Model S และ Model X ได้รับการอัปเดตในที่สุด มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่และระยะทางการขับขี่ที่ยาวนานขึ้น

พงศธรJun 17, 2025, 02:27 PM


【PCauto】นับตั้งแต่ Tesla เปิดตัว Model S และ Model X ก็ผ่านมาเป็นเวลาหลายสิบปี ล่าสุดรถยนต์ไฟฟ้าระดับเรือธงทั้งสองรุ่นได้รับการปรับโฉมใหม่อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ไม่ใช่การปฏิวัติครั้งใหญ่ แต่เป็นการปรับแต่งในรายละเอียด โดยมุ่งเน้นไปที่การยกระดับประสบการณ์การใช้งานในชีวิตประจำวันและเพิ่มระยะทางขับขี่

ตามข้อมูลจากทางการของ Tesla รุ่นปี 2026 ของ Model S และ Model X ได้รับการปรับปรุงในหลายด้าน ทั้งการออกแบบใหม่ ภายในห้องโดยสาร การอัปเกรดเทคโนโลยี และการปรับสมรรถนะรวมถึงระยะทางขับขี่ให้ดีขึ้น การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มีพื้นฐานมาจากเสียงตอบรับของผู้ใช้และการพัฒนาทางวิศวกรรม อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อถกเถียงตามมา เช่น ราคาที่เพิ่มขึ้น และการขาดฟีเจอร์เทคโนโลยีใหม่ที่โดดเด่นอย่างที่หลายคนคาดหวัง

Model S และ Model X รุ่นปี 2026 มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยในด้านรูปลักษณ์

รุ่น Model S Plaid มาพร้อมดีไซน์กันชนหน้าและดิฟฟิวเซอร์หลังแบบใหม่ที่เน้นความดุดันมากยิ่งขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่ที่ความเร็วสูงและปรับปรุงประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ นอกจากนี้ล้อก็ได้รับการอัปเดตใหม่ โดย Model S มีตัวเลือกขนาด 19 นิ้วและ 21 นิ้ว ส่วน Model X มาพร้อมล้อขนาด 20 นิ้วและ 22 นิ้ว ซึ่งล้อดีไซน์ใหม่นี้ช่วยลดแรงต้านลมและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานโดยรวมของรถได้อย่างมีประสิทธิผล

นอกจากนี้ Tesla ยังได้เพิ่มตัวเลือกสีตัวถังใหม่อีกสองสี ได้แก่ Frost Blue และ Diamond Black แม้การเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่ได้ส่งผลต่อรูปทรงโดยรวมของตัวรถมากนัก แต่ก็สะท้อนถึงความใส่ใจในรายละเอียดของ Tesla และยังคงแนวทางความงามแบบมินิมอลตามเอกลักษณ์ของแบรนด์ไว้อย่างชัดเจน

การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในส่วนตกแต่งภายในในการอัปเดตครั้งนี้

รุ่นปี 2026 ได้มีการติดตั้งระบบไฟสร้างบรรยากาศแบบหลายสี ซึ่งรองรับเอฟเฟกต์แอนิเมชันแบบไดนามิก โดยไฟจะกระจายอยู่บริเวณแผงหน้าปัด คอนโซลกลาง และแผงประตู ช่วยยกระดับประสบการณ์ด้านภาพภายในห้องโดยสารให้หรูหราและทันสมัยยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ Tesla ยังได้ปรับปรุงวัสดุเก็บเสียงและเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟ ช่วยลดเสียงลมและเสียงจากพื้นถนน ทำให้ภายในห้องโดยสารเงียบและผ่อนคลายมากขึ้น

ในด้านการจัดสรรพื้นที่ รุ่น Model X มีการเพิ่มพื้นที่เบาะแถวที่สามขึ้น 2.7% และความจุห้องเก็บสัมภาระเพิ่มเป็น 94.5 ลูกบาศก์ฟุต มากกว่ารุ่นก่อนราว 2.5 ลูกบาศก์ฟุต เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของครอบครัว การปรับปรุงภายในเหล่านี้มุ่งเน้นไปที่ความสะดวกสบายและการใช้งานในชีวิตประจำวัน มากกว่าความหรูหรา

ในด้านเทคโนโลยี รุ่นปี 2026 ของ Model S และ Model X ได้มีการติดตั้งกล้องบริเวณกันชนหน้า เพื่อขยายมุมมองการตรวจจับและรองรับฟีเจอร์การขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบในอนาคต เช่น Banish และระบบเรียกรถอัจฉริยะ (Smart Summon) นอกจากนี้ ไฟหน้า LED แบบปรับอัตโนมัติยังได้รับการอัปเกรด โดยเพิ่มฟังก์ชันไฟสูงอัจฉริยะที่สามารถปรับระดับความสว่างได้ตามสภาพถนน ช่วยเพิ่มความปลอดภัยขณะขับขี่ในเวลากลางคืน

ในส่วนของระบบช่วงล่าง ได้รับการปรับแต่งใหม่โดยใช้บูชรุ่นใหม่ที่ช่วยให้การขับขี่นุ่มนวลขึ้น โดยเฉพาะเมื่อวิ่งผ่านพื้นถนนที่ไม่เรียบ การอัปเกรดทางเทคนิคเหล่านี้มุ่งเน้นการใช้งานจริงและความพร้อมสำหรับอนาคต อย่างไรก็ตาม รุ่นปี 2026 ยังไม่ได้รวมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด เช่น สถาปัตยกรรมไฟฟ้า 800V หรือระบบบังคับเลี้ยวไฟฟ้าแบบใน Cybertruck ซึ่งเป็นประเด็นที่มีการวิจารณ์อยู่บ้างในหมู่ผู้ใช้งานและนักรีวิว

สมรรถนะและระยะทางเป็นหัวใจสำคัญของการอัปเดตครั้งนี้

ในด้านระบบขับเคลื่อน Model S Plaid มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าสามตัว มีกำลังรวมสูงสุดถึง 761 กิโลวัตต์ สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 96 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 1.99 วินาที และเมื่อเลือกใช้ล้อขนาด 21 นิ้ว ความเร็วสูงสุดสามารถทำได้ถึง 321 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

Model X Plaid ก็ใช้ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าสามตัวเช่นกัน สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 96 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลา 2.5 วินาที คงไว้ซึ่งสมรรถนะระดับสูง ส่วนระยะทางวิ่งได้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยรุ่น Model X Long Range ตามมาตรฐาน EPA มีระยะทางวิ่งได้ถึง 566 กิโลเมตร เพิ่มขึ้น 37 กิโลเมตรจากรุ่นก่อนหน้า

Model S Plaid มีระยะทางวิ่งได้ถึง 592 กิโลเมตร เพิ่มขึ้น 32 กิโลเมตร ความสามารถในการชาร์จก็ได้รับการพัฒนา รองรับการชาร์จเร็วที่ 250 กิโลวัตต์ สามารถเติมระยะทางได้ถึง 330 กิโลเมตรภายใน 15 นาที การปรับปรุงเหล่านี้เป็นผลมาจากประสิทธิภาพของแบตเตอรี่และการปรับแต่งมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้ที่ต้องการระยะทางขับขี่ที่ยาวนานขึ้นโดยตรง

ราคารุ่นปี 2026 เพิ่มขึ้น 5,000 ดอลลาร์

รายละเอียดราคามีดังนี้ Model S Long Range ราคาเริ่มต้นที่ 86,630 ดอลลาร์สหรัฐฯ Model S Plaid ราคาเริ่มต้นที่ 101,630 ดอลลาร์สหรัฐฯ Model X Long Range ราคาเริ่มต้นที่ 91,630 ดอลลาร์สหรัฐฯ และ Model X Plaid ราคาเริ่มต้นที่ 106,630 ดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากข้อจำกัดด้านวิศวกรรม รุ่นปี 2026 จะไม่มีรุ่นพวงมาลัยขวา ซึ่งหมายความว่า Model S และ Model X จะไม่สามารถจำหน่ายในตลาดที่ใช้พวงมาลัยขวาได้

FSD HW4หรือตัวระบบ AMD Ryzen ไม่ได้รับการอัปเกรด

การอัปเดตครั้งนี้มาพร้อมกับเสียงตอบรับและข้อถกเถียงจากผู้ใช้ บางเสียงวิจารณ์ว่า Tesla ไม่ได้อัปเกรดฮาร์ดแวร์หลัก เช่น ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ FSD HW4 หรือระบบเครื่องเสียง AMD Ryzen จึงถูกมองว่าขาดนวัตกรรมที่โดดเด่น อีกทั้งราคาที่เพิ่มขึ้นแต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่สำคัญ จึงก่อให้เกิดข้อกังขาเรื่องความคุ้มค่าในมุมมองของผู้บริโภค

ยอดขายสะท้อนให้เห็นว่าในปี 2024 รถยนต์ Model S และ Model X มียอดส่งมอบทั่วโลกเพียง 85,000 คัน ต่ำกว่ารถยนต์ Model 3 และ Model Y ที่มียอดส่งมอบถึง 1.4 ล้านคันอย่างมาก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความท้าทายในตลาดสำหรับรุ่นรถหรูระดับสูง อย่างไรก็ตาม รุ่น Plaid ยังคงเป็นมาตรฐานด้านสมรรถนะในอุตสาหกรรม และดึงดูดกลุ่มผู้ใช้ที่ชื่นชอบความเร็ว

การอัปเดตครั้งนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นการปรับโฉมรายกลาง

2026 รุ่นของ Tesla Model S และ Model X เป็นการปรับโฉมกลางอายุรุ่นที่เน้นการปรับปรุงรายละเอียดมากกว่าการปฏิวัติเทคโนโลยี จุดเด่นหลักคือการเพิ่มระยะทางขับเคลื่อนและการยกระดับความสะดวกสบาย แต่การขาดเทคโนโลยีใหม่ ๆ และราคาที่สูงขึ้นอาจจำกัดความน่าสนใจของรถรุ่นนี้

สำหรับผู้ใช้เดิม การปรับปรุงเหล่านี้มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ใช้งานได้จริงมากขึ้น ส่วนสำหรับผู้ซื้อที่กำลังพิจารณา อัตราส่วนความคุ้มค่าต่อราคาจะเป็นปัจจัยสำคัญ เทสล่าผ่านการอัปเดตครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมีชีวิตชีวาของรุ่นคลาสสิก แต่จะรักษาความสามารถในการแข่งขันในอนาคตได้หรือไม่นั้น ยังต้องรอดูปฏิกิริยาตลาดต่อไป

# ข้อมูลรถใหม่

คุณสามารถติดต่อเราให้ลบออกเนื้อหาถ้าละเมิดลิขสิทธิ์

ติดตามเรา

You Tube Facebook Google News

ข้อมูลยอดนิยม

นี่จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วนที่มีกำลังมากที่สุดของ Toyota เท่าที่เคยมีมา โดยจะเปิดตัวในยุโรปเป็นที่แรกในปีหน้า

นี่จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วนที่มีกำลังมากที่สุดของ Toyota เท่าที่เคยมีมา โดยจะเปิดตัวในยุโรปเป็นที่แรกในปีหน้า

【PCauto】bZ4X Touring มีแผนวางจำหน่ายในยุโรปช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2026 โดยเป็นรุ่นต่อยอดจาก bZ4X เวอร์ชันมาตรฐานที่ได้รับการปรับปรุงให้รองรับการบรรทุกและการใช้งานแบบออฟโรดได้ดีขึ้น พร้อมกำลังรวมสูงสุด 280 กิโลวัตต์ ซึ่งเป็นระดับกำลังที่สูงที่สุดในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าของ Toyota จนถึงขณะนี้ bZ4X Touring มีขนาดตัวถังและพื้นที่ภายในที่ใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และในฐานะรุ่นแฝดของ Subaru Trailseeker รถรุ่นนี้พัฒนาบนแพลตฟอร์ม e-TNGA เช่นเดียวกัน แต่ได้รับการขยายมิติตัวรถเพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น

ณัฐวุฒิJun 9, 2025
iCar V23 กำลังจะเปิดตัวในประเทศไทยเร็ว ๆ นี้ ราคาจะต่ำกว่า Jaecoo 6 EV

iCar V23 กำลังจะเปิดตัวในประเทศไทยเร็ว ๆ นี้ ราคาจะต่ำกว่า Jaecoo 6 EV

【PCauto】มีรายงานว่า หลังจากการเปิดตัว Jaecoo 6 EV แล้ว iCar V23 จาก Chery อาจเตรียมทำตลาดในประเทศไทยเช่นกัน โดย iCar V23 และ iCar 03 (หรือ Jaecoo 6 EV) ได้รับความสนใจอย่างมากจากดีไซน์ภายนอกที่ดูล้ำอนาคต จนมีข่าวลือว่าทีมออกแบบของรถทั้งสองรุ่นนี้ อาจเป็นทีมเดียวกับ Redmi แบรนด์ลูกของ Xiaomi สำหรับ iCar V23 มาพร้อมสไตล์การออกแบบทรงเหลี่ยมและดูแข็งแกร่ง ด้วยดีไซน์สไตล์ออฟโรดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้รุ่นนี้ตอบโจทย์ผู้ที่มองหาความแตกต่างและสมรรถนะในการลุยเส้นทางทุรกันดารได้เป็นอย่างดี

สุรเดชMay 7, 2025
หลังจากความสำเร็จของ Tank 300 รุ่นดีเซลแล้ว Tank 500 รุ่นดีเซลก็จะถูกนำเข้ามาเช่นกัน

หลังจากความสำเร็จของ Tank 300 รุ่นดีเซลแล้ว Tank 500 รุ่นดีเซลก็จะถูกนำเข้ามาเช่นกัน

【PCauto】หลังจาก Tank 300 รุ่นดีเซลประสบความสำเร็จเกินคาด GWM วางแผนนำ Tank 500 รุ่นดีเซลเข้าสู่ตลาดไทยในไตรมาสที่สี่ของปี 2025 รถเอสยูวีออฟโรดระดับพรีเมียมที่มาพร้อมขุมพลังดีเซล 24 เทอร์โบรุ่นนี้จะผลิตในประเทศที่โรงงานจังหวัดระยอง ราคาคาดการณ์ราวสองล้านบาท เจาะตลาดเดียวกับ Toyota Fortuner และ Isuzu MU X ซึ่งเป็นเอสยูวีดีเซลยอดนิยมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สุรเดชJun 12, 2025
Toyota ประกาศเปิดตัว Corolla Cross รุ่นใหม่ ครั้งแรกที่เพิ่มระดับ GR SPORT

Toyota ประกาศเปิดตัว Corolla Cross รุ่นใหม่ ครั้งแรกที่เพิ่มระดับ GR SPORT

【PCauto】Toyota เปิดตัว Corolla Cross รุ่นใหม่ในยุโรปโดยยังคงเอกลักษณ์เดิมพร้อมปรับดีไซน์ภายนอกและภายในเล็กน้อย ด้านรูปลักษณ์ภายนอกมาพร้อมกระจังหน้าทรงรังผึ้งที่ช่วยเพิ่มความสวยงามและส่งเสริมการไหลเวียนอากาศเข้าสู่เครื่องยนต์อย่างมีประสิทธิภาพ รุ่นระดับสูงมาพร้อมเทคโนโลยีไฟสูงอัตโนมัติแบบปรับอัจฉริยะ AHS เพื่อให้มุมมองการขับขี่ชัดเจนในทุกสภาพถนน ไฟหน้าและไฟท้ายดีไซน์ใหม่โดดเด่นด้วยแถบไฟ LED ภายในโคมที่ให้แสงสว่างสม่ำเสมอทั่วทั้งพื้นที่เพิ่มความทันสมัยและภาพลักษณ์ระดับพรีเมียม

AshleyMay 8, 2025
สรุปยอดจองรถมาแรงในงานมอเตอร์โชว์ 2025 รุ่นไหนฮอตที่สุด!

สรุปยอดจองรถมาแรงในงานมอเตอร์โชว์ 2025 รุ่นไหนฮอตที่สุด!

สรุปยอดจองรถมาแรงในงานมอเตอร์โชว์ 2025 รุ่นไหนฮอตที่สุด! จบกันไปแล้วสำหรับงาน Bangkok

ณัฐวุฒิApr 22, 2025
ดูเพิ่มเติม