Q
Nissan GT-R มีความน่าเชื่อถือหรือไม่
Nissan GT-R เป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสูงที่เชื่อถือได้และมีพื้นฐานการพัฒนาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เปิดตัว โดยมาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 3.8 ลิตร ให้กำลังสูงสุดที่ 6,800 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดที่ 5,800 รอบต่อนาที มอบพลังขับเคลื่อนที่เร้าใจและประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งยังเคยทำเวลาได้อย่างโดดเด่นในสนาม Nürburgring ประเทศเยอรมนี แสดงให้เห็นถึงสมรรถนะระดับโลกที่สามารถเทียบชั้นกับรถสปอร์ตยุโรปชั้นนำ ด้านคุณภาพการผลิตก็มีความน่าเชื่อถือ ผ่านการปรับปรุงและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจได้ในเรื่องความทนทานและเสถียรภาพ ส่วนภายในห้องโดยสารมีดีไซน์ที่รองรับทั้งความสะดวกสบายและความสปอร์ต ด้วยขนาดตัวรถยาว 4,710 มม. กว้าง 1,895 มม. สูง 1,370 มม. ฐานล้อยาว 2,780 มม. และมีที่นั่ง 4 ที่นั่ง เหมาะสำหรับทั้งการใช้งานประจำวันและขับขี่เพื่อความสนุก ราคาจำหน่ายของ Nissan GT-R แตกต่างกันไปตามรุ่น โดยอยู่ในช่วงประมาณ 10.7 ล้านถึง 13.5 ล้านบาท ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหารถสปอร์ตที่ครบทั้งพละกำลัง ความน่าเชื่อถือ และความคุ้มค่าในระดับพรีเมียม
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
GT-R และ GT-R Pro มีความแตกต่างอย่างไร
Nissan GT-R กับ GT-R Pro มีความแตกต่างกันหลัก ๆ ในด้านการปรับจูนสมรรถนะ การควบคุมการขับขี่ และความเหมาะสมในการใช้งานในสนามแข่ง แม้ทั้งสองรุ่นจะใช้เครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบ ขนาด 3.8 ลิตรเหมือนกัน แต่ GT-R Pro ได้รับการอัปเกรดช่วงล่างด้วยโช้กอัพ Bilstein แบบปรับค่าแรงหน่วงได้ ระบบเบรกเซรามิกคาร์บอน และชุดแอร์โรไดนามิกที่ดุดันยิ่งขึ้น เช่น สปอยเลอร์หน้า-หลัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ระดับสูง ภายในห้องโดยสารยังมีการลดน้ำหนักโดยใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์มากขึ้น พร้อมเบาะนั่งสปอร์ตจาก Recaro เพื่อมอบประสบการณ์ขับขี่ที่มั่นคงในความเร็วสูง อย่างไรก็ตาม ความสะดวกสบายของ GT-R Pro จะน้อยกว่ารุ่นปกติ เนื่องจากเน้นสมรรถนะเป็นหลัก จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการรถสำหรับขับในสนามแข่งหรือขับขี่แบบเร้าใจ ขณะที่ GT-R รุ่นมาตรฐานจะเหมาะกับการขับใช้งานในชีวิตประจำวันและขับทางไกลได้สบายกว่า สำหรับผู้บริโภคในประเทศไทย หากคุณมองหารถสมรรถนะสูงที่ขับได้ทุกวัน GT-R รุ่นมาตรฐานคือทางเลือกที่ดี แต่ถ้าคุณเป็นสายสนามตัวจริง GT-R Pro จะตอบโจทย์ได้มากกว่า
Q
ความแตกต่างระหว่าง GT C และ GT-R คืออะไร
GT C และ GT-R เป็นรถสมรรถนะสูงจากคนละค่าย โดยมีจุดเด่นที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน GT-R จาก Nissan เป็นรถสปอร์ตระดับตำนานของญี่ปุ่น มาพร้อมเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.8 ลิตร ทวินเทอร์โบ ขับเคลื่อนสี่ล้อ เซตช่วงล่างแบบสนามแข่ง เน้นความแม่นยำในการควบคุม เหมาะกับคนที่ชอบขับขี่แบบดุดันและเน้นสมรรถนะล้วนๆ ส่วน GT C ซึ่งมักหมายถึง Mercedes-AMG GT C เป็นรถสปอร์ตจากฝั่งเยอรมันที่ผสานความแรงและความหรูหราเข้าไว้ด้วยกัน ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ มีระบบช่วงล่างปรับได้ ดีไซน์หรู ภายในสบาย เหมาะกับการเดินทางไกลสไตล์ Grand Touring ในตลาดประเทศไทย GT-R ได้รับความนิยมในหมู่คนรักความเร็วและสนามแข่ง ขณะที่ AMG GT C เหมาะกับผู้ที่ต้องการรถสปอร์ตหรูที่ให้ทั้งสมรรถนะและความสะดวกสบาย ดังนั้นหากคุณชอบอารมณ์ดิบแบบรถญี่ปุ่น GT-R คือคำตอบ แต่หากคุณต้องการความหรูหราแบบเยอรมัน GT C ก็อาจเหมาะกว่า
Q
ความแตกต่างระหว่าง GT T และ GT-R คืออะไร
คุณอาจกำลังถามถึงความแตกต่างระหว่าง “GT-R T-spec” กับ “GT-R Premium Luxury” ราคาของ “GT-R T-spec” อยู่ที่ 12,200,000 บาท ส่วน “GT-R Premium Luxury” ราคา 10,700,000 บาท นอกจากราคาที่ต่างกันแล้ว ทั้งสองรุ่นมีสเปกหลักที่ใกล้เคียงกัน โดยใช้เครื่องยนต์ขนาด 3799 ซีซี ระบบส่งกำลัง และขนาดตัวถังเหมือนกัน คือ ความยาว 4710 มม. ความกว้าง 1895 มม. ความสูง 1370 มม. ฐานล้อ 2780 มม. มี 2 ประตู และ 4 ที่นั่ง อย่างไรก็ตาม “GT-R T-spec” อาจมาพร้อมกับอุปกรณ์ วัสดุ หรือการปรับแต่งที่เหนือระดับและเป็นเอกลักษณ์มากกว่า เพื่อสร้างความแตกต่างและเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าได้มากขึ้น
Q
GT-R และ GT-R NISMO มีความแตกต่างกันอย่างไร
GT-R กับ GT-R NISMO มีความแตกต่างในหลายด้าน โดย GT-R NISMO เป็นรุ่นอัพเกรดของ GT-R ซึ่งพัฒนาโดยแผนกสมรรถนะสูงของนิสสัน ทำให้มีพละกำลังสูงกว่า GT-R รุ่นปกติ ด้วยการปรับแต่งเครื่องยนต์และระบบต่าง ๆ เพื่อให้กำลังขับเคลื่อนดียิ่งขึ้น ในด้านชุดแต่งตัวถัง GT-R NISMO ใช้วัสดุน้ำหนักเบา เช่น คาร์บอนไฟเบอร์ ช่วยลดน้ำหนักรถ ส่งผลให้ความเร็วและการควบคุมรถดีขึ้น โดยเฉพาะในการเร่งและเข้าโค้ง ส่วนระบบช่วงล่าง GT-R NISMO ติดตั้งช่วงล่างเวอร์ชันพรีเมียม สามารถรองรับสภาพถนนที่ซับซ้อนและการขับขี่ที่รุนแรงได้ดี ให้การหนุนรับและความมั่นคงสูงขณะขับด้วยความเร็วสูงหรือเข้าโค้งอย่างรวดเร็ว สรุปคือ GT-R NISMO เป็นการอัพเกรดแบบครบวงจรจาก GT-R เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการสมรรถนะและประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือชั้นกว่า
Q
Tesla มันเร็วกว่า GT-R หรือไม่
ไม่สามารถสรุปได้ง่าย ๆ ว่าเทสล่าจะเร็วกว่าหรือช้ากว่า GT-R เพราะประสิทธิภาพการเร่งความเร็วและความเร็วสูงสุดขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่นของรถ GT-R เป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสูงของนิสสัน ที่มักติดตั้งเครื่องยนต์ V6 3.8 ลิตร เทอร์โบคู่ มีสมรรถนะแรงม้าโดดเด่น เช่น บางรุ่นทำเวลาเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ประมาณ 2.7 วินาที และความเร็วสูงสุดถึง 315 กม./ชม. ขณะที่เทสล่ามีหลายรุ่น เช่น Model S P100D ที่ทำเวลาเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ราว 2.5 วินาที ซึ่งในด้านการเร่งความเร็ว อาจเร็วกว่าบางรุ่นของ GT-R แต่การเปรียบเทียบความเร็วยังขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพแวดล้อมการขับขี่ น้ำหนักบรรทุก และทักษะผู้ขับขี่ ดังนั้นในสถานการณ์และเงื่อนไขที่แตกต่างกัน สมรรถนะความเร็วของทั้งสองรถอาจแตกต่างกัน จึงไม่สามารถตัดสินได้ว่าเทสล่าจะเร็วกว่า GT-R เสมอไป
Q
GT-R วิ่งเร็วกว่า Supra หรือไม่
โดยทั่วไปแล้ว Nissan GT-R มักจะเร็วกว่ารถ Toyota Supra ในด้านสมรรถนะเครื่องยนต์ GT-R ติดตั้งเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.8 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุดถึง 555 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 632 นิวตันเมตร ขณะที่ Supra ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบเรียง ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 340 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ซึ่ง GT-R มีทั้งแรงม้าและแรงบิดที่สูงกว่า ในเรื่องของอัตราเร่ง GT-R ทำความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ภายในประมาณ 2.7 วินาที ขณะที่ Supra ใช้เวลาประมาณ 4.1 วินาที ความเร็วสูงสุดของ GT-R อยู่ที่ราว 315 กม./ชม. ส่วน Supra อยู่ที่ประมาณ 250 กม./ชม. อย่างไรก็ตาม ในการขับขี่จริง ความเร็วยังขึ้นอยู่กับสภาพถนน เทคนิคการขับขี่ และปัจจัยอื่น ๆ นอกจากนี้ ทั้งสองรุ่นยังมีจุดเด่นในด้านการควบคุมและความปลอดภัยที่แตกต่างกัน จึงไม่สามารถตัดสินได้เพียงแค่ความเร็วว่าใครดีกว่ากันครับ
Q
GT-R มีเทอร์โบคู่หรือไม่
ใช่ครับ Nissan GT-R ติดตั้งระบบเทอร์โบคู่ เครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.8 ลิตร รุ่น VR38DETT ซึ่งพัฒนามาจากเครื่องยนต์ VQ ของนิสสันที่ได้รับคำชื่นชมอย่างกว้างขวาง ระบบเทอร์โบคู่ช่วยให้เครื่องยนต์สามารถรีดกำลังสูงสุดได้ที่ 6400 รอบต่อนาที และให้แรงบิดสูงในช่วงรอบเครื่องยนต์ 3200 ถึง 6000 รอบต่อนาที เทคโนโลยีเทอร์โบคู่ช่วยเพิ่มสมรรถนะทั้งกำลังและแรงบิดของเครื่องยนต์ ส่งผลให้ GT-R มีสมรรถนะการเร่งความเร็วที่โดดเด่นและแรงขับเคลื่อนที่ทรงพลัง ไม่ว่าจะขับขี่ในชีวิตประจำวันหรือในสนามแข่ง ก็สามารถแสดงศักยภาพของรถสปอร์ตระดับสูงได้อย่างเต็มที่ มอบประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่างและเร้าใจแก่ผู้ขับขี่ครับ
Q
GT-R ดีต่อการใช้แก๊สหรือไม่
Nissan GT-R รถสปอร์ตสมรรถนะสูงรุ่นนี้แนะนำให้ใช้น้ำมันเบนซิน 95 หรือสูงกว่าเพื่อรับประกันสมรรถนะและความน่าเชื่อถือของเครื่องยนต์ แม้ว่าจะสามารถใช้น้ำมันเบนซิน 91 ได้ในระยะสั้น แต่เมื่อใช้งานในประเทศไทยระยะยาวควรเลือกใช้น้ำมันเบนซินที่มีเลขออกเทนสูงเพื่อป้องกันการน็อกของเครื่องยนต์และรักษาระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ ปั๊มน้ำมันในประเทศไทยโดยทั่วไปมีน้ำมันเบนซิน 95 เช่น PTT 95 หรือ Bangchak E20 Gasohol รวมทั้งน้ำมันแก๊สโซฮอล์และดีเซล แต่เครื่องยนต์เทอร์โบที่มีอัตราส่วนการอัดสูงของ GT-R ไม่เหมาะกับน้ำมัน E20 หรือดีเซล ดังนั้นควรเลือกใช้น้ำมันเบนซิน 95 หรือ 98 ที่บริสุทธิ์เพื่อลดผลกระทบจากเอทานอลต่อระบบเชื้อเพลิง หากต้องการเพิ่มสมรรถนะ บางอู่แต่งรถในไทยยังแนะนำให้น้ำมันเชื้อเพลิงสูตรแข่งหรือสารเติมแต่งเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการเผาไหม้ แต่ควรปฏิบัติตามคำแนะนำในคู่มือรถเพื่อให้รถมีประสิทธิภาพและเสถียรภาพในระยะยาว
Q
GT-R จะใช้งานได้นานเท่าไหร่
Nissan GT-R ไม่มีระยะเวลาการใช้งานที่แน่นอน เพราะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รุ่นปัจจุบันคือรุ่น R35 ซึ่งเปิดตัวในปี 2007 และมีอายุการใช้งานประมาณ 17 ปีจนถึงปัจจุบัน โดย Nissan ยืนยันว่าการผลิตรุ่น R35 จะสิ้นสุดในเดือนตุลาคม 2024 หากใช้งานตามปกติและดูแลรักษาอย่างดี รถ GT-R สามารถใช้งานได้ประมาณ 10 ถึง 15 ปี เช่น การบำรุงรักษาตามระยะเวลาที่กำหนด เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรองอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงซ่อมแซมปัญหาเล็กน้อยที่เกิดขึ้นทันเวลา จะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าใช้งานในสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย มีนิสัยการขับขี่ที่ไม่ดี และขาดการดูแลรักษาที่เหมาะสม อายุการใช้งานอาจลดลงอย่างมาก อาจเริ่มมีปัญหาและส่งผลต่อการใช้งานภายใน 5 ถึง 8 ปีเท่านั้น
Q
Nissan GT-R เป็นรถซูเปอร์คาร์หรือไม่
ใช่ครับ Nissan GT-R คือรถซูเปอร์คาร์รุ่นหนึ่งที่ผลิตโดย Nissan GT-R เป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสูงที่มีความน่าเชื่อถือและมีกำลังแรงม้าสูง ซึ่งเดิมเป็นรุ่นท็อปของซีรีส์ Skyline RV ของ Nissan และปัจจุบันได้กลายเป็นรุ่นรถยนต์แยกต่างหาก GT-R ติดตั้งเครื่องยนต์ขนาด 3.8 ลิตรที่ให้กำลังแรงและแรงบิดสูง ช่วยให้เร่งความเร็วได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีสมรรถนะการควบคุมที่ยอดเยี่ยม ด้วยจุดศูนย์ถ่วงต่ำและระบบช่วงล่างที่ปรับแต่งอย่างดีเยี่ยม ทำให้มีความมั่นคงขณะเข้าโค้ง การออกแบบอากาศพลศาสตร์ช่วยให้รูปลักษณ์ดุดันและเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ด้วยความเร็วสูง GT-R ได้ฝากผลงานที่โดดเด่นในวงการแข่งรถและได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มผู้ชื่นชอบรถยนต์ ยืนยันตำแหน่งซูเปอร์คาร์ของมันอย่างมั่นคง
Q&A ล่าสุด
Q
คะแนนความปลอดภัยของ Ciaz 2024 คืออะไร
ข้อมูลการประเมินความปลอดภัยของรถ Suzuki Ciaz รุ่นปี 2024 ในตลาดไทยยังไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ แต่หากอ้างอิงจากผลทดสอบของ Global NCAP หรือ ASEAN NCAP ในรุ่นที่ใช้แพลตฟอร์มเดียวกัน มักจะได้คะแนน 4 ดาวขึ้นไป โดยเฉพาะในส่วนของการปกป้องผู้โดยสารผู้ใหญ่ที่ทำได้ดีเสมอ สำหรับสภาพอากาศไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุก ระบบ ABS+EBD ถุงลมนิรภัยคู่ และระบบควบคุมเสถียรภาพรถที่มาสแตนดาร์ดใน Ciaz จะช่วยรับมือกับการจราจรติดขัดและถนนลื่นได้ดี โครงสร้างตัวรถแบบแข็งแรงพิเศษยังตอบโจทย์มาตรฐานการป้องกันการชนด้านข้างที่เข้มงวดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถ้าอยากรู้รายละเอียดความปลอดภัยเพิ่มเติม แนะนำให้ติดตามผลทดสอบตามมาตรฐาน TIS 2600-2563 ที่กรมการขนส่งทางบกจะเปิดเผยในเร็วๆ นี้ หรือไปทดลองสาธิตระบบความปลอดภัยด้วยตัวเองที่โชว์รูม Suzuki ในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ หรือเมืองใหญ่ๆ เวลาซื้อรถคนไทยมักจะเทียบกับ Toyota Yaris Ativ กับ Honda City ในเรื่องความปลอดภัย แต่ต้องระวังว่าอาจมีข้อแตกต่างในระบบความปลอดภัยอัจฉริยะระหว่างรุ่นย่อยๆ แนะนำให้ตรวจสอบสเปกจริงๆ ที่โชว์รูมก่อนตัดสินใจจะดีที่สุด
Q
Is Ciaz จะได้รับการปรับโฉมในปี 2024 หรือไม่
เกี่ยวกับการปรับโฉมของ Suzuki Ciaz รุ่นปี 2024 ในตลาดไทย ขณะนี้ Suzuki Thailand ยังไม่ได้ประกาศข้อมูลอย่างเป็นทางการ แต่เมื่อพิจารณาจากรอบการอัปเดตที่ผ่านมา เช่น เปิดตัวครั้งแรกในปี 2017 และมีการไมเนอร์เชนจ์ในปี 2020 รวมถึงความต้องการรถซีดานประหยัดพลังงานในตลาดอาเซียนที่ยังคงสูง จึงมีความเป็นไปได้มากที่รุ่นนี้จะได้รับการปรับโฉม หากมีการอัปเดต คาดว่าจะเป็นการปรับดีไซน์ภายนอกเล็กน้อยตามความชอบของผู้บริโภคชาวไทย เช่น กระจังหน้าดีไซน์ใหม่หรือไฟ LED และอาจมีการยกระดับระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะเพื่อแข่งขันกับคู่แข่งอย่าง Toyota Yaris Ativ ตลาดไทยให้ความสำคัญกับความประหยัดน้ำมันเป็นพิเศษ เครื่องยนต์ 14 ลิตร 90 แรงม้าอาจยังคงเดิม แต่มีการปรับจูนเกียร์ CVT ให้เหมาะสมกับสภาพจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ แนะนำให้จับตางานมอเตอร์โชว์ในช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายน ซึ่ง Suzuki มักใช้เวทีนี้เปิดตัวการปรับโฉมสำคัญ สำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาซื้อ หากเลือกซื้อก่อนการปรับโฉม มักจะได้โปรโมชั่นราคาที่คุ้มค่า เหมาะกับผู้ที่ไม่ได้เน้นเทคโนโลยีมากนัก แต่หากต้องการฟังก์ชันล้ำสมัยควรรอข้อมูลทางการเพิ่มเติม และไม่ว่าจะเลือกรุ่นปัจจุบันหรือรุ่นใหม่ ควรให้ความสำคัญกับการเลือกเวอร์ชันที่มีเบาะนั่งระบายอากาศหรือช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังเพื่อความสบายในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย
Q
คุณสมบัติของ Ciaz 2024 มีอะไรบ้าง
Ciaz รุ่นปี 2024 ในฐานะรถยนต์ซีดานเพื่อครอบครัวที่ประหยัดและใช้งานคุ้มค่า ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดไทย โดยมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 15 ลิตรแบบ NA ที่ให้ทั้งความประหยัดน้ำมันและความทนทาน จับคู่กับเกียร์ CVT ทำอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยได้ประมาณ 20 ถึง 22 กิโลเมตรต่อลิตร เหมาะกับสภาพการจราจรที่ติดขัดและการหยุดบ่อยในเมืองของไทย ด้านดีไซน์ภายนอกเพิ่มไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED และล้ออัลลอยทูโทนขนาด 16 นิ้ว ภายในอัปเกรดด้วยหน้าจอสัมผัส 7 นิ้วที่รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลังและเบาะรองรับส่วนเอวช่วยเพิ่มความสบาย ระบบความปลอดภัยมาตรฐานติดตั้งถุงลมคู่ ABS EBD และเซนเซอร์ถอยหลัง ในรุ่นท็อปเสริมด้วยระบบควบคุมเสถียรภาพตัวรถ จุดเด่นอีกอย่างคือเครือข่ายบริการหลังการขายของ Ciaz ในไทยที่ครอบคลุมกว้างขวาง ค่าบำรุงรักษาไม่สูง ตัวถังยาว 4490 มิลลิเมตร ขับขี่คล่องตัวบนถนนแคบในกรุงเทพฯ ขณะที่ห้องเก็บสัมภาระจุได้ 430 ลิตร รองรับการเดินทางของครอบครัว นอกจากนี้ Ciaz ยังมีมูลค่าขายต่อที่ดีและสภาพคล่องในตลาดรถมือสองสูง จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้บริโภคชาวไทยที่คำนึงถึงต้นทุนการใช้รถระยะยาว
Q
ซีอัลฟ่า 2024 มีกล้องถอยหลังหรือไม่
รุ่น Suzuki Ciaz 2024 ที่วางขายในตลาดไทยมีการติดตั้งกล้องถอยหลังมาให้เรียบร้อย ซึ่งฟีเจอร์นี้ช่วยอำนวยความสะดวกเวลาจอดรถหรือขับในซอยแคบๆ ได้มากเลย โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ หรือเมืองใหญ่ที่การจราจรคับคั่งและถนนหนทางก็ไม่ค่อยกว้างนัก กล้องถอยหลังมักจะเชื่อมกับหน้าจอแสดงผลในรถ บางรุ่นอาจมีเซนเซอร์จอดรถหรือเส้นแนะนำทิศทางช่วยด้วย ทำให้เรากะระยะห่างจากสิ่งกีดขวางด้านหลังได้ง่ายขึ้น ตอนนี้รถซีดานขนาดกลางในไทยส่วนใหญ่ก็มีกล้องถอยหลังเป็นอุปกรณ์มาตรฐานอยู่แล้ว เวลาซื้อรถอาจจะลองเช็คเพิ่มเติมเกี่ยวกับความละเอียดของกล้องหรือมุมกล้องด้วยนะ นอกจากนี้ แนะนำว่าควรหมั่นมองกระจกข้างและหันหน้ามองจุดบอดด้วยตัวเอง เพราะบางทีกล้องอาจมีภาพล้าในที่แสงน้อยหรือมีมุมอับ โดยเฉพาะช่วงกลางคืนในฤดูฝนที่ต้องระวังเป็นพิเศษ ถ้าคิดจะติดตั้งกล้องถอยหลังเพิ่มเอง ควรเลือกร้านแต่งรถที่ได้มาตรฐานเพื่อความปลอดภัยของระบบไฟฟ้าในรถ และไม่ให้ส่งผลต่อการรับประกันของรถด้วย
Q
ข้อเสียของ Ciaz 2024 มีอะไรบ้าง
รถยนต์ Ciaz รุ่นปี 2024 ในตลาดไทยยังมีจุดอ่อนที่ควรรู้ครับ เริ่มจากเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร แบบดูดธรรมดาที่แม้จะประหยัดน้ำมันแต่ให้กำลังไม่ค่อยแรงนัก โดยเฉพาะเมื่อต้องใช้งานในสภาพอากาศร้อนหรือขับขึ้นเขาบ่อยๆ ในไทย เวลาแซงบนทางด่วนหรือเมื่อมีผู้โดยสารเต็มคันพร้อมเปิดแอร์อาจรู้สึกไม่ค่อยมีแรง ส่วนวัสดุภายในห้องโดยสารทำจากพลาสติกแข็งดูไม่หรูเท่ารถคู่แข่งในราคาใกล้เคียง และสำหรับคนสูงเกิน 175 ซม. อาจรู้สึกว่าที่นั่งหลังศีรษะค่อนข้างคับ นอกจากนี้ยังขาดฟีเจอร์ยอดนิยมของคนไทยอย่างหลังคาพาโนรามิกและการชาร์จไร้สายซึ่งไม่มาสแตนดาร์ดในทุกรุ่น ควรระวังเรื่องรอยต่อตัวรถในช่วงหน้าฝน แนะนำให้ตรวจสอบร่องระบายน้ำที่ประตูรถก่อนเข้าฤดูฝน ส่วนเรื่องความสูงตัวรถนั้นเหมาะกับถนนในเมือง แต่ถ้าต้องขับบนเส้นทางต่างจังหวัดโดยเฉพาะทางเหนือที่ถนนลูกรังบ่อยๆ ควรเสริมแผ่นป้องกันใต้ท้องรถ อย่างไรก็ตาม จุดเด่นของ Ciaz คือศูนย์บริการซูซูกิในไทยที่มีเครือข่ายกว้างและค่าบำรุงรักษาที่ถูกกว่าเมื่อเทียบกับค่ายอื่น เหมาะสำหรับคนที่อยากประหยัดในระยะยาว เวลาจะซื้อแนะนำให้ลองเปรียบเทียบกับรถญี่ปุ่นรุ่นอื่นในระดับเดียวกันก่อน แล้วดูว่าคุณสมบัติกับราคาแบบไหนที่ตอบโจทย์ที่สุดครับ
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

รถ Nissan R35 GT-R คันสุดท้ายออกจากสายการผลิตอย่างเป็นทางการ สิ้นสุดช่วงการผลิต 18 ปี
พงศธรAug 28, 2025

ปัจจุบัน GT-R (R35) จะยุติการผลิตในเดือนสิงหาคม 2025 และในอนาคตอาจเปิดตัว GT-R เวอร์ชันไฮบริด
LienAug 14, 2025

Nissan รุ่นต่อไปของ GT-R จะใช้ระบบพลังงานผสม ภายใน 3-5 ปีจะเข้าตลาด
ธนวัฒน์Apr 23, 2025

Nissan ปิดการสั่งซื้อ GT-R R35 รถแข่งญี่ปุ่นกำลังสูญเสียในยุคของรถยนต์ไฟฟ้า
สุรเดชMar 5, 2025

การกลับมาของรุ่นคลาสสิค: นิสสัน GTR T-Spec เปิดตัวในมหกรรมยานยนต์ในกรุงเทพฯ
AshleyMar 20, 2024
ดูเพิ่มเติม
ข้อดี
ข้อเสีย