Q

ราคาของ Nissan GT-R คือเท่าไหร่?

รถ Nissan GT-R แต่ละรุ่นมีราคาแตกต่างกันไปนะครับ โดยรุ่น 2021 Nissan GT-R Premium Luxury ราคาอยู่ที่ 10,700,000 บาท ส่วนรุ่น 2021 Nissan GT-R T-spec จะสูงหน่อยที่ 12,200,000 บาท และถ้าเป็นรุ่นพิเศษอย่าง 2020 Nissan GT-R 3.8 50th Anniversary ราคาพุ่งไปที่ 13,500,000 บาทเลยทีเดียว Nissan GT-R เป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสูงที่โดดเด่นทั้งเรื่องแรงขับและความคล่องตัว ให้ความรู้สึกเร้าใจทุกครั้งที่ได้ขับ ไม่ว่าจะเป็นการเร่งหรือการเข้าโค้งก็ทำได้อย่างแม่นยำ แม้ราคาจะค่อนข้างสูงแต่ก็ยังเป็นที่นิยมในหมู่คนรักรถสปอร์ต จนกลายเป็นรถในฝันของหลายๆ คน ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่หลงใหลในรถสปอร์ตแรงๆ Nissan GT-R นี่ถือเป็นตัวเลือกที่น่าจับตามองจริงๆ ครับ
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
GT-R และ GT-R Pro มีความแตกต่างอย่างไร
Nissan GT-R กับ GT-R Pro มีความแตกต่างกันหลัก ๆ ในด้านการปรับจูนสมรรถนะ การควบคุมการขับขี่ และความเหมาะสมในการใช้งานในสนามแข่ง แม้ทั้งสองรุ่นจะใช้เครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบ ขนาด 3.8 ลิตรเหมือนกัน แต่ GT-R Pro ได้รับการอัปเกรดช่วงล่างด้วยโช้กอัพ Bilstein แบบปรับค่าแรงหน่วงได้ ระบบเบรกเซรามิกคาร์บอน และชุดแอร์โรไดนามิกที่ดุดันยิ่งขึ้น เช่น สปอยเลอร์หน้า-หลัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ระดับสูง ภายในห้องโดยสารยังมีการลดน้ำหนักโดยใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์มากขึ้น พร้อมเบาะนั่งสปอร์ตจาก Recaro เพื่อมอบประสบการณ์ขับขี่ที่มั่นคงในความเร็วสูง อย่างไรก็ตาม ความสะดวกสบายของ GT-R Pro จะน้อยกว่ารุ่นปกติ เนื่องจากเน้นสมรรถนะเป็นหลัก จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการรถสำหรับขับในสนามแข่งหรือขับขี่แบบเร้าใจ ขณะที่ GT-R รุ่นมาตรฐานจะเหมาะกับการขับใช้งานในชีวิตประจำวันและขับทางไกลได้สบายกว่า สำหรับผู้บริโภคในประเทศไทย หากคุณมองหารถสมรรถนะสูงที่ขับได้ทุกวัน GT-R รุ่นมาตรฐานคือทางเลือกที่ดี แต่ถ้าคุณเป็นสายสนามตัวจริง GT-R Pro จะตอบโจทย์ได้มากกว่า
Q
ความแตกต่างระหว่าง GT C และ GT-R คืออะไร
GT C และ GT-R เป็นรถสมรรถนะสูงจากคนละค่าย โดยมีจุดเด่นที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน GT-R จาก Nissan เป็นรถสปอร์ตระดับตำนานของญี่ปุ่น มาพร้อมเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.8 ลิตร ทวินเทอร์โบ ขับเคลื่อนสี่ล้อ เซตช่วงล่างแบบสนามแข่ง เน้นความแม่นยำในการควบคุม เหมาะกับคนที่ชอบขับขี่แบบดุดันและเน้นสมรรถนะล้วนๆ ส่วน GT C ซึ่งมักหมายถึง Mercedes-AMG GT C เป็นรถสปอร์ตจากฝั่งเยอรมันที่ผสานความแรงและความหรูหราเข้าไว้ด้วยกัน ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ มีระบบช่วงล่างปรับได้ ดีไซน์หรู ภายในสบาย เหมาะกับการเดินทางไกลสไตล์ Grand Touring ในตลาดประเทศไทย GT-R ได้รับความนิยมในหมู่คนรักความเร็วและสนามแข่ง ขณะที่ AMG GT C เหมาะกับผู้ที่ต้องการรถสปอร์ตหรูที่ให้ทั้งสมรรถนะและความสะดวกสบาย ดังนั้นหากคุณชอบอารมณ์ดิบแบบรถญี่ปุ่น GT-R คือคำตอบ แต่หากคุณต้องการความหรูหราแบบเยอรมัน GT C ก็อาจเหมาะกว่า
Q
ความแตกต่างระหว่าง GT T และ GT-R คืออะไร
คุณอาจกำลังถามถึงความแตกต่างระหว่าง “GT-R T-spec” กับ “GT-R Premium Luxury” ราคาของ “GT-R T-spec” อยู่ที่ 12,200,000 บาท ส่วน “GT-R Premium Luxury” ราคา 10,700,000 บาท นอกจากราคาที่ต่างกันแล้ว ทั้งสองรุ่นมีสเปกหลักที่ใกล้เคียงกัน โดยใช้เครื่องยนต์ขนาด 3799 ซีซี ระบบส่งกำลัง และขนาดตัวถังเหมือนกัน คือ ความยาว 4710 มม. ความกว้าง 1895 มม. ความสูง 1370 มม. ฐานล้อ 2780 มม. มี 2 ประตู และ 4 ที่นั่ง อย่างไรก็ตาม “GT-R T-spec” อาจมาพร้อมกับอุปกรณ์ วัสดุ หรือการปรับแต่งที่เหนือระดับและเป็นเอกลักษณ์มากกว่า เพื่อสร้างความแตกต่างและเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าได้มากขึ้น
Q
GT-R และ GT-R NISMO มีความแตกต่างกันอย่างไร
GT-R กับ GT-R NISMO มีความแตกต่างในหลายด้าน โดย GT-R NISMO เป็นรุ่นอัพเกรดของ GT-R ซึ่งพัฒนาโดยแผนกสมรรถนะสูงของนิสสัน ทำให้มีพละกำลังสูงกว่า GT-R รุ่นปกติ ด้วยการปรับแต่งเครื่องยนต์และระบบต่าง ๆ เพื่อให้กำลังขับเคลื่อนดียิ่งขึ้น ในด้านชุดแต่งตัวถัง GT-R NISMO ใช้วัสดุน้ำหนักเบา เช่น คาร์บอนไฟเบอร์ ช่วยลดน้ำหนักรถ ส่งผลให้ความเร็วและการควบคุมรถดีขึ้น โดยเฉพาะในการเร่งและเข้าโค้ง ส่วนระบบช่วงล่าง GT-R NISMO ติดตั้งช่วงล่างเวอร์ชันพรีเมียม สามารถรองรับสภาพถนนที่ซับซ้อนและการขับขี่ที่รุนแรงได้ดี ให้การหนุนรับและความมั่นคงสูงขณะขับด้วยความเร็วสูงหรือเข้าโค้งอย่างรวดเร็ว สรุปคือ GT-R NISMO เป็นการอัพเกรดแบบครบวงจรจาก GT-R เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการสมรรถนะและประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือชั้นกว่า
Q
Tesla มันเร็วกว่า GT-R หรือไม่
ไม่สามารถสรุปได้ง่าย ๆ ว่าเทสล่าจะเร็วกว่าหรือช้ากว่า GT-R เพราะประสิทธิภาพการเร่งความเร็วและความเร็วสูงสุดขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่นของรถ GT-R เป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสูงของนิสสัน ที่มักติดตั้งเครื่องยนต์ V6 3.8 ลิตร เทอร์โบคู่ มีสมรรถนะแรงม้าโดดเด่น เช่น บางรุ่นทำเวลาเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ประมาณ 2.7 วินาที และความเร็วสูงสุดถึง 315 กม./ชม. ขณะที่เทสล่ามีหลายรุ่น เช่น Model S P100D ที่ทำเวลาเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ราว 2.5 วินาที ซึ่งในด้านการเร่งความเร็ว อาจเร็วกว่าบางรุ่นของ GT-R แต่การเปรียบเทียบความเร็วยังขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพแวดล้อมการขับขี่ น้ำหนักบรรทุก และทักษะผู้ขับขี่ ดังนั้นในสถานการณ์และเงื่อนไขที่แตกต่างกัน สมรรถนะความเร็วของทั้งสองรถอาจแตกต่างกัน จึงไม่สามารถตัดสินได้ว่าเทสล่าจะเร็วกว่า GT-R เสมอไป
Q
GT-R วิ่งเร็วกว่า Supra หรือไม่
โดยทั่วไปแล้ว Nissan GT-R มักจะเร็วกว่ารถ Toyota Supra ในด้านสมรรถนะเครื่องยนต์ GT-R ติดตั้งเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.8 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุดถึง 555 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 632 นิวตันเมตร ขณะที่ Supra ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบเรียง ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 340 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ซึ่ง GT-R มีทั้งแรงม้าและแรงบิดที่สูงกว่า ในเรื่องของอัตราเร่ง GT-R ทำความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ภายในประมาณ 2.7 วินาที ขณะที่ Supra ใช้เวลาประมาณ 4.1 วินาที ความเร็วสูงสุดของ GT-R อยู่ที่ราว 315 กม./ชม. ส่วน Supra อยู่ที่ประมาณ 250 กม./ชม. อย่างไรก็ตาม ในการขับขี่จริง ความเร็วยังขึ้นอยู่กับสภาพถนน เทคนิคการขับขี่ และปัจจัยอื่น ๆ นอกจากนี้ ทั้งสองรุ่นยังมีจุดเด่นในด้านการควบคุมและความปลอดภัยที่แตกต่างกัน จึงไม่สามารถตัดสินได้เพียงแค่ความเร็วว่าใครดีกว่ากันครับ
Q
GT-R มีเทอร์โบคู่หรือไม่
ใช่ครับ Nissan GT-R ติดตั้งระบบเทอร์โบคู่ เครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.8 ลิตร รุ่น VR38DETT ซึ่งพัฒนามาจากเครื่องยนต์ VQ ของนิสสันที่ได้รับคำชื่นชมอย่างกว้างขวาง ระบบเทอร์โบคู่ช่วยให้เครื่องยนต์สามารถรีดกำลังสูงสุดได้ที่ 6400 รอบต่อนาที และให้แรงบิดสูงในช่วงรอบเครื่องยนต์ 3200 ถึง 6000 รอบต่อนาที เทคโนโลยีเทอร์โบคู่ช่วยเพิ่มสมรรถนะทั้งกำลังและแรงบิดของเครื่องยนต์ ส่งผลให้ GT-R มีสมรรถนะการเร่งความเร็วที่โดดเด่นและแรงขับเคลื่อนที่ทรงพลัง ไม่ว่าจะขับขี่ในชีวิตประจำวันหรือในสนามแข่ง ก็สามารถแสดงศักยภาพของรถสปอร์ตระดับสูงได้อย่างเต็มที่ มอบประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่างและเร้าใจแก่ผู้ขับขี่ครับ
Q
GT-R ดีต่อการใช้แก๊สหรือไม่
Nissan GT-R รถสปอร์ตสมรรถนะสูงรุ่นนี้แนะนำให้ใช้น้ำมันเบนซิน 95 หรือสูงกว่าเพื่อรับประกันสมรรถนะและความน่าเชื่อถือของเครื่องยนต์ แม้ว่าจะสามารถใช้น้ำมันเบนซิน 91 ได้ในระยะสั้น แต่เมื่อใช้งานในประเทศไทยระยะยาวควรเลือกใช้น้ำมันเบนซินที่มีเลขออกเทนสูงเพื่อป้องกันการน็อกของเครื่องยนต์และรักษาระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ ปั๊มน้ำมันในประเทศไทยโดยทั่วไปมีน้ำมันเบนซิน 95 เช่น PTT 95 หรือ Bangchak E20 Gasohol รวมทั้งน้ำมันแก๊สโซฮอล์และดีเซล แต่เครื่องยนต์เทอร์โบที่มีอัตราส่วนการอัดสูงของ GT-R ไม่เหมาะกับน้ำมัน E20 หรือดีเซล ดังนั้นควรเลือกใช้น้ำมันเบนซิน 95 หรือ 98 ที่บริสุทธิ์เพื่อลดผลกระทบจากเอทานอลต่อระบบเชื้อเพลิง หากต้องการเพิ่มสมรรถนะ บางอู่แต่งรถในไทยยังแนะนำให้น้ำมันเชื้อเพลิงสูตรแข่งหรือสารเติมแต่งเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการเผาไหม้ แต่ควรปฏิบัติตามคำแนะนำในคู่มือรถเพื่อให้รถมีประสิทธิภาพและเสถียรภาพในระยะยาว
Q
GT-R จะใช้งานได้นานเท่าไหร่
Nissan GT-R ไม่มีระยะเวลาการใช้งานที่แน่นอน เพราะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รุ่นปัจจุบันคือรุ่น R35 ซึ่งเปิดตัวในปี 2007 และมีอายุการใช้งานประมาณ 17 ปีจนถึงปัจจุบัน โดย Nissan ยืนยันว่าการผลิตรุ่น R35 จะสิ้นสุดในเดือนตุลาคม 2024 หากใช้งานตามปกติและดูแลรักษาอย่างดี รถ GT-R สามารถใช้งานได้ประมาณ 10 ถึง 15 ปี เช่น การบำรุงรักษาตามระยะเวลาที่กำหนด เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรองอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงซ่อมแซมปัญหาเล็กน้อยที่เกิดขึ้นทันเวลา จะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าใช้งานในสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย มีนิสัยการขับขี่ที่ไม่ดี และขาดการดูแลรักษาที่เหมาะสม อายุการใช้งานอาจลดลงอย่างมาก อาจเริ่มมีปัญหาและส่งผลต่อการใช้งานภายใน 5 ถึง 8 ปีเท่านั้น
Q
Nissan GT-R เป็นรถซูเปอร์คาร์หรือไม่
ใช่ครับ Nissan GT-R คือรถซูเปอร์คาร์รุ่นหนึ่งที่ผลิตโดย Nissan GT-R เป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสูงที่มีความน่าเชื่อถือและมีกำลังแรงม้าสูง ซึ่งเดิมเป็นรุ่นท็อปของซีรีส์ Skyline RV ของ Nissan และปัจจุบันได้กลายเป็นรุ่นรถยนต์แยกต่างหาก GT-R ติดตั้งเครื่องยนต์ขนาด 3.8 ลิตรที่ให้กำลังแรงและแรงบิดสูง ช่วยให้เร่งความเร็วได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีสมรรถนะการควบคุมที่ยอดเยี่ยม ด้วยจุดศูนย์ถ่วงต่ำและระบบช่วงล่างที่ปรับแต่งอย่างดีเยี่ยม ทำให้มีความมั่นคงขณะเข้าโค้ง การออกแบบอากาศพลศาสตร์ช่วยให้รูปลักษณ์ดุดันและเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ด้วยความเร็วสูง GT-R ได้ฝากผลงานที่โดดเด่นในวงการแข่งรถและได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มผู้ชื่นชอบรถยนต์ ยืนยันตำแหน่งซูเปอร์คาร์ของมันอย่างมั่นคง

ข้อดี

หน้าตาหล่อและมีอิทธิพล มีกระจกไซส์ใหญ่ ไฟหน้าและไฟหมอกแบบกีฬาฯ ล้อกีฬาขนาด 20 นิ้วสีดำ ท่อไอเสียสังกะสีที่สามารถปรับเสียงได้ 4 ท่อ และแถบ V-motion
อินเทอริอร์ที่หรูหราและสบาย อุปกรณ์ชั่นใหม่ แผงระบบบังคับด้วยมือสัมผัสที่ห่อด้วยหนัง แผงควบคุมใหม่ แผงควบคุมแคร์บอนไมโครติค ที่นั่งหนังที่ปรับไฟฟ้า ปุ่มกำลังไหมพรมใหม่และการเปลี่ยนเกียร์
เครื่องยนต์ที่แรงกว่า 3.8 ลิตร V6 เทคโนโลยีดับเบิลชาร์จท์ เทอร์โบ 24 วาล์ว กำลังสูงสุด 555 ม้า สูงสุดขอภาพยนต์ 632 นิวตันเมตร ระบบเกียร์ 6 ระดับ ดับเบิลคลัทช์ อัตราการเร่งที่รวดเร็ว ความเร็วในช่วงกลางและปลายที่คล่องแคล่ว สามารถเร็วถึง 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง ด้วยความทนทานของรถ
ชุดล่างที่แข็งแรง ไฟรอง หน้าเป็นแผ่นสองชั้น และมัลติลิงค์ท้าย ร่วมกับล้อขนาด 20 นิ้วและยางรถยนต์ที่ค่อนข้างใหม่ มีพลังจับแน่น

ข้อเสีย

ราคาสูง นำเข้ารถทั้งคัน ภาษีสูง ราคารถเองก็สูง
ค่าซ่อมบำรุงสูง ค่าตรวจซ่อมศูนย์ใช้หน่วยพันเป็นหลัก มากกว่ารถธรรมดา
มาตรฐานพลังงานของประเทศไทยต่ำกว่าประเทศอื่นๆ เนื่องจากต้องปรับตัวเข้ากับน้ำมันแก๊ส 95 ของประเทศไทย กำลังได้รับการขับเคลื่อนในประเทศไทยเป็น 555 แรงม้า ส่วนต่างประเทศเป็น 570 แรงม้า
เมื่อเปรียบเทียบกับแบรนด์รถซูเปอร์คาร์อื่นๆ การออกแบบมีความแตกต่าง โดยเฉพาะที่เส้นหน้าและรายละเอียดของตัวรถ

Q&A ล่าสุด

Q
ความยาวของ BYD Atto 3 คือเท่าไร?
BYD Atto 3 มีความยาวตัวถังอยู่ที่ 4,455 มิลลิเมตร จัดอยู่ในกลุ่มรถยนต์ C-Segment ซึ่งถือว่าเป็นขนาดที่เหมาะสม ช่วยให้มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง ด้วยระยะฐานล้อที่ 2,720 มิลลิเมตร ทำให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหลังสามารถนั่งได้อย่างสะดวกสบาย มีพื้นที่วางขาและพื้นที่เหนือศีรษะเพียงพอ ไม่อึดอัด นอกจากนี้ ความยาวตัวถัง 4,455 มม. ยังช่วยให้ ขับขี่และจอดรถได้ง่าย ไม่ยาวจนเกินไปจนลำบากเวลาวิ่งบนถนนแคบ ๆ หรือหาที่จอด แต่ก็ยังคงให้ความกว้างขวางภายในที่ใช้งานได้จริง จึงเป็นรถที่ลงตัวทั้งในเรื่องขนาดและความสะดวกสบายในการใช้งานประจำวัน
Q
ความจุแบตเตอรี่ของ BYD Atto 3 คือเท่าไร?
BYD Atto 3 มีหลากหลายรุ่นย่อยที่มีความจุแบตเตอรี่แตกต่างกัน โดยในรุ่น Standard Range Dynamic 2024 และ Standard Range Premium 2024 มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 50.25kWh ซึ่งสามารถวิ่งได้ไกลถึง 410 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (ตามตัวเลขจากผู้ผลิต) ส่วนรุ่น Extended Range Premium 2024 จะมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้นคือ 60.48kWh และสามารถวิ่งได้ไกลถึง 480 กิโลเมตร รถทั้งสามรุ่นใช้แบตเตอรี่แบบ ลิเธียมไอออนฟอสเฟต (LFP) ซึ่งมีข้อดีคือ อายุการใช้งานยาวนานและมีความปลอดภัยสูง ความจุแบตเตอรี่ที่มากขึ้น ไม่เพียงแต่ทำให้รถวิ่งได้ไกลขึ้น แต่ยังตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่มีความต้องการเดินทางที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในชีวิตประจำวันหรือการเดินทางระยะกลางถึงสั้น ช่วยเพิ่มความสะดวกและประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
Q
ราคาในการบริการของ BYD Atto 3 คือเท่าไหร่? ลองดูข้อมูลตรงนี้ก่อน
BYD Atto 3 นี่ค่าบำรุงรักษาค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับคันอื่นๆ นะครับ โดยพื้นฐานแล้วจะต้องทำการบำรุงรักษาทุก 10,000 กิโลเมตรหรือทุก 12 เดือน (แล้วแต่อย่างไหนถึงก่อน) ค่าบำรุงพื้นฐานจะอยู่ที่ประมาณ 2,000-2,500 บาท ซึ่งรวมบริการตรวจเช็คลมยาง ระบบเบรก และเปลี่ยนฟิลเตอร์แอร์เป็นต้น พอเป็นรถไฟฟ้าเลยช่วยให้ประหยัดค่าบำรุงได้ถึง 40% เมื่อเทียบกับรถน้ำมันระดับเดียวกัน เพราะว่า Atto 3 ไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องหรือหัวเทียนเหมือนรถทั่วไป ทาง BYD ประเทศไทยให้ระยะประกันตัวรถใหม่ 4 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างไหนถึงก่อน) ส่วนแบตเตอรี่ให้ประกันยาวถึง 8 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตรเลยทีเดียว ในเมืองใหญ่ๆอย่างกรุงเทพ เชียงใหม่ ก็มีศูนย์บริการที่เป็นออโธไรซ์ของ BYD พร้อมทั้งอุปกรณ์ตรวจเช็คเฉพาะรถไฟฟ้าและทีมช่างที่ผ่านการฝึกอบรมมาโดยเฉพาะ ทำให้มั่นใจได้ว่าบริการบำรุงรักษาจะได้คุณภาพ ช่วงหน้าฝนนี่แนะนำให้ตรวจเช็คช่วงล่างและส่วนประกอบของแบตเตอรี่เพิ่มเติมนะครับ ค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะอยู่ที่ประมาณ 500-800 บาท จากข้อมูลของตัวแทนจำหน่าย BYD ในประเทศไทย พบว่าค่าใช้จ่ายบำรุงรักษาเฉลี่ย 3 ปีของ Atto 3 จะอยู่ที่ประมาณ 7,500-9,000 บาท ซึ่งถูกกว่ารถน้ำมันระดับเดียวกันที่ประมาณ 15,000 บาทพอสมควร นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ลูกค้าเลือก Atto 3 นั่นเองครับ
Q
ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาของ BYD Atto 3 เป็นเท่าไร? มาดูข้อมูลที่นี่เพื่อความเข้าใจมากขึ้น
ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาของ BYD Atto 3 อย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ซื้อรถรุ่นนี้จะได้รับสิทธิ์ บำรุงรักษาฟรีเป็นเวลา 5 ปี ซึ่งช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษารถได้ในระดับหนึ่ง ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถยนต์มักขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น รอบระยะการเข้าศูนย์ ราคาชิ้นส่วนอะไหล่ ประเภทของบริการที่เข้ารับ โดยทั่วไปแล้ว รถยนต์ไฟฟ้าจะมีรายการบำรุงรักษาน้อยกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน เช่น ไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องหรือไส้กรองน้ำมันเครื่อง ซึ่งทำให้ต้นทุนการดูแลรักษาโดยรวมต่ำกว่า แต่สำหรับค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาหลังหมดช่วงฟรี 5 ปีนั้น แนะนำให้ติดต่อสอบถามกับตัวแทนจำหน่าย BYD อย่างเป็นทางการในพื้นที่ของคุณ เพื่อขอข้อมูลที่แม่นยำและเหมาะสมกับการใช้งานของรถแต่ละคันค่ะ
Q
ขนาดล้อ (Rim Size) ของ BYD Atto 3 คือเท่าไหร่?
รุ่นต่าง ๆ ของ BYD Atto 3 มีขนาดยางที่แตกต่างกัน:ในรุ่น Standard Range Dynamic 2024 และ Standard Range Premium 2024 ใช้ยางหน้าและหลังขนาด 215/55 R18 หมายถึง: หน้ายางกว้าง 215 มม., แก้มยางสูง 55% ของความกว้าง และล้อมีขนาด 18 นิ้ว ในรุ่น Extended Range Premium 2024 ใช้ยางหน้าและหลังขนาด 235/50 R18 หมายถึง: หน้ายางกว้างขึ้นเป็น 235 มม., แก้มยางเตี้ยลงเหลือ 50%, ขนาดล้อเท่าเดิมคือ 18 นิ้ว การเข้าใจขนาดยางเป็นสิ่งสำคัญ เพราะขนาดยางมีผลต่อ การควบคุมรถ วามนุ่มนวลในการขับขี ประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน ดังนั้นเมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนยาง เจ้าของรถควรเลือกใช้ขนาดที่เหมาะสมกับรุ่นของรถ เพื่อให้ได้สมรรถนะที่ดีที่สุดค่ะ
ดูเพิ่มเติม