Q
Nissan GT-R มีความเร็วสูงสุดเท่าไหร่
ความเร็วสูงสุดของ Nissan GT-R จะแตกต่างกันไปตามรุ่นและเวอร์ชัน โดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 315 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถรุ่นนี้ถือเป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสูงที่มีชื่อเสียงด้านพละกำลังและความเร็ว มาพร้อมเครื่องยนต์ที่ทรงพลังและเทคโนโลยีวิศวกรรมขั้นสูง ช่วยให้สามารถทำความเร็วได้อย่างน่าประทับใจ ตัวถังได้รับการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์เพื่อลดแรงต้านอากาศ ทำให้ขับขี่ที่ความเร็วสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน ระบบกันสะเทือนและการควบคุมที่ได้รับการปรับจูนอย่างประณีตยังช่วยให้รถมีเสถียรภาพและควบคุมได้ดีในขณะวิ่งด้วยความเร็วสูง สำหรับเวอร์ชันพิเศษหรือรุ่นที่มีการดัดแปลงเพิ่มเติม อาจสามารถทำความเร็วได้สูงยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การใช้ความเร็วระดับนี้ในชีวิตจริงมักมีข้อจำกัดตามกฎหมายจราจรและข้อพิจารณาด้านความปลอดภัย จึงควรใช้งานอย่างระมัดระวัง
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
GT-R และ GT-R Pro มีความแตกต่างอย่างไร
Nissan GT-R กับ GT-R Pro มีความแตกต่างกันหลัก ๆ ในด้านการปรับจูนสมรรถนะ การควบคุมการขับขี่ และความเหมาะสมในการใช้งานในสนามแข่ง แม้ทั้งสองรุ่นจะใช้เครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบ ขนาด 3.8 ลิตรเหมือนกัน แต่ GT-R Pro ได้รับการอัปเกรดช่วงล่างด้วยโช้กอัพ Bilstein แบบปรับค่าแรงหน่วงได้ ระบบเบรกเซรามิกคาร์บอน และชุดแอร์โรไดนามิกที่ดุดันยิ่งขึ้น เช่น สปอยเลอร์หน้า-หลัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ระดับสูง ภายในห้องโดยสารยังมีการลดน้ำหนักโดยใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์มากขึ้น พร้อมเบาะนั่งสปอร์ตจาก Recaro เพื่อมอบประสบการณ์ขับขี่ที่มั่นคงในความเร็วสูง อย่างไรก็ตาม ความสะดวกสบายของ GT-R Pro จะน้อยกว่ารุ่นปกติ เนื่องจากเน้นสมรรถนะเป็นหลัก จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการรถสำหรับขับในสนามแข่งหรือขับขี่แบบเร้าใจ ขณะที่ GT-R รุ่นมาตรฐานจะเหมาะกับการขับใช้งานในชีวิตประจำวันและขับทางไกลได้สบายกว่า สำหรับผู้บริโภคในประเทศไทย หากคุณมองหารถสมรรถนะสูงที่ขับได้ทุกวัน GT-R รุ่นมาตรฐานคือทางเลือกที่ดี แต่ถ้าคุณเป็นสายสนามตัวจริง GT-R Pro จะตอบโจทย์ได้มากกว่า
Q
ความแตกต่างระหว่าง GT C และ GT-R คืออะไร
GT C และ GT-R เป็นรถสมรรถนะสูงจากคนละค่าย โดยมีจุดเด่นที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน GT-R จาก Nissan เป็นรถสปอร์ตระดับตำนานของญี่ปุ่น มาพร้อมเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.8 ลิตร ทวินเทอร์โบ ขับเคลื่อนสี่ล้อ เซตช่วงล่างแบบสนามแข่ง เน้นความแม่นยำในการควบคุม เหมาะกับคนที่ชอบขับขี่แบบดุดันและเน้นสมรรถนะล้วนๆ ส่วน GT C ซึ่งมักหมายถึง Mercedes-AMG GT C เป็นรถสปอร์ตจากฝั่งเยอรมันที่ผสานความแรงและความหรูหราเข้าไว้ด้วยกัน ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ มีระบบช่วงล่างปรับได้ ดีไซน์หรู ภายในสบาย เหมาะกับการเดินทางไกลสไตล์ Grand Touring ในตลาดประเทศไทย GT-R ได้รับความนิยมในหมู่คนรักความเร็วและสนามแข่ง ขณะที่ AMG GT C เหมาะกับผู้ที่ต้องการรถสปอร์ตหรูที่ให้ทั้งสมรรถนะและความสะดวกสบาย ดังนั้นหากคุณชอบอารมณ์ดิบแบบรถญี่ปุ่น GT-R คือคำตอบ แต่หากคุณต้องการความหรูหราแบบเยอรมัน GT C ก็อาจเหมาะกว่า
Q
ความแตกต่างระหว่าง GT T และ GT-R คืออะไร
คุณอาจกำลังถามถึงความแตกต่างระหว่าง “GT-R T-spec” กับ “GT-R Premium Luxury” ราคาของ “GT-R T-spec” อยู่ที่ 12,200,000 บาท ส่วน “GT-R Premium Luxury” ราคา 10,700,000 บาท นอกจากราคาที่ต่างกันแล้ว ทั้งสองรุ่นมีสเปกหลักที่ใกล้เคียงกัน โดยใช้เครื่องยนต์ขนาด 3799 ซีซี ระบบส่งกำลัง และขนาดตัวถังเหมือนกัน คือ ความยาว 4710 มม. ความกว้าง 1895 มม. ความสูง 1370 มม. ฐานล้อ 2780 มม. มี 2 ประตู และ 4 ที่นั่ง อย่างไรก็ตาม “GT-R T-spec” อาจมาพร้อมกับอุปกรณ์ วัสดุ หรือการปรับแต่งที่เหนือระดับและเป็นเอกลักษณ์มากกว่า เพื่อสร้างความแตกต่างและเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าได้มากขึ้น
Q
GT-R และ GT-R NISMO มีความแตกต่างกันอย่างไร
GT-R กับ GT-R NISMO มีความแตกต่างในหลายด้าน โดย GT-R NISMO เป็นรุ่นอัพเกรดของ GT-R ซึ่งพัฒนาโดยแผนกสมรรถนะสูงของนิสสัน ทำให้มีพละกำลังสูงกว่า GT-R รุ่นปกติ ด้วยการปรับแต่งเครื่องยนต์และระบบต่าง ๆ เพื่อให้กำลังขับเคลื่อนดียิ่งขึ้น ในด้านชุดแต่งตัวถัง GT-R NISMO ใช้วัสดุน้ำหนักเบา เช่น คาร์บอนไฟเบอร์ ช่วยลดน้ำหนักรถ ส่งผลให้ความเร็วและการควบคุมรถดีขึ้น โดยเฉพาะในการเร่งและเข้าโค้ง ส่วนระบบช่วงล่าง GT-R NISMO ติดตั้งช่วงล่างเวอร์ชันพรีเมียม สามารถรองรับสภาพถนนที่ซับซ้อนและการขับขี่ที่รุนแรงได้ดี ให้การหนุนรับและความมั่นคงสูงขณะขับด้วยความเร็วสูงหรือเข้าโค้งอย่างรวดเร็ว สรุปคือ GT-R NISMO เป็นการอัพเกรดแบบครบวงจรจาก GT-R เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการสมรรถนะและประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือชั้นกว่า
Q
Tesla มันเร็วกว่า GT-R หรือไม่
ไม่สามารถสรุปได้ง่าย ๆ ว่าเทสล่าจะเร็วกว่าหรือช้ากว่า GT-R เพราะประสิทธิภาพการเร่งความเร็วและความเร็วสูงสุดขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่นของรถ GT-R เป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสูงของนิสสัน ที่มักติดตั้งเครื่องยนต์ V6 3.8 ลิตร เทอร์โบคู่ มีสมรรถนะแรงม้าโดดเด่น เช่น บางรุ่นทำเวลาเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ประมาณ 2.7 วินาที และความเร็วสูงสุดถึง 315 กม./ชม. ขณะที่เทสล่ามีหลายรุ่น เช่น Model S P100D ที่ทำเวลาเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ราว 2.5 วินาที ซึ่งในด้านการเร่งความเร็ว อาจเร็วกว่าบางรุ่นของ GT-R แต่การเปรียบเทียบความเร็วยังขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพแวดล้อมการขับขี่ น้ำหนักบรรทุก และทักษะผู้ขับขี่ ดังนั้นในสถานการณ์และเงื่อนไขที่แตกต่างกัน สมรรถนะความเร็วของทั้งสองรถอาจแตกต่างกัน จึงไม่สามารถตัดสินได้ว่าเทสล่าจะเร็วกว่า GT-R เสมอไป
Q
GT-R วิ่งเร็วกว่า Supra หรือไม่
โดยทั่วไปแล้ว Nissan GT-R มักจะเร็วกว่ารถ Toyota Supra ในด้านสมรรถนะเครื่องยนต์ GT-R ติดตั้งเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.8 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุดถึง 555 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 632 นิวตันเมตร ขณะที่ Supra ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบเรียง ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 340 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ซึ่ง GT-R มีทั้งแรงม้าและแรงบิดที่สูงกว่า ในเรื่องของอัตราเร่ง GT-R ทำความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ภายในประมาณ 2.7 วินาที ขณะที่ Supra ใช้เวลาประมาณ 4.1 วินาที ความเร็วสูงสุดของ GT-R อยู่ที่ราว 315 กม./ชม. ส่วน Supra อยู่ที่ประมาณ 250 กม./ชม. อย่างไรก็ตาม ในการขับขี่จริง ความเร็วยังขึ้นอยู่กับสภาพถนน เทคนิคการขับขี่ และปัจจัยอื่น ๆ นอกจากนี้ ทั้งสองรุ่นยังมีจุดเด่นในด้านการควบคุมและความปลอดภัยที่แตกต่างกัน จึงไม่สามารถตัดสินได้เพียงแค่ความเร็วว่าใครดีกว่ากันครับ
Q
GT-R มีเทอร์โบคู่หรือไม่
ใช่ครับ Nissan GT-R ติดตั้งระบบเทอร์โบคู่ เครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.8 ลิตร รุ่น VR38DETT ซึ่งพัฒนามาจากเครื่องยนต์ VQ ของนิสสันที่ได้รับคำชื่นชมอย่างกว้างขวาง ระบบเทอร์โบคู่ช่วยให้เครื่องยนต์สามารถรีดกำลังสูงสุดได้ที่ 6400 รอบต่อนาที และให้แรงบิดสูงในช่วงรอบเครื่องยนต์ 3200 ถึง 6000 รอบต่อนาที เทคโนโลยีเทอร์โบคู่ช่วยเพิ่มสมรรถนะทั้งกำลังและแรงบิดของเครื่องยนต์ ส่งผลให้ GT-R มีสมรรถนะการเร่งความเร็วที่โดดเด่นและแรงขับเคลื่อนที่ทรงพลัง ไม่ว่าจะขับขี่ในชีวิตประจำวันหรือในสนามแข่ง ก็สามารถแสดงศักยภาพของรถสปอร์ตระดับสูงได้อย่างเต็มที่ มอบประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่างและเร้าใจแก่ผู้ขับขี่ครับ
Q
GT-R ดีต่อการใช้แก๊สหรือไม่
Nissan GT-R รถสปอร์ตสมรรถนะสูงรุ่นนี้แนะนำให้ใช้น้ำมันเบนซิน 95 หรือสูงกว่าเพื่อรับประกันสมรรถนะและความน่าเชื่อถือของเครื่องยนต์ แม้ว่าจะสามารถใช้น้ำมันเบนซิน 91 ได้ในระยะสั้น แต่เมื่อใช้งานในประเทศไทยระยะยาวควรเลือกใช้น้ำมันเบนซินที่มีเลขออกเทนสูงเพื่อป้องกันการน็อกของเครื่องยนต์และรักษาระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ ปั๊มน้ำมันในประเทศไทยโดยทั่วไปมีน้ำมันเบนซิน 95 เช่น PTT 95 หรือ Bangchak E20 Gasohol รวมทั้งน้ำมันแก๊สโซฮอล์และดีเซล แต่เครื่องยนต์เทอร์โบที่มีอัตราส่วนการอัดสูงของ GT-R ไม่เหมาะกับน้ำมัน E20 หรือดีเซล ดังนั้นควรเลือกใช้น้ำมันเบนซิน 95 หรือ 98 ที่บริสุทธิ์เพื่อลดผลกระทบจากเอทานอลต่อระบบเชื้อเพลิง หากต้องการเพิ่มสมรรถนะ บางอู่แต่งรถในไทยยังแนะนำให้น้ำมันเชื้อเพลิงสูตรแข่งหรือสารเติมแต่งเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการเผาไหม้ แต่ควรปฏิบัติตามคำแนะนำในคู่มือรถเพื่อให้รถมีประสิทธิภาพและเสถียรภาพในระยะยาว
Q
GT-R จะใช้งานได้นานเท่าไหร่
Nissan GT-R ไม่มีระยะเวลาการใช้งานที่แน่นอน เพราะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รุ่นปัจจุบันคือรุ่น R35 ซึ่งเปิดตัวในปี 2007 และมีอายุการใช้งานประมาณ 17 ปีจนถึงปัจจุบัน โดย Nissan ยืนยันว่าการผลิตรุ่น R35 จะสิ้นสุดในเดือนตุลาคม 2024 หากใช้งานตามปกติและดูแลรักษาอย่างดี รถ GT-R สามารถใช้งานได้ประมาณ 10 ถึง 15 ปี เช่น การบำรุงรักษาตามระยะเวลาที่กำหนด เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรองอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงซ่อมแซมปัญหาเล็กน้อยที่เกิดขึ้นทันเวลา จะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าใช้งานในสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย มีนิสัยการขับขี่ที่ไม่ดี และขาดการดูแลรักษาที่เหมาะสม อายุการใช้งานอาจลดลงอย่างมาก อาจเริ่มมีปัญหาและส่งผลต่อการใช้งานภายใน 5 ถึง 8 ปีเท่านั้น
Q
Nissan GT-R เป็นรถซูเปอร์คาร์หรือไม่
ใช่ครับ Nissan GT-R คือรถซูเปอร์คาร์รุ่นหนึ่งที่ผลิตโดย Nissan GT-R เป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสูงที่มีความน่าเชื่อถือและมีกำลังแรงม้าสูง ซึ่งเดิมเป็นรุ่นท็อปของซีรีส์ Skyline RV ของ Nissan และปัจจุบันได้กลายเป็นรุ่นรถยนต์แยกต่างหาก GT-R ติดตั้งเครื่องยนต์ขนาด 3.8 ลิตรที่ให้กำลังแรงและแรงบิดสูง ช่วยให้เร่งความเร็วได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีสมรรถนะการควบคุมที่ยอดเยี่ยม ด้วยจุดศูนย์ถ่วงต่ำและระบบช่วงล่างที่ปรับแต่งอย่างดีเยี่ยม ทำให้มีความมั่นคงขณะเข้าโค้ง การออกแบบอากาศพลศาสตร์ช่วยให้รูปลักษณ์ดุดันและเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ด้วยความเร็วสูง GT-R ได้ฝากผลงานที่โดดเด่นในวงการแข่งรถและได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มผู้ชื่นชอบรถยนต์ ยืนยันตำแหน่งซูเปอร์คาร์ของมันอย่างมั่นคง
Q&A ล่าสุด
Q
ขนาดของ Toyota Veloz คืออะไร มาทำความรู้จักที่นี่
Toyota Veloz เป็นรถยนต์ MPV ขนาด C-segment มีมิติตัวถังยาว 4,475 มิลลิเมตร กว้าง 1,750 มิลลิเมตร สูง 1,700 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อ 2,750 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดจากพื้นถึงใต้ท้องรถอยู่ที่ 205 มิลลิเมตร รุ่น 1.5 Smart CVT มีรัศมีวงเลี้ยว 4.9 เมตร ขณะที่รุ่น Premium และ Premium X-Urban CVT มีรัศมีวงเลี้ยว 5 เมตร เป็นรถ 5 ประตู 7 ที่นั่ง โดยขนาดล้อและยางแตกต่างกันตามรุ่น ได้แก่ รุ่น Smart CVT ใช้ยางขนาด 195/60 R16 ทั้งล้อหน้าและหลัง ส่วนรุ่น Premium และ Premium X-Urban CVT ใช้ยางขนาด 205/50 R17 ความจุถังน้ำมันอยู่ที่ 43 ลิตร
Q
พื้นที่เก็บของท้าย Toyota Veloz คืออะไร นี่คือความจุของพื้นที่เก็บของท้ายรถ
พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายของ Toyota Vios มีความจุอยู่ระหว่าง 476 ถึง 506 ลิตร ขึ้นอยู่กับรุ่นและปีที่ผลิต เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของ เดินทางท่องเที่ยว หรือใช้งานในครอบครัว เหมาะอย่างยิ่งกับไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ในประเทศไทย เช่น การเดินทางในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์หรือไปตลาดขนาดใหญ่ พื้นที่ภายในของห้องเก็บสัมภาระออกแบบให้เป็นระนาบเรียบ ช่วยให้ใช้พื้นที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม จะมีเพียงรุ่นสูงหรือตัวท็อปเท่านั้นที่สามารถพับเบาะหลังแบบแยกได้ ซึ่งแม้สามารถเพิ่มพื้นที่บรรทุกของยาวได้ แต่พื้นจะมีความเอียงเล็กน้อย ไม่เหมาะกับการวางของที่ต้องการพื้นราบโดยสมบูรณ์ ด้านพื้นที่โดยสาร Vios ยังมีจุดเด่นที่ระยะฐานล้อ 2,600 มิลลิเมตร ทำให้มีพื้นที่วางขากว้างขวางทั้งด้านหน้าและหลัง ผู้โดยสารที่มีความสูงถึง 180 ซม. ก็ยังสามารถนั่งได้อย่างสบาย รองรับการใช้งานในสภาพอากาศร้อนของไทยได้ดี ภายในรถยังออกแบบช่องเก็บของได้อย่างเหมาะสม เช่น ช่องเก็บของที่ประตู ช่องวางแก้วน้ำตรงกลาง และเบาะนั่งด้านหน้าที่ปรับระดับได้ รองรับพฤติกรรมของผู้ใช้ในภูมิอากาศร้อนชื้นที่มักพกพาน้ำดื่มหรือร่ม การออกแบบที่ผสมผสานระหว่างพื้นที่เก็บของและความสะดวกสบายในการโดยสาร ทำให้ Toyota Vios เป็นตัวเลือกที่ใช้งานได้ดีทั้งในการขับขี่ในเมืองและเดินทางไกลข้ามจังหวัด
Q
ปัญหาของ Toyota Veloz มีอะไรบ้าง เรียนรู้ก่อนซื้อ
คำถามที่พบบ่อยและข้อควรระวังเกี่ยวกับ Toyota Veloz ในตลาดประเทศไทย ได้แก่ การบำรุงรักษาเครื่องยนต์และชิ้นส่วนสำคัญอย่างสม่ำเสมอเพื่อคงประสิทธิภาพของรถ เนื่องจากสภาพอากาศร้อนชื้นของไทยอาจทำให้เกิดคราบเขม่าในท่อไอดีและหัวฉีดน้ำมัน ส่งผลให้สตาร์ทยาก รอบเดินเบาสั่น หรือกำลังเครื่องลดลง จึงแนะนำให้ล้างระบบทางเดินอากาศโดยไม่ต้องถอดออกทุก ๆ 15,000 ถึง 20,000 กิโลเมตร นอกจากนี้การตั้งศูนย์ล้ออาจคลาดเคลื่อนจากการใช้งานบนถนนขรุขระ หากปล่อยไว้อาจกระทบต่อการควบคุมรถและอายุการใช้งานของยาง ควรตรวจเช็กและตั้งศูนย์ล้อทุก ๆ 25,000 ถึง 30,000 กิโลเมตร หัวเทียนเสื่อมหรือปลั๊กไฟแรงสูงรั่ว อาจทำให้กำลังตกหรือกินน้ำมันมากขึ้น ควรเปลี่ยนอะไหล่แท้ตามระยะเพื่อคงความประหยัดน้ำมัน อีกทั้งควรตรวจสอบประสิทธิภาพของแอร์เป็นประจำ ทำความสะอาดไส้กรอง และตรวจระดับน้ำยาแอร์อย่างสม่ำเสมอ ในช่วงฤดูฝนควรระวังเสียงดังผิดปกติจากจานเบรกหรือเบรกไม่อยู่เนื่องจากสนิมและเศษกรวด ควรทำความสะอาดและเช็กน้ำมันเบรกอย่างเหมาะสม การบำรุงรักษาตามมาตรฐานเทคนิคของโตโยต้าและการใช้อะไหล่ที่ได้รับการรับรองจะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถและเพิ่มประสบการณ์การขับขี่ที่ดีขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ
Q
Toyota Veloz ใช้ยางขนาดไหน ตรวจสอบขนาดมาตรฐานได้ที่นี่
ขนาดยางของ Toyota Veloz จะแตกต่างกันตามรุ่นย่อย โดยในรุ่นปี 2023 รุ่น 1.5 Smart CVT จะใช้ยางขนาด 195/60 R16 ทั้งล้อหน้าและหลัง ส่วนรุ่น 1.5 Premium CVT และ 1.5 Premium X-Urban CVT จะใช้ยางขนาด 205/50 R17 ทั้งล้อหน้าและหลัง
Q
Toyota Veloz คืออะไร นี่คือคำแนะนำแบบเต็มสำหรับคุณ
Toyota Veloz เป็นรถ MPV แบบ 7 ที่นั่งที่พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะสำหรับตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อมาแทนที่รุ่นคลาสสิกอย่าง Avanza โดยมีจุดเด่นที่ห้องโดยสารกว้างขวางยิ่งขึ้น แพลตฟอร์มขับเคลื่อนล้อหน้าให้สมรรถนะการขับขี่และความสะดวกสบายที่ดีกว่า มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT 7 สปีด ให้ความประหยัดเชื้อเพลิงและการขับขี่ที่ราบรื่น พร้อมติดตั้งระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense ไฟหน้า LED และเบรกมือไฟฟ้าเพื่อความปลอดภัยระดับสูง สำหรับสภาพการใช้งานในประเทศไทย Veloz เหมาะกับการใช้งานในครอบครัวและการขับขี่ในเมือง ด้วยการจัดวางเบาะแบบ “2+3+2” และระยะฐานล้อ 2750 มม. รุ่นสปอร์ตยังตกแต่งด้วยกระจังหน้าลายรังผึ้งและชุดแต่งสีดำเพิ่มความสปอร์ต โดดเด่นในฐานะรถยอดนิยมของตลาดอาเซียน โดยประสบความสำเร็จด้านยอดขายในอินโดนีเซียและมาเลเซีย และด้วยกลยุทธ์การผลิตในประเทศช่วยลดราคาจำหน่ายให้เข้าถึงง่ายขึ้นสำหรับผู้บริโภคชาวไทย นอกจากนี้ Toyota ยังมีชื่อเสียงในเรื่องความทนทานและบริการหลังการขายในภูมิภาคนี้ ทำให้ Veloz เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับครอบครัวที่ต้องการรถ MPV ที่คุ้มค่าและใช้งานได้หลากหลาย
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

Nissan รุ่นต่อไปของ GT-R จะใช้ระบบพลังงานผสม ภายใน 3-5 ปีจะเข้าตลาด
ธนวัฒน์Apr 23, 2025

Nissan ปิดการสั่งซื้อ GT-R R35 รถแข่งญี่ปุ่นกำลังสูญเสียในยุคของรถยนต์ไฟฟ้า
สุรเดชMar 5, 2025

การกลับมาของรุ่นคลาสสิค: นิสสัน GTR T-Spec เปิดตัวในมหกรรมยานยนต์ในกรุงเทพฯ
AshleyMar 20, 2024

Nissanรวมไลน์ผลิตในไทย จะรองรับรถต่างแพลตฟอร์มกว่า 4 รุ่น
ธนวัฒน์Jun 26, 2025

Nissan เปิดตัว LEAF เจเนอเรชันที่ 3 เปลี่ยนโฉมจากรถแฮทช์แบ็กเป็น SUV คาดอาจนำเข้าไทยเร็ว ๆ นี้
LienJun 19, 2025
ดูเพิ่มเติม
ข้อดี
ข้อเสีย