แรงดันลมยางที่เหมาะสมสำหรับรถ Toyota Corolla ปี 2024 คือเท่าไร?
ตามคำแนะนำอย่างเป็นทางการจากโตโยต้า มาตรฐานความดันลมยางสำหรับ Toyota Corolla รุ่นปี 2024 จะระบุไว้บนสติกเกอร์ที่กรอบประตูหรือในคู่มือผู้ใช้ สำหรับสภาพอากาศร้อนแบบประเทศไทย แนะนำให้ปรับความดันลมยางเมื่อยางเย็นอยู่ที่ 32 psi (2.2 bar) สำหรับล้อหน้า และ 30 psi (2.1 bar) สำหรับล้อหลัง หากมีการบรรทุกหนักเป็นประจำสามารถปรับตามค่าที่แนะนำบนสติกเกอร์ได้ สภาพอากาศร้อนในไทยจะทำให้ความดันลมยางเพิ่มขึ้นขณะขับขี่ ดังนั้นควรตรวจสอบความดันลมยางอย่างน้อยเดือนละครั้ง ควรตรวจในช่วงเช้าหรือในที่ร่มจะดีที่สุด ต้องระวังว่าความดันลมยางสูงเกินไปจะทำให้การยึดเกาะถนนลดลง ส่วนความดันต่ำเกินไปจะเพิ่มการสิ้นเปลืองน้ำมันและเสี่ยงยางระเบิดได้ ในช่วงฤดูฝนอาจลดความดันลง 1-2 psi เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่บนถนนเปียก แต่ไม่ควรปรับค่าแตกต่างจากมาตรฐานโรงงานเกิน 10% สำหรับสภาพถนนในกรุงเทพฯและเมืองใหญ่ที่ค่อนข้างซับซ้อน แนะนำให้เลือกรุ่นที่มาพร้อมระบบตรวจสอบความดันลมยาง (TPMS) โดยในไทยปั๊มน้ำมันและอู่ซ่อมรถส่วนใหญ่มีบริการตรวจความดันลมยางฟรี ควรตรวจสอบให้แน่ใจก่อนเดินทางไกล ยางแต่ละยี่ห้อเช่นมิชลินหรือบริจสโตนอาจมีค่ามาตรฐานแตกต่างกันเล็กน้อย หลังเปลี่ยนยางใหม่ควรตรวจสอบค่ามาตรฐานอีกครั้ง
Q
วิธีตรวจสอบว่าล้อไหนลมยางอ่อนใน Toyota Corolla ปี 2024
ถ้าจะตรวจสอบว่ายางล้อไหนของ Toyota Corolla รุ่นปี 2024 มีลมยางไม่พอ วิธีที่ง่ายที่สุดคือใช้ระบบตรวจสอบความดันลมยาง (TPMS) ที่มากับรถเป็นมาตรฐานอยู่แล้ว พอความดันลมยางต่ำกว่าค่ามาตรฐาน ไฟเตือนสีเหลืองบนแผงหน้าปัดจะสขึ้นพร้อมบอกตำแหน่งล้อนั้นๆ ช่วงอากาศร้อนๆแบบไทยๆเนี่ยลมยางขึ้นลงง่าย แนะนำให้ตรวจเช็คลมยางด้วยตัวเองอย่างน้อยเดือนละครั้ง จะใช้เครื่องวัดลมยางแบบดิจิตอลตามปั๊มหรืออู่ก็ได้ ต้องเช็คตอนยางเย็นเท่านั้น แล้วเทียบกับค่ามาตรฐานที่ติดอยู่บนกรอบประตูด้านคนขับ (ปกติล้อหน้าจะอยู่ที่ 220kPa ล้อหลัง 210kPa) ถ้าลมยางผิดปกติต้องปรับให้ตรงอย่าปล่อยทิ้งไว้ โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนถนนไทยๆมักลื่น การรักษาลมยางให้พอดีจะช่วยให้เบรกทำงานปกติและประหยัดน้ำมันด้วย ยางลมอ่อนนานๆนอกจากจะสึกเร็วยังเสี่ยงยางระเบิดเวลาเดินทางไกลตอนแดดจัดๆอีก ส่วนวิธีสังเกตแบบคร่าวๆให้ดูว่ายางแตะพื้นเท่ากันทุกด้านหรือเปล่า แต่วิธีนี้ไม่แม่นเท่าใช้เครื่องวัดนะ
Q
รถ Toyota Corolla ปี 2024 ใช้น้ำมันเครื่องชนิดไหน?
สำหรับรถโตโยต้า Corolla รุ่นปี 2024 ที่จำหน่ายในประเทศไทย แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องชนิดสังเคราะห์เต็มรูปแบบที่มีความหนืด 0W-16 หรือ 5W-20 เพราะทั้งสองเกรดนี้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนของไทยและช่วยปกป้องเครื่องยนต์ได้ดี อย่างไรก็ตามควรตรวจสอบคู่มือผู้ใช้หรือสติกเกอร์ที่ฝากล่องน้ำมันเครื่องเพื่อดูเกรดที่ผู้ผลิตระบุไว้เป็นหลัก สภาพแวดล้อมของไทยที่มีทั้งความร้อนและความชื้นสูงต้องการน้ำมันเครื่องคุณภาพดีที่ได้มาตรฐาน API SP หรือ ILSAC GF-6A เพื่อความสะอาดของเครื่องยนต์และช่วยประหยัดน้ำมัน ที่สำคัญคือในสภาพอากาศร้อนแบบไทยๆ ควรตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องเป็นประจำและเปลี่ยนตามระยะเวลาที่กำหนดทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 6 เดือน (แล้วแต่อย่างไหนถึงก่อน) แต่ถ้าต้องเผชิญกับการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ บ่อยๆ อาจต้องเปลี่ยนถี่ขึ้นกว่านั้น สำหรับรุ่นเทอร์โบหรือไฮบริด ต้องใช้น้ำมันเครื่องตามที่โตโยต้ากำหนดเท่านั้นเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งศูนย์บริการโตโยต้าในไทยมีน้ำมันเครื่องต้นฉบับที่ได้มาตรฐานพร้อมบริการครบวงจร อีกเรื่องที่ควรรู้คือสภาพพื้นที่เป็นภูเขาของไทยอาจทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้น การเลือกน้ำมันเครื่องที่มีคุณสมบัติป้องกันการเสื่อมสภาพจากความร้อนสูงจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยยืดอายุเครื่องยนต์ได้ดีขึ้น
Q
ราคาที่ยุติธรรมสำหรับรถ Toyota Corolla ปี 2024 ควรจะเป็นเท่าไหร่?
รถโตโยต้า โคโรลลา รุ่นปี 2024 ในประเทศไทยน่าจะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 800,000 ถึง 1,200,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่าย โดยรุ่นพื้นฐาน 1.6L แบบเบนซินจะราคาถูกกว่า ส่วนรุ่นไฮบริดแบบเต็มอุปกรณ์จะใกล้เคียงกับราคาสูงสุด นอกจากนี้ราคาจริงอาจรวมค่าประกัน ภาษี และอุปกรณ์เสริมต่างๆ ด้วย ตลาดไทยให้ความนิยมโคโรลลามาอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นรถที่ทนทานและประหยัดน้ำมัน โดยเฉพาะในสภาพการจราจรติดขัดอย่างในกรุงเทพฯ รุ่นไฮบริดยิ่งช่วยลดค่าน้ำมันลงไปอีก ก่อนซื้อแนะนำให้เปรียบเทียบราคาจากหลายๆ โชว์รูม เพราะโตโยต้ามีเครือข่ายจำหน่ายทั่วไทยและบริการหลังการขายค่อนข้างดี บางครั้งอาจมีโปรโมชั่นพิเศษ เช่น ผ่อนสบายๆ ดอกเบี้ยต่ำหรือบริการฟรีๆ ที่ช่วยลดต้นทุนในการใช้รถในระยะยาว ส่วนเรื่องค่าซื้อคืนกลับ โคโรลลาก็ทำได้ดีเหมือนกัน แม้ใช้ไปนานก็ยังคงมูลค่าได้ค่อนข้างดี
Q
รถ Toyota Corolla Cross ปี 2024 จะใช้งานได้นานแค่ไหน?
รถโตโยต้า Corolla Cross รุ่นปี 2024 ในประเทศไทยโดยทั่วไปสามารถใช้งานได้นาน 15-20 ปี หรือระยะทางเกิน 3 แสนกิโลเมตร ขึ้นอยู่กับการบำรุงรักษาและนิสัยการขับขี่ รถรุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์ 2.0L แบบดูดธรรมดาและเกียร์ CVT ที่มีชื่อเรื่องความทนทาน พร้อมด้วยระบบไฮบริด (แบบ HEV) ที่ได้รับการพัฒนามาอย่างดีของโตโยต้า ซึ่งทำงานได้ดีในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย แนะนำให้เปลี่ยนน้ำหล่อเย็นและน้ำมันเกียร์อย่างสม่ำเสมอเพื่อรับมือกับอุณหภูมิสูง และควรดูแลป้องกันสนิมบริเวณช่วงล่างโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน สำหรับคนไทยแล้ว Corolla Cross มีอะไหล่พร้อมและค่าซ่อมบำรุงไม่แพง นอกจากนี้ยังเป็นรถที่ทรงตัวดีในตลาดมือสอง หากทำตามคำแนะนำของผู้ผลิตในการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุก 1 หมื่นกิโลเมตรและใช้อะไหล่แท้ จะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถได้อีก ที่สำคัญคือสภาพถนนในไทยมีความหลากหลาย จึงควรตรวจสอบระบบช่วงล่างทุก 2 ปี โดยเฉพาะถ้าต้องขับบนถนนชนบทบ่อยๆ การดูแลรายละเอียดเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความเชื่อถือได้ในการใช้งานระยะยาวอย่างเห็นได้ชัด
Q
รถ Toyota Corolla Cross รุ่นปี 2024 เป็นรถที่ดีหรือไม่?
สำหรับตลาดไทย 2024 Toyota Corolla Cross นับเป็น SUV ที่น่าจับตามอง เพราะยังคงความน่าเชื่อถือและใช้งานได้จริงแบบฉบับโตโยต้า มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร แบบธรรมดาหรือระบบไฮบริดที่ให้กำลังส่งเรียบๆ แต่ประหยัดน้ำมันสุดๆ เหมาะทั้งขับในเมืองที่รถติดเยอะหรือจะไปทริปยาวๆ ก็ไหว ที่นั่งด้านหลังกว้างขวาง พับเก็บได้ตามต้องการ ช่วยเรื่องขนของหรือไปเที่ยวกับครอบครัว แถมยังติดตั้ง Toyota Safety Sense ระบบช่วยความปลอดภัยที่มีทั้งแจ้งเตือนก่อนชนและช่วยควบคุมเลน ช่วยให้ขับขี่ปลอดภัยขึ้น ส่วนเรื่องอากาศร้อนๆ แบบไทยๆ แอร์ของรุ่นนี้เย็นฉ่ำ แถมช่วงล่างก็ปรับแต่งมาได้ดีทั้งนุ่มและกระชับ รับได้ทุกสภาพถนน ถ้าจะให้เปรียบเทียบกับรุ่นอื่นในตลาดอย่าง Honda HR-V หรือ Mazda CX-30 ที่แต่ละรุ่นก็มีจุดเด่นต่างกัน แต่จุดแข็งของ Corolla Cross อยู่ที่เครือข่ายบริการหลังการขายของโตโยต้าที่ครอบคลุมและมูลค่ารถคงเหลือสูง ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนไทยมาก
Q
คะแนนของ Toyota Corolla Cross 2024 คือเท่าไร?
รถโตโยต้า คอร์โรลลา ครอส รุ่นปี 2024 ในไทยทำผลงานด้านความปลอดภัยได้ดีมาก ได้รับการรับรองระดับ 5 ดาวจากอาเซียน NCAP พร้อมระบบ Toyota Safety Sense ที่มาพร้อมฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น ระบบเตือนการชนและช่วยรักษาเลน เหมาะสมกับสภาพถนนทั้งในเมืองและต่างจังหวัดของไทยที่ค่อนข้างซับซ้อน ส่วนด้านสมรรถนะมีทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตรและไฮบริด 1.8 ลิตร โดยรุ่นไฮบริดให้ประหยัดน้ำมันถึงประมาณ 23 กม./ลิตรในสภาพการจราจรติดขัดของกรุงเทพฯ ส่วนระบบช่วงล่างก็ถูกปรับแต่งให้เหมาะกับถนนไทย ทั้งความนุ่มนวลและการทรงตัว ความโดดเด่นในตลาดไทยยังมาจากราคาที่เหมาะสมเพราะผลิตในประเทศและเครือข่ายบริการหลังการขายที่ครอบคลุม สำหรับคนไทยที่กำลังมองหารถในระดับเดียวกัน อาจเปรียบเทียบกับฮอนด้า เอชอาร์-วี หรือมาสด้า ซีเอ็กซ์-30 ก่อนตัดสินใจ แนะนำให้ไปทดลองขับที่โชว์รูมในกรุงเทพฯหรือเชียงใหม่ และอย่าลืมเช็กโปรโมชั่นลดภาษีสำหรับรถ Eco Car จากรัฐบาลไทยเพื่อช่วยในการตัดสินใจที่คุ้มค่าที่สุด
Q
คุณจะต้องจ่ายเท่าไรสำหรับรถ Toyota Corolla Cross ปี 2024?
ราคารถ Toyota Corolla Cross รุ่นปี 2024 ในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามระดับเครื่องยนต์และโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่าย โดยรุ่นพื้นฐานเริ่มต้นที่ประมาณ 950,000 - 1,100,000 บาท ส่วนรุ่นไฮบริดแบบเต็มสูบอาจสูงถึง 1,200,000 - 1,400,000 บาท แนะนำให้ติดต่อตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการเพื่อสอบถามราคาล่าสุดและข้อเสนอพิเศษ Corolla Cross เป็นที่นิยมในตลาดไทยเพราะประหยัดน้ำมันและความทนทาน เหมาะกับการขับขี่ในเมืองและการใช้งานในครอบครัว โดยเฉพาะรุ่นไฮบริดที่ช่วยประหยัดน้ำมันได้มากขึ้นอีก เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม นอกจากราคาแล้ว ควรพิจารณาบริการหลังการขาย นโยบายการรับประกันและค่าประกันรถด้วย เพราะสิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายในระยะยาว รัฐบาลไทยมีนโยบายลดภาษีสำหรับรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การเลือกรุ่นไฮบริดอาจได้รับสิทธิประโยชน์บางอย่าง ควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนตัดสินใจ ซ้ำยังมีจุดแข็งเรื่องเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายของโตโยต้าที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้สะดวกในเรื่องบริการหลังการขาย นี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่หลายคนเลือก Corolla Cross

Q&A ล่าสุด

Q
ฮอนด้า CR V มีที่นั่งกี่ที่
ฮอนด้า CR-V ในตลาดไทยมักเป็นรุ่น 5 ที่นั่งซึ่งเป็นการจัดมาตรฐานตอบโจทย์การใช้งานของครอบครัวส่วนใหญ่พื้นที่ด้านหลังกว้างและเบาะปรับได้ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการโดยสารเหมาะอย่างยิ่งกับการเดินทางครอบครัวหรือการสัญจรในเมืองที่พบได้บ่อยในไทยควรทราบว่า CR-V ในบางตลาดต่างประเทศมีรุ่น 7 ที่นั่งแต่รุ่นจำหน่ายในไทยเน้น 5 ที่นั่งเป็นหลักผู้บริโภคสามารถพิจารณาตามความต้องการเรื่องจำนวนผู้โดยสารนอกจากนี้เมื่อพับเบาะหลังแล้วพื้นที่เก็บสัมภาระขยายมากขึ้นเหมาะกับการเดินทางแบบขับเองหรือขนของจำนวนมากในไทยรถรุ่นนี้ยังมีความประหยัดน้ำมันและความน่าเชื่อถือสูงเหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นและถนนในเมืองที่ซับซ้อน
Q
สิ่งที่ทำให้ฮอนด้า CR-V เด่นเด่นจาก SUV ขนาดกะทัดรัดอื่น ๆ
ฮอนด้า ซีอาร์-วี เป็น SUV คอมแพคที่โดดเด่นในตลาดไทย ด้วยจุดแข็งด้านความประหยัดน้ำมัน ความทนทาน และพื้นที่ใช้สอยที่คุ้มค่า ซีอาร์-วี ให้พื้นที่เบาะหลังและกระโปรงท้ายที่กว้างขวางกว่าใครในรุ่นเดียวกัน เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ครอบครัวไทยทั้งทริปยาวและใช้งานประจำวัน เครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5L และระบบไฮบริดนั้นให้กำลังสมบูรณ์แบบแต่ยังประหยัดน้ำมัน แม้จะเจอทั้งรถติดในกรุงเทพหรือขับทางไกลก็ไร้กังวล ที่สำคัญ ซีอาร์-วี ยังเป็นรถที่ทรงมูลค่ามากในตลาดมือสอง แถมค่าบำรุงรักษาก็ไม่บานปลาย ทำให้เป็นตัวเลือกน่าสนใจ อากาศร้อนชื้นของไทยก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะระบบแอร์เย็นฉ่ำและโครงสร้างป้องกันสนิมได้รับการออกแบบมาเฉพาะ อีกทั้งระบบ Honda SENSING ที่มาพร้อมฟีเจอร์ความปลอดภัยครบครัน ช่วยให้ขับขี่มั่นใจในสภาพการจราจรที่ค่อนข้างโหดของเมืองไทย พูดได้เต็มปากว่า ซีอาร์-วี คือ SUV อเนกประสงค์ที่ตอบโจทย์ครอบครัวไทยได้ครบวงจร แม้คู่แข่งในระดับเดียวกันอาจโดดเด่นในบางจุด แต่ด้วยความสมดุลในทุกด้านทำให้ ซีอาร์-วี ยังคงเป็นตัวท็อปที่เอาชนะได้ยาก
Q
เมื่อฟอร์ดเอเวอเรสต์ใหม่จะเปิดตัว
ฟอร์ดเอเวอเรสต์เจเนอเรชันใหม่คาดว่าจะเปิดตัวในตลาดไทยไตรมาสแรกของปี 2024 โดยวันเปิดตัวที่แน่นอนต้องรอการยืนยันจากฟอร์ดไทยรุ่นนี้ได้เผยโฉมแล้วในหลายตลาดทั่วโลกการปรับปรุงสำคัญรวมถึงดีไซน์ภายนอกที่แข็งแรงขึ้นติดตั้งระบบสาระบันเทิง SYNC 4 รุ่นล่าสุดและเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตรทวินเทอร์โบที่ประหยัดขึ้นบางรุ่นอาจมีตัวเลือกปลั๊กอินไฮบริดเพื่อตอบสนองความต้องการรถประหยัดพลังงานของผู้บริโภคไทยในฐานะตลาดกระบะและเอสยูวีสำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คู่แข่งหลักของเอเวอเรสต์คือโตโยต้าโฟร์จูนเนอร์และอีซูซุ MU-X แต่ฟอร์ดมีโอกาสดึงดูดผู้ใช้ที่เน้นการใช้งานจริงและเทคโนโลยีด้วยสมรรถนะออฟโรดที่ดีและระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะเช่นกล้องรอบคัน 360 องศาและระบบจัดการทุกสภาพถนนควรสังเกตว่าตลาดไทยกำหนดมาตรฐานการปล่อยไอเสียเข้มงวดขึ้นรุ่นใหม่อาจปรับให้รองรับมาตรฐานยูโร 6 ล่วงหน้าและการผลิตในประเทศจะช่วยให้มีราคาที่แข่งขันได้แนะนำให้ผู้สนใจติดตามเว็บไซต์ฟอร์ดไทยหรือตัวแทนจำหน่ายเพื่อรับข้อมูลทดลองขับและการพรีออเดอร์อย่างทันเวลา
Q
วิธีการเปิดฝากระโปรงฟอร์ดเอเวอเรสท์
ก่อนจะเปิดฝากระโปรงหน้ารถ Ford Everest สิ่งแรกที่ต้องทำคือให้รถดับสนิทและจอดอยู่บนพื้นเรียบ จากนั้นมองหาแถบดึงปลดล็อกฝากระโปรง (มักมีสัญลักษณ์รูปฝากระโปรง) ที่บริเวณเท้าด้านคนขับ ดึงเบาๆจนได้ยินเสียง"คลิก" ฝากระโปรงจะเปิดขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากนั้นให้มือเข้าไปที่ล็อกซิปรองตรงกลางส่วนหน้าของฝากระโปรง แล้วดันไปทางซ้ายหรือขวา (แล้วแต่รุ่นปี) พร้อมกับยกฝากระโปรงขึ้น ข้อควรระวังคืออากาศร้อนของไทยอาจทำให้ยางซีลฝากระโปรงเสื่อมเร็ว แนะนำให้ทายารักษายางเป็นประจำ ส่วนแกนไฮดรอลิกก็ต้องเช็คบ่อยๆ ถ้ายกไม่ค่อยอยู่ควรเปลี่ยนใหม่โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนเพราะความชื้นจะทำให้ชิ้นส่วนโลหะขึ้นสนิมเร็ว สำหรับคนที่ขับรถในชนบทหรือแถบชายทะเลบ่อยๆ ควรตรวจสอบสภาพท่อและสายในกระโปรงรถทุกเดือน เพราะทั้งความร้อนและเกลือจะเร่งให้อุปกรณ์เหล่านี้เสื่อมสภาพเร็วขึ้น อีกอย่างฝากระโปรง Everest ทำจากอะลูมิเนียมเพื่อลดน้ำหนัก เวลาทำความสะอาดอย่าใช้สารเคมีแรงๆเพราะจะทำลายสารเคลือบผิวได้
Q
อันไหนดีกว่า ฟอร์ดเอฟเวอร์เรสต์หรือโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์
ในตลาดไทย ฟอร์ด Everest และ โตโยต้า Fortuner เป็น SUV ระดับกลางที่ได้รับความนิยมสูงทั้งคู่ แต่ละรุ่นมีจุดแข็งต่างกัน ฟอร์ด Everest ได้รับการพูดถึงจากเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตรที่ทรงพลังร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ที่ให้สมรรถนะการขับขี่ชั้นเยี่ยม เหมาะกับคนที่ชอบความรู้สึกด้านการขับเคลื่อน นอกจากนี้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะและระบบจัดการสภาพถนนยังทำงานได้ดีในเส้นทางหลากหลายประเภท ส่วนโตโยต้า Fortuner นั้นโดดเด่นด้วยเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.8 ลิตรที่เชื่อถือได้คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด โดยเน้นจุดขายเรื่องประหยัดน้ำมันและค่าบำรุงรักษาต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่มองหารถใช้งานระยะยาว ในส่วนของห้องโดยสาร Everest ให้ความรู้สึกทันสมัยกว่า พร้อมระบบอินโฟเทนเมนต์ SYNC 4 ขณะที่ Fortuner ออกแบบมาเรียบง่ายแต่ใช้งานได้ดี ผู้บริโภคไทยสามารถเลือกได้ตามความต้องการ ถ้าชอบความแรงและเทคโนโลยีล้ำๆ Everest น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้าอยากได้รถที่ทนทานและมีมูลค่าซื้อขายต่อสูง Fortuner ก็ตอบโจทย์กว่า ทั้งสองรุ่นมีเครือข่ายบริการหลังการขายครอบคลุมในไทย ทำให้สะดวกในการซ่อมบำรุงไม่ต่างกันมากนัก
ดูเพิ่มเติม
ข้อมูลล่าสุด
Toyota ประกาศว่าเร็วที่สุดในปี 2027 จะเริ่มการผลิตแบตเตอรี่แบบโซลิดสเตตในเชิงพาณิชย์ ปัจจุบันได้พัฒนาวัสดุคาโทดที่ทนทานสูงเรียบร้อยแล้ว

Toyota ประกาศว่าเร็วที่สุดในปี 2027 จะเริ่มการผลิตแบตเตอรี่แบบโซลิดสเตตในเชิงพาณิชย์ ปัจจุบันได้พัฒนาวัสดุคาโทดที่ทนทานสูงเรียบร้อยแล้ว

วิรุฬห์Oct 13, 2025

BYD มียอดขายในสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้น 880% ถึง 11,271 คัน กลายเป็นตลาดเดี่ยวที่ใหญ่ที่สุดนอกประเทศจีน

BYD มียอดขายในสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้น 880% ถึง 11,271 คัน กลายเป็นตลาดเดี่ยวที่ใหญ่ที่สุดนอกประเทศจีน

วิรุฬห์Oct 13, 2025

Leapmotorรถใหม่: ให้คุณใช้เงินเท่าที่ซื้อ RAV 4 แต่ได้รถที่มีขนาดเท่ากับ Land Cruiser

Leapmotorรถใหม่: ให้คุณใช้เงินเท่าที่ซื้อ RAV 4 แต่ได้รถที่มีขนาดเท่ากับ Land Cruiser

สุรเดชOct 13, 2025

Geelyประกาศว่า STARRAY EM-i ได้เริ่มการผลิตในโรงงานที่อินโดนีเซีย และกำลังจะวางจำหน่ายทั่วโลก

Geelyประกาศว่า STARRAY EM-i ได้เริ่มการผลิตในโรงงานที่อินโดนีเซีย และกำลังจะวางจำหน่ายทั่วโลก

พงศธรOct 13, 2025

Nissan ตั้งใจที่จะเปิดแพลตฟอร์มไฮบริดของ Rogue ให้กับคู่แข่งอย่าง Ford เป็นต้น เพื่อบรรเทาความกดดันทางการเงิน

Nissan ตั้งใจที่จะเปิดแพลตฟอร์มไฮบริดของ Rogue ให้กับคู่แข่งอย่าง Ford เป็นต้น เพื่อบรรเทาความกดดันทางการเงิน

Kevin WongOct 11, 2025

ดูเพิ่มเติม