Q
Nissan GT-R รุ่นไหนที่เร็วที่สุด
รถ Nissan GT-R ที่เร็วที่สุดในรุ่นปัจจุบันคือ GT-R Nismo Special Edition ปี 2024 รุ่นนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ V6 3.8 ลิตร Twin-Turbo ที่ผ่านการปรับแต่งโดยทีม Nismo ให้มีกำลังสูงสุดถึง 600 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 652 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์คลัตช์คู่ 6 สปีด และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ATTESA E-TS ที่เสริมความแข็งแกร่ง สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.5 วินาที และมีความเร็วสูงสุดถึง 315 กม./ชม. ชุดแอร์โรไดนามิกส์ที่รวมถึง Splitter ด้านหน้า, Skirt ด้านข้างและ Spoiler หลังขนาดใหญ่ช่วยเพิ่มแรงกดลงเพื่อการยึดเกาะที่ดีขึ้น ในสภาพอากาศร้อนของไทยแนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ที่ผู้ผลิตแนะนำและตรวจสอบระบบระบายความร้อนเป็นประจำเพื่อรักษาประสิทธิภาพ แม้ GT-R จะมีจำนวนไม่มากในไทยแต่ก็เป็นที่นิยมในหมู่คนรักรถสปอร์ต โรงงานดัดแปลงบางแห่งยังมีข้อเสนอการอัพเกรดประสิทธิภาพที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ต้องระวังว่ากฎหมายไทยมีข้อจํากัดที่เข้มงวดเกี่ยวกับการดัดแปลงรถและเสียงรบกวน รถคันนี้แม้จะเปิดตัวมาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังมีสถานที่ในวงการซุปเปอร์คาร์ด้วยสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
GT-R และ GT-R Pro มีความแตกต่างอย่างไร
Nissan GT-R กับ GT-R Pro มีความแตกต่างกันหลัก ๆ ในด้านการปรับจูนสมรรถนะ การควบคุมการขับขี่ และความเหมาะสมในการใช้งานในสนามแข่ง แม้ทั้งสองรุ่นจะใช้เครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบ ขนาด 3.8 ลิตรเหมือนกัน แต่ GT-R Pro ได้รับการอัปเกรดช่วงล่างด้วยโช้กอัพ Bilstein แบบปรับค่าแรงหน่วงได้ ระบบเบรกเซรามิกคาร์บอน และชุดแอร์โรไดนามิกที่ดุดันยิ่งขึ้น เช่น สปอยเลอร์หน้า-หลัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ระดับสูง ภายในห้องโดยสารยังมีการลดน้ำหนักโดยใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์มากขึ้น พร้อมเบาะนั่งสปอร์ตจาก Recaro เพื่อมอบประสบการณ์ขับขี่ที่มั่นคงในความเร็วสูง อย่างไรก็ตาม ความสะดวกสบายของ GT-R Pro จะน้อยกว่ารุ่นปกติ เนื่องจากเน้นสมรรถนะเป็นหลัก จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการรถสำหรับขับในสนามแข่งหรือขับขี่แบบเร้าใจ ขณะที่ GT-R รุ่นมาตรฐานจะเหมาะกับการขับใช้งานในชีวิตประจำวันและขับทางไกลได้สบายกว่า สำหรับผู้บริโภคในประเทศไทย หากคุณมองหารถสมรรถนะสูงที่ขับได้ทุกวัน GT-R รุ่นมาตรฐานคือทางเลือกที่ดี แต่ถ้าคุณเป็นสายสนามตัวจริง GT-R Pro จะตอบโจทย์ได้มากกว่า
Q
ความแตกต่างระหว่าง GT C และ GT-R คืออะไร
GT C และ GT-R เป็นรถสมรรถนะสูงจากคนละค่าย โดยมีจุดเด่นที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน GT-R จาก Nissan เป็นรถสปอร์ตระดับตำนานของญี่ปุ่น มาพร้อมเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.8 ลิตร ทวินเทอร์โบ ขับเคลื่อนสี่ล้อ เซตช่วงล่างแบบสนามแข่ง เน้นความแม่นยำในการควบคุม เหมาะกับคนที่ชอบขับขี่แบบดุดันและเน้นสมรรถนะล้วนๆ ส่วน GT C ซึ่งมักหมายถึง Mercedes-AMG GT C เป็นรถสปอร์ตจากฝั่งเยอรมันที่ผสานความแรงและความหรูหราเข้าไว้ด้วยกัน ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ มีระบบช่วงล่างปรับได้ ดีไซน์หรู ภายในสบาย เหมาะกับการเดินทางไกลสไตล์ Grand Touring ในตลาดประเทศไทย GT-R ได้รับความนิยมในหมู่คนรักความเร็วและสนามแข่ง ขณะที่ AMG GT C เหมาะกับผู้ที่ต้องการรถสปอร์ตหรูที่ให้ทั้งสมรรถนะและความสะดวกสบาย ดังนั้นหากคุณชอบอารมณ์ดิบแบบรถญี่ปุ่น GT-R คือคำตอบ แต่หากคุณต้องการความหรูหราแบบเยอรมัน GT C ก็อาจเหมาะกว่า
Q
ความแตกต่างระหว่าง GT T และ GT-R คืออะไร
คุณอาจกำลังถามถึงความแตกต่างระหว่าง “GT-R T-spec” กับ “GT-R Premium Luxury” ราคาของ “GT-R T-spec” อยู่ที่ 12,200,000 บาท ส่วน “GT-R Premium Luxury” ราคา 10,700,000 บาท นอกจากราคาที่ต่างกันแล้ว ทั้งสองรุ่นมีสเปกหลักที่ใกล้เคียงกัน โดยใช้เครื่องยนต์ขนาด 3799 ซีซี ระบบส่งกำลัง และขนาดตัวถังเหมือนกัน คือ ความยาว 4710 มม. ความกว้าง 1895 มม. ความสูง 1370 มม. ฐานล้อ 2780 มม. มี 2 ประตู และ 4 ที่นั่ง อย่างไรก็ตาม “GT-R T-spec” อาจมาพร้อมกับอุปกรณ์ วัสดุ หรือการปรับแต่งที่เหนือระดับและเป็นเอกลักษณ์มากกว่า เพื่อสร้างความแตกต่างและเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าได้มากขึ้น
Q
GT-R และ GT-R NISMO มีความแตกต่างกันอย่างไร
GT-R กับ GT-R NISMO มีความแตกต่างในหลายด้าน โดย GT-R NISMO เป็นรุ่นอัพเกรดของ GT-R ซึ่งพัฒนาโดยแผนกสมรรถนะสูงของนิสสัน ทำให้มีพละกำลังสูงกว่า GT-R รุ่นปกติ ด้วยการปรับแต่งเครื่องยนต์และระบบต่าง ๆ เพื่อให้กำลังขับเคลื่อนดียิ่งขึ้น ในด้านชุดแต่งตัวถัง GT-R NISMO ใช้วัสดุน้ำหนักเบา เช่น คาร์บอนไฟเบอร์ ช่วยลดน้ำหนักรถ ส่งผลให้ความเร็วและการควบคุมรถดีขึ้น โดยเฉพาะในการเร่งและเข้าโค้ง ส่วนระบบช่วงล่าง GT-R NISMO ติดตั้งช่วงล่างเวอร์ชันพรีเมียม สามารถรองรับสภาพถนนที่ซับซ้อนและการขับขี่ที่รุนแรงได้ดี ให้การหนุนรับและความมั่นคงสูงขณะขับด้วยความเร็วสูงหรือเข้าโค้งอย่างรวดเร็ว สรุปคือ GT-R NISMO เป็นการอัพเกรดแบบครบวงจรจาก GT-R เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการสมรรถนะและประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือชั้นกว่า
Q
Tesla มันเร็วกว่า GT-R หรือไม่
ไม่สามารถสรุปได้ง่าย ๆ ว่าเทสล่าจะเร็วกว่าหรือช้ากว่า GT-R เพราะประสิทธิภาพการเร่งความเร็วและความเร็วสูงสุดขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่นของรถ GT-R เป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสูงของนิสสัน ที่มักติดตั้งเครื่องยนต์ V6 3.8 ลิตร เทอร์โบคู่ มีสมรรถนะแรงม้าโดดเด่น เช่น บางรุ่นทำเวลาเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ประมาณ 2.7 วินาที และความเร็วสูงสุดถึง 315 กม./ชม. ขณะที่เทสล่ามีหลายรุ่น เช่น Model S P100D ที่ทำเวลาเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ราว 2.5 วินาที ซึ่งในด้านการเร่งความเร็ว อาจเร็วกว่าบางรุ่นของ GT-R แต่การเปรียบเทียบความเร็วยังขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพแวดล้อมการขับขี่ น้ำหนักบรรทุก และทักษะผู้ขับขี่ ดังนั้นในสถานการณ์และเงื่อนไขที่แตกต่างกัน สมรรถนะความเร็วของทั้งสองรถอาจแตกต่างกัน จึงไม่สามารถตัดสินได้ว่าเทสล่าจะเร็วกว่า GT-R เสมอไป
Q
GT-R วิ่งเร็วกว่า Supra หรือไม่
โดยทั่วไปแล้ว Nissan GT-R มักจะเร็วกว่ารถ Toyota Supra ในด้านสมรรถนะเครื่องยนต์ GT-R ติดตั้งเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.8 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุดถึง 555 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 632 นิวตันเมตร ขณะที่ Supra ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบเรียง ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 340 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ซึ่ง GT-R มีทั้งแรงม้าและแรงบิดที่สูงกว่า ในเรื่องของอัตราเร่ง GT-R ทำความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ภายในประมาณ 2.7 วินาที ขณะที่ Supra ใช้เวลาประมาณ 4.1 วินาที ความเร็วสูงสุดของ GT-R อยู่ที่ราว 315 กม./ชม. ส่วน Supra อยู่ที่ประมาณ 250 กม./ชม. อย่างไรก็ตาม ในการขับขี่จริง ความเร็วยังขึ้นอยู่กับสภาพถนน เทคนิคการขับขี่ และปัจจัยอื่น ๆ นอกจากนี้ ทั้งสองรุ่นยังมีจุดเด่นในด้านการควบคุมและความปลอดภัยที่แตกต่างกัน จึงไม่สามารถตัดสินได้เพียงแค่ความเร็วว่าใครดีกว่ากันครับ
Q
GT-R มีเทอร์โบคู่หรือไม่
ใช่ครับ Nissan GT-R ติดตั้งระบบเทอร์โบคู่ เครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.8 ลิตร รุ่น VR38DETT ซึ่งพัฒนามาจากเครื่องยนต์ VQ ของนิสสันที่ได้รับคำชื่นชมอย่างกว้างขวาง ระบบเทอร์โบคู่ช่วยให้เครื่องยนต์สามารถรีดกำลังสูงสุดได้ที่ 6400 รอบต่อนาที และให้แรงบิดสูงในช่วงรอบเครื่องยนต์ 3200 ถึง 6000 รอบต่อนาที เทคโนโลยีเทอร์โบคู่ช่วยเพิ่มสมรรถนะทั้งกำลังและแรงบิดของเครื่องยนต์ ส่งผลให้ GT-R มีสมรรถนะการเร่งความเร็วที่โดดเด่นและแรงขับเคลื่อนที่ทรงพลัง ไม่ว่าจะขับขี่ในชีวิตประจำวันหรือในสนามแข่ง ก็สามารถแสดงศักยภาพของรถสปอร์ตระดับสูงได้อย่างเต็มที่ มอบประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่างและเร้าใจแก่ผู้ขับขี่ครับ
Q
GT-R ดีต่อการใช้แก๊สหรือไม่
Nissan GT-R รถสปอร์ตสมรรถนะสูงรุ่นนี้แนะนำให้ใช้น้ำมันเบนซิน 95 หรือสูงกว่าเพื่อรับประกันสมรรถนะและความน่าเชื่อถือของเครื่องยนต์ แม้ว่าจะสามารถใช้น้ำมันเบนซิน 91 ได้ในระยะสั้น แต่เมื่อใช้งานในประเทศไทยระยะยาวควรเลือกใช้น้ำมันเบนซินที่มีเลขออกเทนสูงเพื่อป้องกันการน็อกของเครื่องยนต์และรักษาระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ ปั๊มน้ำมันในประเทศไทยโดยทั่วไปมีน้ำมันเบนซิน 95 เช่น PTT 95 หรือ Bangchak E20 Gasohol รวมทั้งน้ำมันแก๊สโซฮอล์และดีเซล แต่เครื่องยนต์เทอร์โบที่มีอัตราส่วนการอัดสูงของ GT-R ไม่เหมาะกับน้ำมัน E20 หรือดีเซล ดังนั้นควรเลือกใช้น้ำมันเบนซิน 95 หรือ 98 ที่บริสุทธิ์เพื่อลดผลกระทบจากเอทานอลต่อระบบเชื้อเพลิง หากต้องการเพิ่มสมรรถนะ บางอู่แต่งรถในไทยยังแนะนำให้น้ำมันเชื้อเพลิงสูตรแข่งหรือสารเติมแต่งเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการเผาไหม้ แต่ควรปฏิบัติตามคำแนะนำในคู่มือรถเพื่อให้รถมีประสิทธิภาพและเสถียรภาพในระยะยาว
Q
GT-R จะใช้งานได้นานเท่าไหร่
Nissan GT-R ไม่มีระยะเวลาการใช้งานที่แน่นอน เพราะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รุ่นปัจจุบันคือรุ่น R35 ซึ่งเปิดตัวในปี 2007 และมีอายุการใช้งานประมาณ 17 ปีจนถึงปัจจุบัน โดย Nissan ยืนยันว่าการผลิตรุ่น R35 จะสิ้นสุดในเดือนตุลาคม 2024 หากใช้งานตามปกติและดูแลรักษาอย่างดี รถ GT-R สามารถใช้งานได้ประมาณ 10 ถึง 15 ปี เช่น การบำรุงรักษาตามระยะเวลาที่กำหนด เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรองอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงซ่อมแซมปัญหาเล็กน้อยที่เกิดขึ้นทันเวลา จะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าใช้งานในสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย มีนิสัยการขับขี่ที่ไม่ดี และขาดการดูแลรักษาที่เหมาะสม อายุการใช้งานอาจลดลงอย่างมาก อาจเริ่มมีปัญหาและส่งผลต่อการใช้งานภายใน 5 ถึง 8 ปีเท่านั้น
Q
Nissan GT-R เป็นรถซูเปอร์คาร์หรือไม่
ใช่ครับ Nissan GT-R คือรถซูเปอร์คาร์รุ่นหนึ่งที่ผลิตโดย Nissan GT-R เป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสูงที่มีความน่าเชื่อถือและมีกำลังแรงม้าสูง ซึ่งเดิมเป็นรุ่นท็อปของซีรีส์ Skyline RV ของ Nissan และปัจจุบันได้กลายเป็นรุ่นรถยนต์แยกต่างหาก GT-R ติดตั้งเครื่องยนต์ขนาด 3.8 ลิตรที่ให้กำลังแรงและแรงบิดสูง ช่วยให้เร่งความเร็วได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีสมรรถนะการควบคุมที่ยอดเยี่ยม ด้วยจุดศูนย์ถ่วงต่ำและระบบช่วงล่างที่ปรับแต่งอย่างดีเยี่ยม ทำให้มีความมั่นคงขณะเข้าโค้ง การออกแบบอากาศพลศาสตร์ช่วยให้รูปลักษณ์ดุดันและเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ด้วยความเร็วสูง GT-R ได้ฝากผลงานที่โดดเด่นในวงการแข่งรถและได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มผู้ชื่นชอบรถยนต์ ยืนยันตำแหน่งซูเปอร์คาร์ของมันอย่างมั่นคง
รถยอดนิยม
รุ่นปีรถยนต์
เปรียบเทียบรถยนต์
รูปภาพรถ
Q&A ล่าสุด
Q
“รถ Audi Q7 ปี 2020 ใช้น้ำมันประเภทอะไร?”
Audi Q7 รุ่นปี 2020 แนะนำให้ใช้เชื้อเพลิงเบนซินมาตรฐาน 95 ขึ้นไป เพื่อประสิทธิภาพและการประหยัดน้ำมันที่ดีที่สุดของเครื่องยนต์ แม้ว่าบางกรณีอาจใช้เบนซิน 91 ได้ แต่การใช้น้ำมันเลขออกเทนต่ำเป็นเวลานานอาจทำให้เครื่องเร่งไม่ค่อยมีแรงหรือมีคราบคาร์บอนสะสมมากขึ้น เวลาเลือกน้ำมันที่ปั๊มในไทย แนะนำให้เลือกปั๊มน้ำมันแบรนด์ดังจะดีกว่า เพราะน้ำมันคุณภาพสูงมักมีสารทำความสะอาดช่วยดูแลระบบเชื้อเพลิง โดยเฉพาะเครื่องยนต์เทอร์โบที่ต้องการน้ำมันออกเทนสูงเพื่อป้องกันการน็อคของเครื่องยนต์ ช่วงอากาศร้อนๆ แบบเมืองไทยยิ่งสำคัญเลย ถ้าจำเป็นต้องเติมน้ำมันเลขต่ำเป็นครั้งคราว ควรหลีกเลี่ยงการขับแบบเหยียบมันหนักๆ และควรใช้สารทำความสะอาดระบบเชื้อเพลิงที่ศูนย์แนะนำเป็นประจำ ข้อควรระวังคือ Q7 แต่ละปีอาจมีข้อกำหนดน้ำมันต่างกันเล็กน้อย ควรเช็คป้ายข้างฝาถังน้ำมันหรือคู่มือเจ้าของรถให้ชัวร์ เพราะถ้าใช้น้ำมันไม่ตรงตามที่ระบุ อาจมีผลกับประกันรถได้
Q
"ภาษีถนนสำหรับ Audi Q7 ปี 2020 มีราคาเท่าไหร่?"
ค่าเสียภาษีรถประจำปีสำหรับ Audi Q7 รุ่นปี 2020 นั้นขึ้นอยู่กับขนาดเครื่องยนต์ โดยรุ่น 3.0T แบบเบนซิน (ความจุ 2,995 ซีซี) จะเสียภาษีประมาณ 12,600 บาทต่อปี ส่วนรุ่น 2.0T (ความจุ 1,984 ซีซี) จะอยู่ที่ประมาณ 7,600 บาท จำนวนเงินอาจแตกต่างกันเล็กน้อยตามปีที่จดทะเบียนรถและพื้นที่ที่ใช้งาน หลักการคำนวณภาษีรถเน้นที่ความจุเครื่องยนต์เป็นหลัก ยิ่งเครื่องยนต์ใหญ่ก็ยิ่งเสียภาษีสูง นโยบายนี้มีเพื่อส่งเสริมการใช้รถที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี นอกจากภาษีทางถนนแล้ว เจ้าของรถยังต้องจ่ายประกันภัยภาคบังคับ (ปรบ.) ซึ่งมีเบี้ยประกันภัยพื้นฐานประมาณ 600-700 บาท โดยมีวงเงินคุ้มครองตามมูลค่ารถ แนะนำให้ตรวจสอบใบแจ้งหนี้ภาษีเป็นประจำและชำระเงินตรงเวลาเพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับ พร้อมทั้งเก็บหลักฐานการชำระเงินไว้เพื่อแสดงกรณีจำเป็น หากกำลังมองหาซื้อ Audi Q7 มือสอง ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าเจ้าของเดิมได้ชำระภาษีครบถ้วนแล้ว เพื่อป้องกันปัญหาตามมาในภายหลัง
Q
ราคา Audi Q7 2020 คืออะไร?
ราคาของ Audi Q7 รุ่นปี 2020 ในตลาดมือสองประเทศไทยจะอยู่ที่ประมาณ 2-3 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับสภาพรถ ระยะทางที่ใช้งาน รุ่นย่อยและอุปกรณ์เสริม รวมถึงการรับประกันจากศูนย์ที่ยังเหลืออยู่ รุ่นสูงอย่าง 55 TFSI quattro หรือรุ่นที่ติดตั้ง S line sport package มักจะมีราคาสูงกว่า โดยรถรุ่นนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.0T หรือ 3.0T ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro และระบบช่วงล่างปรับอัตโนมัติ ส่วนด้านเทคโนโลยีก็ครบครันด้วยหน้าจอ Virtual Cockpit 12.3 นิ้วและระบบนำทาง MMI ซึ่งถือเป็นมาตรฐานของรถระดับนี้ในยุคนั้น อย่างไรก็ตาม ก่อนซื้อควรตรวจสอบประวัติรถผ่านช่องทางรถมือสองรับประกันจากศูนย์หรือศูนย์ตรวจสภาพรถมือสองที่น่าเชื่อถือ เพื่อหลีกเลี่ยงรถประสบอุบัติเหตุหรือรถน้ำท่วม แม้ว่าค่าบำรุงรักษาของ Audi จะสูงกว่ากลุ่มรถหรูญี่ปุ่น แต่ก็มีเครือข่ายบริการหลังการขายที่ครอบคลุมและอะไหล่พร้อมจำหน่าย เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง BMW X5 หรือ Mercedes-Benz GLE แล้ว Audi Q7 มีจุดเด่นตรงที่เป็นรถ 7 ที่นั่งเหมาะสำหรับครอบครัว ส่วนใครที่อยากประหยัดเงินมากขึ้น อาจมองหารุ่นปี 2018-2019 ที่ราคาจับต้องได้ง่ายกว่าและคุ้มค่ากว่า
Q
เครื่องยนต์อะไรอยู่ใน Audi Q7 3.0 T ปี 2020?
Audi Q7 รุ่นปี 2020 ตัวนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร V6 เทอร์โบชาร์จ แบบเบนซิน ให้กำลังสูงสุดถึง 340 แรงม้า แรงบิดพีคที่ 500 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์ 8 สปีด Tiptronic แบบออโต้เมติกและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro ที่ตอบสนองเร็วและให้ความนุ่มลื่น ทั้งการขับขี่ในเมืองหรือท่องเที่ยวทางไกลก็เริ่ด เครื่องยนต์นี้ใช้เทคโนโลยีฉีดเชื้อเพลิงตรงและออกแบบน้ำหนักเบาของ Audi ช่วยประหยัดน้ำมันมากขึ้น แถมยังลดการปล่อยมลพิษ ตอบโจทย์เทรนด์รักษ์สิ่งแวดล้อมในตอนนี้
ในประเทศไทย คนใช้ส่วนใหญ่ชมว่าการทำงานของเครื่องยนต์และความเสถียรของคันนี้ดีมาก โดยเฉพาะระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่เด่นช่วงหน้าฝนถนนลื่นๆ ถ้าอยากได้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอีก แนะนำให้ดูระบบ mild hybrid 48V ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันและทำให้การสตาร์ท-หยุดเครื่องทำงานลื่นขึ้น
เรื่องค่าบำรุงรักษาก็ไม่ต้องห่วงมาก เพราะราคาไม่แรงเกินไป แถมศูนย์บริการของ Audi ในไทยก็พร้อมให้บริการอย่างเต็มที่ ใช้ยาวๆ ไม่มีปัญหาอะไรให้กังวลใจ
Q
รถ Audi Q7 ทุกรุ่นมี 7 ที่นั่งหรือไม่?
Audi Q7 ตอนแรกที่ออกมายังเป็นรุ่นมาตรฐานแบบ 7 ที่นั่ง แต่หลังจากที่อัพเดทโมเดลใหม่ล่าสุด ตอนนี้ Q7 มีความยืดหยุ่นในการจัดวางที่นั่งมากขึ้น บางรุ่นอาจเป็นแบบ 5 ที่นั่ง ในขณะที่รุ่นสูงหรือแพ็คเกจออปชั่นยังคงมีแบบ 7 ที่นั่งให้เลือก การเปลี่ยนแปลงนี้เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า เช่น ผู้ที่เน้นความสบายของที่นั่งแถวหลังอาจชอบแบบ 5 ที่นั่ง ในขณะที่ครอบครัวที่ต้องการความสะดวกในการเดินทางอาจเลือกแบบ 7 ที่นั่ง ในตลาดท้องถิ่น ผู้จำหน่าย Audi มักจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการจัดการกำหนดค่าตามความต้องการของลูกค้า ควรระลึกไว้ว่า แม้ว่าแถวที่นั่งสามของ Q7 จะเหมาะสำหรับเด็กหรือการเดินทางระยะสั้น แต่ผู้ใหญ่อาจรู้สึกอึดอัดในการเดินทางไกล ดังนั้นแนะนำให้ลองนั่งทดสอบก่อนซื้อ นอกจากนี้ รุ่น SUV ลักชัวรี่ระดับเดียวกันอย่าง BMW X5 และ Mercedes-Benz GLE ก็มีตัวเลือกการจัดวางที่นั่งที่คล้ายกัน ลูกค้าสามารถตัดสินใจเลือกให้เหมาะสมที่สุดตามงบประมาณและสถานการณ์การใช้งานจริง
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

รถ Nissan R35 GT-R คันสุดท้ายออกจากสายการผลิตอย่างเป็นทางการ สิ้นสุดช่วงการผลิต 18 ปี
พงศธรAug 28, 2025

ปัจจุบัน GT-R (R35) จะยุติการผลิตในเดือนสิงหาคม 2025 และในอนาคตอาจเปิดตัว GT-R เวอร์ชันไฮบริด
LienAug 14, 2025

Nissan รุ่นต่อไปของ GT-R จะใช้ระบบพลังงานผสม ภายใน 3-5 ปีจะเข้าตลาด
ธนวัฒน์Apr 23, 2025

Nissan ปิดการสั่งซื้อ GT-R R35 รถแข่งญี่ปุ่นกำลังสูญเสียในยุคของรถยนต์ไฟฟ้า
สุรเดชMar 5, 2025

การกลับมาของรุ่นคลาสสิค: นิสสัน GTR T-Spec เปิดตัวในมหกรรมยานยนต์ในกรุงเทพฯ
AshleyMar 20, 2024
ดูเพิ่มเติม


ข้อดี
ข้อเสีย