การวิเคราะห์ประเภทใบขับขี่รถยนต์ในประเทศไทย: คุณเหมาะกับสอบประเภทไหน
วิรุฬห์Sep 18, 2025, 11:36 PM
ใบขับขี่คืออะไร? ทำไมต้องมี?
ใบขับขี่ (Driving License) คือเอกสารที่รัฐบาลออกให้เพื่อยืนยันว่าผู้ถือมีความสามารถในการขับขี่ยานพาหนะชนิดนั้นๆ ตามกฎหมาย ในประเทศไทยออกโดยกรมการขนส่งทางบก การไม่มีใบขับขี่ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย มีโทษปรับสูงสุด 1,000 บาท (พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 6 และ 21)
สำหรับคนไทยและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในไทย การมีใบขับขี่ถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการขับรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ หรือยานพาหนะอื่นๆ โดยเฉพาะหากต้องการขับรถเช่าในไทย
ประเภทของใบขับขี่ในไทย
ปัจจุบันใบขับขี่ในไทยแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ได้แก่:
1. ใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล (ประเภท 1 และ 2)
ใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล (ประเภท 1)
สำหรับขับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่มีที่นั่งไม่เกิน 7 คน
รถกระบะส่วนบุคคล
อายุขั้นต่ำ: 18 ปี
ใช้ขับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลทั่วไป เช่น รถเก๋ง รถกระบะ 4 ประตู
ใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลเกิน 7 ที่นั่ง (ประเภท 2)
สำหรับขับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่มีที่นั่งเกิน 7 คน
รถตู้ส่วนบุคคล
อายุขั้นต่ำ: 20 ปี
ใช้ขับรถตู้ส่วนบุคคล หรือรถยนต์นั่งที่มีที่นั่งมากกว่า 7 คน
หมายเหตุ: ใบขับขี่ประเภท 1 และ 2 เป็นใบขับขี่ส่วนบุคคล ไม่สามารถใช้ขับรถรับจ้างหรือรถสาธารณะได้
2. ใบขับขี่รถยนต์สาธารณะ (ประเภท 3)
ใบขับขี่รถยนต์สาธารณะ
สำหรับขับรถยนต์สาธารณะ เช่น แท็กซี่ รถตู้โดยสารสาธารณะ รถเช่าเหมาลำอายุขั้นต่ำ: 20 ปี
ต้องผ่านการอบรมเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎจราจรและมารยาทในการขับขี่
ใช้ขับรถรับจ้างสาธารณะทุกประเภท
ใบขับขี่ประเภทนี้จำเป็นสำหรับผู้ที่ต้องการขับรถแท็กซี่ รถตู้โดยสาร หรือรถเช่าเหมาลำเพื่อการค้า
3. ใบขับขี่รถจักรยานยนต์ (ประเภท 1 และ 2)
ใบขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล (ประเภท 1)
สำหรับขับรถจักรยานยนต์ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 125 ซีซี
อายุขั้นต่ำ: 15 ปี
ใช้ขับรถจักรยานยนต์ทั่วไป
ใบขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ (ประเภท 2)
สำหรับขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง เช่น รถจักรยานยนต์รับจ้าง (วินมอเตอร์ไซค์)
อายุขั้นต่ำ: 18 ปี
ต้องผ่านการอบรมเพิ่มเติม
สำหรับชาวต่างชาติ ปัจจุบันสามารถขอใบขับขี่รถจักรยานยนต์ในไทยได้ แต่ต้องมีวีซ่าที่อนุญาตให้ทำงานหรือพำนัก
4. ใบขับขี่รถยนต์สาธารณะขนาดใหญ่ (ประเภท 4)
ใบขับขี่รถยนต์ขนาดใหญ่สาธารณะ
สำหรับขับรถโดยสารสาธารณะขนาดใหญ่ เช่น รถทัวร์ รถบัส
อายุขั้นต่ำ: 20 ปี
ต้องผ่านการอบรมและทดสอบเพิ่มเติม
ใช้ขับรถโดยสารสาธารณะขนาดใหญ่
ใบขับขี่รถบรรทุก (ประเภท 5 และ 6)
สำหรับขับรถบรรทุกสินค้า
แบ่งเป็นรถบรรทุกขนาดเล็ก (ประเภท 5) และขนาดใหญ่ (ประเภท 6)
อายุขั้นต่ำ: 20 ปี
ต้องผ่านการอบรมเพิ่มเติม
ใบขับขี่รถบรรทุกวัตถุอันตราย (ประเภท 7)
สำหรับขับรถบรรทุกสารเคมีหรือวัตถุอันตราย
อายุขั้นต่ำ: 22 ปี
ต้องผ่านการอบรมเฉพาะทาง
วิธีดูประเภทใบขับขี่จากป้ายทะเบียนรถ
ในไทย ป้ายทะเบียนรถสามารถบอกประเภทของรถและการใช้งานได้:
ป้ายทะเบียนสีขาว ตัวอักษรสีดำ: รถส่วนบุคคล (ไม่ใช้รับจ้าง)
ป้ายทะเบียนสีเหลือง ตัวอักษรสีดำ: รถรับจ้างสาธารณะ
ป้ายทะเบียนสีฟ้า ตัวอักษรสีขาว: รถของหน่วยงานราชการ
ป้ายทะเบียนสีขาว ตัวอักษรสีแดง: รถที่ยังไม่ได้จดทะเบียนหรือรถทดลองขับ
วิธีการสมัครใบขับขี่ในไทย
เอกสารที่ต้องเตรียม:
1.บัตรประจำตัวประชาชน (หรือหนังสือเดินทาง + ใบอนุญาติอยู่ในราชอาณาจักรสำหรับชาวต่างชาติ)
2.ใบรับรองแพทย์ (รับรองว่าสามารถขับขี่ยานพาหนะได้)
3.รูปถ่ายหน้าตรง 1 นิ้ว 1 ใบ
4.ค่าธรรมเนียม (แล้วแต่ประเภท)
ขั้นตอน:
1.ไปที่สำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ หรือใช้บริการจองคิวออนไลน์ผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue
2.ยื่นเอกสารและเลือกประเภทใบขับขี่ที่ต้องการ
3.ทดสอบสายตา
4.ทดสอบข้อเขียน (ข้อสอบออนไลน์ผ่านแอป DLT Smart Test หรือที่สำนักงาน)
5.ทดสอบขับ (สำหรับบางประเภท)
6.รับใบขับขี่
ใบขับขี่ดิจิทัล ใช้แทนใบจริงได้ไหม?
ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา กรมการขนส่งทางบกได้ออก ใบขับขี่ดิจิทัล ผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart License ซึ่งสามารถใช้แทนใบขับขี่กระดาษได้ในหลายกรณี เช่น:
แสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อถูกตรวจ
ใช้ในการเช่ารถ
ใช้เป็นหลักฐานแสดงตน
อย่างไรก็ตาม ควรพกใบขับขี่กระดาษติดรถไว้ด้วยเสมอ เผื่อกรณีที่ระบบดิจิทัลไม่สามารถใช้งานได้
สรุป: ควรทำใบขับขี่ประเภทไหนดี?
ความต้องการ ประเภทใบขับขี่ที่เหมาะสม
ขับรถยนต์ส่วนตัว (เก๋ง, กระบะ) ประเภท 1
ขับรถตู้ส่วนตัว ประเภท 2
ขับรถแท็กซี่, รถตู้โดยสาร ประเภท 3
ขับรถจักรยานยนต์ส่วนตัว ประเภท 1 (มอเตอร์ไซค์)
ขับรถบรรทุก ประเภท 5 หรือ 6
ขับรถบรรทุกวัตถุอันตราย ประเภท 7
ทิ้งท้าย: ไม่ว่าคุณจะขับรถประเภทไหน การมีใบขับขี่ที่ถูกต้องตามกฎหมายเป็นสิ่งสำคัญที่สุด นอกจากจะช่วยให้คุณขับขี่ได้อย่างถูกกฎหมายแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงทางกฎหมายและคุ้มครองคุณในกรณีเกิดอุบัติเหตุอีกด้วย
หากคุณกำลังมองหาประกันภัยรถยนต์ที่เหมาะกับใบขับขี่และการใช้งานของคุณ อย่าลืมเปรียบเทียบประกันรถยนต์กับโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือ เพื่อความคุ้มครองที่ครอบคลุมและราคาที่เหมาะสมที่สุดครับ!
ข้อมูลอัปเดต ณ ปี 2567 โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์และประกันภัยในไทย
คุณสามารถติดต่อเราให้ลบออกเนื้อหาถ้าละเมิดลิขสิทธิ์
ข้อมูลยอดนิยม

Jeacoo J7 เปิดตัวรุ่น PHEV ใน Motor Expo 2024 สามารถขับขี่โดยใช้แบตเตอรี่ได้ 80 กิโลเมตร
หลังจาก Jaecoo J7 วางจำหน่ายในประเทศแถบเซียนใต้ Chery ที่พึงพอใจกับผลการขายดังนั้นในงานรถยนต์ที่ประเทศไทยที่จะมาถึงนี้ แพลนที่จะวางจำหน่าย Jaecoo J7 เวอร์ชัน PHEV ที่ประเทศไทยที่เหมาะกับ Jaecoo J7 PHEV สำหรับมาเลเซียครั้งนี้ Chery ที่เตรียมวางจำหน่าย Jaecoo J7 PHEV ที่ประเทศไทยสนับสนุนระยะทางการเดินทางด้วยแบตเตอรี่เต็ม 80 กม. (WLTP) นั่นหมายความว่าถ้าคุณขับ J7 ไป-กลับที่ทำงานราคาน้ำมันจะต่ำมากJaecoo J7 PHEV ที่จะใช้เครื่องยนต์ 1.5T มีแรงม้า 156Ps และมอเตอร์ไฟฟ้ามีแรงม้า 204Ps แรงม้ารวม 360Ps แรง

Toyotaเปิดตัวรุ่น Sienta Juno ซึ่งคุณสามารถนอนหลับ ทำงาน หรือดื่มกาแฟในรถได้
【PCauto】ในตลาด MPV ขนาดกะทัดรัดของญี่ปุ่น Toyota Sienta ได้ครอบครองตำแหน่งสำคัญเสมอด้วยการจัดพื้นที่ใช้งานที่ยืดหยุ่นและการติดตั้งฟังก์ชันที่ใช้งานได้จริง ล่าสุด Toyota ได้ร่วมมือกับแบรนด์แต่งรถ Modellista เปิดตัว Sienta Juno รุ่นพิเศษ ที่ใช้การออกแบบโมดูลาร์ที่ล้ำสมัย เพื่อเปลี่ยนรถตู้ขนาดเล็กให้เป็นพื้นที่อยู่อาศัยที่สามารถปรับแต่งได้หลากหลายรูปแบบ

มีข่าวลือว่า Sensteed Hi-Tech จะเข้าควบคุม NETA โดยจะเสร็จสิ้นการถ่ายโอนในเดือนตุลาคมและเริ่มการผลิตอีกครั้ง
มีรายงานว่า Sensteed Hi-Tech วางแผนที่จะเข้าควบคุมบริษัทแม่ของ NETA คือ HOZON อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ตุลาคม 2025 โดยจะเสร็จสิ้นการโอนย้ายสินทรัพย์และทีมผู้บริหารทั้งหมด หลังจากนั้น NETA จะเริ่มการผลิตอีกครั้ง

Suzuki Fronx เปรียบเทียบกับToyota Yaris Cross รุ่นไหนคุ้มค่ากว่าที่จะซื้อ?
รถ SUV ขนาดเล็กกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากความคล่องตัวและความประหยัดน้ำมัน ดังนั้น Suzuki Fronx จึงเข้าร่วมแข่งขันในตลาดเฉพาะกลุ่มนี้ ซึ่งดึงดูดความสนใจจากผู้คนจำนวนมาก

รุ่นที่สองของ JAECOO 5 EV จะเริ่มส่งมอบในเดือนกันยายน โดยนับตั้งแต่วางจำหน่ายจนถึงปัจจุบันได้ส่งมอบแล้วทั้งหมด 3,000 คัน
JAECOO 5 EV ล็อตที่สองจำนวน 1,000 คัน ถูกส่งจากประเทศจีนมาถึงประเทศไทยแล้ว นับเป็นการส่งมอบครั้งใหญ่ครั้งที่สองของแบรนด์นี้ในตลาดไทย หลังจากการส่งมอบล็อตแรกจำนวน 300 คันเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ด้วยการมาถึงของล็อตที่สอง การส่งมอบ JAECOO 5 EV ในประเทศไทยจะเริ่มเข้าสู่ช่วงเร่งความเร็ว
รถยอดนิยม
เปรียบเทียบรถยนต์
รูปภาพรถ
ภาพภายใน
รุ่นปีรถยนต์
รุ่นรถยนต์

