Q
GT-R ใช้เวลาเร็วกว่า Koenigsegg หรือไม่
การตัดสินว่า GT-R กับ Koenigsegg คันไหนเร็วกว่ากันเป็นเรื่องยาก เนื่องจากความเร็วของรถยนต์ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย GT-R เป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสูงของนิสสัน เช่น รุ่น GT-R Nismo ปี 2024 ที่มาพร้อมกับกำลังแรงและการเกาะถนนที่ยอดเยี่ยม ทำให้มีสมรรถนะเร่งความเร็วที่โดดเด่น ส่วน Koenigsegg ในฐานะผู้ผลิตซูเปอร์คาร์ มีรถหลากหลายรุ่นที่มีสมรรถนะและความเร็วแตกต่างกันไป โดยบางรุ่นมีกำลังแรงสูงและทำความเร็วสูงสุดได้เหนือระดับ ในการแข่งขันเร่งความเร็วบนทางตรง หากเป็นสนามสั้น ระบบ Launch Control ของ GT-R อาจช่วยให้เริ่มต้นได้ดี แต่ในสนามยาวหรือเมื่อต้องการความเร็วสูงสุดสุดยอด รถ Koenigsegg บางรุ่นที่มีกำลังแรงกว่าและการออกแบบอากาศพลศาสตร์ที่ยอดเยี่ยม อาจแสดงความเร็วที่เหนือกว่า GT-R ได้
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
GT-R และ GT-R Pro มีความแตกต่างอย่างไร
Nissan GT-R กับ GT-R Pro มีความแตกต่างกันหลัก ๆ ในด้านการปรับจูนสมรรถนะ การควบคุมการขับขี่ และความเหมาะสมในการใช้งานในสนามแข่ง แม้ทั้งสองรุ่นจะใช้เครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบ ขนาด 3.8 ลิตรเหมือนกัน แต่ GT-R Pro ได้รับการอัปเกรดช่วงล่างด้วยโช้กอัพ Bilstein แบบปรับค่าแรงหน่วงได้ ระบบเบรกเซรามิกคาร์บอน และชุดแอร์โรไดนามิกที่ดุดันยิ่งขึ้น เช่น สปอยเลอร์หน้า-หลัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ระดับสูง ภายในห้องโดยสารยังมีการลดน้ำหนักโดยใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์มากขึ้น พร้อมเบาะนั่งสปอร์ตจาก Recaro เพื่อมอบประสบการณ์ขับขี่ที่มั่นคงในความเร็วสูง อย่างไรก็ตาม ความสะดวกสบายของ GT-R Pro จะน้อยกว่ารุ่นปกติ เนื่องจากเน้นสมรรถนะเป็นหลัก จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการรถสำหรับขับในสนามแข่งหรือขับขี่แบบเร้าใจ ขณะที่ GT-R รุ่นมาตรฐานจะเหมาะกับการขับใช้งานในชีวิตประจำวันและขับทางไกลได้สบายกว่า สำหรับผู้บริโภคในประเทศไทย หากคุณมองหารถสมรรถนะสูงที่ขับได้ทุกวัน GT-R รุ่นมาตรฐานคือทางเลือกที่ดี แต่ถ้าคุณเป็นสายสนามตัวจริง GT-R Pro จะตอบโจทย์ได้มากกว่า
Q
ความแตกต่างระหว่าง GT C และ GT-R คืออะไร
GT C และ GT-R เป็นรถสมรรถนะสูงจากคนละค่าย โดยมีจุดเด่นที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน GT-R จาก Nissan เป็นรถสปอร์ตระดับตำนานของญี่ปุ่น มาพร้อมเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.8 ลิตร ทวินเทอร์โบ ขับเคลื่อนสี่ล้อ เซตช่วงล่างแบบสนามแข่ง เน้นความแม่นยำในการควบคุม เหมาะกับคนที่ชอบขับขี่แบบดุดันและเน้นสมรรถนะล้วนๆ ส่วน GT C ซึ่งมักหมายถึง Mercedes-AMG GT C เป็นรถสปอร์ตจากฝั่งเยอรมันที่ผสานความแรงและความหรูหราเข้าไว้ด้วยกัน ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ มีระบบช่วงล่างปรับได้ ดีไซน์หรู ภายในสบาย เหมาะกับการเดินทางไกลสไตล์ Grand Touring ในตลาดประเทศไทย GT-R ได้รับความนิยมในหมู่คนรักความเร็วและสนามแข่ง ขณะที่ AMG GT C เหมาะกับผู้ที่ต้องการรถสปอร์ตหรูที่ให้ทั้งสมรรถนะและความสะดวกสบาย ดังนั้นหากคุณชอบอารมณ์ดิบแบบรถญี่ปุ่น GT-R คือคำตอบ แต่หากคุณต้องการความหรูหราแบบเยอรมัน GT C ก็อาจเหมาะกว่า
Q
ความแตกต่างระหว่าง GT T และ GT-R คืออะไร
คุณอาจกำลังถามถึงความแตกต่างระหว่าง “GT-R T-spec” กับ “GT-R Premium Luxury” ราคาของ “GT-R T-spec” อยู่ที่ 12,200,000 บาท ส่วน “GT-R Premium Luxury” ราคา 10,700,000 บาท นอกจากราคาที่ต่างกันแล้ว ทั้งสองรุ่นมีสเปกหลักที่ใกล้เคียงกัน โดยใช้เครื่องยนต์ขนาด 3799 ซีซี ระบบส่งกำลัง และขนาดตัวถังเหมือนกัน คือ ความยาว 4710 มม. ความกว้าง 1895 มม. ความสูง 1370 มม. ฐานล้อ 2780 มม. มี 2 ประตู และ 4 ที่นั่ง อย่างไรก็ตาม “GT-R T-spec” อาจมาพร้อมกับอุปกรณ์ วัสดุ หรือการปรับแต่งที่เหนือระดับและเป็นเอกลักษณ์มากกว่า เพื่อสร้างความแตกต่างและเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าได้มากขึ้น
Q
GT-R และ GT-R NISMO มีความแตกต่างกันอย่างไร
GT-R กับ GT-R NISMO มีความแตกต่างในหลายด้าน โดย GT-R NISMO เป็นรุ่นอัพเกรดของ GT-R ซึ่งพัฒนาโดยแผนกสมรรถนะสูงของนิสสัน ทำให้มีพละกำลังสูงกว่า GT-R รุ่นปกติ ด้วยการปรับแต่งเครื่องยนต์และระบบต่าง ๆ เพื่อให้กำลังขับเคลื่อนดียิ่งขึ้น ในด้านชุดแต่งตัวถัง GT-R NISMO ใช้วัสดุน้ำหนักเบา เช่น คาร์บอนไฟเบอร์ ช่วยลดน้ำหนักรถ ส่งผลให้ความเร็วและการควบคุมรถดีขึ้น โดยเฉพาะในการเร่งและเข้าโค้ง ส่วนระบบช่วงล่าง GT-R NISMO ติดตั้งช่วงล่างเวอร์ชันพรีเมียม สามารถรองรับสภาพถนนที่ซับซ้อนและการขับขี่ที่รุนแรงได้ดี ให้การหนุนรับและความมั่นคงสูงขณะขับด้วยความเร็วสูงหรือเข้าโค้งอย่างรวดเร็ว สรุปคือ GT-R NISMO เป็นการอัพเกรดแบบครบวงจรจาก GT-R เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการสมรรถนะและประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือชั้นกว่า
Q
Tesla มันเร็วกว่า GT-R หรือไม่
ไม่สามารถสรุปได้ง่าย ๆ ว่าเทสล่าจะเร็วกว่าหรือช้ากว่า GT-R เพราะประสิทธิภาพการเร่งความเร็วและความเร็วสูงสุดขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่นของรถ GT-R เป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสูงของนิสสัน ที่มักติดตั้งเครื่องยนต์ V6 3.8 ลิตร เทอร์โบคู่ มีสมรรถนะแรงม้าโดดเด่น เช่น บางรุ่นทำเวลาเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ประมาณ 2.7 วินาที และความเร็วสูงสุดถึง 315 กม./ชม. ขณะที่เทสล่ามีหลายรุ่น เช่น Model S P100D ที่ทำเวลาเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ราว 2.5 วินาที ซึ่งในด้านการเร่งความเร็ว อาจเร็วกว่าบางรุ่นของ GT-R แต่การเปรียบเทียบความเร็วยังขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพแวดล้อมการขับขี่ น้ำหนักบรรทุก และทักษะผู้ขับขี่ ดังนั้นในสถานการณ์และเงื่อนไขที่แตกต่างกัน สมรรถนะความเร็วของทั้งสองรถอาจแตกต่างกัน จึงไม่สามารถตัดสินได้ว่าเทสล่าจะเร็วกว่า GT-R เสมอไป
Q
GT-R วิ่งเร็วกว่า Supra หรือไม่
โดยทั่วไปแล้ว Nissan GT-R มักจะเร็วกว่ารถ Toyota Supra ในด้านสมรรถนะเครื่องยนต์ GT-R ติดตั้งเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.8 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุดถึง 555 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 632 นิวตันเมตร ขณะที่ Supra ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบเรียง ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 340 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ซึ่ง GT-R มีทั้งแรงม้าและแรงบิดที่สูงกว่า ในเรื่องของอัตราเร่ง GT-R ทำความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ภายในประมาณ 2.7 วินาที ขณะที่ Supra ใช้เวลาประมาณ 4.1 วินาที ความเร็วสูงสุดของ GT-R อยู่ที่ราว 315 กม./ชม. ส่วน Supra อยู่ที่ประมาณ 250 กม./ชม. อย่างไรก็ตาม ในการขับขี่จริง ความเร็วยังขึ้นอยู่กับสภาพถนน เทคนิคการขับขี่ และปัจจัยอื่น ๆ นอกจากนี้ ทั้งสองรุ่นยังมีจุดเด่นในด้านการควบคุมและความปลอดภัยที่แตกต่างกัน จึงไม่สามารถตัดสินได้เพียงแค่ความเร็วว่าใครดีกว่ากันครับ
Q
GT-R มีเทอร์โบคู่หรือไม่
ใช่ครับ Nissan GT-R ติดตั้งระบบเทอร์โบคู่ เครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.8 ลิตร รุ่น VR38DETT ซึ่งพัฒนามาจากเครื่องยนต์ VQ ของนิสสันที่ได้รับคำชื่นชมอย่างกว้างขวาง ระบบเทอร์โบคู่ช่วยให้เครื่องยนต์สามารถรีดกำลังสูงสุดได้ที่ 6400 รอบต่อนาที และให้แรงบิดสูงในช่วงรอบเครื่องยนต์ 3200 ถึง 6000 รอบต่อนาที เทคโนโลยีเทอร์โบคู่ช่วยเพิ่มสมรรถนะทั้งกำลังและแรงบิดของเครื่องยนต์ ส่งผลให้ GT-R มีสมรรถนะการเร่งความเร็วที่โดดเด่นและแรงขับเคลื่อนที่ทรงพลัง ไม่ว่าจะขับขี่ในชีวิตประจำวันหรือในสนามแข่ง ก็สามารถแสดงศักยภาพของรถสปอร์ตระดับสูงได้อย่างเต็มที่ มอบประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่างและเร้าใจแก่ผู้ขับขี่ครับ
Q
GT-R ดีต่อการใช้แก๊สหรือไม่
Nissan GT-R รถสปอร์ตสมรรถนะสูงรุ่นนี้แนะนำให้ใช้น้ำมันเบนซิน 95 หรือสูงกว่าเพื่อรับประกันสมรรถนะและความน่าเชื่อถือของเครื่องยนต์ แม้ว่าจะสามารถใช้น้ำมันเบนซิน 91 ได้ในระยะสั้น แต่เมื่อใช้งานในประเทศไทยระยะยาวควรเลือกใช้น้ำมันเบนซินที่มีเลขออกเทนสูงเพื่อป้องกันการน็อกของเครื่องยนต์และรักษาระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ ปั๊มน้ำมันในประเทศไทยโดยทั่วไปมีน้ำมันเบนซิน 95 เช่น PTT 95 หรือ Bangchak E20 Gasohol รวมทั้งน้ำมันแก๊สโซฮอล์และดีเซล แต่เครื่องยนต์เทอร์โบที่มีอัตราส่วนการอัดสูงของ GT-R ไม่เหมาะกับน้ำมัน E20 หรือดีเซล ดังนั้นควรเลือกใช้น้ำมันเบนซิน 95 หรือ 98 ที่บริสุทธิ์เพื่อลดผลกระทบจากเอทานอลต่อระบบเชื้อเพลิง หากต้องการเพิ่มสมรรถนะ บางอู่แต่งรถในไทยยังแนะนำให้น้ำมันเชื้อเพลิงสูตรแข่งหรือสารเติมแต่งเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการเผาไหม้ แต่ควรปฏิบัติตามคำแนะนำในคู่มือรถเพื่อให้รถมีประสิทธิภาพและเสถียรภาพในระยะยาว
Q
GT-R จะใช้งานได้นานเท่าไหร่
Nissan GT-R ไม่มีระยะเวลาการใช้งานที่แน่นอน เพราะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รุ่นปัจจุบันคือรุ่น R35 ซึ่งเปิดตัวในปี 2007 และมีอายุการใช้งานประมาณ 17 ปีจนถึงปัจจุบัน โดย Nissan ยืนยันว่าการผลิตรุ่น R35 จะสิ้นสุดในเดือนตุลาคม 2024 หากใช้งานตามปกติและดูแลรักษาอย่างดี รถ GT-R สามารถใช้งานได้ประมาณ 10 ถึง 15 ปี เช่น การบำรุงรักษาตามระยะเวลาที่กำหนด เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรองอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงซ่อมแซมปัญหาเล็กน้อยที่เกิดขึ้นทันเวลา จะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าใช้งานในสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย มีนิสัยการขับขี่ที่ไม่ดี และขาดการดูแลรักษาที่เหมาะสม อายุการใช้งานอาจลดลงอย่างมาก อาจเริ่มมีปัญหาและส่งผลต่อการใช้งานภายใน 5 ถึง 8 ปีเท่านั้น
Q
Nissan GT-R เป็นรถซูเปอร์คาร์หรือไม่
ใช่ครับ Nissan GT-R คือรถซูเปอร์คาร์รุ่นหนึ่งที่ผลิตโดย Nissan GT-R เป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสูงที่มีความน่าเชื่อถือและมีกำลังแรงม้าสูง ซึ่งเดิมเป็นรุ่นท็อปของซีรีส์ Skyline RV ของ Nissan และปัจจุบันได้กลายเป็นรุ่นรถยนต์แยกต่างหาก GT-R ติดตั้งเครื่องยนต์ขนาด 3.8 ลิตรที่ให้กำลังแรงและแรงบิดสูง ช่วยให้เร่งความเร็วได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีสมรรถนะการควบคุมที่ยอดเยี่ยม ด้วยจุดศูนย์ถ่วงต่ำและระบบช่วงล่างที่ปรับแต่งอย่างดีเยี่ยม ทำให้มีความมั่นคงขณะเข้าโค้ง การออกแบบอากาศพลศาสตร์ช่วยให้รูปลักษณ์ดุดันและเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ด้วยความเร็วสูง GT-R ได้ฝากผลงานที่โดดเด่นในวงการแข่งรถและได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มผู้ชื่นชอบรถยนต์ ยืนยันตำแหน่งซูเปอร์คาร์ของมันอย่างมั่นคง
Q&A ล่าสุด
Q
ราคา Audi TT เท่าไหร่
ราคาขายปัจจุบันของ Audi TT ในตลาดไทยจะมีความแตกต่างกันไปตามรุ่น อุปกรณ์ และโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่าย ดังนั้นแนะนำให้ติดต่อตัวแทนจำหน่าย Audi ที่ได้รับอนุญาตในพื้นที่เพื่อสอบถามราคาล่าสุด โดยทั่วไปรุ่นพื้นฐานของ TT จะเริ่มต้นที่ประมาณ 3 ล้านบาท Audi TT เป็นรถสปอร์ตคูเป้คลาสสิกที่โดดเด่นด้วยดีไซน์เอกลักษณ์และสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภควัยหนุ่มสาวไทย โดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ มักจะเห็นรถรุ่นนี้อยู่บ่อยๆ ในตลาดไทย Audi TT มีคู่แข่งหลักอย่าง BMW Z4 และ Mercedes-Benz SLC แต่ TT ยังคงมีความได้เปรียบจากเทคโนโลยีที่ทันสมัยและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro ที่แสดงประสิทธิภาพโดดเด่นบนถนนลื่นในช่วงฤดูฝนของไทย น่าสนใจที่รัฐบาลไทยจัดเก็บภาษีสรรพสามิตในอัตราที่ค่อนข้างต่ำสำหรับรถยนต์นำเข้าที่มีความจุเครื่องยนต์ไม่เกิน 2.0 ลิตร ทำให้รถสปอร์ตนำเข้าอย่าง TT มีความได้เปรียบด้านราคาในตลาดไทย หากกำลังพิจารณาซื้อ แนะนำให้ติดตามงานมหกรรมรถยนต์ระดับนานาชาติที่จัดขึ้นปีละสองครั้งในไทย เพราะมักจะมีโปรโมชั่นและแผนการเงินที่น่าสนใจให้เลือก
Q
วิธีการเปิดฝาถังน้ำมัน Audi TT
ก่อนจะเปิดฝาถังน้ำมันของ Audi TT สิ่งแรกที่ต้องทำคือตรวจสอบว่าตัวรถอยู่ในสถานะปลดล็อคแล้ว จากนั้นให้กดบริเวณขอบด้านขวาของฝาถังน้ำมัน ฝาจะเด้งเปิดออกเองโดยอัตโนมัติ ในสภาพอากาศร้อนของประเทศไทยที่ใช้ไปนานๆ หากพบว่าฝาถังน้ำมันเปิดไม่ลื่นไหล อาจเกิดจากยางซีลเสื่อมสภาพ แนะนำให้ทำความสะอาดและทาจาระบีซิลิโคนเป็นประจำ สำหรับ Audi TT รุ่นนี้ใช้ระบบไม่มีฝาถังน้ำมันแบบเดิม แต่จะมีแผ่นกันการกระเด็นอยู่ด้านใน ใส่ปืนน้ำมันโดยตรงเมื่อเติมน้ำมันก็โอเค การออกแบบนี้ช่วยป้องกันน้ำฝนเข้าไปในถังน้ำมันได้ดีในช่วงฤดูฝนของประเทศไทย อีกทั้งปั๊มน้ำมันในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นระบบบริการตนเอง เวลาใช้งานต้องสังเกตขนาดของปืนน้ำมันให้ดี โดยน้ำมันเบนซิน 95 octane เป็นเกรดที่แนะนำสำหรับ Audi TT ในประเทศไทย หากเกิดกรณีฝาถังน้ำมันเปิดไม่ออก ให้ลองดึงสายช่วยเหลือที่อยู่ใกล้ช่องเก็บของด้านหลัง ซึ่งมีระบุไว้เป็นพิเศษในคู่มือผู้ใช้ฉบับประเทศไทย แนะนำให้เจ้าของรถตรวจสอบความแน่นหนาของฝาถังน้ำมันเป็นประจำ เพื่อป้องกันการระเหยของน้ำมันเนื่องจากความร้อนสูง
Q
เมื่อคันรถ Audi TT ใหม่จะวางขาย
ขณะนี้ทาง Audi Thailand ยังไม่ได้ประกาศวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการสำหรับ Audi TT รุ่นใหม่ในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ลูกค้าสามารถคาดเดาเวลาได้จากช่วงเวลาที่ Audi เปิดตัวรถรุ่นใหม่ในตลาดโลกและประวัติการนำเข้ารถใหม่ของไทย โดยปกติแล้ว Audi จะนำเข้ารถรุ่นใหม่สู่ประเทศไทยภายใน 6-12 เดือนหลังเปิดตัวในต่างประเทศ ซึ่งขึ้นอยู่กับกระบวนการรับรองมาตรฐานและกำหนดการผลิต สำหรับตลาดไทยที่ใช้รถพวงมาลัยขวา รถนำเข้าต้องผ่านการรับรองมาตรฐานไอเสียที่เข้มงวด (เช่น มาตรฐาน Euro 5 ของไทย) และการตรวจสอบความปลอดภัยจากกรมการขนส่ง ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้อาจส่งผลต่อกำหนดการวางจำหน่าย แนะนำให้ติดตามข้อมูลล่าสุดผ่านเว็บไซต์ทางการของ Audi Thailand หรือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ ผู้บริโภคไทยควรคำนึงถึงผลกระทบจากภาษีนำเข้าที่อาจทำให้ราคาสุดท้ายสูงขึ้น โดยเฉพาะรถสปอร์ตหรูที่มักมีอัตราภาษีสูง สิ่งที่ควรสังเกตว่า Audi TT ในฐานะรถสปอร์ตขนาดเล็กคลาสสิก ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro และเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จมีความเหมาะสมกับสภาพอากาศที่มีฝนชุกและสภาพถนนในเมืองของไทย ขนาดตัวรถที่กะทัดรัดยังเหมาะกับถนนแคบๆ ในกรุงเทพฯ แต่สำหรับรุ่นสมรรถนะสูงอาจต้องพิจารณาปัญหาความเหมาะสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศไทย
Q
วิธีการเปิดฝาถังน้ำมัน Audi TT
เวลาขับรถ Audi TT ในประเทศไทย ถ้าจะเปิดฝาถังน้ำมัน ต้องเช็คก่อนว่ารถอยู่ในสถานะปลดล็อคแล้ว แค่กดด้านขวาของฝาถังน้ำมันเบาๆ มันจะเปิดออกเองอัตโนมัติ ถ้ารุ่นที่มีระบบไร้กุญแจ พอเดินเข้าไปใกล้รถ ฝาถังน้ำมันจะปลดล็อคให้เอง โดยเฉพาะอากาศร้อนๆ แบบประเทศไทยเนี่ย ต้องระวังเรื่องยางซีลฝาถังน้ำมันเสื่อมสภาพเร็ว แนะนำให้ตรวจสอบความแน่นหนาของฝาถังน้ำมันบ่อยๆ จะได้ป้องกันน้ำมันระเหย ยิ่งบางปั๊มในไทยต้องให้พนักงานช่วยเติมน้ำมัน ให้เรารอเขาก่อนนะ เรื่องดีไซน์ฝาถังน้ำมันของ Audi TT นี่เรียบง่ายแต่ใช้งานสะดวก แถมยังเข้ากับเส้นโค้งของตัวรถได้อย่างลงตัว แนวคิดการออกแบบที่ทั้งสวยและใช้งานได้จริงแบบนี้ ก็เห็นได้ในรุ่นอื่นๆ ของ Audi เหมือนกัน เวลาใช้รถสปอร์ตเยอรมันในไทย อย่าลืมเติมน้ำมันเบนซิน 95 ขึ้นไปนะ จะได้รักษาสมรรถนะเครื่องยนต์ และควรหลีกเลี่ยงการจอดตากแดดนานๆ เพราะอาจทำให้วัสดุภายในรถเสื่อมสภาพเร็ว ถ้าใส่ใจรายละเอียดพวกนี้ รถจะอยู่กับเราได้นานๆ
Q
Golf GTI หรือ R อะไรดีกว่ากัน?
การเลือกว่าจะซื้อ Volkswagen Golf GTI หรือ R ในตลาดไทยนั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการในการขับขี่และสถานการณ์การใช้งานเป็นหลัก โดย Golf GTI ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบ 2.0 ลิตร ให้กำลัง 245 แรงม้า ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD) เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันและการขับขี่สปอร์ตเป็นครั้งคราว ระบบช่วงล่างถูกปรับให้เน้นความสบาย ประหยัดน้ำมันกว่า เหมาะกับสภาพการจราจรที่ติดขัดในกรุงเทพฯ และราคาก็เข้าถึงง่ายกว่า ส่วน Golf R ใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรเทอร์โบเหมือนกัน แต่ถูกปรับแต่งให้มีกำลังสูงถึง 320 แรงม้า พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4MOTION เร่งความเร็วได้แรงกว่า (0-100 กม./ชม. ในประมาณ 4.7 วินาที) และมีขีดจำกัดในการควบคุมที่สูงกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความแรงหรือขับทางเขาบ่อยๆ แต่กินน้ำมันมากกว่าและค่าบำรุงรักษาสูงกว่า ในสภาพอากาศร้อนของไทยต้องระวังเรื่องการดูแลยางสมรรถนะสูงและระบบระบายความร้อนเป็นพิเศษ ทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับห้องโดยสารดิจิทัลและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ แต่รุ่น R จะมีเบาะสปอร์ตและระบบช่วงล่างปรับได้ DCC ที่ช่วยให้ขับทางไกลสบายกว่า ถ้ามีงบเพียงพอและต้องการความแรงสุดๆ ก็เลือก R แต่ถ้าอยากได้ความคุ้มค่าและใช้งานในชีวิตประจำวัน GTI ก็เหมาะกว่า ที่ไทยมีวัฒนธรรมการแต่งรถค่อนข้างแพร่หลาย ทั้งสองรุ่นมีชิปปรับ ECU ให้เลือกใช้ แต่ต้องระวังเรื่องกฎหมายให้ดี
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

รถ Nissan R35 GT-R คันสุดท้ายออกจากสายการผลิตอย่างเป็นทางการ สิ้นสุดช่วงการผลิต 18 ปี
พงศธรAug 28, 2025

ปัจจุบัน GT-R (R35) จะยุติการผลิตในเดือนสิงหาคม 2025 และในอนาคตอาจเปิดตัว GT-R เวอร์ชันไฮบริด
LienAug 14, 2025

Nissan รุ่นต่อไปของ GT-R จะใช้ระบบพลังงานผสม ภายใน 3-5 ปีจะเข้าตลาด
ธนวัฒน์Apr 23, 2025

Nissan ปิดการสั่งซื้อ GT-R R35 รถแข่งญี่ปุ่นกำลังสูญเสียในยุคของรถยนต์ไฟฟ้า
สุรเดชMar 5, 2025

การกลับมาของรุ่นคลาสสิค: นิสสัน GTR T-Spec เปิดตัวในมหกรรมยานยนต์ในกรุงเทพฯ
AshleyMar 20, 2024
ดูเพิ่มเติม
ข้อดี
ข้อเสีย