EV ระยะทางมาตรฐานเปิดเผย: EPA WLTP NEDC CLTC ใครเชื่อถือได้มากที่สุด? เจ้าของรถในประเทศไทยต้องอ่าน

วิรุฬห์Sep 17, 2025, 12:22 PM

รูปภาพภายนอกของ Tesla Model 3 ปี 2025ในประเทศไทย ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ผู้บริโภคจำนวนมากขึ้นกำลังพิจารณา EV ในรายการตัวเลือกซื้อรถยนต์ แต่หลายคนจะสับสนเมื่อเลือกซื้อรถ: ทำไมระยะทางวิ่งที่แตกต่างกันภายใต้มาตรฐานการทดสอบระยะทางที่เหมือนกันจึงมีความแตกต่างอย่างมาก? ระยะทางที่ระบุว่า "วิ่งไกลเป็นพิเศษ" ในการขับขี่จริงกลับ "ลดลง"? จริงๆ แล้ว ปัญหาหลักอยู่ที่มาตรฐานการทดสอบระยะทางที่ต่างกันในแต่ละภูมิภาค

วันนี้เราจะวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับมาตรฐานระยะทางหลักที่นิยมใช้งานทั่วโลก 4 มาตรฐาน ได้แก่ EPA WLTP NEDC และ CLTC พร้อมทั้งเปรียบเทียบกับสภาพการขับขี่ในประเทศไทย เพื่อช่วยคุณตัดสินใจว่ามาตรฐานแบบใดที่ควรอ้างอิงที่สุด

ทำความเข้าใจพื้นฐาน: มาตรฐานระยะทางคืออะไร?

อธิบายง่าย ๆ มาตรฐานระยะทางของ EV คือกฎเกณฑ์ที่ใช้ทดสอบระยะทางที่รถสามารถวิ่งได้จากการชาร์จเต็มจนถึงแบตเตอรี่หมดในห้องปฏิบัติการ โดยเลียนแบบสถานการณ์การขับขี่จริง วิธีการทดสอบรวมถึงสภาพการขับขี่ที่จำลอง (เช่น ความเร็วรถ ความถี่ในการหยุด-ออกตัว) แตกต่างกันไปอย่างมาก ส่งผลให้ข้อมูลระยะทางมีความแตกต่างกัน

สำหรับผู้ขับขี่ชาวไทย การทำความเข้าใจมาตรฐานระยะทางในขณะเลือกซื้อรถถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง: เนื่องจากเส้นทางในประเทศไทยซับซ้อน เมืองใหญ่เช่นกรุงเทพฯ มักพบเจอการจราจรติดขัด ขณะที่เมืองอย่างเชียงใหม่และภูเก็ตมีเส้นทางระหว่างเมืองที่ใช้ความเร็วสูง มาตรฐานที่เหมาะสมจึงมีผลโดยตรงต่อการเดินทางในชีวิตประจำวันและการเดินทางระยะไกล

เปรียบเทียบมาตรฐานระยะทางทั้ง 4 แบบอย่างลึกซึ้ง: จาก "ความน่าเชื่อถือ" ถึง "ความเหมาะสม"

มาตรฐาน EPA: อเมริกาเป็นผู้นำ ใกล้เคียงความจริงมากที่สุด

ชื่อเต็ม: มาตรฐานของ Environmental Protection Agency (หน่วยงานพิทักษ์สิ่งแวดล้อมแห่งอเมริกา)

-ลักษณะสำคัญ: การทดสอบที่เข้มงวด จำลองสถานการณ์การขับขี่จริงได้ดีที่สุด

-วิธีการทดสอบ: การทดสอบ EPA ครอบคลุมสองสถานการณ์หลักที่ตรงกับการขับขี่ทั่วไปของเจ้าของรถในประเทศไทย:

สถานการณ์ในเมือง (UDDS): จำลองการจราจรติดขัดแบบกรุงเทพฯ—ขับระยะทางประมาณ 11.9 กิโลเมตรในเวลา 1,369 วินาที ความเร็วเฉลี่ยเพียง 31.5 กิโลเมตร/ชั่วโมง มีการหยุดและออกตัวบ่อยครั้ง (คล้ายกับช่วงชั่วโมงเร่งด่วนจากสยามสแควร์ถึงอโศกในกรุงเทพฯ) ซึ่งสะท้อนถึงการเดินทางในเมืองของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี

สถานการณ์บนทางหลวง (HWFET): จำลองการขับขี่บนทางหลวงระหว่างเมืองในประเทศไทย (เช่น จากกรุงเทพฯ ถึงพัทยา)—ขับระยะทางประมาณ 16.5 กิโลเมตรในเวลา 765 วินาที ความเร็วเฉลี่ย 77.7 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขับขี่ที่ความเร็วสูงอย่างคงที่ เหมาะสมกับการเดินทางด้วยรถในช่วงวันหยุด

สิ่งสำคัญยิ่งกว่านั้นคือ EPA จะคูณผลลัพธ์การทดสอบจากห้องปฏิบัติการด้วยปัจจัยลดลง 0.7 โดยตรง ขั้นตอนนี้เท่ากับการคำนึงถึงการใช้งานเครื่องปรับอากาศ การเปลี่ยนแปลงของสภาพถนน และนิสัยในการขับขี่ที่เกิดขึ้นจริง ข้อมูลสุดท้ายมีความน่าเชื่อถือสูงมาก

-ความเหมาะสมในประเทศไทย: ★★★★★

ไม่ว่าจะเป็นสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ หรือเส้นทางบนทางหลวงจากเชียงใหม่ถึงเชียงราย การทดสอบของ EPA ก็สามารถครอบคลุมได้ทั้งหมด ปัจจุบัน รถยนต์ไฟฟ้าจากสหรัฐ เช่น Tesla และ Ford ที่เข้าสู่ตลาดประเทศไทยบางรุ่น จะมีการระบุระยะทางการขับขี่ตามมาตรฐาน EPA ซึ่งมีคุณค่าในการอ้างอิงสูงมาก

รูปลักษณ์ภายนอกของ BYD Atto 3

มาตรฐาน WLTP: ทางเลือกที่ "สมดุล" สำหรับการใช้งานทั่วโลก

ชื่อเต็ม: Worldwide Harmonized Light Vehicle Test Procedure (กระบวนการทดสอบยานยนต์เบาแบบสากลที่มีความเสมอภาค)

-คุณสมบัติหลัก: ในปี 2017 ได้รับการนำมาใช้แทน NEDC และกลายเป็นมาตรฐานหลักของยุโรป โดยคำนึงถึงสภาพการจราจรของหลายประเทศ ปัจจุบันเป็นมาตรฐานที่ถูกใช้งานอย่างแพร่หลายที่สุดในโลก (สหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น อินเดีย เป็นต้น)

-วิธีการทดสอบ: WLTP ใช้การทดสอบตาม "WLTC Cycle" โดยแบ่งตามอัตราส่วนระหว่างน้ำหนักและกำลัง (แรงม้าต่อน้ำหนัก) ออกเป็น 3 ระดับ รถยนต์ทั่วไปในตลาดไทย เช่น Toyota bZ4X และ BMW iX3 อยู่ในหมวด "อัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักสูง" ซึ่งต้องผ่านการทดสอบที่เข้มงวดมากขึ้น การทดสอบประกอบด้วย 4 ช่วง คือ ความเร็วต่ำ ความเร็วปานกลาง  ความเร็วสูง และความเร็วสูงมาก รวมเวลาทดสอบทั้งหมด 1800 วินาที ความเร็วเฉลี่ยประมาณ 46.5 กม./ชม. โดยเป็นการจำลองสภาพการจราจรในเมือง (เช่น ถนนพระราม 9 ในกรุงเทพฯ) และรวมถึงเส้นทางมอเตอร์เวย์ (เช่น กรุงเทพฯ-ชลบุรี) ทั้งยังมีเส้นโค้งจำลองการใช้งานที่ซับซ้อนกว่า NEDC เพื่อหลีกเลี่ยงการทดสอบ "ในอุดมคติ"

-ความเหมาะสมกับประเทศไทย: ★★★★☆

ความ "อเนกประสงค์" ของ WLTP นั้นเหมาะสำหรับผู้ใช้รถในไทยอย่างมาก — รถยนต์ไฟฟ้าที่นำเข้ามาในไทยส่วนใหญ่ เช่น แบรนด์ยุโรป (อย่าง Volkswagen ID. Series) และแบรนด์ญี่ปุ่น (อย่าง Nissan Leaf) มักระบุระยะทางตาม WLTP ข้อมูลดังกล่าวแม้จะสูงกว่า EPA เล็กน้อย (ไม่มีค่าหักลด 0.7) แต่ยังคงใกล้เคียงกับระยะทางจริง ตัวอย่างเช่น รถที่ระบุ WLTP ระยะทาง 500 กม. ในการขับขี่ในไทย (เปิดแอร์ ขับในเมืองและบนทางด่วนครึ่งต่อครึ่ง) สามารถวิ่งได้จริงประมาณ 420-450 กม. ซึ่งมีความคุ้มค่าในการใช้งาน

มาตรฐาน NEDC: ยุโรปเลิกใช้แล้ว "มองในแง่ดีเกินจริง" เป็น "อดีตที่ผ่านไป"

ชื่อเต็ม: New European Driving Cycle (รอบการขับขี่แบบยุโรปใหม่)

-คุณสมบัติหลัก: ถูกแทนที่ด้วย WLTP ในปี 2017 เนื่องจากลักษณะการทดสอบที่มองในแง่ดีเกินจริง ทำให้ข้อมูลระยะทางสูงกว่าความเป็นจริงมาก

-วิธีการทดสอบ: หลักการทดสอบของ NEDC เรียกได้ว่า "ห่างไกลจากความเป็นจริง" ด้วยความเร็วเฉลี่ยเพียง 33.6 กม./ชม. แทบไม่มีการเร่งหรือเบรกกะทันหัน และช่วงความเร็วสูงมีสัดส่วนน้อยมาก (คล้ายกับการขับรถในย่านชนบทที่ไม่มีรถคันอื่น) สภาพการขับขี่เช่นนี้แทบไม่พบในไทย — แม้แต่ถนนชนบทในเชียงใหม่ก็ยังมีรถจักรยานยนต์วิ่งสวนและมีการหยุดรถตามทางแยก ยังไม่ต้องพูดถึงชั่วโมงเร่งด่วนในกรุงเทพฯ

- ความเหมาะสมในประเทศไทย: ★☆☆☆☆

ในตลาดประเทศไทยปัจจุบันแทบจะไม่มีรถใหม่ที่ระบุค่า NEDC อยู่แล้ว ยกเว้นรถยนต์ไฟฟ้ามือสองที่นำเข้ามาในช่วงแรกๆ อาจยังคงมีข้อมูลนี้อยู่ ถ้าเจอยานพาหนะที่ระบุด้วยค่า NEDC แนะนำให้คำนวณระยะทางจริงแบบ "ลดลง 30%" (เช่น NEDC 500 กิโลเมตร ระยะทางจริงประมาณ 350 กิโลเมตร) เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าใจผิด

มาตรฐาน CLTC: จีนเป็นผู้กำหนด “เหมาะกับการใช้งานในจีน ควรใช้ด้วยความระมัดระวังในประเทศไทย”

ชื่อเต็ม: China Light-duty Test Cycle (หมายถึงการทดสอบรถยนต์ขนาดเล็กของจีน)

- จุดเด่นหลัก: เริ่มใช้งานในปี 2015 พัฒนาจากสภาพถนนในเมืองของจีน มีความคล้ายคลึงกับ NEDC แต่ข้อมูลระยะทางมักจะมองในมุมบวกเกินจริง

- วิธีการทดสอบ:
CLTC มีทั้งรูปแบบสำหรับเมือง (CLTC-P) และรถพาณิชย์ โดยรูปแบบสำหรับผู้โดยสาร (CLTC-P) ใช้เวลาทดสอบทั้งหมด 1800 วินาที ความเร็วเฉลี่ยประมาณ 38.9 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีสัดส่วนการขับขี่ในความเร็วต่ำที่สูง (คล้ายกับการจราจรติดขัดในเมืองใหญ่ของจีน) อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับ EPA และ WLTP การเร่งความเร็วของ CLTC จะรุนแรงน้อยกว่า มีระยะเวลาขับขี่ในความเร็วสูงสั้นกว่า และไม่มี "ปัจจัยลด" ทำให้ข้อมูลระยะทางที่ได้ สูงกว่าความเป็นจริงประมาณ 15%-20%

- ความเหมาะสมในประเทศไทย: ★★★☆☆

รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนที่เข้ามาในไทยในปัจจุบัน (เช่น BYD Atto 3  NETA V) ส่วนมากระบุระยะทางด้วยค่า CLTC เนื่องจากสภาพการจราจรติดขัดในเมืองมีความคล้ายคลึงกัน (เช่น ความติดขัดในกรุงเทพฯ และเซินเจิ้น) แต่การขับขี่ในความเร็วบนทางด่วนของไทยจะมีค่าเฉลี่ยสูงกว่า (เช่น ทางด่วนกรุงเทพฯ–เชียงใหม่มีความเร็วเฉลี่ยถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ข้อจำกัดของ CLTC ในการทดสอบความเร็วสูงอาจทำให้การใช้งานจริงของระยะทางลดลง แนะนำให้พิจารณาข้อมูล CLTC ด้วยการ "ลดลง 20%" (เช่น CLTC 600 กิโลเมตร ระยะทางจริงประมาณ 480 กิโลเมตร) และควรเลือกยานพาหนะที่ระบุระยะทางด้วย WLTP ร่วมด้วย (บางแบรนด์มีการระบุข้อมูลทั้งสองมาตรฐาน)

คู่มือการเลือกซื้อรถยนต์ในไทย: 3 ขั้นตอนในการประเมิน "ระยะทางจริง"

- ให้ความสำคัญกับ WLTP หรือ EPA ระยะทาง: หากรถยนต์มีการแสดงมาตรฐานหลายแบบ ให้เลือกดู WLTP (รถยุโรป/ญี่ปุ่น) หรือ EPA (รถอเมริกัน) เป็นลำดับแรก เนื่องจากข้อมูลทั้งสองนี้มีความใกล้เคียงกับสภาพถนนในไทยมากที่สุด

- ข้อมูล CLTC "หัก 20%" และ NEDC "หัก 30%": หากพบรถยนต์จากจีนที่มีการระบุข้อมูล CLTC เท่านั้น ให้ประเมินโดยคิดลด 20% (เช่น CLTC 550 กิโลเมตร → ระยะทางจริงประมาณ 440 กิโลเมตร) และหากพบข้อมูล NEDC ให้คิดลด 30% โดยไม่ควรประเมินสูงเกินไป

- ปรับตามสภาพอากาศในไทย: ประเทศไทยมีอากาศร้อนตลอดปี (อุณหภูมิเฉลี่ย 28-35℃) การใช้แอร์จะเพิ่มการใช้พลังงานไฟฟ้า 10%-15% ตัวอย่างเช่น รถยนต์ที่มีระยะทางตาม WLTP 500 กิโลเมตร หากเปิดแอร์ในฤดูร้อน ระยะทางจริงจะอยู่ที่ประมาณ 425-450 กิโลเมตร ดังนั้นควรเผื่อระยะทาง "สำรอง" ไว้ประมาณ 100 กิโลเมตรเพื่อป้องกันแบตเตอรี่หมดกลางทาง

สรุป: มาตรฐานไหนเหมาะกับประเทศไทยที่สุด?

โดยสรุป มาตรฐาน WLTP เป็น "ตัวเลือกที่ดีที่สุด" สำหรับผู้ใช้รถในไทย เนื่องจากครอบคลุมทั้งสภาพการจราจรติดขัดในเมืองและการขับขี่บนทางหลวง อีกทั้งยังเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลและแสดงข้อมูลที่น่าเชื่อถือสูง ถัดมาคือมาตรฐาน EPA เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการข้อมูล "ที่แท้จริงที่สุด" ซึ่งนิยมในรถอเมริกัน CLTC สามารถใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงได้ แต่ต้องระวังการ "ปรับลด" ส่วน NEDC ไม่ควรนำมาพิจารณาเลย

เมื่อเลือก EV นอกจากการดูมาตรฐานระยะทางแล้ว ควรพิจารณาข้อมูลจากประสบการณ์จริงของผู้ใช้รถในไทย (เช่น Pantip ฟอรั่ม กลุ่ม Facebook ของผู้ใช้ EV ในไทย) เพื่อทราบถึงการใช้งานจริงของรถในสภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ หรือการขับขี่บนทางหลวง เพราะข้อมูลจากห้องทดลองเป็นเพียงตัวอ้างอิง และระยะทางที่สอดคล้องกับสภาพถนนในไทยและพฤติกรรมการขับขี่ของผู้ใช้จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการเลือกซื้อรถ

# สารานุกรมยานยนต์

คุณสามารถติดต่อเราให้ลบออกเนื้อหาถ้าละเมิดลิขสิทธิ์

ติดตามเรา

You Tube Facebook Google News

ข้อมูลยอดนิยม

เตรียมเปิดตัว!  Toyota Yaris ATIV HEV ใหม่ 21 ส.ค.นี้ ใช้ขุมพลังเดียวกับ Yaris Cross

เตรียมเปิดตัว! Toyota Yaris ATIV HEV ใหม่ 21 ส.ค.นี้ ใช้ขุมพลังเดียวกับ Yaris Cross

【PCauto】Yaris ATIV HEV ใหม่ จ่อเปิดตัว 21 ส.ค.นี้ มาพร้อมเครื่องยนต์ไฮบริดประหยัดสุด 26.3 กม./ลิตร Toyota เตรียมส่ง Yaris ATIV รุ่นไฮบริดบุกตลาดไทย 21 สิงหาคมนี้ โดยใช้ขุมพลังเดียวกับ Yaris Cross ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร รหัส 2NR-VEX ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้พละกำลังรวม 111 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ e-CVT พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 0.7 kWh รองรับน้ำมัน E20 ความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองดีเยี่ยมที่ 26.3 กม./ลิตร ตามมาตรฐาน WMTC เตรียมเปิดศึกรถซีดานไฮบริดประหยั

AshleyJul 21, 2025
Mitsubishiเปิดตัว SUV 7 ที่นั่งรุ่น Destinator เพื่อแข่งขันกับ Honda CR-V

Mitsubishiเปิดตัว SUV 7 ที่นั่งรุ่น Destinator เพื่อแข่งขันกับ Honda CR-V

【PCauto】Mitsubishi Motors ได้เปิดตัว SUV เจ็ดที่นั่งรุ่นใหม่ Destinator อย่างเป็นทางการที่จาการ์ต้า รุ่นนี้ออกแบบมาเพื่อครอบครัวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะ และจะเริ่มจำหน่ายในอินโดนีเซียเป็นประเทศแรก ก่อนขยายตลาดไปยังไทยและประเทศในอาเซียนอื่นๆ Mitsubishi Destinator มาพร้อมกับฐานล้อยาวพิเศษ 2815 มิลลิเมตร และระยะต่ำสุดจากพื้นถึงตัวรถ 214 มิลลิเมตร รถรุ่นนี้ตั้งเป้าหมายในตลาด SUV ขนาดกลางที่มี Honda CR-V ครองตำแหน่งผู้นำอยู่แล้ว

ธนวัฒน์Jul 21, 2025
BYD SEALION 8 ลุ้นขายไทย-ออสเตรเลียปีหน้า!

BYD SEALION 8 ลุ้นขายไทย-ออสเตรเลียปีหน้า!

【PCauto】BYD SEALION 8 เตรียมบุกไทย-ออสซี่ปีหน้า! ใหญ่เทียบ Kluger พร้อมดีไซน์ล้ำยุคจาก Egger BYD SEALION 8 หรือ Tang L เวอร์ชันจีน เตรียมเปิดตัวไตรมาสแรกปี 2026 ในออสเตรเลีย และมีแผนรุกตลาดไทยพร้อมกัน จุดเด่นคือขนาดใหญ่กว่า Toyota Kluger ถึง 120 มม. กับตัวถังยาวกว่า 5 เมตร เบาะ 3 แถว 7 ที่นั่ง พร้อมขุมพลัง PHEV สองรุ่นย่อย และดีไซน์ “Loong Face” นำโดย Wolfgang Egger ไฟหน้า LED แยกส่วน-โลโก้ BYD เรืองแสง เสริมความพรีเมียมด้วยประตูไร้กรอบ ไฟท้าย “ปีกฟีนิกซ์” และหลังคาพาโนรามา ครบเครื่องทั้งความหรู

สุรเดชJul 22, 2025
Toyota bZ4X เปิดตัวแล้ว เมื่อเทียบกับ Xpeng G6 รุ่นใดคุ้มค่ากับการซื้อมากกว่ากัน

Toyota bZ4X เปิดตัวแล้ว เมื่อเทียบกับ Xpeng G6 รุ่นใดคุ้มค่ากับการซื้อมากกว่ากัน

【PCauto】Toyota bZ4X เปิดให้สั่งจองทางออนไลน์ในประเทศไทยเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม และภายในสามวันแรกมียอดสั่งจองถึง 1,000 คันรุ่นย่อยและราคาของรถรุ่นนี้แบ่งเป็น:ขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD) ราคา 1,599,000 บาทและขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD) ราคา 1,699,000 บาทในฐานะรถ SUV ไฟฟ้าล้วนรุ่นแรกของ Toyota ที่ทำตลาดในประเทศไทย bZ4X นำเข้ามาขายโดยมาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมขนาด 73.11 kWh ระยะทางวิ่งตามมาตรฐาน NEDC อยู่ที่ 600 กม. (FWD) และ 570 กม. (AWD)ในอีกฝั่งหนึ่ง XPeng G6 ก็ได้เปิดตัวรุ่นปรับปรุงใหม่:รุ่น Long Range ราคา

วิรุฬห์Aug 27, 2025
Xpeng P7 ฮอตแรง! เปิดจองแค่ 7 นาที ยอดสั่งทะลุ 10,000 คัน

Xpeng P7 ฮอตแรง! เปิดจองแค่ 7 นาที ยอดสั่งทะลุ 10,000 คัน

【PCauto】XPeng P7 ใหม่ เปิดพรีออเดอร์เพียง 6 นาที 37 วินาที ยอดจองทะลุ 10,000 คัน ทำลายสถิติเดิมของแบรนด์ มาพร้อมดีไซน์ XMART FACE ไฟหน้า-ไฟท้ายแบบ X Shape หลังคาลอย เสา A ซ่อน ขอบประตูไร้กรอบ และสปอยเลอร์ไฟฟ้าสร้างแรงกดสูงสุด 900 นิวตัน ค่าลากอากาศเพียง 0.198Cd ภายในล้ำสมัยด้วยจอ 3 ชุด และ AR-HUD ขนาด 87 นิ้ว คมชัดแม้แดดจ้า

ธนวัฒน์Aug 8, 2025
ดูเพิ่มเติม
  • รถยอดนิยม

  • เปรียบเทียบรถยนต์

  • รูปภาพรถ

  • ภาพภายใน

  • รุ่นปีรถยนต์

  • รุ่นรถยนต์