BYDเปิดตัว K-Car สำหรับตลาดญี่ปุ่น มุ่งมั่นจะทำลายแบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่น

LienMay 20, 2025, 06:26 PM

【PCauto】มีภาพหลุดของรถ K-Car จาก BYD บนโลกออนไลน์ยืนยันว่าโครงการนี้มีอยู่จริงแม้เป็นรถที่มีกำไรไม่สูงแต่เหตุใด BYD จึงตัดสินใจก้าวเข้าสู่ตลาดนี้

คำตอบอาจเริ่มจากการสำรวจตลาดญี่ปุ่นของ BYD สำหรับหลายประเทศ BYD มักเริ่มด้วยการเปิดตัว ATTO 3 ในตลาดท้องถิ่นก่อนแล้วจึงค่อยปรับกลยุทธ์ในภายหลัง

เมื่อ ATTO 3 เข้าสู่ตลาดญี่ปุ่นกลับไม่ประสบความสำเร็จนักเนื่องจากผู้บริโภคญี่ปุ่นยังคงนิยมรถน้ำมันแม้ในปี 2024 BYD มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้า BEV ในญี่ปุ่นที่ 2223 คันเพิ่มขึ้น 54 เปอร์เซ็นต์แซงหน้า Toyota ที่มียอดขาย 2038 คันแต่ในภาพรวมตลาดรถยนต์ญี่ปุ่นรถ BEV มีส่วนแบ่งเพียง 1.4 เปอร์เซ็นต์และ PHEV มีส่วนแบ่งเพียง 1.7 เปอร์เซ็นต์ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นยังไม่พร้อมยอมรับรถยนต์ไฟฟ้าทำให้ BYD เติบโตในตลาดนี้ได้ยาก

นอกจากนี้ผู้บริโภคญี่ปุ่นยังนิยมแบรนด์รถยนต์ภายในประเทศเช่น Toyota Honda และ Nissan ยิ่งเพิ่มความท้าทายให้กับ BYD

สำหรับตลาดญี่ปุ่นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดขายสูงสุดคือ Nissan Sakura ซึ่งเป็นรถ K-Car เช่นกันระหว่างเดือนเมษายน 2023 ถึงมีนาคม 2024 Nissan Sakura มียอดขาย 34083 คันครองอันดับหนึ่งของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในญี่ปุ่นสองปีซ้อนคิดเป็นประมาณ 41 เปอร์เซ็นต์ของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดในปีนั้นแม้ในปี 2024 ยอดขายรวมของรถ BEV ในญี่ปุ่นจะลดลง 33 เปอร์เซ็นต์และยอดขายของ Nissan Sakura ลดลง 38 เปอร์เซ็นต์แต่ยอดรวมตลอดปีก็ยังอยู่ที่ 30749 คัน

K-Car เป็นประเภทรถยนต์เฉพาะภายใต้นโยบายของญี่ปุ่นซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 35 เปอร์เซ็นต์มียอดขายต่อปีมากกว่าล้านคันทำให้ BYD มองเห็นโอกาส

K-Car รุ่นใหม่นี้ของ BYD พัฒนาบนแพลตฟอร์มใหม่ตามมาตรฐานรถขนาดเล็กของญี่ปุ่นผลิตในจีนและส่งออกไปจำหน่ายในญี่ปุ่นโดยมีเป้าหมายตรงไปที่รถ K-Car ท้องถิ่นอย่าง Nissan Sakura

ในด้านสมรรถนะรถรุ่นนี้ของ BYD มีความสามารถในการแข่งขันสูงติดตั้งแบตเตอรี่ขนาด 20kWh ให้ระยะทาง 180 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTC รองรับการชาร์จเร็ว DC สูงสุด 100kW ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการชาร์จจาก 30 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์

ตัวรถออกแบบเป็นแบบ 5 ประตู 4 ที่นั่งประตูเลื่อนด้านหลังช่วยให้ขึ้นลงสะดวกในพื้นที่แคบขนาดรถเป็นไปตามข้อกำหนด K-Car ของญี่ปุ่นทำให้สามารถวิ่งในเมืองได้อย่างคล่องตัว

ด้านความปลอดภัยมีถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่งระบบควบคุมเสถียรภาพและเบรกอัตโนมัติครบครันด้านความสะดวกสบายมีพวงมาลัยและเบาะนั่งพร้อมระบบทำความร้อนกระจกมองข้างพับไฟฟ้าช่วยยกระดับประสบการณ์การขับขี่ในด้านเทคโนโลยีติดตั้งระบบช่วยขับขี่ระดับ L2 รองรับระบบควบคุมเลนและจอดอัตโนมัติระบบปรับอากาศแบบปั๊มความร้อนสามารถลดการใช้พลังงานได้ 30 เปอร์เซ็นต์ในสภาพอากาศ -10 องศาเหมาะกับภูมิประเทศภูเขาและฤดูหนาวของญี่ปุ่น

ระบบขับเคลื่อนพัฒนาบนสถาปัตยกรรม e แพลตฟอร์ม 3.0 mini ผสานมอเตอร์ไฟฟ้าแบบรวม 8 in 1 มีกำลังสูงสุด 70kW เหนือกว่า Nissan Sakura ที่ใช้มอเตอร์ 47kW เพิ่มขึ้นถึง 48.9 เปอร์เซ็นต์

BYD ไม่ได้พัฒนา K-Car เพื่อเจาะตลาดญี่ปุ่นเท่านั้นยังมีแผนเปิดศูนย์จำหน่ายและบริการมากกว่า 100 แห่งทั่วญี่ปุ่นภายในสิ้นปี 2025 พร้อมจับมือเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับ JMC บริษัทให้เช่ารถรายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นเพื่อขยายช่องทางการขายและยกระดับอิทธิพลของแบรนด์

การที่ค่ายรถต่างชาติเข้าสู่ตลาดญี่ปุ่นไม่ใช่เรื่องง่ายเนื่องจากแบรนด์ญี่ปุ่นครองส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 99.68 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับการใช้เงินลงทุนจำนวนมากเพื่อสร้างตลาด BYD เลือกเปิดตัว K-Car โดยตรงอาจเป็นทางเลือกที่เรียบง่ายและมีประสิทธิภาพมากกว่า

นอกจากนี้ K-Car ยังมีศักยภาพในตลาดต่างประเทศเช่นอินโดนีเซียมาเลเซียและไทยด้วยขนาดเล็กคล่องตัวเหมาะกับสภาพการจราจรในเมืองใหญ่และต้นทุนการใช้งานต่ำสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคในภูมิภาคนี้จึงไม่อาจตัดความเป็นไปได้ที่ BYD K-Car จะเข้ามาทำตลาดในประเทศของเรา

# ข่าวสารยานยนต์

คุณสามารถติดต่อเราให้ลบออกเนื้อหาถ้าละเมิดลิขสิทธิ์

ติดตามเรา

You Tube Facebook Google News

ข้อมูลยอดนิยม

มีข่าวลือว่า Sensteed Hi-Tech จะเข้าควบคุม NETA โดยจะเสร็จสิ้นการถ่ายโอนในเดือนตุลาคมและเริ่มการผลิตอีกครั้ง

มีข่าวลือว่า Sensteed Hi-Tech จะเข้าควบคุม NETA โดยจะเสร็จสิ้นการถ่ายโอนในเดือนตุลาคมและเริ่มการผลิตอีกครั้ง

มีรายงานว่า Sensteed Hi-Tech วางแผนที่จะเข้าควบคุมบริษัทแม่ของ NETA คือ HOZON อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ตุลาคม 2025 โดยจะเสร็จสิ้นการโอนย้ายสินทรัพย์และทีมผู้บริหารทั้งหมด หลังจากนั้น NETA จะเริ่มการผลิตอีกครั้ง

วิรุฬห์Sep 18, 2025
Omoda & Jaecoo ล็อต 2 เข้าไทยเพิ่ม 14 กันยายนนี้! เตรียมส่งมอบกว่า 1,000 คัน

Omoda & Jaecoo ล็อต 2 เข้าไทยเพิ่ม 14 กันยายนนี้! เตรียมส่งมอบกว่า 1,000 คัน

หลังสร้างกระแสแรงจากการเปิดตัวในช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา ล่าสุด Omoda & Jaecoo เตรียมเดินหน้าส่งมอบรถล็อต 2 โดยมีกำหนดเดินทางจากจีนมาถึงประเทศไทยในวันที่ 14 กันยายน 2568 ก่อนจะทำการตรวจสอบคุณภาพและทยอยส่งมอบกว่า 1,000 คัน

ธนวัฒน์Sep 12, 2025
รุ่นที่สองของ JAECOO 5 EV จะเริ่มส่งมอบในเดือนกันยายน โดยนับตั้งแต่วางจำหน่ายจนถึงปัจจุบันได้ส่งมอบแล้วทั้งหมด 3,000 คัน

รุ่นที่สองของ JAECOO 5 EV จะเริ่มส่งมอบในเดือนกันยายน โดยนับตั้งแต่วางจำหน่ายจนถึงปัจจุบันได้ส่งมอบแล้วทั้งหมด 3,000 คัน

JAECOO 5 EV ล็อตที่สองจำนวน 1,000 คัน ถูกส่งจากประเทศจีนมาถึงประเทศไทยแล้ว นับเป็นการส่งมอบครั้งใหญ่ครั้งที่สองของแบรนด์นี้ในตลาดไทย หลังจากการส่งมอบล็อตแรกจำนวน 300 คันเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ด้วยการมาถึงของล็อตที่สอง การส่งมอบ JAECOO 5 EV ในประเทศไทยจะเริ่มเข้าสู่ช่วงเร่งความเร็ว

LienSep 18, 2025
Suzuki Fronx เปรียบเทียบกับToyota Yaris Cross รุ่นไหนคุ้มค่ากว่าที่จะซื้อ?

Suzuki Fronx เปรียบเทียบกับToyota Yaris Cross รุ่นไหนคุ้มค่ากว่าที่จะซื้อ?

รถ SUV ขนาดเล็กกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากความคล่องตัวและความประหยัดน้ำมัน ดังนั้น Suzuki Fronx จึงเข้าร่วมแข่งขันในตลาดเฉพาะกลุ่มนี้ ซึ่งดึงดูดความสนใจจากผู้คนจำนวนมาก

LienOct 5, 2025
ในประเทศไทย เลือกรถยนต์ซันรูฟ: ซันรูฟพาโนรามาหรือซันรูฟเดี่ยว? อ่านจบไม่พลาด

ในประเทศไทย เลือกรถยนต์ซันรูฟ: ซันรูฟพาโนรามาหรือซันรูฟเดี่ยว? อ่านจบไม่พลาด

ในประเทศไทย ซันรูฟของรถยนต์ไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มบรรยากาศที่ดีเท่านั้น แต่ยังต้องปรับให้เข้ากับสภาพอากาศเขตร้อน สภาพการจราจรที่คับคั่ง และการใช้งานในชีวิตประจำวันอีกด้วย — เพราะอุณหภูมิสูง 28-35℃ ตลอดทั้งปี ฝนตกบ่อยในช่วงฤดูฝน และการเดินทางในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น อย่างกรุงเทพฯ มีผลต่อการใช้งานของซันรูฟโดยตรง

Kevin WongSep 12, 2025
ดูเพิ่มเติม
  • รถยอดนิยม

  • เปรียบเทียบรถยนต์

  • รูปภาพรถ

  • ภาพภายใน

  • รุ่นปีรถยนต์

  • รุ่นรถยนต์