คนขับกว่า 90% ไม่ปลื้มหน้าจอสัมผัส EuroNCAP ชี้ชัด ต้องนำปุ่มกดแบบกายภาพกลับมา

【PCauto】หน้าจอกลางและระบบสัมผัสดูเหมือนจะกลายเป็นสัญลักษณ์ของเทคโนโลยีและความหรูหราในรถยนต์ยุคใหม่ อย่างไรก็ตาม ปัญหาด้านความปลอดภัยในการขับขี่ที่เกิดจากการใช้งานก็เริ่มชัดเจนขึ้น

เมื่อเร็วๆ นี้  EuroNCAP หรือหน่วยงานประเมินความปลอดภัยรถยนต์แห่งยุโรป ได้ประกาศกฎใหม่ ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2026 เป็นต้นไป หากผู้ผลิตต้องการให้รถของตนได้คะแนนความปลอดภัยระดับ 5 ดาว จะต้องติดตั้งปุ่มกดหรือปุ่มหมุนแบบดั้งเดิมที่ใช้งานง่ายและมีสัมผัสตอบสนอง สำหรับฟังก์ชันพื้นฐานสำคัญ 5 อย่าง เช่น ไฟเลี้ยว ไฟฉุกเฉิน เป็นต้น ห้ามพึ่งพาเฉพาะการควบคุมผ่านหน้าจอหรือระบบดิจิทัลเพียงอย่างเดียว

Matthew Avery ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนากลยุทธ์ของ EuroNCAP กล่าวอย่างชัดเจนว่า "ผู้ผลิตรถยนต์ทุกค่ายต้องให้ความสำคัญ และนำปุ่มควบคุมแบบกายภาพกลับมาใช้งานอีกครั้ง"

ปัจจุบัน ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายเลือกออกแบบภายในให้ดูทันสมัยและเรียบง่าย ด้วยการรวมฟังก์ชันควบคุมสำคัญต่าง ๆ ไว้ในหน้าจอสัมผัสกลาง ไม่ว่าจะเป็นการปรับอุณหภูมิแอร์ การเปลี่ยนช่องวิทยุ หรือการเปิดใช้งานเบาะทำความร้อน ล้วนต้องอาศัยการละสายตาจากถนนและก้มมองหน้าจอขณะขับขี่

ผลการทดลองจากสถาบันแห่งหนึ่งในสวีเดนเผยให้เห็นข้อมูลที่น่าตกใจ โดยระบุว่ารถที่ควบคุมผ่านหน้าจอสัมผัสใช้เวลาทำรายการต่าง ๆ เช่น “ปรับแอร์ + เปลี่ยนช่องวิทยุ + เปิดเบาะทำความร้อน” นานกว่ารถรุ่นเก่าที่ใช้ปุ่มกดแบบกายภาพอย่างชัดเจน การละสายตาจากถนนเช่นนี้ เพิ่มความเสี่ยงในการขับขี่เป็นอย่างมาก เปรียบได้กับดาบของดาโมคลีสที่แขวนอยู่เหนือศีรษะของผู้ขับ พร้อมจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้ทุกเมื่อ

การบังคับใช้กฎใหม่ดังกล่าวจะส่งผลต่อแนวทางการออกแบบผลิตภัณฑ์ของผู้ผลิตรถยนต์อย่างลึกซึ้ง โดยบางค่ายได้เริ่มปรับตัวล่วงหน้าแล้ว ล่าสุด Andreas Mindt หัวหน้าฝ่ายออกแบบของ Volkswagen ได้ประกาศว่า ตั้งแต่รุ่นใหม่อย่าง ID.2 เป็นต้นไป รถยนต์ของ Volkswagen ทุกรุ่นจะติดตั้งปุ่มกดแบบกายภาพอย่างน้อย 4 ปุ่มไว้ใต้หน้าจอสัมผัสกลาง และพวงมาลัยจะกลับมาใช้ปุ่มควบคุมแบบกายภาพทั้งหมด

สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์โดยรวม กฎใหม่ของ EuroNCAP อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เพราะในอดีต การออกแบบรถยนต์มักอยู่ท่ามกลางทางเลือกที่ยากลำบากระหว่าง "ความล้ำสมัย" กับ "ความปลอดภัย" หากเน้นความฉลาดล้ำมากเกินไป อาจส่งผลเสียต่อความปลอดภัยในการขับขี่ ขณะเดียวกัน หากให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นหลัก ก็อาจถูกมองว่าไม่ทันสมัยหรือขาดความล้ำหน้าในด้านเทคโนโลยี

ขณะนี้ การประกาศใช้กฎใหม่ได้ช่วยกำหนดทิศทางที่ชัดเจนให้กับวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยคอนเซ็ปต์ของห้องโดยสารอัจฉริยะในอนาคต ไม่ควรเป็นการออกแบบที่เน้นหน้าจอสัมผัสเพียงอย่างเดียว แต่ควรเป็นรูปแบบผสมผสานระหว่าง "ปุ่มกดแบบกายภาพ + หน้าจอสัมผัส" อย่างลงตัว

การมอบหมายฟังก์ชันที่ใช้งานบ่อยให้กับปุ่มกด จะช่วยให้ผู้ขับสามารถควบคุมได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องละสายตาจากถนน ขณะที่การตั้งค่าหรือฟังก์ชันที่ใช้งานไม่บ่อย สามารถเก็บไว้บนหน้าจอสัมผัสเพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านความทันสมัยและการปรับแต่งตามใจผู้ใช้ได้ แนวทางนี้นับเป็นการผสมผสานที่สมดุล ซึ่งทั้งสะท้อนความล้ำสมัยและยังคงให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในการขับขี่ได้อย่างลงตัว

นอกจากนี้ กฎใหม่ฉบับนี้ยังได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวางจากผู้บริโภค จากผลการสำรวจพบว่า ผู้ขับขี่กว่า 90% แสดงความไม่พอใจกับหน้าจอสัมผัสภายในรถ พวกเขามองว่าการนำฟังก์ชันควบคุมหลักไปซ่อนอยู่ในเมนูย่อยบนหน้าจอ ทำให้การใช้งานซับซ้อนขึ้นอย่างมาก และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียสมาธิขณะขับรถซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ง่าย

กฎใหม่ของ EuroNCAP จึงถือเป็นการตอบสนองต่อเสียงเรียกร้องของผู้บริโภคอย่างแท้จริง โดยนำความปลอดภัยกลับมาเป็นปัจจัยสำคัญอันดับแรกในการออกแบบรถยนต์อีกครั้ง