Q
ราคาของ Nissan GT-R คือเท่าไหร่?
รถ Nissan GT-R แต่ละรุ่นมีราคาแตกต่างกันไปนะครับ โดยรุ่น 2021 Nissan GT-R Premium Luxury ราคาอยู่ที่ 10,700,000 บาท ส่วนรุ่น 2021 Nissan GT-R T-spec จะสูงหน่อยที่ 12,200,000 บาท และถ้าเป็นรุ่นพิเศษอย่าง 2020 Nissan GT-R 3.8 50th Anniversary ราคาพุ่งไปที่ 13,500,000 บาทเลยทีเดียว
Nissan GT-R เป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสูงที่โดดเด่นทั้งเรื่องแรงขับและความคล่องตัว ให้ความรู้สึกเร้าใจทุกครั้งที่ได้ขับ ไม่ว่าจะเป็นการเร่งหรือการเข้าโค้งก็ทำได้อย่างแม่นยำ แม้ราคาจะค่อนข้างสูงแต่ก็ยังเป็นที่นิยมในหมู่คนรักรถสปอร์ต จนกลายเป็นรถในฝันของหลายๆ คน ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่หลงใหลในรถสปอร์ตแรงๆ Nissan GT-R นี่ถือเป็นตัวเลือกที่น่าจับตามองจริงๆ ครับ
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
GT-R และ GT-R Pro มีความแตกต่างอย่างไร
Nissan GT-R กับ GT-R Pro มีความแตกต่างกันหลัก ๆ ในด้านการปรับจูนสมรรถนะ การควบคุมการขับขี่ และความเหมาะสมในการใช้งานในสนามแข่ง แม้ทั้งสองรุ่นจะใช้เครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบ ขนาด 3.8 ลิตรเหมือนกัน แต่ GT-R Pro ได้รับการอัปเกรดช่วงล่างด้วยโช้กอัพ Bilstein แบบปรับค่าแรงหน่วงได้ ระบบเบรกเซรามิกคาร์บอน และชุดแอร์โรไดนามิกที่ดุดันยิ่งขึ้น เช่น สปอยเลอร์หน้า-หลัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ระดับสูง ภายในห้องโดยสารยังมีการลดน้ำหนักโดยใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์มากขึ้น พร้อมเบาะนั่งสปอร์ตจาก Recaro เพื่อมอบประสบการณ์ขับขี่ที่มั่นคงในความเร็วสูง อย่างไรก็ตาม ความสะดวกสบายของ GT-R Pro จะน้อยกว่ารุ่นปกติ เนื่องจากเน้นสมรรถนะเป็นหลัก จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการรถสำหรับขับในสนามแข่งหรือขับขี่แบบเร้าใจ ขณะที่ GT-R รุ่นมาตรฐานจะเหมาะกับการขับใช้งานในชีวิตประจำวันและขับทางไกลได้สบายกว่า สำหรับผู้บริโภคในประเทศไทย หากคุณมองหารถสมรรถนะสูงที่ขับได้ทุกวัน GT-R รุ่นมาตรฐานคือทางเลือกที่ดี แต่ถ้าคุณเป็นสายสนามตัวจริง GT-R Pro จะตอบโจทย์ได้มากกว่า
Q
ความแตกต่างระหว่าง GT C และ GT-R คืออะไร
GT C และ GT-R เป็นรถสมรรถนะสูงจากคนละค่าย โดยมีจุดเด่นที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน GT-R จาก Nissan เป็นรถสปอร์ตระดับตำนานของญี่ปุ่น มาพร้อมเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.8 ลิตร ทวินเทอร์โบ ขับเคลื่อนสี่ล้อ เซตช่วงล่างแบบสนามแข่ง เน้นความแม่นยำในการควบคุม เหมาะกับคนที่ชอบขับขี่แบบดุดันและเน้นสมรรถนะล้วนๆ ส่วน GT C ซึ่งมักหมายถึง Mercedes-AMG GT C เป็นรถสปอร์ตจากฝั่งเยอรมันที่ผสานความแรงและความหรูหราเข้าไว้ด้วยกัน ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ มีระบบช่วงล่างปรับได้ ดีไซน์หรู ภายในสบาย เหมาะกับการเดินทางไกลสไตล์ Grand Touring ในตลาดประเทศไทย GT-R ได้รับความนิยมในหมู่คนรักความเร็วและสนามแข่ง ขณะที่ AMG GT C เหมาะกับผู้ที่ต้องการรถสปอร์ตหรูที่ให้ทั้งสมรรถนะและความสะดวกสบาย ดังนั้นหากคุณชอบอารมณ์ดิบแบบรถญี่ปุ่น GT-R คือคำตอบ แต่หากคุณต้องการความหรูหราแบบเยอรมัน GT C ก็อาจเหมาะกว่า
Q
ความแตกต่างระหว่าง GT T และ GT-R คืออะไร
คุณอาจกำลังถามถึงความแตกต่างระหว่าง “GT-R T-spec” กับ “GT-R Premium Luxury” ราคาของ “GT-R T-spec” อยู่ที่ 12,200,000 บาท ส่วน “GT-R Premium Luxury” ราคา 10,700,000 บาท นอกจากราคาที่ต่างกันแล้ว ทั้งสองรุ่นมีสเปกหลักที่ใกล้เคียงกัน โดยใช้เครื่องยนต์ขนาด 3799 ซีซี ระบบส่งกำลัง และขนาดตัวถังเหมือนกัน คือ ความยาว 4710 มม. ความกว้าง 1895 มม. ความสูง 1370 มม. ฐานล้อ 2780 มม. มี 2 ประตู และ 4 ที่นั่ง อย่างไรก็ตาม “GT-R T-spec” อาจมาพร้อมกับอุปกรณ์ วัสดุ หรือการปรับแต่งที่เหนือระดับและเป็นเอกลักษณ์มากกว่า เพื่อสร้างความแตกต่างและเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าได้มากขึ้น
Q
GT-R และ GT-R NISMO มีความแตกต่างกันอย่างไร
GT-R กับ GT-R NISMO มีความแตกต่างในหลายด้าน โดย GT-R NISMO เป็นรุ่นอัพเกรดของ GT-R ซึ่งพัฒนาโดยแผนกสมรรถนะสูงของนิสสัน ทำให้มีพละกำลังสูงกว่า GT-R รุ่นปกติ ด้วยการปรับแต่งเครื่องยนต์และระบบต่าง ๆ เพื่อให้กำลังขับเคลื่อนดียิ่งขึ้น ในด้านชุดแต่งตัวถัง GT-R NISMO ใช้วัสดุน้ำหนักเบา เช่น คาร์บอนไฟเบอร์ ช่วยลดน้ำหนักรถ ส่งผลให้ความเร็วและการควบคุมรถดีขึ้น โดยเฉพาะในการเร่งและเข้าโค้ง ส่วนระบบช่วงล่าง GT-R NISMO ติดตั้งช่วงล่างเวอร์ชันพรีเมียม สามารถรองรับสภาพถนนที่ซับซ้อนและการขับขี่ที่รุนแรงได้ดี ให้การหนุนรับและความมั่นคงสูงขณะขับด้วยความเร็วสูงหรือเข้าโค้งอย่างรวดเร็ว สรุปคือ GT-R NISMO เป็นการอัพเกรดแบบครบวงจรจาก GT-R เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการสมรรถนะและประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือชั้นกว่า
Q
Tesla มันเร็วกว่า GT-R หรือไม่
ไม่สามารถสรุปได้ง่าย ๆ ว่าเทสล่าจะเร็วกว่าหรือช้ากว่า GT-R เพราะประสิทธิภาพการเร่งความเร็วและความเร็วสูงสุดขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่นของรถ GT-R เป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสูงของนิสสัน ที่มักติดตั้งเครื่องยนต์ V6 3.8 ลิตร เทอร์โบคู่ มีสมรรถนะแรงม้าโดดเด่น เช่น บางรุ่นทำเวลาเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ประมาณ 2.7 วินาที และความเร็วสูงสุดถึง 315 กม./ชม. ขณะที่เทสล่ามีหลายรุ่น เช่น Model S P100D ที่ทำเวลาเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ราว 2.5 วินาที ซึ่งในด้านการเร่งความเร็ว อาจเร็วกว่าบางรุ่นของ GT-R แต่การเปรียบเทียบความเร็วยังขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพแวดล้อมการขับขี่ น้ำหนักบรรทุก และทักษะผู้ขับขี่ ดังนั้นในสถานการณ์และเงื่อนไขที่แตกต่างกัน สมรรถนะความเร็วของทั้งสองรถอาจแตกต่างกัน จึงไม่สามารถตัดสินได้ว่าเทสล่าจะเร็วกว่า GT-R เสมอไป
Q
GT-R วิ่งเร็วกว่า Supra หรือไม่
โดยทั่วไปแล้ว Nissan GT-R มักจะเร็วกว่ารถ Toyota Supra ในด้านสมรรถนะเครื่องยนต์ GT-R ติดตั้งเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.8 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุดถึง 555 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 632 นิวตันเมตร ขณะที่ Supra ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบเรียง ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 340 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ซึ่ง GT-R มีทั้งแรงม้าและแรงบิดที่สูงกว่า ในเรื่องของอัตราเร่ง GT-R ทำความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ภายในประมาณ 2.7 วินาที ขณะที่ Supra ใช้เวลาประมาณ 4.1 วินาที ความเร็วสูงสุดของ GT-R อยู่ที่ราว 315 กม./ชม. ส่วน Supra อยู่ที่ประมาณ 250 กม./ชม. อย่างไรก็ตาม ในการขับขี่จริง ความเร็วยังขึ้นอยู่กับสภาพถนน เทคนิคการขับขี่ และปัจจัยอื่น ๆ นอกจากนี้ ทั้งสองรุ่นยังมีจุดเด่นในด้านการควบคุมและความปลอดภัยที่แตกต่างกัน จึงไม่สามารถตัดสินได้เพียงแค่ความเร็วว่าใครดีกว่ากันครับ
Q
GT-R มีเทอร์โบคู่หรือไม่
ใช่ครับ Nissan GT-R ติดตั้งระบบเทอร์โบคู่ เครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.8 ลิตร รุ่น VR38DETT ซึ่งพัฒนามาจากเครื่องยนต์ VQ ของนิสสันที่ได้รับคำชื่นชมอย่างกว้างขวาง ระบบเทอร์โบคู่ช่วยให้เครื่องยนต์สามารถรีดกำลังสูงสุดได้ที่ 6400 รอบต่อนาที และให้แรงบิดสูงในช่วงรอบเครื่องยนต์ 3200 ถึง 6000 รอบต่อนาที เทคโนโลยีเทอร์โบคู่ช่วยเพิ่มสมรรถนะทั้งกำลังและแรงบิดของเครื่องยนต์ ส่งผลให้ GT-R มีสมรรถนะการเร่งความเร็วที่โดดเด่นและแรงขับเคลื่อนที่ทรงพลัง ไม่ว่าจะขับขี่ในชีวิตประจำวันหรือในสนามแข่ง ก็สามารถแสดงศักยภาพของรถสปอร์ตระดับสูงได้อย่างเต็มที่ มอบประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่างและเร้าใจแก่ผู้ขับขี่ครับ
Q
GT-R ดีต่อการใช้แก๊สหรือไม่
Nissan GT-R รถสปอร์ตสมรรถนะสูงรุ่นนี้แนะนำให้ใช้น้ำมันเบนซิน 95 หรือสูงกว่าเพื่อรับประกันสมรรถนะและความน่าเชื่อถือของเครื่องยนต์ แม้ว่าจะสามารถใช้น้ำมันเบนซิน 91 ได้ในระยะสั้น แต่เมื่อใช้งานในประเทศไทยระยะยาวควรเลือกใช้น้ำมันเบนซินที่มีเลขออกเทนสูงเพื่อป้องกันการน็อกของเครื่องยนต์และรักษาระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ ปั๊มน้ำมันในประเทศไทยโดยทั่วไปมีน้ำมันเบนซิน 95 เช่น PTT 95 หรือ Bangchak E20 Gasohol รวมทั้งน้ำมันแก๊สโซฮอล์และดีเซล แต่เครื่องยนต์เทอร์โบที่มีอัตราส่วนการอัดสูงของ GT-R ไม่เหมาะกับน้ำมัน E20 หรือดีเซล ดังนั้นควรเลือกใช้น้ำมันเบนซิน 95 หรือ 98 ที่บริสุทธิ์เพื่อลดผลกระทบจากเอทานอลต่อระบบเชื้อเพลิง หากต้องการเพิ่มสมรรถนะ บางอู่แต่งรถในไทยยังแนะนำให้น้ำมันเชื้อเพลิงสูตรแข่งหรือสารเติมแต่งเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการเผาไหม้ แต่ควรปฏิบัติตามคำแนะนำในคู่มือรถเพื่อให้รถมีประสิทธิภาพและเสถียรภาพในระยะยาว
Q
GT-R จะใช้งานได้นานเท่าไหร่
Nissan GT-R ไม่มีระยะเวลาการใช้งานที่แน่นอน เพราะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รุ่นปัจจุบันคือรุ่น R35 ซึ่งเปิดตัวในปี 2007 และมีอายุการใช้งานประมาณ 17 ปีจนถึงปัจจุบัน โดย Nissan ยืนยันว่าการผลิตรุ่น R35 จะสิ้นสุดในเดือนตุลาคม 2024 หากใช้งานตามปกติและดูแลรักษาอย่างดี รถ GT-R สามารถใช้งานได้ประมาณ 10 ถึง 15 ปี เช่น การบำรุงรักษาตามระยะเวลาที่กำหนด เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรองอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงซ่อมแซมปัญหาเล็กน้อยที่เกิดขึ้นทันเวลา จะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าใช้งานในสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย มีนิสัยการขับขี่ที่ไม่ดี และขาดการดูแลรักษาที่เหมาะสม อายุการใช้งานอาจลดลงอย่างมาก อาจเริ่มมีปัญหาและส่งผลต่อการใช้งานภายใน 5 ถึง 8 ปีเท่านั้น
Q
Nissan GT-R เป็นรถซูเปอร์คาร์หรือไม่
ใช่ครับ Nissan GT-R คือรถซูเปอร์คาร์รุ่นหนึ่งที่ผลิตโดย Nissan GT-R เป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสูงที่มีความน่าเชื่อถือและมีกำลังแรงม้าสูง ซึ่งเดิมเป็นรุ่นท็อปของซีรีส์ Skyline RV ของ Nissan และปัจจุบันได้กลายเป็นรุ่นรถยนต์แยกต่างหาก GT-R ติดตั้งเครื่องยนต์ขนาด 3.8 ลิตรที่ให้กำลังแรงและแรงบิดสูง ช่วยให้เร่งความเร็วได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีสมรรถนะการควบคุมที่ยอดเยี่ยม ด้วยจุดศูนย์ถ่วงต่ำและระบบช่วงล่างที่ปรับแต่งอย่างดีเยี่ยม ทำให้มีความมั่นคงขณะเข้าโค้ง การออกแบบอากาศพลศาสตร์ช่วยให้รูปลักษณ์ดุดันและเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ด้วยความเร็วสูง GT-R ได้ฝากผลงานที่โดดเด่นในวงการแข่งรถและได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มผู้ชื่นชอบรถยนต์ ยืนยันตำแหน่งซูเปอร์คาร์ของมันอย่างมั่นคง
Q&A ล่าสุด
Q
ความยาวของ BYD Atto 3 คือเท่าไร?
BYD Atto 3 มีความยาวตัวถังอยู่ที่ 4,455 มิลลิเมตร จัดอยู่ในกลุ่มรถยนต์ C-Segment ซึ่งถือว่าเป็นขนาดที่เหมาะสม ช่วยให้มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง
ด้วยระยะฐานล้อที่ 2,720 มิลลิเมตร ทำให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหลังสามารถนั่งได้อย่างสะดวกสบาย มีพื้นที่วางขาและพื้นที่เหนือศีรษะเพียงพอ ไม่อึดอัด
นอกจากนี้ ความยาวตัวถัง 4,455 มม. ยังช่วยให้ ขับขี่และจอดรถได้ง่าย ไม่ยาวจนเกินไปจนลำบากเวลาวิ่งบนถนนแคบ ๆ หรือหาที่จอด แต่ก็ยังคงให้ความกว้างขวางภายในที่ใช้งานได้จริง จึงเป็นรถที่ลงตัวทั้งในเรื่องขนาดและความสะดวกสบายในการใช้งานประจำวัน
Q
ความจุแบตเตอรี่ของ BYD Atto 3 คือเท่าไร?
BYD Atto 3 มีหลากหลายรุ่นย่อยที่มีความจุแบตเตอรี่แตกต่างกัน โดยในรุ่น Standard Range Dynamic 2024 และ Standard Range Premium 2024 มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 50.25kWh ซึ่งสามารถวิ่งได้ไกลถึง 410 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (ตามตัวเลขจากผู้ผลิต)
ส่วนรุ่น Extended Range Premium 2024 จะมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้นคือ 60.48kWh และสามารถวิ่งได้ไกลถึง 480 กิโลเมตร
รถทั้งสามรุ่นใช้แบตเตอรี่แบบ ลิเธียมไอออนฟอสเฟต (LFP) ซึ่งมีข้อดีคือ อายุการใช้งานยาวนานและมีความปลอดภัยสูง
ความจุแบตเตอรี่ที่มากขึ้น ไม่เพียงแต่ทำให้รถวิ่งได้ไกลขึ้น แต่ยังตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่มีความต้องการเดินทางที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในชีวิตประจำวันหรือการเดินทางระยะกลางถึงสั้น ช่วยเพิ่มความสะดวกและประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
Q
ราคาในการบริการของ BYD Atto 3 คือเท่าไหร่? ลองดูข้อมูลตรงนี้ก่อน
BYD Atto 3 นี่ค่าบำรุงรักษาค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับคันอื่นๆ นะครับ โดยพื้นฐานแล้วจะต้องทำการบำรุงรักษาทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 12 เดือน (แล้วแต่อย่างไหนถึงก่อน) ค่าบำรุงพื้นฐานจะอยู่ที่ประมาณ 2,000-2,500 บาท ซึ่งรวมบริการตรวจเช็คลมยาง ระบบเบรก และเปลี่ยนฟิลเตอร์แอร์เป็นต้น พอเป็นรถไฟฟ้าเลยช่วยให้ประหยัดค่าบำรุงได้ถึง 40% เมื่อเทียบกับรถน้ำมันระดับเดียวกัน เพราะว่า Atto 3 ไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องหรือหัวเทียนเหมือนรถทั่วไป
ทาง BYD ประเทศไทยให้ระยะประกันตัวรถใหม่ 4 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างไหนถึงก่อน) ส่วนแบตเตอรี่ให้ประกันยาวถึง 8 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตรเลยทีเดียว ในเมืองใหญ่ๆอย่างกรุงเทพ เชียงใหม่ ก็มีศูนย์บริการที่เป็นออโธไรซ์ของ BYD พร้อมทั้งอุปกรณ์ตรวจเช็คเฉพาะรถไฟฟ้าและทีมช่างที่ผ่านการฝึกอบรมมาโดยเฉพาะ ทำให้มั่นใจได้ว่าบริการบำรุงรักษาจะได้คุณภาพ
ช่วงหน้าฝนนี่แนะนำให้ตรวจเช็คช่วงล่างและส่วนประกอบของแบตเตอรี่เพิ่มเติมนะครับ ค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะอยู่ที่ประมาณ 500-800 บาท จากข้อมูลของตัวแทนจำหน่าย BYD ในประเทศไทย พบว่าค่าใช้จ่ายบำรุงรักษาเฉลี่ย 3 ปีของ Atto 3 จะอยู่ที่ประมาณ 7,500-9,000 บาท ซึ่งถูกกว่ารถน้ำมันระดับเดียวกันที่ประมาณ 15,000 บาทพอสมควร นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ลูกค้าเลือก Atto 3 นั่นเองครับ
Q
ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาของ BYD Atto 3 เป็นเท่าไร? มาดูข้อมูลที่นี่เพื่อความเข้าใจมากขึ้น
ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาของ BYD Atto 3 อย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ซื้อรถรุ่นนี้จะได้รับสิทธิ์ บำรุงรักษาฟรีเป็นเวลา 5 ปี ซึ่งช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษารถได้ในระดับหนึ่ง
ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถยนต์มักขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น รอบระยะการเข้าศูนย์
ราคาชิ้นส่วนอะไหล่ ประเภทของบริการที่เข้ารับ
โดยทั่วไปแล้ว รถยนต์ไฟฟ้าจะมีรายการบำรุงรักษาน้อยกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน เช่น ไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องหรือไส้กรองน้ำมันเครื่อง ซึ่งทำให้ต้นทุนการดูแลรักษาโดยรวมต่ำกว่า
แต่สำหรับค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาหลังหมดช่วงฟรี 5 ปีนั้น แนะนำให้ติดต่อสอบถามกับตัวแทนจำหน่าย BYD อย่างเป็นทางการในพื้นที่ของคุณ เพื่อขอข้อมูลที่แม่นยำและเหมาะสมกับการใช้งานของรถแต่ละคันค่ะ
Q
ขนาดล้อ (Rim Size) ของ BYD Atto 3 คือเท่าไหร่?
รุ่นต่าง ๆ ของ BYD Atto 3 มีขนาดยางที่แตกต่างกัน:ในรุ่น Standard Range Dynamic 2024 และ Standard Range Premium 2024
ใช้ยางหน้าและหลังขนาด 215/55 R18
หมายถึง: หน้ายางกว้าง 215 มม., แก้มยางสูง 55% ของความกว้าง และล้อมีขนาด 18 นิ้ว
ในรุ่น Extended Range Premium 2024
ใช้ยางหน้าและหลังขนาด 235/50 R18
หมายถึง: หน้ายางกว้างขึ้นเป็น 235 มม., แก้มยางเตี้ยลงเหลือ 50%, ขนาดล้อเท่าเดิมคือ 18 นิ้ว
การเข้าใจขนาดยางเป็นสิ่งสำคัญ เพราะขนาดยางมีผลต่อ การควบคุมรถ วามนุ่มนวลในการขับขี ประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน
ดังนั้นเมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนยาง เจ้าของรถควรเลือกใช้ขนาดที่เหมาะสมกับรุ่นของรถ เพื่อให้ได้สมรรถนะที่ดีที่สุดค่ะ
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

Nissan รุ่นต่อไปของ GT-R จะใช้ระบบพลังงานผสม ภายใน 3-5 ปีจะเข้าตลาด
ธนวัฒน์Apr 23, 2025

Nissan ปิดการสั่งซื้อ GT-R R35 รถแข่งญี่ปุ่นกำลังสูญเสียในยุคของรถยนต์ไฟฟ้า
สุรเดชMar 5, 2025

การกลับมาของรุ่นคลาสสิค: นิสสัน GTR T-Spec เปิดตัวในมหกรรมยานยนต์ในกรุงเทพฯ
AshleyMar 20, 2024

Nissan Almera มอบส่วนลดพิเศษ 90,000 บาท โดยมีราคาต่ำสุดเพียง 499,000 บาท
LienJun 11, 2025

NISSAN X-Trail e-POWER จะเปิดตัวในประเทศไทยภายในสิ้นปี 2025
วิรุฬห์Jun 6, 2025
ดูเพิ่มเติม
ข้อดี
ข้อเสีย