Q
GT-R วิ่งเร็วกว่า Chiron หรือไม่
การเปรียบเทียบว่า GT-R หรือ Chiron เร็วกว่านั้นไม่สามารถตัดสินได้ง่าย ๆ เพราะความเร็วขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย GT-R ใช้เครื่องยนต์ V6 3.8 ลิตร ทวินเทอร์โบ แม้แต่ละรุ่นจะมีรายละเอียดต่างกัน แต่บางรุ่นสามารถเร่ง 0–100 กม./ชม. ได้ภายในประมาณ 2.7 วินาที และมีความเร็วสูงสุดราว 315 กม./ชม. ส่วน Bugatti Chiron มาพร้อมเครื่องยนต์ W16 ขนาด 8.0 ลิตร แบบสี่เทอร์โบ ให้พละกำลังมหาศาล เร่ง 0–100 กม./ชม. ได้ในประมาณ 2.5 วินาที และความเร็วสูงสุดทะลุ 400 กม./ชม. ซึ่งในด้านอัตราเร่งและความเร็วปลาย Chiron มักเหนือกว่าอย่างชัดเจนด้วยสมรรถนะเครื่องยนต์และการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ยอดเยี่ยม อย่างไรก็ตาม GT-R ก็มีจุดแข็งของตัวเอง เช่น ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ช่วยให้การเร่งความเร็วมีความเสถียรมากขึ้น และในบางสนามแข่งก็มีผลงานดีเยี่ยม โดยสรุปแล้วทั้งสองคันล้วนเป็นตัวแทนของสมรรถนะระดับสูง Chiron เด่นเรื่องความเร็วสุดขีด ส่วน GT-R ก็มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ไม่แพ้กัน
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
GT-R และ GT-R Pro มีความแตกต่างอย่างไร
Nissan GT-R กับ GT-R Pro มีความแตกต่างกันหลัก ๆ ในด้านการปรับจูนสมรรถนะ การควบคุมการขับขี่ และความเหมาะสมในการใช้งานในสนามแข่ง แม้ทั้งสองรุ่นจะใช้เครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบ ขนาด 3.8 ลิตรเหมือนกัน แต่ GT-R Pro ได้รับการอัปเกรดช่วงล่างด้วยโช้กอัพ Bilstein แบบปรับค่าแรงหน่วงได้ ระบบเบรกเซรามิกคาร์บอน และชุดแอร์โรไดนามิกที่ดุดันยิ่งขึ้น เช่น สปอยเลอร์หน้า-หลัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ระดับสูง ภายในห้องโดยสารยังมีการลดน้ำหนักโดยใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์มากขึ้น พร้อมเบาะนั่งสปอร์ตจาก Recaro เพื่อมอบประสบการณ์ขับขี่ที่มั่นคงในความเร็วสูง อย่างไรก็ตาม ความสะดวกสบายของ GT-R Pro จะน้อยกว่ารุ่นปกติ เนื่องจากเน้นสมรรถนะเป็นหลัก จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการรถสำหรับขับในสนามแข่งหรือขับขี่แบบเร้าใจ ขณะที่ GT-R รุ่นมาตรฐานจะเหมาะกับการขับใช้งานในชีวิตประจำวันและขับทางไกลได้สบายกว่า สำหรับผู้บริโภคในประเทศไทย หากคุณมองหารถสมรรถนะสูงที่ขับได้ทุกวัน GT-R รุ่นมาตรฐานคือทางเลือกที่ดี แต่ถ้าคุณเป็นสายสนามตัวจริง GT-R Pro จะตอบโจทย์ได้มากกว่า
Q
ความแตกต่างระหว่าง GT C และ GT-R คืออะไร
GT C และ GT-R เป็นรถสมรรถนะสูงจากคนละค่าย โดยมีจุดเด่นที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน GT-R จาก Nissan เป็นรถสปอร์ตระดับตำนานของญี่ปุ่น มาพร้อมเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.8 ลิตร ทวินเทอร์โบ ขับเคลื่อนสี่ล้อ เซตช่วงล่างแบบสนามแข่ง เน้นความแม่นยำในการควบคุม เหมาะกับคนที่ชอบขับขี่แบบดุดันและเน้นสมรรถนะล้วนๆ ส่วน GT C ซึ่งมักหมายถึง Mercedes-AMG GT C เป็นรถสปอร์ตจากฝั่งเยอรมันที่ผสานความแรงและความหรูหราเข้าไว้ด้วยกัน ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ มีระบบช่วงล่างปรับได้ ดีไซน์หรู ภายในสบาย เหมาะกับการเดินทางไกลสไตล์ Grand Touring ในตลาดประเทศไทย GT-R ได้รับความนิยมในหมู่คนรักความเร็วและสนามแข่ง ขณะที่ AMG GT C เหมาะกับผู้ที่ต้องการรถสปอร์ตหรูที่ให้ทั้งสมรรถนะและความสะดวกสบาย ดังนั้นหากคุณชอบอารมณ์ดิบแบบรถญี่ปุ่น GT-R คือคำตอบ แต่หากคุณต้องการความหรูหราแบบเยอรมัน GT C ก็อาจเหมาะกว่า
Q
ความแตกต่างระหว่าง GT T และ GT-R คืออะไร
คุณอาจกำลังถามถึงความแตกต่างระหว่าง “GT-R T-spec” กับ “GT-R Premium Luxury” ราคาของ “GT-R T-spec” อยู่ที่ 12,200,000 บาท ส่วน “GT-R Premium Luxury” ราคา 10,700,000 บาท นอกจากราคาที่ต่างกันแล้ว ทั้งสองรุ่นมีสเปกหลักที่ใกล้เคียงกัน โดยใช้เครื่องยนต์ขนาด 3799 ซีซี ระบบส่งกำลัง และขนาดตัวถังเหมือนกัน คือ ความยาว 4710 มม. ความกว้าง 1895 มม. ความสูง 1370 มม. ฐานล้อ 2780 มม. มี 2 ประตู และ 4 ที่นั่ง อย่างไรก็ตาม “GT-R T-spec” อาจมาพร้อมกับอุปกรณ์ วัสดุ หรือการปรับแต่งที่เหนือระดับและเป็นเอกลักษณ์มากกว่า เพื่อสร้างความแตกต่างและเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าได้มากขึ้น
Q
GT-R และ GT-R NISMO มีความแตกต่างกันอย่างไร
GT-R กับ GT-R NISMO มีความแตกต่างในหลายด้าน โดย GT-R NISMO เป็นรุ่นอัพเกรดของ GT-R ซึ่งพัฒนาโดยแผนกสมรรถนะสูงของนิสสัน ทำให้มีพละกำลังสูงกว่า GT-R รุ่นปกติ ด้วยการปรับแต่งเครื่องยนต์และระบบต่าง ๆ เพื่อให้กำลังขับเคลื่อนดียิ่งขึ้น ในด้านชุดแต่งตัวถัง GT-R NISMO ใช้วัสดุน้ำหนักเบา เช่น คาร์บอนไฟเบอร์ ช่วยลดน้ำหนักรถ ส่งผลให้ความเร็วและการควบคุมรถดีขึ้น โดยเฉพาะในการเร่งและเข้าโค้ง ส่วนระบบช่วงล่าง GT-R NISMO ติดตั้งช่วงล่างเวอร์ชันพรีเมียม สามารถรองรับสภาพถนนที่ซับซ้อนและการขับขี่ที่รุนแรงได้ดี ให้การหนุนรับและความมั่นคงสูงขณะขับด้วยความเร็วสูงหรือเข้าโค้งอย่างรวดเร็ว สรุปคือ GT-R NISMO เป็นการอัพเกรดแบบครบวงจรจาก GT-R เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการสมรรถนะและประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือชั้นกว่า
Q
Tesla มันเร็วกว่า GT-R หรือไม่
ไม่สามารถสรุปได้ง่าย ๆ ว่าเทสล่าจะเร็วกว่าหรือช้ากว่า GT-R เพราะประสิทธิภาพการเร่งความเร็วและความเร็วสูงสุดขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่นของรถ GT-R เป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสูงของนิสสัน ที่มักติดตั้งเครื่องยนต์ V6 3.8 ลิตร เทอร์โบคู่ มีสมรรถนะแรงม้าโดดเด่น เช่น บางรุ่นทำเวลาเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ประมาณ 2.7 วินาที และความเร็วสูงสุดถึง 315 กม./ชม. ขณะที่เทสล่ามีหลายรุ่น เช่น Model S P100D ที่ทำเวลาเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ราว 2.5 วินาที ซึ่งในด้านการเร่งความเร็ว อาจเร็วกว่าบางรุ่นของ GT-R แต่การเปรียบเทียบความเร็วยังขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพแวดล้อมการขับขี่ น้ำหนักบรรทุก และทักษะผู้ขับขี่ ดังนั้นในสถานการณ์และเงื่อนไขที่แตกต่างกัน สมรรถนะความเร็วของทั้งสองรถอาจแตกต่างกัน จึงไม่สามารถตัดสินได้ว่าเทสล่าจะเร็วกว่า GT-R เสมอไป
Q
GT-R วิ่งเร็วกว่า Supra หรือไม่
โดยทั่วไปแล้ว Nissan GT-R มักจะเร็วกว่ารถ Toyota Supra ในด้านสมรรถนะเครื่องยนต์ GT-R ติดตั้งเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.8 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุดถึง 555 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 632 นิวตันเมตร ขณะที่ Supra ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบเรียง ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 340 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ซึ่ง GT-R มีทั้งแรงม้าและแรงบิดที่สูงกว่า ในเรื่องของอัตราเร่ง GT-R ทำความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ภายในประมาณ 2.7 วินาที ขณะที่ Supra ใช้เวลาประมาณ 4.1 วินาที ความเร็วสูงสุดของ GT-R อยู่ที่ราว 315 กม./ชม. ส่วน Supra อยู่ที่ประมาณ 250 กม./ชม. อย่างไรก็ตาม ในการขับขี่จริง ความเร็วยังขึ้นอยู่กับสภาพถนน เทคนิคการขับขี่ และปัจจัยอื่น ๆ นอกจากนี้ ทั้งสองรุ่นยังมีจุดเด่นในด้านการควบคุมและความปลอดภัยที่แตกต่างกัน จึงไม่สามารถตัดสินได้เพียงแค่ความเร็วว่าใครดีกว่ากันครับ
Q
GT-R มีเทอร์โบคู่หรือไม่
ใช่ครับ Nissan GT-R ติดตั้งระบบเทอร์โบคู่ เครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.8 ลิตร รุ่น VR38DETT ซึ่งพัฒนามาจากเครื่องยนต์ VQ ของนิสสันที่ได้รับคำชื่นชมอย่างกว้างขวาง ระบบเทอร์โบคู่ช่วยให้เครื่องยนต์สามารถรีดกำลังสูงสุดได้ที่ 6400 รอบต่อนาที และให้แรงบิดสูงในช่วงรอบเครื่องยนต์ 3200 ถึง 6000 รอบต่อนาที เทคโนโลยีเทอร์โบคู่ช่วยเพิ่มสมรรถนะทั้งกำลังและแรงบิดของเครื่องยนต์ ส่งผลให้ GT-R มีสมรรถนะการเร่งความเร็วที่โดดเด่นและแรงขับเคลื่อนที่ทรงพลัง ไม่ว่าจะขับขี่ในชีวิตประจำวันหรือในสนามแข่ง ก็สามารถแสดงศักยภาพของรถสปอร์ตระดับสูงได้อย่างเต็มที่ มอบประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่างและเร้าใจแก่ผู้ขับขี่ครับ
Q
GT-R ดีต่อการใช้แก๊สหรือไม่
Nissan GT-R รถสปอร์ตสมรรถนะสูงรุ่นนี้แนะนำให้ใช้น้ำมันเบนซิน 95 หรือสูงกว่าเพื่อรับประกันสมรรถนะและความน่าเชื่อถือของเครื่องยนต์ แม้ว่าจะสามารถใช้น้ำมันเบนซิน 91 ได้ในระยะสั้น แต่เมื่อใช้งานในประเทศไทยระยะยาวควรเลือกใช้น้ำมันเบนซินที่มีเลขออกเทนสูงเพื่อป้องกันการน็อกของเครื่องยนต์และรักษาระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ ปั๊มน้ำมันในประเทศไทยโดยทั่วไปมีน้ำมันเบนซิน 95 เช่น PTT 95 หรือ Bangchak E20 Gasohol รวมทั้งน้ำมันแก๊สโซฮอล์และดีเซล แต่เครื่องยนต์เทอร์โบที่มีอัตราส่วนการอัดสูงของ GT-R ไม่เหมาะกับน้ำมัน E20 หรือดีเซล ดังนั้นควรเลือกใช้น้ำมันเบนซิน 95 หรือ 98 ที่บริสุทธิ์เพื่อลดผลกระทบจากเอทานอลต่อระบบเชื้อเพลิง หากต้องการเพิ่มสมรรถนะ บางอู่แต่งรถในไทยยังแนะนำให้น้ำมันเชื้อเพลิงสูตรแข่งหรือสารเติมแต่งเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการเผาไหม้ แต่ควรปฏิบัติตามคำแนะนำในคู่มือรถเพื่อให้รถมีประสิทธิภาพและเสถียรภาพในระยะยาว
Q
GT-R จะใช้งานได้นานเท่าไหร่
Nissan GT-R ไม่มีระยะเวลาการใช้งานที่แน่นอน เพราะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รุ่นปัจจุบันคือรุ่น R35 ซึ่งเปิดตัวในปี 2007 และมีอายุการใช้งานประมาณ 17 ปีจนถึงปัจจุบัน โดย Nissan ยืนยันว่าการผลิตรุ่น R35 จะสิ้นสุดในเดือนตุลาคม 2024 หากใช้งานตามปกติและดูแลรักษาอย่างดี รถ GT-R สามารถใช้งานได้ประมาณ 10 ถึง 15 ปี เช่น การบำรุงรักษาตามระยะเวลาที่กำหนด เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรองอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงซ่อมแซมปัญหาเล็กน้อยที่เกิดขึ้นทันเวลา จะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าใช้งานในสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย มีนิสัยการขับขี่ที่ไม่ดี และขาดการดูแลรักษาที่เหมาะสม อายุการใช้งานอาจลดลงอย่างมาก อาจเริ่มมีปัญหาและส่งผลต่อการใช้งานภายใน 5 ถึง 8 ปีเท่านั้น
Q
Nissan GT-R เป็นรถซูเปอร์คาร์หรือไม่
ใช่ครับ Nissan GT-R คือรถซูเปอร์คาร์รุ่นหนึ่งที่ผลิตโดย Nissan GT-R เป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสูงที่มีความน่าเชื่อถือและมีกำลังแรงม้าสูง ซึ่งเดิมเป็นรุ่นท็อปของซีรีส์ Skyline RV ของ Nissan และปัจจุบันได้กลายเป็นรุ่นรถยนต์แยกต่างหาก GT-R ติดตั้งเครื่องยนต์ขนาด 3.8 ลิตรที่ให้กำลังแรงและแรงบิดสูง ช่วยให้เร่งความเร็วได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีสมรรถนะการควบคุมที่ยอดเยี่ยม ด้วยจุดศูนย์ถ่วงต่ำและระบบช่วงล่างที่ปรับแต่งอย่างดีเยี่ยม ทำให้มีความมั่นคงขณะเข้าโค้ง การออกแบบอากาศพลศาสตร์ช่วยให้รูปลักษณ์ดุดันและเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ด้วยความเร็วสูง GT-R ได้ฝากผลงานที่โดดเด่นในวงการแข่งรถและได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มผู้ชื่นชอบรถยนต์ ยืนยันตำแหน่งซูเปอร์คาร์ของมันอย่างมั่นคง
Q&A ล่าสุด
Q
SsangYong Tivoli เป็นรถที่ปลอดภัยไหม
ด้านความปลอดภัย SsangYong Tivoli มีสมรรถนะอยู่ในระดับมาตรฐาน ตอบโจทย์การใช้งานประจำวันในไทย โดยมาพร้อมระบบพื้นฐาน เช่น ABS, EBD และถุงลมนิรภัยคู่หน้า ในรุ่นท็อปบางรุ่นมีระบบควบคุมเสถียรภาพ (ESC) และกล้องมองหลัง เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองและการเดินทางของครอบครัว ในสภาพอากาศร้อนและฝนชุกของไทย ระบบเบรกและการยึดเกาะถนนทำงานได้มั่นคง แต่ควรตรวจเช็กผ้าเบรกและสภาพยางอย่างสม่ำเสมอเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด อย่างไรก็ตาม เนื่องจากถนนในไทยมีความหลากหลาย แม้ Tivoli จะผ่านมาตรฐานการทดสอบการชนพื้นฐาน แต่ในด้านระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันยังเป็นรองบางรุ่นที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงกว่า ผู้ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยสามารถเพิ่มระบบเตือนจุดอับสายตาหรือระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ และควรรักษานิสัยการขับขี่อย่างปลอดภัย
Q
SsangYong Tivoli ใช้ได้นานกี่ปี
SsangYong Tivoli ในฐานะเอสยูวีขนาดกะทัดรัด สามารถใช้งานในประเทศไทยได้ยาวนานกว่า 10 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่ ความถี่ในการบำรุงรักษา และสภาพอากาศท้องถิ่น เนื่องจากสภาพอากาศร้อนชื้นของไทยอาจเร่งการเสื่อมสภาพของชิ้นส่วนยางและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จึงแนะนำให้ตรวจเช็กระบบหล่อเย็นและระบบปรับอากาศทุก ๆ 6 เดือน และเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุกระยะไม่เกิน 10,000 กิโลเมตร เครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตรของรุ่นนี้มีเทคโนโลยีที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าทนทาน หากใช้เชื้อเพลิงเบนซิน 95 และเปลี่ยนไส้กรองแท้ตามกำหนด เครื่องยนต์สามารถวิ่งได้เกิน 200,000 กิโลเมตรก่อนต้องโอเวอร์ฮอล
ผู้ใช้ในไทยควรใส่ใจเป็นพิเศษเมื่อขับลุยน้ำในช่วงหน้าฝน ควรตรวจเช็กสภาพน้ำมันเกียร์หลังการใช้งาน และควรติดตั้งชุดเคลือบป้องกันสนิมใต้ท้องรถเพื่อรับมือกับการกัดกร่อนจากไอเกลือในพื้นที่ชายฝั่ง Tivoli ใช้ระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงก์ ซึ่งให้ความนุ่มนวลบนเส้นทางภูเขาในไทย แต่ควรตรวจเช็กซีลโช้กอัพทุก 30,000 กิโลเมตร สำหรับผู้ที่ขับทางไกลบ่อย แนะนำให้เปลี่ยนสายพานไทม์มิ่งล่วงหน้าที่ระยะ 80,000–100,000 กิโลเมตร และปฏิบัติตามข้อกำหนดการตรวจสภาพรถประจำปีเมื่อรถมีอายุครบ 15 ปีตามกฎหมายของกรมการขนส่งทางบก การมีประวัติการบำรุงรักษาจากศูนย์บริการอย่างครบถ้วนจะช่วยเพิ่มมูลค่าขายต่อของรถได้มาก
Q
SsangYong Tivoli ผลิตโดยบริษัทไหน
SsangYong Tivoli เป็นรถเอสยูวีขนาดกะทัดรัดที่ผลิตโดย SsangYong Motor Company ผู้ผลิตรถยนต์เกาหลีที่มีประวัติยาวนานกว่า 60 ปี โดยเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเอสยูวีและรถขับเคลื่อนสี่ล้อ Tivoli ในฐานะรถยนต์กลยุทธ์ระดับโลกของแบรนด์ ได้รับความสนใจในตลาดไทยด้วยดีไซน์ที่ทันสมัยและฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบโจทย์ ผู้บริโภคไทยสามารถหาซื้อรถรุ่นนี้ได้ผ่านช่องทางการนำเข้าอย่างเป็นทางการ ซึ่งขนาดที่คล่องตัวเหมาะกับการขับขี่ในเมืองรวมถึงมุมมองการขับขี่ที่สูง ช่วยให้ตอบสนองต่อสภาพถนนในไทยได้เป็นอย่างดี SsangYong มีเครือข่ายผู้จัดจำหน่ายและบริการหลังการขายที่ได้รับอนุญาตในประเทศไทย เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับการสนับสนุนจากทางบริษัทอย่างเต็มที่ ในตลาดไทย Tivoli ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจนอกเหนือจากเอสยูวีระดับเดียวกันจากแบรนด์ญี่ปุ่น โดยมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพและเทคโนโลยีอัจฉริยะต่างๆ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงจุดแข็งของรถยนต์เกาหลีในเรื่องความคุ้มค่า
Q
SsangYong Tivoli มีแอร์ไหม
ใช่แล้ว SsangYong Tivoli ในฐานะ SUV ขนาดกะทัดรัดที่ออกแบบมาสำหรับตลาดโลก ทุกรุ่นมาพร้อมระบบแอร์มาตรฐาน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากในสภาพอากาศร้อนแบบไทย ช่วยให้ผู้โดยสารรู้สึกสบายตัวระหว่างเดินทาง ระบบแอร์ของ Tivoli ใช้เทคโนโลยีทำความเย็นประสิทธิภาพสูง แม้ในวันที่อากาศร้อนจัดก็สามารถลดอุณหภูมิภายในรถได้อย่างรวดเร็ว ส่วนรุ่นท็อปบางรุ่นอาจมีระบบแอร์อัตโนมัติหรือช่องลมแอร์สำหรับผู้โดยสารแถวหลัง ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกสบายขึ้นไปอีก สำหรับคนไทยแล้ว นอกจากระบบแอร์แล้ว Tivoli ยังประหยัดน้ำมันและขนาดตัวที่กะทัดรัดเหมาะกับการขับขี่ในเมือง รวมถึงระยะความสูงจากพื้นรถที่มากพอจะรับมือกับถนนบางสายในต่างจังหวัดได้ เมื่อต้องการเลือกซื้อ แนะนำให้ไปที่ตัวแทนจำหน่าย SsangYong ในไทยเพื่อสอบถามรายละเอียดสเปคและบริการหลังการขายอย่างละเอียด พร้อมทั้งลองเปรียบเทียบระบบแอร์กับรุ่นอื่นในระดับเดียวกันในเรื่องความเร็วในการทำความเย็นและระดับเสียง เพื่อให้ได้รถที่ตอบโจทย์ที่สุด เพราะตลาดรถไทยให้ความสำคัญกับระบบแอร์เป็นพิเศษ ดังนั้นรถยอดนิยมส่วนใหญ่จะถูกออกแบบและปรับแต่งระบบแอร์ให้เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนโดยเฉพาะ
Q
SsangYong Tivoli เป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อหรือเปล่า
SsangYong Tivoli มีรุ่นขับเคลื่อน 4x4 ให้เลือก ซึ่งเอสยูวีขนาดกะทัดรัดรุ่นนี้ได้รับความสนใจในตลาดไทยเพราะมีความอเนกประสงค์และคุ้มค่า ระบบขับเคลื่อน 4x4 ช่วยให้รับมือกับสภาพถนนที่หลากหลายของไทยได้ดี โดยเฉพาะถนนในชนบทช่วงฤดูฝนหรือเส้นทางออฟโรดเบา ๆ พร้อมยังคงความสบายในการขับขี่ในเมือง ระบบ 4x4 ของ Tivoli เป็นแบบอัตโนมัติ ปรับการส่งกำลังไปยังล้อหลังเมื่อจำเป็นเพื่อเพิ่มการยึดเกาะถนน ส่วนการขับบนถนนทั่วไปจะใช้โหมดขับเคลื่อนล้อหน้าเพื่อประหยัดน้ำมัน
สำหรับผู้ซื้อชาวไทย การเลือกรุ่น 4x4 ควรพิจารณาจากการใช้งานจริง หากต้องเจอสภาพถนนโคลนหรือพื้นที่ขรุขระบ่อย รุ่น 4x4 จะตอบโจทย์มากกว่า แต่ถ้าใช้ขับในเมืองเป็นหลัก รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าจะประหยัดกว่า ทั้งนี้ความต้องการรถ SUV ในไทยยังคงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะรุ่น 4x4 ที่ได้รับความนิยมในภาคเหนือและอีสาน แนะนำให้ลองขับที่โชว์รูมก่อนตัดสินใจ เพื่อสัมผัสสมรรถนะของแต่ละโหมดการขับเคลื่อนด้วยตัวเอง
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

Nissan รุ่นต่อไปของ GT-R จะใช้ระบบพลังงานผสม ภายใน 3-5 ปีจะเข้าตลาด
ธนวัฒน์Apr 23, 2025

Nissan ปิดการสั่งซื้อ GT-R R35 รถแข่งญี่ปุ่นกำลังสูญเสียในยุคของรถยนต์ไฟฟ้า
สุรเดชMar 5, 2025

การกลับมาของรุ่นคลาสสิค: นิสสัน GTR T-Spec เปิดตัวในมหกรรมยานยนต์ในกรุงเทพฯ
AshleyMar 20, 2024

Nissan เตรียมส่ง Juke ไฟฟ้าลุยยุโรปปีหน้า รุ่นเครื่องยนต์ยังมีขายต่อ
พงศธรAug 7, 2025

Nissan ขาดทุนไตรมาสแรกในรอบ 4 ปี สัญญาณวิกฤตธุรกิจเริ่มชัดเจน
Kevin WongAug 1, 2025
ดูเพิ่มเติม
ข้อดี
ข้อเสีย