Q

Nissan Serena ใส่ของท้ายรถได้กี่ลิตร?

รถยนต์ Nissan Serena ในตลาดไทยเป็นรถ MPV สำหรับครอบครัวที่ได้รับความนิยม ด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระที่ออกแบบมาอย่างคล่องตัวและใช้งานได้จริง เมื่อพับเบาะแถวที่สามลงจะได้พื้นที่เก็บของประมาณ 2,050 ลิตร เหมาะสำหรับการเดินทางในช่วงวันหยุดหรือการขนส่งสิ่งของจำนวนมากของครอบครัวไทย แต่ถ้าเก็บเบาะทั้งสามแถวในตำแหน่งปกติ ก็ยังมีพื้นที่เก็บของพื้นฐานประมาณ 370 ลิตร ซึ่งเพียงพอสำหรับวางกระเป๋าเดินทางหรือของช้อปปิ้งหลายใบ รถรุ่นนี้ใช้เทคโนโลยี "การออกแบบพื้นที่เก็บสัมภาระแบบพื้นต่ำ" ของ Nissan ที่ช่วยเพิ่มความสูงแนวตั้งให้พื้นที่เก็บของ โดยเฉพาะเหมาะกับการขนส่งสิ่งของขนาดใหญ่ที่พบได้บ่อยในไทย เช่น ต้นไม้ในกระถาง เครื่องใช้ไฟฟ้าหรือของใช้ในช่วงเทศกาล นอกจากนี้ Serena ยังมาพร้อมกับระบบประตูสไลด์ไฟฟ้าและฟังก์ชันเปิดประตูด้วยเซ็นเซอร์เท้า ซึ่งช่วยให้ผู้โดยสารสามารถเปิดประตูท้ายได้สะดวกแม้ในวันที่อากาศร้อนหรือฝนตกและมือเต็มไปด้วยของ เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นใกล้เคียงอย่าง Toyota Noah และ Honda Stepwgn ที่มีระบบพับเบาะคล้ายกัน แต่ระบบไฮบริดของ Serena ให้ประหยัดน้ำมันกว่าในสภาพการจราจรติดขัดของกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับผู้บริโภคชาวไทย อย่างไรก็ตามพื้นที่เก็บสัมภาระจริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับวิธีการปรับเบาะและรูปร่างของสิ่งของ จึงแนะนำให้ทดลองใช้งานด้วยตนเองก่อนตัดสินใจซื้อ
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ข้อเสียของ Nissan Serena มีอะไรบ้าง
สำหรับรถยนต์ Nissan Serena ที่ได้รับความนิยมในตลาดไทยในฐานะรถ MPV จุดด้อยหลักๆ คือพื้นที่ขาที่แถวสามค่อนข้างจำกัด สำหรับผู้โดยสารที่ตัวสูงอาจรู้สึกไม่สะดวกสบายนัก โดยเฉพาะเมื่อต้องเดินทางไกล นอกจากนี้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร แบบดูดธรรมดาแม้จะขับเคลื่อนได้ลื่นไหลในเมือง แต่เมื่อบรรทุกเต็มคันหรือต้องการแซงบนทางหลวงจะรู้สึกว่าแรงส่งไม่ค่อยพอ ซึ่งอาจส่งผลต่อประสบการณ์การขับขี่ ในสภาพอากาศร้อนของไทย ผู้ใช้บางส่วนยังรายงานว่าระบบแอร์ที่แถวสามทำความเย็นได้ไม่ดีเท่าแถวหน้า สิ่งนี้อาจกระทบความสะดวกสบายของผู้โดยสารแถวหลัง ด้านการตั้งค่าสปริงของ Serena นั้นเน้นความนุ่มสบาย แต่เมื่อขับบนถนนสภาพไม่ดีบางแห่งในไทย ตัวรถจะโคลงเคลงค่อนข้างชัดเจน ทำให้ความมั่นคงในการควบคุมด้อยกว่ารุ่นคู่แข่งบางรุ่นในระดับเดียวกัน ข้อที่น่าสนใจคือผู้บริโภคไทยมักให้ความสำคัญกับความทนทานและความสะดวกในการซ่อมบำรุงของรถยนต์ ในขณะที่ราคาอะไหล่ของ Serena ค่อนข้างสูง ซึ่งอาจเพิ่มต้นทุนการใช้รถในระยะยาว สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถ MPV ในตลาดไทย นอกจากจะต้องสนใจเรื่องพื้นที่และความสะดวกสบายแล้ว ยังควรพิจารณาสถานการณ์การใช้ชีวิตประจำวันด้วย เช่น จำเป็นต้องใช้รถแบบเต็มคันบ่อยแค่ไหน หรือการเปรียบเทียบระหว่างกำลังเครื่องยนต์และความประหยัดน้ำมัน เพราะปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อประสบการณ์การใช้รถในระยะยาว
Q
Nissan Serena จัดอยู่ในรถประเภทไหน
Nissan เซเรน่า ในตลาดไทยจัดอยู่ในกลุ่มรถ MPV (Multi-Purpose Vehicle) ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยดีไซน์ที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในครอบครัวและธุรกิจ เซเรน่ามีให้เลือกทั้งแบบ 7 ที่นั่งและ 8 ที่นั่ง พร้อมระบบขับเคลื่อนที่ประหยัดน้ำมันทั้งแบบเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร และระบบไฮบริด ซึ่งตรงกับความต้องการของคนไทยที่ให้ความสำคัญกับเรื่องประหยัดน้ำมันเป็นหลัก นอกจากนี้ การออกแบบประตูสไลด์และพื้นที่เก็บสัมภาระที่กว้างขวางยังเหมาะกับสภาพการจอดรถในเมืองที่จำกัด และการเดินทางไกลของครอบครัวคนไทย ในตลาดไทย รถ MPV เป็นที่นิยมมากโดยเฉพาะรุ่นที่ผสมผสานความสะดวกสบายและประโยชน์ใช้สอยเหมือนเซเรน่า มักถูกนำไปใช้ทั้งเป็นรถครอบครัวและรับรองลูกค้าระดับเล็ก เมื่อเทียบกับโตโยต้า อินโนวา หรือฮอนด้า ฟรีด แล้ว เซเรน่ามีจุดเด่นในเรื่องเทคโนโลยีไฮบริดและการจัดวางพื้นที่ภายในที่ยืดหยุ่นกว่า แต่การเลือกรถก็ขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของแต่ละคนด้วย เวลาคนไทยเลือกซื้อ MPV มักจะดูเรื่องความประหยัดน้ำมัน ค่าบำรุงรักษา และมูลค่าเมื่อขายต่อ ซึ่งเซเรน่าก็ตอบโจทย์ได้ดีทุกด้าน ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับใครที่กำลังมองหารถครอบครัวที่ใช้งานได้หลากหลาย
Q
Nissan Serena มือสองราคาเท่าไหร่
ราคารถมือสอง Nissan Serena จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุรถ ระยะทางที่ใช้งาน สภาพรถ และความต้องการในตลาดรถมือสอง ยกตัวอย่างรุ่น Nissan Serena 2.0 S Hybrid 2024 ราคาประจำรุ่นอยู่ที่ 1,469,000 บาท ถ้าเป็นรถอายุน้อย ใช้งานไม่มาก สภาพยังดีอยู่ ก็อาจจะขายต่อได้ในราคาดี แต่ถ้าเป็นรถที่ใช้งานมานานหลายปี ระยะทางสูง มีร่องรอยการเสียหายหรือเคยเกิดอุบัติเหตุ ราคาก็จะตกฮวบฮาบ ส่วนรุ่นล่าสุดอย่าง Nissan Serena e-Power Highway Star 2025 ที่วางจำหน่ายเดือนมีนาคม 2025 ราคา 1,690,000 บาท ถือเป็นรุ่นใหม่ที่อาจจะทรงตัวในตลาดมือสองได้ค่อนข้างดี โดยทั่วไปแล้วถ้าขายภายใน 1-2 ปีแรก สภาพรถยังสมบูรณ์ดี อาจจะขายต่อได้ราคาประมาณ 80% ของราคาใหม่ แต่หลังจากนั้นมูลค่าก็จะค่อยๆ ลดลงตามระยะเวลาการใช้งาน
Q
Nissan Serena มีกี่ซีซี
รถยนต์ Nissan Serena มีหลายรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ต่างขนาดกัน รุ่น Nissan Serena e-Power Highway Star 2025 ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1433cc จัดอยู่ในระบบไฮบริดซีรีส์ 1.4L โดยใช้เครื่องยนต์ 3 สูบรหัส HR14DDe ส่วนรุ่น Nissan Serena 2.0 S Hybrid 2024 มีความจุเครื่องยนต์ 1997cc หรือก็คือ 2.0L แบบดูดอากาศธรรมชาติ ขนาดเครื่องยนต์ที่แตกต่างกันส่งผลต่อสมรรถนะและความประหยัดน้ำมัน เครื่องยนต์ขนาดเล็กอย่าง 1.4L จะประหยัดน้ำมันกว่า เหมาะกับการขับขี่ในเมืองประจำวัน ในขณะที่เครื่องยนต์ 2.0L ขนาดใหญ่จะให้กำลังสูงกว่า ช่วยในการเร่งและบรรทุกหนักได้ดีกว่า ผู้ซื้อสามารถเลือกได้ตามความต้องการและสไตล์การขับขี่ของตัวเอง
Q
เครื่องยนต์ใน Nissan Serena คืออะไร
รถยนต์ Nissan Serena มีหลายรุ่นด้วยกัน และแต่ละรุ่นก็ใช้เครื่องยนต์ที่แตกต่างกันออกไป สำหรับรุ่น Nissan Serena e-Power Highway Star 2025 จะใช้ระบบไฮบริดแบบซีรีส์ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 3 สูบ HR14DDe ความจุ 1.4 ลิตร (1433cc) ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Direct-injection หรือระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงตรง อัตราส่วนอัด 13.0:1 ให้กำลังสูงสุด 98 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที และแรงบิด 123 นิวตันเมตร โดยเครื่องยนต์นี้ทำหน้าที่หลักในการชาร์จแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ส่วนรุ่น Nissan Serena 2.0 S Hybrid 2024 จะใช้เครื่องยนต์เบนซิน MR20DD 2.0L แบบปกติ แบบดูดอากาศธรรมชาติ ให้กำลังสูงถึง 150 แรงม้า และแรงบิด 200 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติ Xtronic CVT ของ Nissan ด้วยเครื่องยนต์ที่แตกต่างกันนี้ ทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกที่หลากหลาย สามารถเลือกได้ตามความต้องการในการใช้งานและกำลังที่ต้องการ
Q
Nissan Serena ใช้เกียร์อะไร
ในตลาดไทย Nissan Serena ใช้เกียร์ Xtronic CVT ที่โดดเด่นเรื่องการเปลี่ยนเกียร์ลื่นไหลและประหยัดน้ำมัน เหมาะมากกับสภาพการจราจรในเมืองไทยที่ต้องหยุดและเคลื่อนตัวบ่อยๆ เกียร์ CVT ใช้ระบบส่งกำลังด้วยสายพานเหล็ก ทำให้ส่งกำลังต่อเนื่องไม่มีสะดุด ช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันในสภาพการจราจรติดขัด นอกจากนี้เกียร์ของ Serena ยังมีโหมด Manual จำลอง 7 สปีด ให้ความรู้สึกสนุกสนานในการขับขี่มากขึ้น ส่วนเรื่องความทนทาน เกียร์ตัวนี้ได้รับการออกแบบระบบระบายความร้อนเฉพาะสำหรับสภาพอากาศร้อนของไทย ที่สำคัญตลาดไทยยอมรับเกียร์ CVT ค่อนข้างสูงเพราะค่าบำรุงรักษาถูกกว่าเกียร์ AT ทั่วไป แถมยังมีเครือข่ายบริการหลังการขายของ Nissan ที่ครอบคลุมในไทย แนะนำให้เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ CVT ตามที่ผู้ผลิตกำหนดทุก 40,000 กม. เพื่อรักษาประสิทธิภาพสูงสุด ส่วนรุ่นแข่งอย่าง Toyota Noah ก็ใช้เกียร์ CVT เช่นกัน แต่การตั้งค่าของแต่ละแบรนด์จะแตกต่างกันไป ลองทดลองขับดูแล้วเลือกให้เหมาะกับสไตล์ตัวเองได้เลย
Q
PCD Nissan Serena เท่าไหร่
สำหรับรถ Nissan Serena ในตลาดไทย ค่า PCD (ระยะวงกลมรูสลักล้อ) จะอยู่ที่ 114.3 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นมาตรฐานหนึ่งของรถรุ่น MPV ที่พบได้ทั่วไปในประเทศไทย และเหมาะกับล้อที่มีสลัก 5 รู ข้อมูลนี้สำคัญมากสำหรับคนไทยโดยเฉพาะเวลาที่ต้องการเปลี่ยนล้อหรืออัพเกรดยางรถยนต์ ต้องมั่นใจว่า PCD ของล้อใหม่ตรงกับสเปคเดิมจากโรงงาน ไม่เช่นนั้นอาจทำให้การติดตั้งไม่แน่นหนาหรือเกิดอันตรายขณะขับขี่ได้ ในไทยเนื่องจากสภาพถนนค่อนข้างหลากหลาย คนใช้รถหลายคนจึงนิยมอัพเกรดล้อเพื่อเพิ่มความสวยงามหรือการขับขี่ที่ดีขึ้น การรู้ค่า PCD ที่ถูกต้องจึงเป็นเรื่องจำเป็น นอกจาก PCD แล้ว คนไทยยังต้องสนใจค่า Offset (ET) และขนาดรูกลางล้อ (CB) ด้วย เพราะพารามิเตอร์เหล่านี้จะช่วยกำหนดว่าล้อนั้นเหมาะกับรถหรือไม่ ถ้าไม่แน่ใจ แนะนำให้ปรึกษาร้านล้อมืออาชีพหรือที่ศูนย์บริการ Nissan โดยตรง เพราะพวกเขาจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับสเปคที่ถูกต้องและบริการติดตั้งที่เหมาะสม อีกทั้งสภาพอากาศเมืองไทยที่ทั้งร้อนและฝนชุกยังส่งผลต่อการเลือกยางรถยนต์ การเลือกยางที่เหมาะกับสภาพอากาศท้องถิ่นจะช่วยเพิ่มทั้งความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่
Q
นิสสัน เซเรน่า รองรับ Apple Carplay ไหม
Nissan Serena รุ่นใหม่ล่าสุดที่วางจำหน่ายในตลาดประเทศไทย มาพร้อมกับฟังก์ชัน Apple CarPlay ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ชาวไทยในเรื่องการเชื่อมต่อสมาร์ตโฟนเข้ากับระบบอินโฟเทนเมนต์ของรถได้อย่างไร้รอยต่อ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานแอปนำทาง ฟังเพลง หรือโทรศัพท์ผ่านหน้าจอกลางได้อย่างปลอดภัยและสะดวก โดยเฉพาะในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นอย่างกรุงเทพฯ ฟีเจอร์อย่างระบบนำทางแบบเรียลไทม์และการสั่งงานด้วยเสียงถือว่ามีประโยชน์มาก นอกจาก Apple CarPlay แล้ว Serena ยังรองรับระบบ Android Auto เพื่อตอบสนองผู้ใช้งานโทรศัพท์ในทุกระบบ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของรถรุ่นนี้ ในตลาดไทย ปัจจุบันรถหลายรุ่นเริ่มติดตั้งระบบเชื่อมต่อสมาร์ตโฟนเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการผสานเทคโนโลยีรถยนต์เข้ากับอุปกรณ์พกพา Serena เองก็ไม่ตกเทรนด์ โดยระบบของรถยังรองรับการใช้งานภาษาไทย ทั้งในส่วนของระบบสั่งงานด้วยเสียงและแผนที่นำทางภายในประเทศ แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของ Nissan ต่อพฤติกรรมการใช้งานของผู้บริโภคชาวไทยในทุกรายละเอียด
Q
ยางติดรถ Nissan Serena ใช้ยี่ห้ออะไร
ยางติดรถ Nissan Serena ที่วางจำหน่ายในประเทศไทย อาจแตกต่างกันไปตามปีรุ่นและระดับการตกแต่ง โดยส่วนใหญ่จะใช้ยางจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก เช่น Bridgestone หรือ Dunlop ซึ่งหาซื้อได้ง่ายในไทยและมีศูนย์บริการครอบคลุมทั่วประเทศ เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นและถนนที่เปียกชื้นบ่อยในไทย โดยทั่วไป ยางติดรถจากโรงงานจะถูกเลือกโดยคำนึงถึงความทนทาน การยึดเกาะถนนบนพื้นเปียก และความประหยัดน้ำมัน เช่น ยาง Bridgestone ECOPIA ที่ให้ความสมดุลระหว่างการลดแรงต้านการหมุนกับการรีดน้ำในช่วงฤดูฝน เจ้าของรถควรตรวจสอบสภาพยางเป็นประจำ และเมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนยาง นอกจากเลือกยางขนาดเดียวกับของเดิมแล้ว ยังสามารถเลือกใช้แบรนด์อื่นในระดับเดียวกันได้ เช่น Michelin หรือ Goodyear แต่ต้องมั่นใจว่ายางที่เลือกมีค่าดัชนีรับน้ำหนักและความเร็วที่เหมาะสมกับตัวรถ ในสภาพอากาศร้อนและชื้นของไทย ยางอาจเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ แนะนำให้ตรวจเช็กยางโดยผู้เชี่ยวชาญทุก 2 ปี และตรวจเช็กลมยางทุกเดือน ควรรักษาระดับลมยางตามค่าที่ระบุไว้บนสติกเกอร์ที่ขอบประตู เพื่อยืดอายุการใช้งานและเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่
Q
รถ Nissan Serena เป็นรถที่ดีหรือไม่? เรียนรู้ข้อดีและข้อเสียที่นี่
รถยนต์ Nissan Serena ในตลาดประเทศไทยเป็นรถ MPV สำหรับครอบครัวที่ได้รับความนิยมมาก โดยจุดเด่นอยู่ที่การออกแบบห้องโดยสารที่กว้างขวางและปรับเปลี่ยนได้สะดวกในรูปแบบ 7 ที่นั่ง เหมาะกับไลฟ์สไตล์ครอบครัวใหญ่ของคนไทย เครื่องยนต์ 2.0L แบบธรรมชาติร่วมกับเกียร์ CVT ให้การขับขี่ที่ลื่นไหลและประหยัดน้ำมัน โดยสิ้นเปลืองน้ำมันราว 13-14 กม./ลิตรในเมือง ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการด้านประโยชน์ใช้สอยของคนไทย เต็มไปด้วยฟีเจอร์อัจฉริยะเช่น กล้องรอบทิศทางและกุญแจอัจฉริยะ ที่เหมาะกับการใช้งานในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ที่การจราจรหนาแน่น อย่างไรก็ตาม การกันเสียงจากพื้นรถยังมีจุดที่ควรพัฒนาเมื่อขับความเร็วสูง และความสบายของที่นั่งแถวสามอาจยังไม่เหมาะกับการเดินทางไกล ในตลาดไทย Serena มีคู่แข่งหลักคือ Toyota Innova และ Honda BR-V แต่ Serena มีจุดต่างที่โดดเด่นคือประตูสไลด์และความสูงจากพื้นรถที่ต่ำกว่า ทำให้ผู้สูงอายุและเด็กขึ้นลงง่าย สำคัญที่ต้องรู้คือรุ่นไทยเป็นพวงมาลัยขวาและตั้งค่าตัวถังเฉพาะสำหรับถนนไทย ส่วนเรื่องค่าตัวในตลาดมือสองอยู่ในระดับปานกลาง ค่าบำรุงรักษาก็ใกล้เคียงกับคู่แข่งรถญี่ปุ่นด้วยกัน เหมาะสำหรับครอบครัวที่มองหาประโยชน์ใช้สอย ความคุ้มค่าและความน่าเชื่อถือของแบรนด์

ข้อดี

การจัดเรียงที่นั่ง 7 ที่นั่งให้บรรทุกสัมผัสการขับรถที่สบาย
ที่นั่งคุณภาพสูงทำให้สบายในระยะยาว
พื้นที่เก็บของภายในมากพอสำหรับครอบครัวใช้
การออกแบบลักษณะภายนอกที่เป็นเอกลักษณะและสไตล์ทำให้โดดเด่น
ระบบพลังงานไฟฟ้าเชิงลวดยกระบวนการขับเคลื่อนที่ราบรื่น
แดชบอร์ดดิจิตอลให้ข้อมูลที่ชัดเจน
ลิ้นคันแบบปุ่มช่วยเพิ่มพื้นที่ภายใน

ข้อเสีย

ประสิทธิภาพเชื้อเพลิงต่ำกว่าคู่แข่งบางตัวเล็กน้อย
การออกแบบเสาศูนย์มีปัญหาทางอากรอนามิก
กำลังของเครื่องยนต์อาจไม่แรงมากนัก

Q&A ล่าสุด

Q
ราคา BYD SEALION 7 เท่าไหร่
รถ BYD Sealion 7 เป็นรุ่น SUV ไฟฟ้ารุ่นล่าสุดจาก BYD ที่เพิ่งเปิดตัวในตลาดไทย ตอนนี้ยังไม่มีประกาศราคาอย่างเป็นทางการ แต่ถ้าดูจากนโยบายการตั้งราคาของ BYD ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงสเปกของรถรุ่นนี้ คาดว่าราคาน่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.5-2 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความจุแบตเตอรี่ ระบบขับเคลื่อน และอุปกรณ์เสริมต่างๆ รุ่นนี้ใช้เทคโนโลยี e-platform 3.0 ล่าสุดจาก BYD ที่ให้ระยะทางวิ่งมากกว่า 500 กม. (ตามมาตรฐาน CLTC) และรองรับระบบชาร์จเร็ว ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยที่มองหารถไฟฟ้าระยะทางไกลและชาร์จสะดวก ในตลาดไทย BYD Sealion 7 จะแข่งกับรถ SUV ไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ เช่น Tesla Model Y และ MG Marvel R แต่ BYD ได้เปรียบเรื่องการผลิตในประเทศที่อาจทำให้ราคาดีกว่าและมีเครือข่ายบริการที่ครอบคลุมมากกว่า ที่สำคัญตอนนี้รัฐบาลไทยมีนโยบายสนับสนุนรถ EV ค่อนข้างดี ทั้งการลดภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต ซึ่งช่วยให้ราคารถถูกลงอีก ด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความต้องการรถยนต์อีโคคาร์ที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค รถเอสยูวีพลังงานไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงอย่าง BYD Sealion 7 คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาด
Q
BYD SEALION 7 มีที่นั่งกี่ที่
BYD SEALION 7 เป็น SUV ขนาดกลางที่ออกแบบมา 5 ที่นั่ง ตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวันของครอบครัวไทยหรือการออกทริปกับเพื่อนๆ ได้เป็นอย่างดี โอกาสนี้ยังมีพื้นที่ด้านหลังและกระโปรงหลังที่กว้างขวาง เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนไทยที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวหรือต้องขนสัมภาระจำนวนมาก รถรุ่นนี้มาพร้อมเทคโนโลยี Hybrid แบบ Plug-in (DM-i Super Hybrid) ของ BYD ที่ช่วยประหยัดน้ำมันได้ดีแม้ในสภาพอากาศร้อนของไทย โหมด EV ก็เหมาะกับการใช้ชีวิตในเมือง ส่วนเรื่องที่สำคัญคือ ตลาดไทยกำลังเติบโตในเรื่องรถพลังงานสะอาด ซึ่ง Sealion 7 เป็น Plug-in Hybrid ที่ได้สิทธิประโยชน์เหมือนรถ EV แถมยังไม่ต้องกังวลกับสถานีชาร์จที่อาจยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ อีกทั้งยังติดตั้งระบบปรับอากาศแรงๆ สำหรับเมืองร้อน และระบบจัดการความร้อนของแบตเตอรี่ ที่สำคัญแบตเตอรี่มีมาตรฐานกันน้ำระดับ IP67 ทนสภาพฝนตกชุกของไทยได้ดี เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Toyota RAV4 ที่ก็เป็น 5 ที่นั่งเหมือนกัน แต่ Sealion 7 โดดเด่นกว่าในเรื่องเทคโนโลยีเชื่อมต่อและนวัตกรรมพลังงานสะอาด อย่างไรก็ตามผู้ซื้อควรเลือกตามความต้องการและงบประมาณที่มี เพราะตอนนี้รัฐบาลไทยกำลังสนับสนุนนโยบาย EV 3.5 ทำให้ SUV ประหยัดพลังงานแบบนี้จะเป็นทางเลือกยอดนิยมของครอบครัวไทยมากขึ้นเรื่อยๆ
Q
Isuzu MU-X 1.9 ต้องเสียภาษีเท่าไหร่
ในประเทศไทย ภาษีของรถ Isuzu MU-X 1.9 จะประกอบไปด้วยภาษีนำเข้า ภาษีสรรพสามิต และภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยจำนวนเงินที่ต้องจ่ายจริงจะขึ้นอยู่กับราคา CIF ของรถ (รวมค่าการขนส่งและประกัน) รวมถึงปัจจัยอื่นๆ เช่นขนาดเครื่องยนต์ ตามนโยบายภาษีของไทย รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตรจะถูกจัดอยู่ในอัตราภาษีสรรพสามิต 20% และต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 7% โดยรวมแล้วภาษีจะอยู่ที่ประมาณ 30% ของราคา CIF แต่จำนวนสุดท้ายต้องรอการประเมินจากศุลกากร นอกจากนี้ประเทศไทยยังมีสิทธิประโยชน์สำหรับรถที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยถ้า Isuzu MU-X 1.9 ซึ่งเป็นรุ่นเครื่องดีเซลสามารถผ่านมาตรฐาน Euro ก็อาจจะได้รับส่วนลดภาษีบางส่วน ควรระวังไว้ว่ารัฐบาลไทยอาจมีการปรับอัตราภาษีรถยนต์เป็นครั้งคราว ดังนั้นก่อนซื้อควรสอบถามข้อมูลล่าสุดจากตัวแทนจำหน่ายหรือหน่วยงานด้านภาษีในพื้นที่ สุดท้ายแล้ว Isuzu MU-X 1.9 เป็นรถที่ได้รับความนิยมในตลาดไทยเนื่องจากความทนทานและประหยัดน้ำมัน แม้ว่าภาษีจะเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนการซื้อรถ แต่ในระยะยาวการประหยัดน้ำมันและค่าบำรุงรักษาที่ต่ำก็ช่วยให้เจ้าของรถประหยัดเงินได้ไม่น้อย
Q
รีโมทคอนโทรลของ Isuzu MU-X รุ่นอะไร?
สำหรับรถยนต์ Isuzu MU-X ในตลาดไทย รีโมทคีย์ที่นิยมใช้จะเป็นยี่ห้อ 4D-TECH ซึ่งมักเป็นรุ่น 4D-60 หรือ 4D-63 ขึ้นอยู่กับปีที่ผลิตและระดับเครื่องของรถ แนะนำให้เจ้าของรถตรวจสอบป้ายด้านหลังของกุญแจหรือสอบถามตัวแทนจำหน่ายอีซูสุอย่างเป็นทางการในไทยเพื่อความถูกต้อง ส่วนการเปลี่ยนหรือตั้งค่ารีโมทคีย์ในประเทศไทย ต้องทำผ่านช่องทางมืออาชีพโดยเฉพาะรถที่ติดตั้งระบบอิมโมบิไลเซอร์ (Immobilizer) ควรเลือกบริการศูนย์บริการทางการของอีซูสุหรืออู่ที่ได้รับการรับรอง เพื่อความปลอดภัยและความเข้ากันได้ของระบบ นอกจากนี้สภาพอากาศที่ร้อนชื้นของไทยอาจส่งผลต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่ของรีโมท (ปกติใช้แบตเตอรี่รุ่น CR2032) ถ้ารีโมททำงานไม่ดีหรือกดแล้วไม่ค่อยตอบสนอง ลองเปลี่ยนแบตเตอรี่ดูก่อน สำหรับการดูแลรักษารีโมทคีย์ในชีวิตประจำวัน ควรหลีกเลี่ยงการวางทิ้งไว้ในที่ร้อนเช่นแผงหน้าปัด และระวังไม่ให้น้ำเข้า เพราะจะช่วยยืดอายุการใช้งานของรีโมทได้ หากต้องการทำกุญแจเพิ่ม ในไทยมีร้านค้าชิ้นส่วนรถยนต์ขนาดใหญ่เช่น Zeer Rangsit หรือร้านอิเล็กทรอนิกส์รถยนต์เฉพาะทางที่ให้บริการได้ แต่ต้องมั่นใจว่าชิปที่ใช้เข้ากันได้กับของเดิมเพื่อป้องกันระบบรักษาความปลอดภัยของรถทำงานล็อกโดยไม่จำเป็น
Q
ยางขนาด 18 นิ้ว Isuzu MU-X ควรเลือกแบบไหน?
สำหรับรถ SUV อย่าง Isuzu MU-X การเลือกยางขนาด 18 นิ้วต้องคำนึงถึงสภาพอากาศในไทยที่ฝนชุกและถนนหลากหลายรูปแบบ แนะนำให้ใช้ยางออฟโรด (AT) หรือยางสำหรับ SUV แบบทางเรียบ (HT) ถ้าขับในเมืองบ่อย ยาง HT เช่น Bridgestone Dueler H/P Sport หรือ Michelin Primacy SUV+ จะให้ความรู้สึกเงียบกว่าและเกาะถนนดีเวลาฝนตก เหมาะกับฤดูฝนของไทย แต่ถ้าต้องเจอทางลูกรังหรือโคลนบ้างเป็นครั้งคราว ยาง AT อย่าง Toyo Open Country A/T หรือ Pirelli Scorpion ATR จะทนทานกว่าและเหมาะกับการขับออฟโรดเล็กน้อย อย่าลืมว่าอากาศร้อนของไทยส่งผลต่อการระบายความร้อนของยาง แนะนำให้เลือกยางที่มีมาตรฐานรับความร้อนสูง (เช่น TEMP ระดับ A) และตรวจสอบลมยางสม่ำเสมอ (ควรอยู่ที่ 32-35 psi ตามที่ผู้ผลิตกำหนด) นอกจากนี้กฎหมายไทยกำหนดว่าดอกยางต้องเหลือไม่ต่ำกว่า 1.6 มม. ช่วงก่อนฝนควรเปลี่ยนยางใหม่เพื่อการระบายน้ำที่ดี ส่วนขนาดยางที่เหมาะกับกระทะล้อ 18 นิ้วของ MU-X จะเป็น 255/60R18 ต้องเช็คดัชนีรับน้ำหนัก (Load Index) อย่างน้อย 110 ขึ้นไปเพื่อให้รับน้ำหนักรถได้ และอัตราความเร็ว (Speed Rating) อย่างน้อยระดับ H (210km/h) เพื่อให้เหมาะสมกับการขับบนทางด่วนในไทย
ดูเพิ่มเติม